อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ไม่เคยคิดเลยว่าการมีใครสักคนมันดีขนาดนี้

Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง - Thirty ช่อดอกไม้ โดย สิงโตกินผัก @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,เรื่องสั้น,นิยายวาย,นิยายรัก,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เรื่องสั้น,นิยายวาย,นิยายรัก,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง โดย สิงโตกินผัก @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

อยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ไม่เคยคิดเลยว่าการมีใครสักคนมันดีขนาดนี้

ผู้แต่ง

สิงโตกินผัก

เรื่องย่อ

สารบัญ

Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง-Thirty ช่อดอกไม้,Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง-Thirty แมวเด็กตาเมล็ดลำไย,Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง-Thirty เหงา,Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง-Thirty รู้ใจ,Thirty | 30 แล้วมีแฟนได้ยัง-Thirty จบ

เนื้อหา

Thirty ช่อดอกไม้

อายุ 30 ปี
สำหรับใครหลายคนคงเคยมีแฟนคนแรก หรือเคยมีรักแรก จูบแรก กอดครั้งแรก และเซ็กส์ครั้งแรก
ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมันทั้งหมด การตกหลุมรักเป็นอย่างไร การที่หัวใจเต้นแรงเหมือนจะ หลุดออกจากอก หรือการที่มีผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่ในท้อง ทั้งหมดนั่นมันเป็นเพียงแค่จินตนาการของผมผ่านการอ่านหนังสือการ์ตูน การดูซีรีส์ และการเรื่องเล่าจากปากของเพื่อน
วันนี้เป็นวันที่พวกเรานัดรวมกลุ่มกันครั้งแรกตั้งแต่เรียนจบมา ถึงแม้ว่าการนัดเจอกันจริง ๆ จะยากเย็นแสนเข็ญแค่ไหนก็ตามแต่ในครั้งนี้ไม่ว่าคุณจะมีธุระที่ต้องจัดการมากแค่ไหนก็ต้องจัดสรรเวลาให้มางานนี้ให้ได้ งานแต่งของเพื่อนสนิทในกลุ่ม
“เมื่อไหร่เพื่อนของเราคนนี้จะมีแฟนสักที สงสัยจะแย่ว่าแฟนคนแรกของมันจะหน้าตาเป็นยังไง”
เคน เพื่อนคนที่พูดมากที่สุดเอ่ยขึ้นมาแบบไม่ปี่มีขลุ่ยหลังจากที่นั่งมองหน้าผมตั้งแต่เริ่มงาน พอเพื่อนคนอื่น ๆ ได้ยินประโยคที่เคนพูดต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยและมองมาที่ผมกันหมด
“ทีมึงล่ะเมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานสักที เห็นว่าน้องมดก็อยากแต่งงานจะแย่”
ผมได้ทีรีบเอ่ยสวน ไม่รู้ว่าการที่ผมไม่มีแฟนมันจะทำให้คนอื่นเป็นเดือดเป็นร้อนกันขนาดนี้ อยู่คนเดียวสบายจะตาย ไม่ต้องรออีกคนตัดสินใจ ไม่ต้องรอใคร ทำอะไรสะดวกมากว่าด้วยซ้ำ ไม่ต้องมาคอยแคร์ว่าอีกคนจะรู้สึกอย่างไร
ผมอยู่คนเดียวจนชินแล้วล่ะ
“ทำไมวกกลับมาที่กู กูถามมึงอยู่นะ หาแฟนได้แล้ว”
“แล้วมาเดือดร้อนอะไรกับกู”
“จริง ๆ พวกเราก็เคยคุยกันนะว่าถ้าคราม มีแฟนจะเป็นยังไง”
นท เพื่อนสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยออกมาขัดบทสนทนาชวนทะเลาะของผมกับเคน ขนาดที่ว่าเธอไม่เคยเข้ามาจู้จี้เรื่องที่ผมโสดเหมือนเพื่อนคนอื่นยังพูดออกมาแบบนี้ หรือว่าการที่ผมชอบอยู่คนเดียวมันจะแปลกกันนะ
“ไม่รู้สิ ไม่รู้จะไปหาจากไหน วัน ๆ ก็ทำแต่งานนทก็รู้”
“แอปหาคู่ไง”
มน คุณหมอประจำกลุ่มเอ่ยสมทบ แอปพลิเคชันที่ว่าบอกตรง ๆ ว่าผมไม่ค่อยอยากจะใช้งานมันเท่าไหร่ เห็นในข่าวว่าคนที่ใช้งานมันส่วนมากมักจะใช้ในการนัดเพื่อมีเซ็กส์ บางครั้งก็เห็นว่ามีการนัดเพื่อหลอกปล้นเอาเงินก็มี มันน่ากลัวเกินไปสำหรับผม
“ใช่ ๆ ฉันกับจันทร์ก็เจอกันในแอปนะ ครามไม่ลองใช้ดูล่ะ”
“ไม่เอาอ่ะ น่ากลัว ขนาดรู้จักกันดีอยู่แล้วยังหลอกกันได้เลย นับประสาอะไรกับคนไม่รู้จัก”
เพื่อนหลายคนนนั่งเงียบ คงจะเห็นด้วยกับคำพูดของผมสินะ ถ้าถามว่าผมอยากลองดูมั้ยก็คงตอบว่าอยากลอง คนเราน่ะมันก็มีบ้างที่จะรู้สึกเหงาและอยากมีใครสักคนเคียงข้าง แต่ชีวิตนี้ของผมมันดีอยู่แล้วจะไปสรรหาความทุกข์ให้ตัวเองทำไม ไม่เคยได้ยินหรอ
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
ส่วนตัวผมน่ะ อยู่คนเดียวดีที่สุด อิสระทั้งทางกายและทั้งความคิด
“นั่น เจ้าสาวออกมาแล้ว”
นทเอ่ยทักอย่างตื่นเต้น เจ้าสาวแสนสวยที่ชื่อว่าต้นรักในชุดสีขาว เวลลายลูกไม้ที่คลุมบนศีรษะของเธอขับให้วันนี้คนในชุดเดรสสวยขึ้นยิ่งกว่าวันไหน ๆ วันนี้เป็นสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงนี่เนอะ คงจะขอสวยที่สุดในใจของเจ้าบ่าว
ไทม์ เจ้าบ่าวสุดหล่อเองก็ไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าหล่อที่สุดตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ผมไม่เคยเห็นไทม์ยิ้มกว้างโชว์ฟันขนาดนี้มาก่อนเลย
เสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่แซวจากทั้งกลุ่มเพื่อนของบ่าวสาวดังระงม วันแห่งความสุขและวันแห่งรอยยิ้มของทุกคน เหล่าญาติ ๆ ของบ่าวสาวต่างก็เดินทางมาเฉลิมฉลองความรักและความปีติยินดีกันล้นหลาม
ผมทำเพียงนั่งอมยิ้มมองบ่าวสาวที่ตอนนี้กำลังเอ่ยคำสาบานว่าจะรักและดูแลอีกคนเป็นคู่ชีวิตต่อหน้าบาทหลวง หลังจากงานแต่งของไทม์ผมคิดว่าไม่นานคงจะเป็นงานแต่งของนทแน่นอน เหล่าเพื่อนพ้องของผมน่าจะทยอยเป็นฝั่งเป็นฝากันทีล่ะคู่
ส่วนตัวผมขอเป็นแค่แขกในงานคอยยกแก้วแชมเปญฉลองก็พอแล้ว
“เอาล่ะ ถึงตอนนี้น่าจะได้เวลาที่ทุกคนรอคอยกันแล้วนะคะ เพื่อนของเจ้าสาวเตรียมตัวกันหรือยังเอ่ย”
เสียงพิธีกรบนเวทีกล่าวดำเนินมาจนถึงการโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว เหล่าสาว ๆ ในงานต่างก็ลุกขึ้นเดินไปยังหน้าเวทีเพื่อรับช่อดอกไม้ด้วยความหวังรวมทั้งนทและน้องมดที่อยากได้ช่อดอกไม้พร้อมที่จะแย่งจากมือของทุกคน
“พร้อมนะคะ”
“3…”
“2…”
“1…”
ต้นรักหันหลังให้กับกลุ่มสาวสวยที่ยืนรอช่อดอกไม้ก่อนจะโยนมันขึ้นไปบนฟ้าอย่างเต็มแรง เจ้าช่อดอกกุหลาบสีขาวแซมชมพูลอยละลิ่วขึ้นสูง ผมเองก็มองมันตาไม่กะพริบเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ อยากจะรู้เหลือเกินว่าคืนนี้ใครจะได้เป็นเจ้าของ
เหมือนกับว่าเป็นภาพสโลวโมชั่น ช่อดอกกุหลาบสีขาวลอยขึ้นสูง แต่ทิศทางที่มันเคลื่อนที่นั้นไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด มันไม่ได้ลอยไปตกอยู่ที่หญิงสาวที่มีคนรักพร้อมแต่งงานหรือสาวโสดเพื่อนของต้นรัก
แต่มัน...
ฟิ้วววว
ตุบ
ตกลงบนตักของผม

งานเลี้ยงเลิกแล้ว ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอ ส่วนผมเข้าห้องน้ำมาล้างหน้าล้างตา เมื่อกี้ผมดื่มแอลกอฮอล์ไปเยอะทีเดียว รู้สึกมึนหัวหน่อย ๆ ผมสะบัดหน้าไล่อาการเวียนหัวแต่ดูแล้วไม่น่าช่วยสักเท่าไหร่
แขกเหรื่อต่างก็ทยอยพากันกลับ บ้างก็มีคนขับรถ บ้างก็มากับแฟนถึงตัวจะเมาแค่ไหนก็ยังมีคนขับรถให้ แต่ส่วนน้อยที่จะมาเพียงคนเดียว หนึ่งในนั้นก็รวมผมเข้าไปด้วยคนนึง
ก็ไม่คิดว่าจะโดนพวกเพื่อนแกล้งให้ดื่มหนักขนาดนี้นี่นา
ผมยืนมองตัวเองในกระจกสลับกับช่อดอกกุหลาบสีขาวแซมชมพูที่วางอยู่ข้างอ่างล้างมือ คนตั้งกี่สิบคนที่อยากได้เจ้านี่ แต่มันดันมาตกที่ตักผมราวกับถูกจับวาง
“ไหวมั้ยครับ”
ชายหนุ่มตัวสูงในชุดสูทสีดำผูกเนกไทเรียบร้อยเดินเข้ามาแตะไหล่พร้อมกับถามไถ่อาการผม
ดูดีจังเลยแฮะ แต่น่าจะอายุน้อยกว่าผมหลายปี
“ไหวครับ”
“แน่ใจนะ พี่คราม”
ผมที่เอามือกุมหัวเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เงยหน้ามองเจ้าเด็กดีที่เข้ามาถามอาการคนเมา ใครกันทำไมถึงรู้ชื่อของผม พยายามเพ่งสายตามองหน้าเด็กใจดีแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ไปเพราะผมเห็นตั้งสี่หน้าน่ะสิ
“อือ”
“จำผมได้มั้ยครับ”
เจ้าเด็กสูทดำยังคงถามผมอย่างต่อเนื่อง แต่ขอโทษทีที่ตอนนี้ไม่ว่าใครจะเข้ามาคุยอะไรผมก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก สติผมเตลิดตั้งแต่ยกวิสกี้หมดแก้วแล้วล่ะ
“เทมส์ มาทำอะไรตรงนี้ พี่บอกให้พาแม่ไปส่งไง” บุคคลปริศนาที่คุ้นเสียงเหลือเกินโผล่เข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเจ้าเด็กดี “อ้าวไอ้คราม ยังไม่กลับหรอวะ ไหวมั้ยเนี่ย”
ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรไปทำเพียงส่ายหน้าเบา ๆ เท่านั้น เพราะตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปมันเริ่มต่อคิวขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว
อึ้ก
“เห้ยอย่า ๆ ไม่เอาตรงนี้ไอ้คราม ไปเข้าห้องน้ำนู่น”
ผมถูกลากเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับจับนั่งหันหน้าเข้าชักโครก
อ้วกกกกกก
อาหารเย็นที่กินเข้าไปพร้อมทั้งกับแกล้มออกมาทางเดิม ผมนั่งอาเจียนจนน้ำหูน้ำตาไหล โลกหมุนกลับตาลปัตร อา เวียนหัวชะมัด
“เดี๋ยวพี่พาแม่ไปส่งเอง พี่ฝากไปส่งเพื่อนพี่ที จำคอนโดมันได้ใช่มั้ย”
“ครับ”
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมรับรู้ก่อนจะสติดับวูบไป