'วิลเลียม' ที่สูญเสียความทรงจำ ได้คนที่กล่าวอ้างว่าเป็นแฟนหนุ่ม 'ลูคัส' ช่วยเหลือไว้จากอุบัติเหตุ ชีวิตที่แสนสุข ความรักหวานชื่น จนกระทั่งวิลเลียมสงสัยในการกระทำของลูคัส

Amnesia กักขังรัก - ตอนที่ 1 สงสัย โดย หิวพี่หิว @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ดาร์ค,เรื่องสั้น,18+,nc,sex,bl,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Amnesia กักขังรัก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ดราม่า,ดาร์ค,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,nc,sex,bl,วาย

รายละเอียด

'วิลเลียม' ที่สูญเสียความทรงจำ ได้คนที่กล่าวอ้างว่าเป็นแฟนหนุ่ม 'ลูคัส' ช่วยเหลือไว้จากอุบัติเหตุ ชีวิตที่แสนสุข ความรักหวานชื่น จนกระทั่งวิลเลียมสงสัยในการกระทำของลูคัส

ผู้แต่ง

หิวพี่หิว

เรื่องย่อ

สารบัญ

Amnesia กักขังรัก-ตอนที่ 1 สงสัย,Amnesia กักขังรัก-ตอนที่ 2 สงสัย II (NC),Amnesia กักขังรัก-ตอนที่ 3 ความจริง,Amnesia กักขังรัก-ตอนที่ 4 ความจริง จบ (NC)

เนื้อหา

ตอนที่ 1 สงสัย

ทุกๆ เช้า เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะมีบุรุษอีกคนอยู่ข้างๆ เสมอ ชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาสีฟ้าสดใส เส้นผมเหมือนดิ้นทองชั้นดี ร่างกายที่สมชายชาตรี ผิวขาวละเอียดเงาดุจเครื่องกระเบื้อง ยามที่เขาพูดเสียงนุ่มลึกทำให้คนฟังชวนเคลิ้มตาม รอยยิ้มราวกับแสงอาทิตย์จ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขาราวกับเทพบุตรก็มิปาน


“ตื่นแล้วเหรอ เลียม” ‘ลูคัส’ กล่าว


“ตื่นแล้ว อรุณสวัสดิ์นะ” ‘วิลเลียม’ ยิ้มแล้วตอบกลับพร้อมส่งสายตาหวานราวกับร้องขอบางสิ่ง


“อยากได้มอร์นิ่งคิสงั้นเหรอ” ชายผมทองเอ่ยพร้อมกับเคลื่อนหน้าประดับรอยยิ้มหวานเข้ามาใกล้วิลเลียม


หลังจากจบคำ ลูคัสขยับมือเข้าไปสัมผัสใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นลากยาวผ่ากลางใบหน้าคนผมสีปีกกา นิ้วสัมผัสคิ้วบาง เลื่อนไปที่แก้ม ลากลงมายังคางมนแล้วจับช้อนขึ้นมา นิ้วโป้งลูบริมฝีปากอมชมพู


ร่างบางพยักหน้า ขยับเข้าไปชิดอีกฝ่าย ร่างสูงเริ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าของวิลเลียม ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ได้สัมผัสกับริมฝีปากของชายหนุ่ม จูบสุดท้ายจบที่ปากของชายหนุ่มผู้มีแผลเป็น สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันอวัยวะเดียวกัน ดูดดึงแลกเปลี่ยนน้ำหวานราวกับกระหาย แขนของร่างเล็กทั้งสองเอื้อมไปกดศีรษะและขยุ้มเส้นไหมสีทองสว่าง ขณะเดียวกันลูคัสก็ได้ปล่อยมือที่จับคางเลื่อนมายังเอวของอีกฝ่ายพร้อมกับกอดรัดแน่นราวกับจะไม่ให้หลุดหายไป


“แฮ่ก ฮ้า” เขาหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า รสจูบอันร้อนแรงในยามเช้าได้เพิ่มกำลังใจให้ทั้งสอง


ชายหนุ่มร่างโตมองคนรักด้วยสายตาที่เอ็นดู พร้อมกับจุ๊บที่หน้าผากไปอีกครั้ง แล้วอุ้มร่างเล็กขึ้นมา การขยับโดยไม่บอกกล่าวก่อน ทำให้วิลเลียมสะดุ้งคล้องคออีกฝ่ายเอาไว้


“ลูค!”


“ฮะๆ พวกเราไปอาบน้ำกันดีกว่านะ” ลูคัสกล่าวจบก็เดินตรงไปยังห้องน้ำ


เช้าอันสดใสเริ่มต้นขึ้นพร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุข


.


.


.


.


.


หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองก็ลงมายังชั้นล่างของบ้านเดินไปยังห้องครัวที่ตกแต่งด้วยสไตล์นอร์ดิกดูโล่งกว้างสะอาดตา


“เช้านี้เป็นไส้กรอก ไข่ดาว แฮม แล้วก็สลัดนะ” ร่างสูงกล่าว


“โอเคครับ ผมขอไข่ดาว 2 ใบนะ”


“ได้เลยครับที่รัก” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน


ระหว่างที่วิลเลียมกำลังรอลูคัสทำอาหารเช้าก็ได้เปิดโทรทัศน์เลื่อนช่องเพื่อหารายการข่าวดู เมื่อได้ช่องที่ต้องการแล้ว จึงเดินไปยังตู้เย็นตรวจดูว่ามีวัตถุดิบอะไรที่สามารถทำเป็นเครื่องดื่มคู่กับอาหารเช้า ภายในตู้เย็นมีของสดต่างๆ สำหรับทำอาหาร รวมถึงนม แอปเปิ้ล ส้ม และผลไม้จำพวกเบอร์รี่


“นี่ลูค อยากดื่มอะไร มีนม น้ำส้มคั้น แล้วก็พวกผลไม้ที่ทำน้ำปั่นได้ หรือถ้าอยากดื่มกาแฟเดี๋ยวผมชงให้”


“อืม... เลียมจะดื่มอะไรล่ะ ผมเอาแบบเลียมก็ได้ จะได้ไม่ใช้เวลานานมาก” ชายผมทองกล่าวขณะที่มือก็ยังเตรียมอาหารเช้าอยู่หน้าเตา


“งั้นน้ำส้มนะ”


ร่างบางหยิบส้มออกมาจากตู้เย็น นำไปวางไว้ตรงเคาน์เตอร์ครัว แล้วเดินไปยังตู้ที่จัดเก็บอุปกรณ์ครัวไว้ หยิบที่คั้นกลับมาเคาน์เตอร์เพื่อลงมือคั้นส้ม ระหว่างที่ทั้งสองกำลังจัดเตรียมมื้อเช้าพร้อมกับฟังเสียงผู้ประกาศข่าวดังออกมาจากจอสี่เหลี่ยม เมื่อผ่านไปสักพักก็มีเสียงข่าวหนึ่งที่ทำให้คนผมดำสนใจขึ้นมา


‘...ตระกูลวินเทอร์ยังไม่ลดละในการตามหาทายาทที่หายสาบสูญไ- ปี๊ด!’ วิลเลียมที่กำลังจะแหงนหน้าไปมองทีวีเพื่อดูข่าวก็ถูกบดบังด้วยร่างกายของอีกคน และเสียงรายงานข่าวถูกขัดจังหวะด้วยรีโมททีวีในมือของคนตัวสูง


“เสร็จแล้วล่ะ มากินก่อนที่มันจะเย็นเอา” ชายนัยน์ตาฟ้ากล่าว


“อะ อืม”


แล้วทั้งสองก็ลงมือรับประทานอาหาร เสียงส้อมและมีดกระทบจานเคล้ากับเสียงพูดคุยหยอกล้อของคู่รัก เป็นภาพที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นจนน่าอิจฉา


“เดี๋ยววันนี้ผมจะออกไปข้างนอกซื้อของมาเข้าบ้าน คุณอยากได้อะไรไหม”


“ผมอยากออกไปดูของด้วยได้ไหม เผื่อมีอะไรใหม่ๆ น่าสนใจ เปิดหูเปิดตาด้วย เพราะผมอยู่แต่ในบ้านมาสักพักแล้ว” หลังจากคำขอร้องออกมาจากวิลเลียม สีหน้าของร่างสูงชั่วขณะหนึ่งมีแววความโกรธพาดผ่าน แต่เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าและสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แล้วลุกขึ้นเดินมาหาวิลเลียม


“คุณพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บได้ไม่นานนะ ผมยังไม่อยากให้ออกไปเจอเชื้อโรคข้างนอก เดี๋ยวอาการของคุณจะทรุดเอา” เขากล่าวพร้อมกับลูบรอยแผลเป็นที่ใบหน้า ทำหน้าตาเศร้าสร้อยราวกับจะร้องไห้ ความจริงนอกจากที่ใบหน้าแล้วนั้น ตามตัวของวิลเลียมก็เต็มใบด้วยรอยแผลเป็นหลายจุด ซึ่งตัวของร่างบางเองจำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับร่องรอยตามกาย แต่จากคำบอกเล่าของลูคัสว่าวิลเลียมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทริปท่องเที่ยวกับครอบครัว และมีเพียงตัวเขาที่รอดชีวิต ร่างสูงซึ่งเป็นคนรักจึงอาสาคอยดูแลฟื้นฟูร่างกายของเขาตลอดเวลาที่ได้สลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าไม่เหลือความทรงจำอะไรเลยแม้กระทั่งชื่อของตนเอง


“ผมไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ นะ ตั้งแต่ที่สลบไปก็ผ่านมาตั้ง 3 เดือนแล้ว อยู่แต่บ้านก็เบื่อๆ ด้วย” ชายหนุ่มเถียงออกมา


“ยังไงก็ยังไม่ได้ ถ้าเลียมเป็นอะไรขึ้นมาอีกแล้วผมจะอยู่ยังไง ทั้งชีวิตผมมีแค่เลียมคนเดียวนะ”


“ก็ได้ๆ” วิลเลียมพูดอย่างยอมแพ้


“ขอบคุณที่ยอมฟังกันนะ จุ๊บ” ร่างหนากล่าวจบ แล้วจุมพิศเบาๆ ที่หน้าผากอีกฝ่าย


“งั้นเดี๋ยวผมไปก่อนนะ จะรีบไปรีบกลับ เลียมเป็นเด็กดีเฝ้าบ้านนะ” ลูคัสพูดพร้อมกับลูบหัวคนผมสีดำ เตรียมตัวออกไปซื้อของ


“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย แต่รีบกลับมานะ” เขาพูดด้วยหน้ามุ่ยๆ


และลูคัสก็ออกจากบ้านไป


.


.


.


.


.


หลังจากร่างสูงออกไป วิลเลียมก็จัดการทำความสะอาดจานชามและอุปกรณ์ที่ใช้ ปัด กวาด เช็ด ถู ส่วนต่างๆ ภายในบ้านให้สะอาด เพื่อรอการกลับมาของชายผู้เป็นที่รัก ขณะที่เขากำลังตากผ้าอยู่บริเวณสวนหลังบ้าน สายตาก็เคลื่อนไปเห็นกระท่อมหลังเล็กไม่ไกลจากตัวบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนรักกล่าวกับตนว่าห้ามเข้าไปในนั้น แน่นอนต้องมีคำถามว่าทำไมถึงห้าม อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า ‘กระท่อมนั่นมีแต่ฝุ่น อุปกรณ์เครื่องมือหลายอย่าง รวมถึงพวกอุปกรณ์ล่าสัตว์ อาจจะเกิดอุบัติเหตุกับเลียมก็ได้ถ้าเข้าไป’ เขาจึงไม่เซ้าซี้ต่อ เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องเข้าไปกระท่อมแห่งนั้น


บ้านหลังนี้ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า รายล้อมไปด้วยต้นไม้ เสียงของสรรพสัตว์ และอากาศสดชื่น เหมาะสำหรับการพักฟื้นอย่างมาก ถึงจะดีมากเช่นไร การต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไร้ผู้คน ทำให้วิลเลียมค่อนข้างเหงา ถึงจะมีคนรักอยู่ด้วยเสมอเกือบตลอดเวลา ก็ยังมีส่วนที่รู้สึกขาดหายไปจากการใช้ชีวิต เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมรึเปล่านะ


“แต่บางทีก็เงียบจนน่ากลัวเลยแฮะ” เขาพูดกับตัวเอง


ฟึบ!