หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้นหลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา
ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ
✣✣✣✣
ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น
ดิน
น้ำ
ลม
ไฟ
สายฟ้า
แสงสว่าง
ความมืด
✣✣✣✣
สกุลเงินที่ใช้กัน บิท
1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท
1 เหรียญทองแดง 10 บิท
1 เหรียญเงิน 100 บิท
1 เหรียญทอง 1,000 บิท
1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท
1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท
****Warning****
นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ
บทที่ 1
หลังจากที่เขาถูกส่งมาเกิดใหม่เวลาก็ผ่านไป 18 ปีแล้ว มีคนเอาเขามาทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์ของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าฮาลาร์ หลวงพ่อริโนจึงได้เก็บเขากับเด็กอีกคนมาเลี้ยงเอาไว้และเขาก็ได้อยู่ที่นี่มาจนถึงตอนนี้นี่เอง แต่!!!! สาระสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น
พอโตขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้ว่าทุกคนที่อยู่ในโลกนี้สามารถที่จะใช้เวทมนตร์ได้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีธาตุที่เหมาะสมแตกต่างกันไป
ทว่าตัวเขานี่สิ อยู่มาเกือบสองทศวรรษแต่ใช้เวทมนตร์ที่ว่านี่ไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนี่มันหมายความว่ายังไง!!!! ตอนยังเด็กเขาก็ยังคิดในแง่ดีว่าโตไปเดี๋ยวก็คงใช้ได้เอง หลวงพ่อกับพวกซิสเตอร์เองก็บอกไว้แบบนั้นเหมือนกัน แต่มาตอนนี้เขาก็เลิกหวังไปแล้วล่ะ เอาจริงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้สำคัญกับเขาขนาดนั้นหรอก ไม่มีเวทมนตร์เขาก็อยู่ได้ เพราะพระเจ้าที่ส่งเขามาเกิดใหม่ก็ทำตามที่พูด ด้วยการให้สิ่งที่ทำให้เขาใช้ชีวิตในโลกใบนี้ได้ง่ายขึ้นเยอะเลย
“ทาเนีย ได้เวลาทานมื้อเย็นแล้ว” เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาตะโกนเรียก เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนต้นไม้หลังโบสถ์ที่เป็นบ้านของพวกเขา
เปลือกตาของเจ้าของชื่อลืมขึ้นอวดนัยน์ตาสีแดงอ่อนแสนสวย ก่อนจะลุกขึ้นยืดแขนบิดขี้เกียจและกระโดดลงไปโดยไม่สนใจเรื่องความสูง แล้วเด็กหนุ่มหน้าสวยก็เอาเท้าลงกับพื้นได้อย่างสวยงาม
“ฉันเคยบอกเธอแล้วนะว่าให้ค่อย ๆ ลง เดี๋ยวก็ได้ตกมา ขาหักจนได้” เด็กหนุ่มร่างสูงดุคนที่ชอบทำอะไรไม่ระวังตัวเอง
“บ่นมากน่าทอส ทำตัวเป็นหลวงพ่อไปได้” คิ้วของทาเนียขมวดกันเป็นปม ก่อนจะรีบเดินหนี ทอสก็ถูกเอามาทิ้งไว้วันเดียวกันกับเขา เราทั้งสองจึงได้โตมาด้วยกัน หมอนี่จู้จี้สุด ๆ เลย โดยเฉพาะกับเขาเนี่ย
ทาเนียยังก้าวเท้านำไปไม่ได้เท่าไหร่ ก็มีลูกบอลแสงสีขาวสว่างไสวมาลอยวนอยู่รอบตัว ลูกบอลแสงนั่นสว่างจนทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้ท้องฟ้าตอนนี้จะใกล้มืดลงแล้ว
“มืดแล้ว ค่อย ๆ เดิน” ทอสรีบเดินมาเข้าประชิดคนตัวเล็ก ตัวของเด็กหนุ่มมีพลังเวทธาตุแสงสถิตอยู่ ซึ่งผู้ที่สามารถใช้เวทธาตุแสงได้มีจำนวนไม่ถึงหยิบมือ ทำให้เป็นต้องการตัวมาก ๆ ตัวเขาจึงเป็นที่คาดหวังของหลวงพ่อกับผู้คนในหมู่บ้าน ให้เป็นหน้าเป็นตาและสร้างชื่อให้หมู่บ้านเล็ก ๆ แถบชายขอบแห่งนี้ แล้วในอีกสามวันต่อจากนี้เขาก็ต้องเดินทางไปที่เมืองหลวงเพื่อสอบขัดเลือกเป็นอัศวินเวทมนตร์แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องเกลี้ยกล่อมให้คนตรงหน้าไปด้วยกันให้ได้ซะก่อน เพราะเขายังไม่ได้บอกความรู้สึกของเขาให้อีกฝ่ายรับรู้เลย ถ้าเขาไปเป็นอัศวินเวทมนตร์อาจไม่กลับมาหมู่บ้านหลายปี ตอนนั้นทาเนียคงแต่งงานไปแล้วแน่นอน เช่นนั้นเขาก็ไม่ขอทิ้งร่างเล็กเอาไว้ที่นี่ให้หมาตัวไหนมาขโมยหรอก
✣✣✣✣
เด็กหนุ่มทั้งสองคนตักน้ำในถังล้างมือและเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปในโบสถ์และตรงไปที่โต๊ะทานอาหาร ที่ทุกคนกำลังนั่งรออยู่แล้ว พอสมาชิกที่เหลืออีกสองคนนั่งลงที่โต๊ะ ทุกคนคนก็ภาวนาขอบคุณพระเจ้าก่อนที่จะทานอาหารเช่นทุกครั้ง พอสวดเสร็จทุกคนจึงเริ่มทานอาหารด้วยกัน
“ไปแอบอู้ที่ต้นไม้หลังโบสถ์อีกแล้วใช้ไหม เจ้าทาเนีย พ่อตัดมันทิ้งเลยดีไหม” หลวงพ่อริโนหันไปหาเจ้าเด็กแสบที่ตัวเขาเลี้ยงมากับมือ
“ผมทำงานในส่วนของตัวเองเสร็จหมดแล้วนะ ไม่ได้แอบอู้อะไรสักหน่อย หลวงพ่อห้ามไปยุ่งกับปู่เกรทเด็ดขาดนะ” เด็กหนุ่มฉีกก้อนขนมปังจุ่มลงไปในถ้วยซุปแล้วเอาเข้าปาก พลางเอ่ยห้ามไม่ให้ผู้ที่เปรียบเสมือนพ่อไม่ให้ไปยุ่งกับต้นไม้ต้นโปรดของตน
“นั่นสิจ๊ะ ริโน เธออย่าก็อย่าไปดุทาเนียเขานักเลย”ซิสเตอร์เนวา ซิสเตอร์ชราหันมาพูดกับบาทหลวงที่อายุอ่อนกว่า เพื่อปกป้องเด็กหนุ่ม
“ถึงทาเนียจะดูเกเรไปบ้าง แต่เขาก็รู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดีนะคะ ท่านริโน” ซิสเตอร์เฮเลน คนสวยช่วยเสริม
ซิสเตอร์ทั้งสองคอยเข้าข้างทาเนียอยู่เสมอ ตอนที่โดนหลวงพ่อริโนดุ
บาทหลวงริโนถอนหายใจออกมากด้วยความเหนื่อยใจ เพราะซิสเตอร์ทั้งสองคอยตามใจทาเนียอยู่แบบนี้ เจ้าเด็กนั้นถึงได้ดื้อนัก
“ว่าแต่ เจ้าทอส ยังซ้อมเวทมนตร์อยู่ทุกวันรึเปล่า นี่ก็ใกล้วันที่เจ้าจะออกเดินทางไปคัดเลือกเข้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์แล้วนะ พ่อกับทุกคนในหมู่บ้านนี้คาดหวังคาดหวังข่าวดีจากเจ้าอยู่นะ” หลวงพ่อริโนหันไปหาทอสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง
“ครับหลวงพ่อ ผมจะตั้งใจทำให้เต็มที่ให้สมกับที่ถูกคาดหวังเลยครับ แต่ว่า…” เด็กหนุ่มรับคำอย่างขันแข็ง แต่ในท้ายประโยคก็หันไปมองที่เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
หลวงพ่อริโนไล่สายตาไปตามที่เด็กหนุ่มร่างสูงมอง แล้วก็เอ่ยขึ้น
“พ่อรู้นะว่าเจ้ากับทาเนียสนิทกัน แต่เจ้าจะเอาทาเนียไปเป็นภาระด้วยทำไม ทาเนียน่ะใช้เวทมนตร์ไม่ได้นะ” บาทหลวงวัยกลางคนเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่ตัวเองเลี้ยงมาเกือบยี่สิบปี
“ผมน่ะดูแลตัวเองได้นะครับหลวงพ่อ ต่อให้ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ตาม” ทาเนียเอ่ยขึ้นเมื่อตนเองไปอยู่ในบทสนทนา
“แต่ว่า ผมไม่คิดจะไปกับทอสหรอก ผมน่ะจะออกเดินทางไปอาณาจักรอื่น และเป็นนักผจญภัย” เด็กหนุ่มบอกความต้องการของตัวเอง
“ไม่ได้ ถ้าเธอจะไปไหนก็ต้องไปกับฉันเนี่ยแหละ” เด็กหนุ่มตัวสูงพูดอย่างไม่ยอม
“อะไรของนายเนี่ยทอส” ทาเนียกอดอกถามอย่างไม่เข้าใจ
“ทาเนียเนี่ยยังไม่เลิกล้มความคิดนี้อีกเหรอ เธอน่ะไม่มีพลังเวทที่แข็งแกร่งเหมือนพี่ทอสสักหน่อย ตัวก็เล็กกว่าฉันที่อายุน้อยกว่าซะอีก ถ้าออกเดินทางไปคนเดียวก็มีแต่ตายเปล่านั่นแหละ” ทีโอ เด็กหนุ่มที่อายุอ่อนกว่าเขาสามปีพูดตัดกำลังใจร่างเล็ก
โป๊ก
“เรียกทอสว่าพี่ แต่เรียกฉันห้วน ๆ เนี่ยนะ แล้วยังมาบอกว่าฉันจะไปตายฟรีอีก นายนี่มันปากไม่เป็นมงคลจริง ๆ” เจ้าเด็กปากเสียจึงได้โดนทาเนียเขกหัวไปหนึ่งที ทีโอเองก็ถูกเอามาทิ้งไว้ตั้งแต่ยังเป็นทารกเหมือนทาเนียและทอส แต่เจ้าตัวจะเคารพทอสมากกว่าทาเนีย เพราะว่าทาเนียไม่ได้มีเวทมนตร์ บอกแล้วใช่ไหมล่ะว่าโลกนี้เวทมนตร์น่ะคือทุกสิ่ง
“โอ๊ย!!” ทีโอยกมือกุมหัวที่ถูกตี ก่อนจะโวยวายออกมา
“ก็ฉันพูดจริงนี่นา คนที่ไม่มีเวทมนตร์จะสู้คนที่มีเวทมนตร์ได้ยังไง”
“แต่ว่า พี่ทาเนียก็เป็นคนที่ปกป้องหนูไว้จากหมีที่จะเข้ามาทำร้ายนะคะ พี่ทาเนียน่ะไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด” มารีเด็กหญิงวัยสิบสองปีที่พึ่งจะเข้ามาอยู่ได้ไม่กี่ปีช่วยพูดปกป้องทาเนีย ตัวของเธอเดิมที เป็นเด็กที่อยู่ในหมู่บ้านนี่แหละ แต่ครอบครัวของเด็กหญิงถูกหมีเข้าจู่โจมตอนที่ไปหาของป่า ตัวเธอเองก็เกือบไม่รอด แต่ก็ได้ทาเนียเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน แล้วจากนั้นเธอก็เข้ามาอยู่ในความดูแลของโบสถ์แห่งนี้ เพราะพ่อแม่ของเด็กหญิงถูกหมีฆ่าตาย
“ใช่ไหมล่ะมารี พี่น่ะแข็งแกร่งมาก ๆ เลยใช่มะ” เด็กหนุ่มตัวเล็กยืดอกอย่างภูมิใจ
“เอาล่ะ ๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว” หลวงพ่อริโนตบโต๊ะทานอาหารเสียงดัง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ที่เจ้า ทีโอพูดก็ถูกแล้วนะ เจ้าน่ะไม่มีพลังเวทอยู่เลยนะทาเนีย แล้วจะให้พ่อปล่อยเจ้าให้ออกเดินไปคนเดียวแบบนั้นได้ยังไง” บาทหลวงที่เปรียบเสมือนพ่อของเหล่าเด็ก ๆ ที่นี่เอ่ยกับหนุ่มอย่างจริงจัง
“ริโนจ๊ะ”
“ท่านริโนคะ”
ซิสเตอร์ทั้งสองเตรียมจะช่วยพูดให้เด็กหนุ่ม แต่ก็โดนบาทหลวงริโนขัดขึ้นมาเสียงดัง
“ไม่ครับ!!! ซิสเตอร์เฮเลน ซิสเตอร์เนวา เรื่องนี้จะตามใจทาเนียไม่ได้นะครับ” เมื่อบาทวัยกลางคนพูดมาขนาดนี้ พวกเธอคงขัดอะไรไม่ได้แล้ว
“แต่ผมน่ะล่าสัตว์อสูรได้เก่งกว่าพวกพรานในหมู่บ้านอีกนะครับ” ทาเนียพยายามจะเถียงต่อ
“สัตว์อสูรที่อยู่แถวหมู่บ้านนี้มีแต่พวกระดับต่ำนะทาเนีย สัตว์อสูรที่อันตรายแบบหมีตัวนั้นที่จะทำร้ายมารีน่ะ น้อยครั้งมาที่โผล่มาแถวหมู่บ้านเรา และที่เจ้าเอาชนะมันมาได้ง่าย ๆ ก็เป็นเพราะหมีตัวนั้นมันบาดเจ็บจากการต่อสู้มาก่อนแล้ว แต่ว่าที่โลกภายนอกยังมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งและอันตรายยิ่งกว่าหมีตัวนั้นอยู่นับไม่ถ้วนเลย และนอกจากนั้นก็ยังมีอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันเองอีก พ่อไม่คิดว่าเจ้าจะรับมือกับมันได้หรอกนะ” บาทหลวงริโนอธิบายเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ออกเดินทางเป็นนักผจญภัยให้เด็กหนุ่มฟังยืดยาว
ปึก
ทาเนียลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้และกำหมัดแน่นด้วยความโกรธที่โดนครอบครัวของตัวเองดูถูก
“งั้นถ้าผมล่าสัตว์อสูรที่อันตรายกว่าหมีตัวนั้นมาได้ หลวงพ่อก็ต้องยอมให้ผมออกเดินทางเป็นนักผจญภัยด้วยนะครับ” ว่าจบร่างเล็กก็รีบวิ่งไปที่ประตูในทันที
“เดี๋ยวทาเนีย!!” ทอสรีบสร้างโซ่แสงขึ้นมาเพื่อที่จะจับทาเนียไว้ แต่ร่างเล็กก็สามารถหลบโซ่ของเขาได้อย่างคล่องแคล่ว และหนีออกไปด้านนอกได้ ทุกคนที่เหลือจึงได้รีบวิ่งตามไปทันที แต่พอออกมาก็ไม่เห็นแม่แต่เงาของเด็กหนุ่มแล้ว
“ออกตามหากันเถอะริโน” วิสเตอร์เนวา กล่าวขึ้น
“ใช่ค่ะ ตอนนี้ทาเนียคงยังไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่” ซิสเตอร์สาวออกความเห็น
“ผมไปตามเขาก่อนนะครับ” ทอสหันมาเอ่ยกับทุกคนและเตรียมจะวิ่งออกไป แต่ถูกผู้ที่เป็นเหมือนพ่อรั้งเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวเจ้าทอส ค่อยไปพร้อมกันทีเดียว ทีโอ ไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านทีให้เกณฑ์คนมาช่วยตามหาเจ้าทาเนียหน่อย” บาทหลวงริโน่หันไปสั่งเด็กหนุ่มตัวสูงอีกคน
“ครับ” เด็กหนุ่มอายุสิบห้ารับคำแล้วรีบวิ่งไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านในทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ
“ส่วนพวกซิสเตอร์กับมารีอยู่ที่โบสถ์นี่แหละครับ” บาทหลวงวัยกลางคนหันมาบอกกับเหล่าซิสเตอร์
“ไม่ค่ะ ฉันก็จะไปช่วยตามเจ้าทาเนียด้วยเหมือนกัน” ซิสเตอร์เฮเลนพูดเถียง ซิสเตอร์เนวากับมารีก็แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย
“ทั้งสามคนน่ะอยู่ที่โบสถ์นั่นแหละครับ เพื่อเจ้าทาเนียย้อนกลับมาจะได้มีคนไปบอกพวกเราที่ตามหาอยู่ในป่า” บาทหลวงริโนอธิบายเหตุผล ทั้งสามคนจึงได้ยอมเข้าใจ
“ฝากตามหาพี่ทาเนียด้วยนะคะหลวงพ่อ” มารีเอ่ยกับผู้ที่เป็นเหมือนพ่อของเธออีกคน บาทหลวงวัยกลางคนพยักหน้าให้สัญญากับเด็กหญิง ก่อนจะหันมาบอกกับเจ้าทอส
“เราสองคนล่วงหน้าไปหาเจ้าทาเนียกันก่อนเถอะ”
“ครับ”
กล่าวจบทั้งสองคนก็รีบเดินไปทางป่ารอบ ๆ ที่คนในหมู่บ้านมักจะเข้าไปหาของป่าหรือล่าสัตว์กัน เพื่อตามหาคนที่หายไปคนเดียว ไม่นานจากนั้น ทีโอก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าและชาวบ้านอีกหลายสิบคนที่อาสามาช่วยตามหาทาเนีย แต่หาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบตัวเด็กหนุ่มที่หนีออกมาเลย เหล่าชาวบ้านและครอบครัวของทาเนียจึงต้องจำใจออกมาจากป่าก่อน เพราะถ้าเข้าไปลึกกว่านี้อาจจะเกิดอันตรายขึ้น ทุกคนจึงได้ตกลงกันว่าพรุ่งนี้เช้าจะตามหากันต่อและจะขอความช่วยเหลือจากนักผจญภัยที่เมืองใกล้ ๆ ให้มาช่วยตามหาด้วย แม้ทอสจะร้อนใจแค่ไหนแต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ต้องรอพรุ่งนี้เท่านั้น
✣✣✣✣
ด้านทาเนียก็กำลังใช้เส้นใยที่ปล่อยออกมาจากปลายนิ้ว โหนไปตามกิ่งก้านของต้นไม้เข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ สายตาก็สอดส่องหาสัตว์อสูรที่ดูจะแข็งแกร่งไปด้วย ก่อนที่จะไปหยุดอยู่บนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งและซุ่มดู เจ้าหมีสีดำที่มีขนาดตัวเท่ารถยนต์ในโลกก่อนและมีกรงเล็บยาวดูน่ากลัว แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลงมือจัดการมันสายตาก็พลันเห็นเจ้าลูกหมีตัวน้อยที่วิ่งเข้าไปคลอเคลียเจ้าหมีดำที่ตัวเขาหมายตาเอาไว้ซะก่อน
“เป็นแม่ลูกกันสินะ” ทาเนียพึมพำเบา ๆ และเลิกคิดที่จะล่าหมีตัวนั้นในทันที การล่าสัตว์ที่ยังมีลูกอ่อนถือว่าเป็นเรื่องผิด ตัวเขาที่เป็นเด็กกำพร้าทั้งในโลกนี้และโลกก่อนเข้าใจดีว่าการที่ไม่มีพ่อแม่ดูแลนั้นลำบากแค่ไหน เด็กหนุ่มจึงปล่อยใยออกมาจากปลายนิ้วและโหนออกจากจุดนี้ไป
แต่พอโหนไปตามต้นไม้ได้อีกสักพักก็ยังไม่เจอสัตว์อสูรที่ดูแข็งแกร่งตัวอื่นเลยสักตัว เจอแต่พวกกวางกับกระต่ายที่ล่าได้ง่าย ๆ เด็กหนุ่มจึงได้ลงมายืนอยู่ที่พื้น
“พวกเสือ พวกหมาป่าไปไหนกันหมดนะ” เด็กหนุ่มบ่นออกมา และหันซ้ายหันขวาหาสัตว์อสูรตัวใหญ่
อ็อก!!
ไม่ทันขาดคำ เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังอยู่แถวด้านหลัง เมื่อหันไปก็เห็นหมูป่าสีดำตัวใหญ่กำลังจ้องมาที่เข้าด้วยความโกรธ มันเอาขาหน้าเขี่ยพื้นอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะขวิดเข้าใส่ร่างเล็กหมายจะเอาชีวิต
“พอดีเลย” ทาเนียยิ้มอย่างตื่นเต้น
เด็กหนุ่มยืนนิ่งอย่างใจเย็น และรอก่อนที่มันจะมาถึงตัวเองเพียงไม่กี่ก้าวและเอี่ยวตัวหลบอย่างช่ำชอง แล้วจากนั้น
ปัง!!
หมูป่ายักษ์ที่ขนาดเท่ารถเกวียนล้มลงไปอย่างง่าย ๆ เด็กหนุ่มจึงเก็บปืนลูกซองที่มีดาบอยู่ตรงปากกระบอกปืนกลับลงในไอเทมบล็อก
/ค่าประสบการณ์ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เลเวลเลื่อนขึ้นเป็น Lv.100/เสียงมโนโทนดังขึ้นในหัวของเด็กหนุ่ม ในที่สุดเลเวลที่ติดคอขวดที่99มานานก็อัพขึ้นสักที และเสียงมโนโทนก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
/ได้รับสกิลพอยต์จากการเลื่อนเลเวล 10 พอยต์ เนื่องจากผู้ใช้สามารถเลื่อนเลเวลจนถึง 100 ได้สำเร็จ ได้รับรางวัลพิเศษสกิลพ้อย 1000 พ้อย ได้รับสกิลเนตรแก่นแท้ ได้รับสกิลผู้แทรกแซงนิสัยเสีย ได้รับไอเทมฮีลลิ่งโพชั่น 1000 ขวด ได้รับไอเทมไข่ปริศนา 1 ใบ/แล้วเสียงที่เรียบนิ่งก็เงียบลง เท่านี้ทุกคนก็น่าจะรู้กันแล้วว่าสิ่งที่พระเจ้าให้เขาติดตัวมาก็คือระบบที่คล้ายกับเกมนั้นเอง
“โอโห้ ได้รางวัลมาเยอะเลยแหะ” เด็กหนุ่มพูดอย่างตกใจ และเปิดหน้าต่างเมนูขึ้นมาดูรางวัลที่ได้มา เขาไม่ค่อยสนใจสกิลพ้อยที่ได้มาเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะเอาไปแลกสกิลอะไรแล้ว ตอนนี้ก็มีดองอยู่ตั้งหลายพันพ้อยเลย แต่ว่าสกิลที่เพิ่งได้มาไม่มีให้แลกในระบบ เด็กหนุ่มจึงรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
สกิลแรก
เนตรแก่นแท้:ทำให้มองเห็นถึงความจริง สามารถมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้ที่ใช้ทักษะให้การเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาและทำให้มองเห็นเส้นทางที่ถูกปิดหรือซ่อนอยู่ได้
สกิลที่สอง
ผู้แทรกแซงนิสัยเสีย:ผลลัพธ์ไม่แน่นอน (เงื่อนไขการใช้สกิล ต้องแตะที่สิ่งที่ต้องการจะแทรกแซงเกินสามวินาทีสกิลถึงจะทำงาน)
“เอ๋!! ผลลัพธ์ไม่แน่นอนนี่มันหมายความว่ายังไงอ่ะ” ทาเนียร้องออกมาอย่างฉงน
แล้วยังมีไอเทมแปลก ๆ มาอีกอย่างด้วย ‘ไข่ปริศนา’ รูปที่แสดงออกมาก็เป็นไข่สีดำสนิทที่มีรูปเครื่องหมายคำถามอยู่ตรงกลาง คำอธิบายที่ให้มาก็…
ไข่สัตว์อสูร เมื่อทำการฟักไข่จะมอบอสูรรับใช้ให้กับผู้ใช้แบบสุ่ม สัตว์อสูรที่ฟักขึ้นมาจะทำพันธสัญญากับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
(นี่มัน…เรียกว่ากาชางั้นสินะ) ร่างเล็กคิด และจากนั้นระบบก็แสดงหน้าตัวเลือกขึ้นมา
จะทำการฟักไข่หรือไม่
Yes/No
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน นี่ก็ใกล้จะเช้าแล้วด้วย” เด็กหนุ่มหันสายตาไปมองที่เวลาที่แสดงอยู่บนหน้าต่างเมนูและปิดมันลง ก่อนจะเดินไปทางเจ้าหมูป่ายักษ์และเก็บร่างของมันลงในไอเทมบล็อก และเริ่มเดินทางออกจากป่า ไม่ต้องกลัวเขาจะหลงหรอก เพราะเขาสามารถจะเปิดแผนที่ขึ้นมาดูได้ และเขาก็มาร์กตำแหน่งของโบสถ์ไว้ในแผนที่เรียบร้อย
เพราะเข้าไปลึกพอสมควรกว่าทาเนียจะออกมาจากป่าได้ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นพอดีเลย ก่อนที่จะเข้าไปในหมู่บ้านร่างเล็กก็เอาร่างของหมูป่าออกมาและแบกมันไปแทน เพราะไม่อยากอธิบายเรื่องไอเทมบล็อก
เมื่อร่างเล็กเดินแบกร่างของหมูป่าที่ขนาดให้กว่าตัวเองหลายเท่าเดินข้ามาในหมู่บ้าน พวกชาวบ้านก็ตกใจและวิ่งหนีกันไปคนละทาง
“กรี๊ดด!!”
“สัตว์อสูรบุก!!!”
“พาเด็ก ๆ เข้าบ้านกันให้หมด!!”
“รีบไปแจ้งหัวหน้าหน้าหมู่บ้านเร็วเข้า!!”
คนในหมู่บ้านต่างตะโกนร้องโวยวาย ทาเนียที่แบกร่างเจ้าหมูป่าอยู่จึงได้ทิ้งมันลงข้างตัวและตะโกนอธิบายกับพวกชาวบ้าน
“ไม่ใช่นะ!!! นี่ผมเอง” และเมื่อชาวบ้านเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มที่หายตัวไปเมื่อคืน ก็ทำสีหน้าอึ้ง ๆ ในทันที
“ทาเนีย!!!” มีเสียงตะโกนเรียกเด็กหนุ่มดังขึ้นมาหลายเสียงจากทางหนึ่ง พวกเขาเป็นครอบครัวของเด็กหนุ่มเอง และบาทหลวงริโน่ก็กำลังเดินมาทางร่างเล็กอย่างเร่งรีบ
เด็กหนุ่มทำท่าดีใจที่หลวงพ่อกำลังเดินมาหาตน กำลังจะพูดอวดถึงหมูป่าที่ตัวเองล่ามาได้และพิสูจน์ว่าเขาสามารถดูแลตัวเองได้จริง ๆ
“นี่ไงครับหลวงพ่อ ผมน่ะล่าสัตว์อสูรที่….”
เพี๊ยะ!!
พูดไม่ทันจบใบหน้าของทาเนียก็หันไปด้านข้าง จากแรงตบของคนที่เลี้ยงดูตนเองมา ทางร่างกายไม่เจ็บเท่าไหร่เพราะถึงยังไงร่างเล็กก็มีเลเวลตั้งร้อย คนตบ น่าจะเจ็บมือกว่าด้วยซ้ำ แต่มันรู้สึกแย่ชะมัดเลย
(นี่เราทำผิดอีกแล้วใช่ไหม?) ความรู้สึกด้านลบเริ่มกุมจิตใจของร่างเล็ก
“นี่เจ้ารู้ไหมห้ะทาเนีย!! ว่าตัวเองทำคนอื่นเขาเดือดร้อนกันขนาดไหน เจ้าหายไปทั้งคืนในป่า ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาใครจะไปช่วยได้ ห้ะ??!! คนในหมู่บ้านต้องไปช่วยตามหาเจ้า พ่อกับทุกคนที่โบสถ์ก็เป็นห่วงเจ้าจนไม่ได้นอน เจ้าทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม!!” บาทหลวงวัยกลางคนชี้หน้าต่อว่าเด็กหนุ่มที่ตัวเองเลี้ยงมาต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน
“เอาไว้ไปคุยกันที่โบส์ถเถอะริโน่” ซิสเตอร์เนวาเข้ามาห้ามบาทหลวงอายุน้อยกว่า
“นั้นสิคะ ทาเนียก็คงไม่ได้นอนมาทั้งคืน เราพาเขากลับไปที่โบส์ถก่อนเถอะค่ะ” ซิสเตอร์เฮเลนเข้ามาคั่นกลางไว้ ก่อนที่ซิสเตอร์สาวจะเดินเข้ามาพยุงเด็กหนุ่มและเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน
“กลับบ้านเรากันเถอะจ้ะ”
เด็กหนุ่มมองทุกคนอย่างเงียบ ๆ เขารู้สึกได้ถึงสายตาต่อว่ามาจากรอบทิศ ไม่ได้มีเพียงแค่จากหลวงพ่อริโน ที่ผ่านมาพวกชาวบ้านก็ไม่ค่อยชอบเขาอยู่แล้ว หลังจากนี้คงแย่ลงกว่าเดิม
“สร้างแต่เรื่องจริง ๆ เลยนะไอ้เด็กนี่”
“ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ก็ไร้ค่าพอแล้ว แล้วยังทำคนอื่นเดือดร้อนอีก”
“ทำไมมันไม่ตายในป่าไปตั้งแต่เมื่อคืนกันนะ”
“ขยะรกโลกจริง ๆ เด็กคนนี้”
“บอกแล้วไงว่าเพราะมันใช้เวทมนตร์ไม่ได้ถึงโดนเอามาทิ้ง”
“พ่อแม่ของไอ้เด็กนั้น ควรฆ่ามันให้ตายตั้งแต่เกิดแล้วแท้ ๆ”
“ไอ้เด็กเว* เอ๊ย”
“เมื่อไหร่หัวหน้าหมู่บ้านจะไล่มันออกไปไกล ๆ จากหมู่บ้านของเราสักทีนะ”
เหล่าชาวบ้านเริ่มจะซุบซิบนินทาร่างเล็กด้วยคำพูดที่รุนแรงมากขึ้น แม้ว่าคนพวกนั้นใช้เสียงเบา แต่ว่าประสาทหูของเด็กหนุ่มก็ได้ยินชัดเจน ว่าคนที่นี่รังเกียจตนเองแค่ไหน
(อันที่จริง ต่อให้สุดท้ายหลวงพ่อจะไม่อนุญาต เราก็จะออกเดินทางอยู่ดี งั้นไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า) ทาเนียตัดสินใจได้แล้ว จึงได้เอ่ยลาครอบครัวที่นี่
“งั้นผมไปก่อนนะครับ ไว้สักวันจะกลับมาเยี่ยม” เด็กหนุ่มเอ่ยกับคนที่โบสถ์และผละออกจากซิสเตอร์สาว เตรียมจะออกไปจากหมู่บ้านอย่าถาวร แต่แขนของร่างเล็กก็ถูกดึงเอาไว้ก่อน
“ฉันต้องไปคัดเลือกเป็นอัศวินเวทมนตร์มะรืนนี้นะ กว่าจะถึงตอนนั้นเธอไม่มีสิทธิ์ไปไหน!” เป็นทอสที่เข้ามารั้งตัวร่างเล็กไว้และเขาก็ได้สร้างโซ่แสงมาล่ามทาเนียไม่ให้หนีได้อีก
แต่เพียงแค่คนตัวเล็กแตะลงบนโซ่ของเขาไม่นานมันก็แตกกลายไปเป็นละอองแสง ภาพที่เห็นสร้างความตกใจให้เด็กหนุ่มและคนอื่น ๆ ได้ไม่น้อย ที่คนที่ไร้ค่าอย่างทาเนียสามารถทำลายเวทมนตร์ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านลงได้อย่างง่าย ๆ
เมื่อครู่ทาเนียลองใช้สกิลผู้แทรกแซงนิสัยเสียดู เหมือนว่าผลของมันจะทำให้กระแสขิงเวทมนตร์ที่ปล่อยออกมาปั่นป่วน เมื่อกี้โซ่แสงของทอสจึงสลายไปนั่นเอง
“บอกแล้วไง ว่าฉันจะไปเป็นนักผจญภัย ไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้นแหละ” ร่างเล็กเอ่ยและเตรียมจะเดินออกจากที่นี่ โดยไม่สนเสียงห้ามของครอบครัว แต่ก็มีเสียงของคนที่คุ้นเคยทักขึ้นมาซะก่อน
“โอ้!!! ทาเนียกลับอย่างปลอดภัยสินะ อย่างที่คิดเลย” ชายวัยกลางคนหน้าตาใจดีกำลังเดินมาหาร่างเล็กและครอบครัว พร้อมกับภรรยาและลูกชาย เขาก็คือหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง
“ครับลุงชาร์ล แต่ว่าผมจะไปแล้วละ” เด็กหนุ่มตอบกลับอีกฝ่ายไป หัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รังเกียจร่างเล็ก ทาเนียจึงค่อนข้างเป็นมิตรกับพวกเขา
“แหม่มเธอล่าแบล็กบอ กลับมาด้วย หน้าหนาวตอนนี้คนในหมู่บ้านคงพอมีเนื้อให้กินเหลือเฟือ ขอบใจมากเลยนะ” ชาร์ลกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่ม
“ถือว่าเป็นของขวัญอำลาจากผมแล้วกัน ลุงกับป้าก็…” เอ่ยลาไม่จบทาเนียก็โดนตรึงไว้บนเสากางเขนแสงสว่างซะแล้ว
“เลิกพูดไร้แล้วกลับบ้านได้แล้ว เธอต้องไปที่เมืองหลวงกับฉันนะทาเนีย” ทอสที่จู่โจมคนตัวเล็กแบบไม่ทันตั้งตัวเอ่ยขึ้นและเตรียมจะไปพาอีกคนกลับไปที่โบสถ์ แต่ไม่ทันไรเวทมนตร์ของเขาก็สลายไปอีกแล้ว
(นี่มันบ้าอะไรกัน!) เด็กหนุ่มตัวสูงเริ่มหัวเสีย
“นายก็โชคดีกับการสอบคัดเลือกนะทอส แล้วเจอกันสักวันนะ” ร่างเล็กกล่าวอวยพรเพื่อนที่โตมาด้วยกันและกำลังจะวิ่งหนีออกจากหมู่บ้านไป แต่หันมาอีกที่ก็โดนหัวหน้าหมู่บ้านก็ดักหน้าเขาเอาไว้แล้ว
“เดียวก่อนสิทาเนีย ฟังข้อเสนอของฉันหน่อยได้ไหม” ชายวัยกลางคนเอ่ยกับเด็กหนุ่ม
“ข้อเสนอ??” ร่างเล็กเลิกคิ้วสงสัย
“เธอน่ะ จงต่อสู้กับทอสซะ”