รัก,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,เรื่องสั้น,นิยายวาย,นิยายรัก,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เมื่อวันศุกร์ที่แล้วยังดี๊ด๊าที่เจ้าแมวเด็กไม่มาตามติดผมให้รำคาญอยู่เลย แต่ทำไมพอเป็นวันจันทร์ถึงได้รู้สึกว้าเหว่ก็ไม่รู้
รู้สึกห้องมันกว้างกว่าเดิม
เฮ้อออ
ไม่รู้สิ ไม่อยากยอมรับตัวเองเท่าไหร่ว่าคิดถึงแมวเด็ก ก็แค่นึกถึงตอนที่แย่งกันกดสั่งเมนูอาหาร นึกถึงตอนที่อีกคนเข้ามาดึงแขนให้ลุกออกจากโต๊ะทำงานไปเดินเล่น นึกถึงตอนออกไปคาเฟ่ถ่ายรูปเล่นดื่มน้ำหวานให้สดชื่นในวันที่อากาศร้อน นึกถึงวันที่เถียงกันว่าจะดูหนังเรื่องอะไรดี
ก็เท่านั้นเอง
ผมคิดว่าเราสองคนไม่ได้รู้จักกันนานจนถึงขั้นชีวิตขาดอะไรไปเมื่ออีกคนไม่อยู่ เรารู้จักกันแค่ครึ่งปีเองนะ มันไม่ได้นานเลย
แต่ทำไมเทมส์ไม่อยู่แล้วผมเหงาขนาดนี้
ภาพตรงหน้าผมเริ่มพร่ามัว หยดน้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม มันไม่ใช่การร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่เป็นการร้องไห้ที่ผมหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่ผมใช้ชีวิตคนเดียวมาอย่างดีจนอายุ 30 แล้วแท้ ๆ
ผมไม่เคยรู้เลยว่าถ้าเรามีคนเข้ามาช่วยเพิ่มสีสันให้ชีวิตเรามันจะดีขนาดนี้
ตื๊ดดด
เสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเบา ๆ ผมใช้มือควานหาเครื่องมือสื่อสารสี่เหลี่ยมที่ผมวางทิ้งไว้ตรงไหนซักที่บนโซฟา พอเจอแล้วก็กดรับโดยไม่ได้มองชื่อที่บันทึกไว้
“คราม กินข้าวกันป้ะ”
เป็นเคนที่โทรเข้ามา
“ไม่ค่อยหิว...”
ผมตอบออกไปเสียงเอื่อยพลางใช้หลังมือเช็ดน้ำตาออกจากบนหน้า ผมไม่ชอบตัวเองเลย ทำไมถึงอยู่คนเดียวไม่ได้ ทำไมถึงรู้สึกเหงา
“ทำไมเสียงเป็นงั้น ร้องไห้หรอ”
“เปล่า”
“แล้วเป็นไร ไม่ต้องมาโกหกกูเสียงมึงมันเสียงคนร้องไห้ชัด ๆ”
“กูแค่....ไม่รู้ว่ะ”
“…”
“กูรู้สึก...เหงา”
“เหงา?”
“อือ...”
“ก็นี่ไง เหงาก็ออกมากินข้าวกับพวกกู มดบ่นคิดถึงมึงอ่ะ”
“มันไม่ใช่เหงาแบบนั้น ไม่รู้ว่ะ กูไม่รู้”
“อย่าบอกนะว่าเหงาอยากมีแฟน?”
ไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่แต่ก็คิดว่าน่าจะใช่อย่างที่เคนคิด
“อือ”
“โอ้ ในที่สุดไอ้ครามก็เติบโตแล้ว”
“…”
“มึงเหงาก็ลองเล่นแอปหาคู่ดิ เผื่อฟลุ๊คเจอคนถูกใจ”
ผมกลับมาจากกินข้าวข้างนอกกับเพื่อน ๆ ถึงแม้คราวนี้จะมากันไม่ครบกลุ่มเพราะไทม์ช่วงนี้กำลังขยันปั๊มเบบี๋ มนก็ติดเข้าเวร ส่วนนทไปเที่ยวเชียงใหม่กับจันทร์เลยมีเพียงผม เคน และมดเท่านั้น
เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันนิดหน่อยก่อนจะแยกย้ายโดยที่เคนย้ำกับผมแทบจะตลอดเวลาว่าอย่าลืมเล่นแอปหาคู่ดู คืนนี้ผมจึงมานั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟานั่งมองเจ้าแอปพลิเคชันสีส้ม ๆ แดง ๆ ที่มดสมัครไว้ให้ก่อนแยกกัน
ผมค่อย ๆ เลื่อนปัดหน้าจอไปทางขวาเรื่อย ๆ เพื่อดูรูปโปรไฟล์ของแต่ละคนรวมทั้งพยายามทำความเข้าใจฟังก์ชั่นการใช้งานไปด้วย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ขอลองเล่นดูหน่อย
ทิวเขา
อายุ 24 ปี สูง 180 เซนติเมตร
นักศึกษาป.โท คณะวิศวกรรมศาสตร์
อารมณ์ดี ไทป์หมาเด็ก
ผมหยุดมือที่กำลังปัดหน้าจอเมื่อเจอโปรไฟล์หนึ่งที่เข้าตา ไม่รู้ทำไมคนนี้ถึงได้เหมือนเจ้าแมวเด็กนั่นจัง หน้าตาอ้อน ๆ ดูใจดี
ผมสะบัดหน้าเบา ๆ ทำไมถึงได้เอาแต่นึกถึงเจ้าเด็กนั่นกันนะ ผมเลือกปัดซ้ายลองดูปรากฏว่าหน้าจอมือถือผมขึ้นสีเขียวพร้อมกับข้อความที่บอกว่า MATCH
แบบนี้คือถูกแล้วใช่มั้ย
“ตัวจริงพี่ไม่เหมือนที่ผมคิดเลย”
คนตัวสูงตรงหน้าบอกผมทันทีที่เราเข้ามาถึงร้านอาหาร ไม่รู้ว่าที่เขาพูดมันหมายความว่าไง อาจจะหมายถึงว่าผมดูดีกว่าในรูปหรืออาจจะขี้เหร่กว่าที่คิด ผมคร้านจะใส่ใจทำเพียงรับเมนูจากพนักงานเสิร์ฟมาเปิดดูเพียงเท่านั้น
หลังจากที่คุยกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่มาได้ไม่กี่วันเราทั้งสองคนก็ตัดสินใจนัดกินข้าวเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติ ในตอนแรกก็ตัดสินใจกันยากพอสมควรว่าจะไปร้านไหนดี สุดท้ายก็เป็นผมที่เสนอไปว่าร้านอาหารไทยร้านประจำของผม
ที่มาเกือบทุกวันกับเทมส์
“พี่ครามจะกินอะไรครับ ทิวจะได้สั่งด้วย”
“ไม่รู้สิ จริง ๆ แล้วไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”
ผมบอกปัดพลางเปิดหน้าเมนูไปเรื่อย ๆ ถ้าเป็นวันปกติเทมส์คงจะเลือกสั่งเมนูอาหารอย่างอารมณ์ดีพร้อมทั้งคอยดูแลคอยตักอาหารบนโต๊ะวางไว้บนจานผม เทมส์น่ะรู้หมดเลยว่าผมชอบกินอะไร โดยที่เจ้าตัวไม่เคยถามผมเลย
เจ้าแมวเด็กชอบสังเกตน่ะ
“พี่คราม พี่คราม”
เสียงทุ้มติดจะแหบเรียกผมให้หลุดจากภวังค์ อ่า เมื่อกี้เผลอนึกถึงเจ้าเด็กแมวน้อยอีกแล้วสินะ ผมยิ้มกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกับปิดหน้าเมนูอาหาร
“ทิวเขาอยากกินอะไรสั่งเลย พี่ไม่ค่อยหิว”
“พี่ครามนั่นแหละสั่งเลยครับ ผมกินอะไรก็ได้”
“งั้น...ต้มยำกุ้งมั้ย” เจ้าแมวเด็กตาลำไยชอบกิน
“ผมว่ามันเผ็ดไป ขอโทษนะครับผมกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง”
“อ่า...โอเค ผัดไทยมั้ย” เมนูที่ผมกับเทมส์ตกลงกันว่าเป็นเมนูสิ้นคิด นึกอะไรไม่ออกให้สั่งผัดไทย
“มันเลี่ยนไปหน่อยครับ ช่วงนี้ผมลดของมันของทอด”
“อ่า...งั้น กะเพราหมูสับไข่ดาวมั้ย” เมนูที่แมวเด็กไม่ชอบแต่ผมมักจะสั่งมาแกล้งอีกฝ่าย
“ผม...เบื่อแล้วครับ ผมกินค่อนข้างบ่อยน่ะ”
ผมสูดลมหายใจเข้าอย่างช้า ๆ พร้อมกับหลับตานับหนึ่งถึงสิบในใจ นี่แหละเหตุผลที่ผมชอบอยู่คนเดียว ถ้ามีอีกคนอยู่แล้วต้องมาตัดสินใจอะไรลำบากเพราะอีกฝ่าย สู้อยู่คนเดียวตัดสินใจคนเดียวดีกว่า
สบายกว่าเยอะ
หลังจากที่กินอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวไข่เจียวไร้น้ำมัน ผมกับทิวเขาก็ชวนกันมาดูหนัง เป็นผมที่เสนอเองแหละช่วงนี้มีหนังเรื่องหนึ่งที่ผมอยากดูพอดี หนังแอคชั่นไซไฟสุดระห่ำจากค่ายดัง
“เราดูเรื่องนี้กันมั้ย”
ผมชี้โปสเตอร์หนังหน้าเคาน์เตอร์ให้ทิวเขาดู แต่อีกฝ่ายดันส่ายหน้าก่อนจะชี้ไปที่โปสเตอร์อีกฝั่ง
“ผมดูหนังแอคชั่นไม่เป็นน่ะครับ ดูหนังโรแมนติกกันมั้ย”
ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะปล่อยออกมาช้า ๆ ถึงแม้ในใจจะกรี๊ดเสียงดังไปแล้วก็เถอะ อันนั้นก็ไม่ได้อันนี้ก็ไม่เอา ผมตามใจคนไม่เป็นและไม่อยากตามใจใครด้วย ถ้าการเดทกับใครสักคนแล้วมันจะลำบากขนาดนี้ ผมขอนอนดูหนังในเว็บสตรีมมิ่งที่บ้านดีกว่า
แต่ถ้ามาเดทกับเจ้าแมวเด็กเทมส์น่าจะสบายกว่านี้
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจดูหนังเรื่องที่ทิวเขาเสนอ บอกตามตรงว่ามันไม่ใช่แนวผมสักเท่าไหร่ แต่ก็ตั้งใจจนจบล่ะนะ อยากรู้ว่าผู้กำกับจะนำเสนออะไร
พอหนังฉายจนถึงเครดิตผู้สร้าง ไฟภายในโรงหนังถูกเปิดผู้ชมค่อย ๆ ทะยอยออกยจากโรงหนัง ภายในใจผมมีเรื่องเล่ามากมายจากหนังเรื่องที่ดูเมื่อสักครู่ พระเอกนางเอกกว่าจะได้รักกันเรื่องราวของทั้งคู่มันอิมแพคมาก ๆ ไหนจะเรื่องอุปสรรคอีก
“สนุกมากเลยเนาะ พี่ไม่คิดเลยว่าพระเอกจะเป็นตัวละครที่มีมิติแบบนี้ พี่คิดมาตลอดว่าตัวละครในหนังรักจะแบน ๆ ซะอีก”
ผมร่ายยาวทันทีที่ออกจากโรงหนัง ในใจของผมมีการวิเคราะห์ตัวละครและพล็อตอย่างละเอียด หนังเล่ามันออกมาได้ดีจริง ๆ ดีจนผมอยากจะนั่งคุยเรื่องพล็อตกับใครสักคนจนเช้า
“พี่ครามครับ ผมไม่เข้าใจที่พี่พูดหรอก ผมมาแค่ดูเฉย ๆ ไม่ได้มาเพื่อวิเคราะห์บทหนัง”
รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของผมค่อย ๆ หายไป ถ้าเป็นเทมส์คงจะคุยจ้อจนผมพูดไม่ทันแน่ ๆ ถ้าบทหนังมันดีขนาดนี้ แต่นี่คือทิวเขาไม่ใช่เทมส์ก็พอเข้าใจได้ว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน
เพราะงั้นผมเลยคิดว่าเราคงต้องจบกันตรงนี้แล้วล่ะ