รัก,ชาย-ชาย,ไทย,เรื่องสั้น,เรื่องสั้น,นิยายวาย,นิยายรัก,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
กว่าจะฝ่ารถติดกลับมาถึงคอนโดก็ดึกแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่สนใจว่าจะทำเตียงสกปรกมั้ย ถ้าเจ้าแมวตาเม็ดลำไยมาเห็นเข้าคงจะโวยวายแล้วรีบดึงผมไปอาบน้ำแน่ๆ
จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดถึงเทมส์
ตอนนี้อยู่ที่จีนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ จะนอนหลับสนิทมั้ย กินข้าวอิ่มหรือเปล่า จะ...คิดถึงกันบ้างมั้ย ไหนบอกจะโทรหาแล้วทำไมผ่านมาจะครบสัปดาห์แล้วผมยังไม่ได้รับสายของเจ้าเด็กเลยสักสาย
ผมหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงยีน ก่อนจะกดดูเบอร์ที่บันทึกไว้
‘แมวเด็กในคราบเสือ’
ผมนอนมองหน้าจอมือถือจนมันดับไป จะบอกว่าป๊อดก็ได้แต่ผมไม่กล้ากดโทรออกจริง ๆ ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายกดรับแล้วอย่างไรต่อ ผมต้องเริ่มบทสนทนายังไง บอกไปตรง ๆ ว่าคิดถึงเลยหรอ ไม่เอาอ่ะ
ห้องนี้ผมเคยอยู่คนเดียวมาสิบปีไม่เคยคิดว่ามันกว้างยนาดนี้มาก่อน สมัยเรียนแทบจะวางของไม่พอ แต่ทำไมตอนนี้มันถึงมีพื้นที่เหลือกันนะ หรือมันเป็นเพราะหัวใจของผมขาดคนที่เติมเต็ม หรือเป็นเพราะส่วนหนึ่งของผมไม่อยู่กันนะ
ผมนอนมองเพดานไปเรื่อย ๆ ในหัวคิดวนเวียนซ้ำ ๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อดี ทำไมความคิดถึงมันทรมานขนาดนี้นะ ผมค่อย ๆ หลับตาลงพร้อมทั้งอธิษฐานให้เจ้าแมวเด็กกลับมาเร็ว ๆ
ส่วนสุดสัปดาห์นี้ผมก็คงต้องอยู่คนเดียวอย่างช่วยไม่ได้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่ครามอยู่มั้ยครับ”
ผมสะลึมสะลือลุกขึ้นมามองหาต้นตอของเสียง แต่ก่อนจะได้เจอที่มาที่ไปของเสียงเจ้ากระดูกสันหลังผมก็เริ่มทรยศ ผมเผลอนอนหลับบนโซฟาหลังจากนั่งทำงานจนถึงเช้า ปวดหลังชะมัด
“พี่ครามครับ พี่ครามอยู่มั้ยครับ”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกผมอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากผม แต่เสียงมันช่างคุ้นเหลือเกิน
เทมส์หรอ
ผมรีบลุกออกจากโซฟากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเปิดประตูห้อง เจ้าแมวเด็กตาแป๋วที่ผมคิดถึงมาตลอดทั้งสัปดาห์กลับมาแล้ว
ผมดีใจกระโดดกอดเทมส์จนตัวลอย ทั้งชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้สึกถึงการรอคอยที่นานขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าจะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต และไม่เคยคิดว่าหัวใจของผมดวงนี้จะได้มอบให้ใครสักคน
ใครสักคนที่ว่าคือ เทมส์ เจ้าแมวน้อยตาเม็ดลำไยของผม
“โอ๊ย~ พี่คราม ปล่อยผมก่อนครับ”
ผมรีบดึงแขนของเทมส์เข้ามาในห้องแล้วกอดเจ้าตัวเอาไว้คลายความคิดถึงที่ผมต้องทนมันมาทั้งสัปดาห์ เจ้าเด็กเองก็กอดตอบผมพร้อมกับโยกตัวเบา ๆ
ผมเงยหน้ามองเด็กตัวสูงที่ในวันนี้ไม่ได้ใส่แว่นตาหนาเตอะแถมเซตผมเป็นทรงเหมือนดาราวัยรุ่นในทีวีเขาทำกัน
หล่อจัง
เราสบตากันนิ่ง เทมส์ค่อย ๆ ลดใบหน้าลงมาจนลมหายใจกระทบกับจมูกของผม ริมฝีปากยาวเป็นกระจับค่อย ๆ เลื่อนลงมาจนประทับกับริมฝีปากของผมเบา ๆ เมื่อแมวเด็กเห็นว่าผมไม่ได้ขัดขืนจึงสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผมจนหยาดน้ำใสเลอะมุมปาก
ผมผละออกมาสูดลมหายใจก่อนจะเงยหน้าสบตากับเจ้าแมวที่กลายเป็นเสือร้ายเสียแล้ว เรามองหน้ากันพร้อมทั้งส่งยิ้มเบา ๆ แสนอบอุ่นใจให้กับอีกฝ่าย
ก่อนจะตะบมจูบกันอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง
ชีวิตหลังจากที่ผมรู้ใจตัวเองน่ะหรอ
ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมาจากเดิมที่เคยใช้ชีวิตมาหรอก ก็แค่
“พี่คราม~ ลุกไปเดินเล่นกันเถอะ พี่นั่งทำงานนานแล้วนะ”
แมวเด็กของผมเดินมาคลอเคลียออดอ้อน แบบนี้ใจผมก็เหลวเป็นน้ำทุกทีเลยน่ะสิ ไม่เคยทนลูกอ้อนของเทมส์ได้เลย เวลาที่ผมนั่งเครียดทำงานแบบหน้านิ่วคิ้วขมวดก็มีแมวตาแป๋วมาให้เติม อยากจกพุงนะแค่ติดที่ว่า
แมวตัวนี้ไม่มีพุง มีแต่ก้อนขนมปังหกก้อน
“พี่คราม~ ลุกมากินข้าวได้แล้วครับ สายแล้วนะ”
มีคนปลุกในตอนเช้าพร้อมกับอาหารกลิ่นหอมฉุยชวนน้ำลายสอ แมวเด็กของผมบอกว่าไม่ชอบเห็นผมกินอาหารขยะหรือของแช่แข็งสักเท่าไหร่ เราเลยตกลงกันว่าตอนเช้าเทมส์จะเป็นคนทำอาหาร ส่วนตอนเที่ยงแล้วแต่จะทาน ส่วนตอนเย็นเราจะไปร้านอาหารข้างนอกกัน
“พี่คราม~ หนังเรื่องนี้น่าดูมากเลยแอ็คชั่นไซไฟแบบที่พี่ชอบด้วยนะ พรุ่งนี้เราไปดูกันมั้ย”
ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ แค่มีคนไปดูหนังเป็นเพื่อน เมื่อก่อนผมไปดูหนังคนเดียวได้แบบสบาย ๆ ดูจบแล้วก็กลับมาเขียนความรู้สึกและวิเคราะห์พล็อตหนังลงสมุดไดอารี่ แต่ตอนนี้มีคนให้แชร์ความรู้สึกหลังดูจบ
มันดีมากเลยนะ
“พี่คราม~ ผมไม่กินกะเพราพี่จำไม่ได้หรอ ผมงอนนะเนี่ย”
ก็แค่มีคนให้แกล้งนิด ๆ หน่อย ๆ ทำให้ทุกวันของผมมีแต่รอยยิ้ม ปกติแล้วผมจะกินอะไรก็กดสั่งเดลิเวอรี่ แต่พอมีเจ้าแมวเด็กก็ต้องมาแย่งกันสั่ง ถึงจะฟังดูเหมือนการทะเลาะกัน แต่ที่จริงแล้วมันเป็นการแสดงออกถึงความรักเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผม ทะเลาะกันสักนิดหน่อยให้ชีวิตมีสีสัน
“พี่คราม เดี๋ยวผมเปิดให้”
เชื่อเถอะว่าชีวิตมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่อยู่คนเดียว ก็แค่... มีคนคอยเปิดขวดน้ำให้ เมื่อก่อนก็เปิดกินเองได้สบาย ๆ นะ แต่ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไร มือไม้ชอบอ่อนแรง
“พี่คราม ฝันดีนะครับ”
จุ๊บ
มันไม่ได้เปลี่ยนจริง ๆ ก็แค่มีคนคอยบอกฝันดี จุ๊บหน้าผากก่อนนอน และหลับไปในอ้อมกอดอุ่น ๆ เชื่อเถอะว่าตั้งแต่ได้นอนซุกอกแมวเด็กผมไม่เคยฝันร้ายเลยนะ
“พี่ครามครับ เป็นแฟนกันนะ”
ชีวิตไม่ได้ต่างจากตอนโสด ก็แค่...มีแฟนแล้ว