หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น - 3 บทที่ 3 โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

ผู้แต่ง

Patas0016

เรื่องย่อ

ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ

 

✣✣✣✣

 

ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น

ดิน

น้ำ

ลม

ไฟ

สายฟ้า

แสงสว่าง

ความมืด

 ✣✣✣✣

สกุลเงินที่ใช้กัน บิท

1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท

1 เหรียญทองแดง 10 บิท

1 เหรียญเงิน 100 บิท

1 เหรียญทอง 1,000 บิท

1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท

1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท

 

 

****Warning****

 

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ

X

Tiktok

สารบัญ

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-0 บทนำ,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-1 บทที่ 1,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-2 บทที่ 2,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-3 บทที่ 3,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-4 บทที่ 4,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-5 บทที่ 5,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-6 บททีี่ 6,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-7 บทที่ 7,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-8 บทที่ 8,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-9 บทที่ 9,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-10 บทที่ 10,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-11 บทที่ 11,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-12 บทที่ 12,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-13 บทที่ 13,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-... แจ้งจัดโปร E-book Fair,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-14 บทที่ 14,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-15 บทที่ 15,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-16 บทที่ 16,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-17 บทที่ 17

เนื้อหา

3 บทที่ 3

บทที่ 3

 

ที่นั่งพิเศษของเหล่าหัวหน้าสังกัดหน่วยอัศวิน จะถูกตั้งอยู่สูงกว่าที่นั่งของผู้ชมทั่วไป เพื่อให้ผู้เข้าคัดเลือกเห็นได้ชัดเจน ผู้เข้ารับการคัดเลือกที่ยืนอยู่ด้านล่างเงยหน้าขึ้น ก็มองไปที่พวกหัวหน้าสังกัดอย่างชื่นชมและคาดหวังว่าจะได้ไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าสังกัดในดวงใจ

หัวหน้าสังกัดหน่วยอัศวินของอาณาจักรเดลไลท์ แห่งนี้มีอยู่ทั้งหมดเจ็ดคน โดยคนที่อยู่ขวาสุดเป็นคนที่เข้ามาช่วยทาเนียจากพวกกุ๊ยเมื่อวาน

ฮาวน์ มิโมสาจ หัวหน้าสังกัดกลุ่มดาวนำทาง ไม่มีใครเคยเห็นหน้าที่แท้จริงของเขา เพราะเจ้าตัวนั้นใส่หน้ากากสีขาวปิดบังเอาไว้ตลอด มีผมสีทอง และมีรูปร่างที่สูงโปร่งแต่พอมีกล้ามเนื้อให้เห็นจากนอกร่มผ้าเล็กน้อย เวทมนตร์ที่คนคนนี้สามารถใช้ได้ก็คือ เวทธาตุโลหะ สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดกลุ่มดาวนำทางก็คือ ผ้าคลุมสีทองกับเข็มกลัดดาวแปดแฉก และคนที่นั่งถัดมา

เซเวีย ไวท์ไชน์ หัวหน้าสังกัดจิ้งจอกหิมะ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีสมกับที่เป็นเชื้อพระวงศ์ มีผิวขาวแบบสุขภาพดีและมีผมสีขาวโพลน ดวงตาสีเหลืองอ่อนและมักจะทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลา คนคนนี้ตัวสูงมากและมีรูปร่างผอมที่สุดในหมู่หัวหน้าสังกัด เวทมนตร์ที่เซเวียใช้ก็คือ เวทธาตุน้ำแข็ง สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดจิ้งจอกขาว ก็คือ ผ้าคลุมสีขาวกับเข็มกลัดเกล็ดหิมะ และต่อมาก็คือ

ไคโร เทมฮาร์ท หัวหน้าสังกัดพยัคฆ์ทมิฬ ผู้ชายคนนี้ก็เป็นเชื้อพระวงศ์อีกคนเหมือนกัน เขามีหน้าตาคมคาย ผิวแทนและมีผมสีแดง ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม มีรูปร่างกำยำแบบคนชอบออกกำลังกาย และมีหน้าที่จริงจัง เวทมนตร์ที่เขาใช้ได้ก็คือ เวทธาตุไฟ สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดพยัคฆ์ทมิฬ ก็คือ ผ้าคลุมสีดำกับเข็มกลัดเสือดำ คนต่อมาก็เป็น

ดอร์เลีย รีฟ หัวหน้าสังกัดบุปผาแห่งรักที่เป็นสังกัดที่มีแต่ผู้หญิง เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามดังเทพธิดามีรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดูเป็นประกาย ผมสีทองสว่างที่ถูกรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เธอมีหุ่นแบบนาฬิกาทรายที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันและหน้าอกหน้าใจที่เหมาะสมกับตัว เวทมนตร์ที่หญิงสาวใช้ก็คือ เวทธาตุความรัก สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดบุปผาแห่งรัก ก็คือ ผ้าคลุมสีชมพูกับเข็มกลัดดอกลิลลี่ ส่วนถัดมาก็

โนเอล ไพรช์เบิร์ก หัวหน้าสังกัดตาชั่งแห่งความมั่งคั่ง สังกัดนี้จะเน้นทำการค้าขายต่างจากสังกัดอื่น ๆ อย่างชัดเจน โนเอลที่เป็นหัวหน้าสังกัดเป็นชายที่มีรูปร่างมีอันจะกิน (หุ่นหมี) ไม่อ้วนหรือว่าผอมจนเกินไป มีดวงตาสีเขียว ไว้หนวดเคราที่ตัดแต่งอย่างดีและใส่เครื่องประดับที่หรูหราตามตัว จนอีกฝ่ายดูไม่เหมือนหัวหน้าสังกัดหน่วยอัศวินเท่าไหร่ และเวทมนตร์ที่เขาใช้นั้นก็เป็น เวทธาตุไม้ สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดตาชั่งแห่งความมั่งคั่งก็คือ ผ้าคลุมสีทองแดงกับเข็มกลัดดอกตาชั่ง และคนที่หกก็มีชื่อว่า

อากิระ ฮิคาริ หัวหน้าสังกัดปากกาขนนกควบด้วยตำแหน่ง นักวิจัยมือทองของอาณาจักรและได้สร้างผลงานเอาไว้มากมาย แบบที่เห็นกันชัด ๆ เลยก็คือม่านพลังที่ใช้ปกป้องเมืองหลวงอยู่เนี่ยแหละ ชายหนุ่มก็เป็นคิดขึ้นมาเหมือนกัน อากิระมีหน้าตาคล้ายดาราจีนแบบที่ทาเนียเคยเห็นในสื่อของโลกก่อนและมีผมสีดำ รูปร่างโปร่ง ได้ยินมาว่าหัวหน้าสังกัดคนนี้เดินทางมาจากทวีปตะวันออกที่แสนห่างไกล ซึ่งเวทมนตร์ที่ชายผู้นี้ใช้ได้ก็คือ เวทธาตุดิน นั่นเอง สัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดปากกาขนนกก็คือ ผ้าคลุมสีเขียวกับเข็มกลัดหนังสือ และแล้วก็มาถึงคนสุดท้าย เขาคนนั้นก็คือ

คริสติน ไนท์เดธ หัวหน้าสังกัดพระจันทร์สีเลือด อีกฝ่ายเป็นชายที่มีรูปร่างกำยำ ผมสีดำและมีใบหน้าดุที่แผ่รังสีความน่ากลัวออกมาตลอดเวลา เท่าที่สังเกตคนคนนี้มักจะชอบทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่สนเรื่องการแต่งตัวเลย ขนาดวันนี้ยังใส่มาแค่เสื้อเชิตเรียบ ๆ กับกางเกงผ้าฝ้ายขายาวเท่านั้น สังกัดที่เจ้าตัวเป็นหัวหน้า ร่างเล็กก็ได้ยินแต่ชื่อเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก ผู้คนลือกันว่าอัศวินในสังกัดนี้มีแต่คนแปลก ๆ และมีแต่พวกระดับต่ำ จึงไม่ได้สร้างผลงานที่เด่นชัด และเป็นสังกัดที่อยู่รั้งท้าย แต่ความจริงเป็นอย่างไรก็สุดจะรู้ ส่วนเวทมนตร์ที่คริสตินใช้จะเป็น เวทธาตุความมืด และเวทมนตร์นี้ก็หายากพอ ๆ กับเวทแสงสว่างของทอสเลย และเขาก็ว่ากันว่า เมื่อธาตุแสงและธาตุความมืดมาที่เป็นขั้วตรงข้ามกันเจอกันเมื่อไหร่ การแพ้ชนะก็จะตัดสินได้ที่พลังเวทและทักษะของผู้ใช้เวทมนตร์ และสัญลักษณ์ของอัศวินสังกัดพระจันทร์สีเลือดนี้คือ ผ้าคลุมสีแดงเลือดกับเข็มกลัดพระจันทร์เสี้ยว

และนี้แหละคือสิ่งที่ทาเนียหาข้อมูลมาได้เกี่ยวกับแต่ละสังกัดของหน่วยอัศวินและหัวหน้าทั้งเจ็ด

หัวหน้าสังกัดฮาวน์ยืนขึ้น ก่อนจะเริ่มกล่าวทักทายผู้เข้าคัดเลือกทุกคน

“ขอสวัสดี เหล่าหนุ่มสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถทุกคน ในสนามขัดเลือกแห่งนี้ ตัวผมและหัวสังกัดทุกคนมีความคาดหวังที่จะได้เห็นเวทมนตร์ที่ทรงพลังจากทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่เข้าสู่สังกัดของตัวเอง ขอให้ผู้เข้าสอบคัดเลือกทุกคนแสดงความสามารถกันออกมาให้เต็มที่ แสดงให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่เห็นว่าท่านเหมาะสมที่จะเป็นอัศวินเวทมนตร์” เมื่อสิ้นเสียงอันดังกังวานของหัวหน้าสังกัดกลุ่มดาวนำทาง การสอบคัดเลือกก็ได้เริ่มขึ้น ผู้เข้าร่วมทุกคนจะถูกทดสอบสมรรถนะต่าง ๆ ทั้งทางร่างกายและเวทมนตร์

และก่อนที่ฮาวน์จะนั่งลงไปก็ได้สังเกตเห็น เด็กหนุ่มที่ตัวเองพึ่งเจอเมื่อวานกำลังมองมาที่ตัวเองจากที่นั่งที่จัดให้คนดู จึงแอบโบกมือทักทายไปเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็น สอบลอยตัวด้วยพลังเวท การสร้างสิ่งของ การยิงพลังเวท การนำเวทมนตร์ไปประยุกต์ใช้ การใช้อาวุธต่าง ๆ การทดสอบสมรรถนะทางร่างกาย และสอบข้อเขียนเพื่อวัดความรู้ แล้วจากที่ทาเนียสังเกตทอสกับลอเรนโซทำออกมาได้ดีกว่าผู้เข้าสอบคนอื่น แบบเห็น ๆ แบบนี้ร่างสูงทั้งสองต้องได้เข้าสังกัดของใครสักคนแน่นอน

“การสอบสุดท้าย จะเป็นการประลองแบบตัวต่อตัว ขอให้ผู้เข้าสอบทุกคนจับคู่กันเพื่อทำการประลอง” หัวหน้าไคโรย่นขึ้นและประกาศการสอบสุดท้าย ก่อนจะนั่งลง

ผู้เข้าสอบที่อยู่เบื้องล่าง เริ่มหาคนที่จะจับคู่ประลองด้วย แน่นอนว่าทอสกับลอเรนโซก็คู่กันอย่างที่ทาเนียคิด

ร่างสูงทั้งสองเริ่มสาดพลังเวทใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใครเวทแสงสว่างของทอสทำได้ทั้งรุกและรับทั้งยังรวดเร็วจนมองตามแทบไม่ทัน แต่ลอเรนโซ่ก็สามารถรับมือได้อย่างสูสีและโต้กลับไปได้ จนในที่สุดพลังเวทของทั้งสองคนก็หมด และเข้าไปแลกหมัดใส่กันคนละที และเมื่อซัดหมัดสุดท้ายใส่หน้าของอีกฝ่ายได้ทั้งสองก็ล้มลงไปพร้อมกัน

เหล่าหัวหน้าทั้งเจ็ดคนกับคนดูที่อยู่ในโคลอสเซียมก็ลุกขึ้นยืนตบมือให้กับการต่อสู้ที่ดุเดือดของเด็กหนุ่มทั้งสองคน และการประลองของเข้าสอบในปีนี้ก็ดำเนินไปเรื่อย ๆ จนหมดทุกคน

และจากนั้นผู้คุมสอบก็ให้ทุกคนเรียงแถวหน้ากระดาน

“ผู้ที่ถูกเรียกให้ชื่อออกมายืนด้านหน้า ถ้ามีหัวหน้าสังกัดคนไหนสนใจที่ให้เข้าร่วมสังกัดก็จะยกมือขึ้น ในกรณีที่มีหัวหน้าสังกัดยกมือมากกว่าหนึ่งคน ผู้เข้าสอบคนนั้นก็สามารถเลือกเข้าสังกัดในตัวเลือกไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีหัวหน้าสังกัดคนยกมือให้สักคนแปลว่าตัวคนคนนั้นสอบไม่ผ่าน และต้องกลับออกไป” ผู้คุมสอบอธิบาย ก่อนจะเริ่มเอ่ยชื่อผู้เข้าสอบไปทีละคน

คนส่วนใหญ่จะสอบไม่ผ่าน พอถูกเรียกชื่อออกมาแล้วก็ไม่หัวหน้าสังกัดคนไหนยกมือเลย ตั้งแต่ที่ร่างเล็กนั่งดูมาเกือบชั่วโมง คนที่มีหัวหน้าสังกัดยกมือให้สามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียวเลย

“ท่าน ดอร์เลีย หัวหน้าสังกัดบุปผาแห่งรักยกมือให้ สอบผ่าน” ผู้คุมสอบประกาศเสียงดัง ในที่สุดก็มีคนที่สอบผ่านเพิ่มสักที

และในที่สุดผู้คุมสอบก็เอ่ยเรียกชื่อทอส ร่างสูงออกไปยืนอยู่ต่อหน้าหัวหน้าทั้งเจ็ดคน แล้วจากนั้นเสียงฮือฮาก็ดังทั่วโคลอสเซียม เมื่อเหล่าหัวหน้าสังกัดต่างพร้อมใจกันยกมือให้เด็กหนุ่มที่มีเวทธาตุแสง และมีไม่น้อยเหมือนกันที่เป็นคำนินทาเพราะถึงเวทมนตร์ของเด็กหนุ่มจะหายาก แต่ทอสก็เป็นแค่เด็กจากชนบท จึงมีเหล่าชนชั้นสูงบางคนรู้สึกไม่ยอมรับ

“ผมขอเลือกเข้าสังกัดกลุ่มดาวนำทางครับ” ทอสเอ่ยเสียงดังฟังชัด

ฮาวน์ยิ้มต้อนรับให้เด็กหนุ่ม และทอสก็กลับเข้าไปในแถว แล้วก็ต่อมาด้วยลอเรนโซที่ถูกเรียกชื่อต่อจากกัน

เมื่อลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านฮาลาร์ออกไปยืนอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว เสียงที่เงียบไปเมื่อครู่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เพราะว่าร่างสูงมีหัวหน้าสังกัดยกมือให้ถึงหกคน มีแค่หัวหน้าสังกัดบุปผาแห่งรักคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยกให้ และแม้ว่าจะมีคนยกมือให้น้อยกว่าทอส แต่ก็เป็นที่น่าตกใจอยู่ดีที่ปีนี้มีเด็กจากหมู่บ้านชายขอบตั้งสองคนสอบผ่านเข้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์และได้รับความสนใจจากเหล่าหัวหน้าสังกัด

“ผมจะขอเข้าร่วมหน่วยอัศวินของสังกัดพยัคฆ์ทมิฬครับ” ลอเรนโซตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

หัวหน้าไคดรยิ้มมุมปากด้วยความชอบใจในตัวเด็กหนุ่ม ก่อนที่ลอเรนโซจะกลับเข้าไปในแถว ยืนข้างทอส

จากนั้นผู้คุ้มสอบก็ดำเนินการเรียกชื่อต่อไป เริ่มคนที่สอบผ่านเพิ่มแล้ว แต่ก็ยังน้อยกว่าคนที่สอบไม่ผ่านอยู่ดี บางคนก็วิ่งน้ำตานองหน้าออกจากที่นี่ไปเลย แล้วเมื่อท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีดำขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดการสอบเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเข้าเป็นอัศวินเวทมนตร์ในปีนี้ก็ได้จบลง เหล่าคนยังยืนอยู่ที่ด้านล่างโคลอสเซียมคือผู้ที่สอบผ่านการคัดเลือก เหล่าหัวหน้าสังกัดเดินเข้าไปหาสมาชิกใหม่ของตนเพื่อทักทายและพาออกจากที่นี่ไป

ทาเนียก็ออกโคลอสเซียมมาแล้ว เห็นเพื่อน ๆ ทั้งสองของตัวเองกำลังคุยอยู่กับหัวหน้าสังกัดของตัวเองอยู่ ระหว่างที่กำลังคิดว่าควรกลับไปรอที่โรงแรมดีไหมก็มีคนเดินเข้ามาหาเขาซะก่อน

“เธอรู้จักกับเจ้าเด็กสองคนนั้นอย่างนั้นเหรอ เห็นตอนอยู่ข้างในก็มองตลอดเลย” เสียงทุ้มเอ่ยถาม

ร่างเล็กหันไปตามต้นเสียง และพบว่าเป็นคริสตินหัวหน้าหน่วยพระจันทร์สีเลือด ก็ก้มหัวให้ตามมารยาท

“ใช่ครับ มาจากหมู่บ้านเดียวกันน่ะ ผมมาส่งเขาสองคนที่เมืองหลวง” ทาเนียพูดโดยไม่สนใจบรรยากาศน่ากลัวที่อยู่รอบตัวของอีกฝ่าย

“แล้วจากนี้เธอจะเอายังต่อล่ะ สองคนนั้นได้เข้าหน่วยอัศวินเวทมนตร์แล้ว คงไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านสักพักเลยล่ะ เธอจะเดินทางกลับไปคนเดียวอย่างนั้นเหรอ” คนร่างกำยำถามต่อ

“เปล่าครับ ผมจะไปสมัครเข้าเป็นนักผจญภัย” เด็กหนุ่มพูดถึงความตั้งใจของตัวเอง หัวหน้าสังกัดที่ได้ยินก็หัวเราะ

แม้ทาเนียจะไม่ค่อยพอใจกับท่าทีของฝ่ายนั้นเท่าไหร่แต่ก็เลือกที่จะเก็บสีหน้าเอาไว้ และทอสกับลอเรนโซก็เดินเข้ามาร่างเล็กพอดีพร้อมกับหัวหน้าสังกัดของตัวเองและหัวหน้าสังกัดคนอื่นก็ตามมาด้วยอย่างสนใจ

“คริสตินไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม” คนสวมหน้ากากเอ่ยถามกับเด็กหนุ่ม

“เฮ้ย ไอ้หน้ากากผี อยากมากล่าวหากันนะเว้ย” คริสตินทำหน้าข่มขู่ใส่ฮาวน์ แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ

“โธ่ เด็กน้อยผู้น่าสงสาร ถูกเจ้าคนเถื่อนตามรังแกสินะ เดี๋ยวพี่สาวจะจัดการให้เอง” หัวหน้าหน่วยบุพผาแห่วรักเดินเข้ามาดึงตัวเด็กหนุ่มตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอด พอหญิงสาวได้เห็นเด็กน่ารัก ๆ ก็อดใจที่ไปดึงมากอดไม่ได้

ใบหน้าของทาเนียซุกลงอยู่บนความนุ่มนิ่มของเธอ และจมลงไป

“นุ่มจัง” ร่างเล็กใกล้เคลิ้มหลับเต็มที

“ยัยหนองโพนี่ก็อีกคน ก่อนจะว่าฉันก็หยุดใช้เวทความรักใส่เด็กนั้นก่อนได้ไหม” หัวหน้าสังกัดพระจันทร์สีเลือดโวยวาย

ทอสกับลอเรนโซก็รีบเข้าช่วยดึงคนตัวเล็กออกห่างหัวหน้าสังกัดสาวในทันที และทาเนียก็ค่อย ๆ ได้สติกลับมา

“แต่ว่าเป็นเด็กผู้ชายงั้นสินะ แว็บแรกฉันนึกว่าเป็นผู้หญิงซะอีก” ไคโรพูดขึ้น หัวหน้าสังกัดคนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วย

ทาเนียสลัดหัวไล่ความมึนงง ก่อนจะหันไปหาเพื่อนของตัวเองทั้งสอง

“แล้วพวกนายสองคนจะไปที่สังกัดของตัวเองเลยไหม” ร่างเอ่ยถาม เพราะหน่วยอัศวินแต่ล่ะสังกัดก็จะมีที่ทำการประจำอยู่ที่ต่าง ๆ ทั่วอาณาจักร จึงไม่ต้องลำบากหาที่พัก

“ก็แน่นอนสิ ก็พวกเขาได้เป็นอัศวินเวทแล้วนะ ก็ต้องไปอยู่ที่สังกัดของตัวเองสิ” หัวหน้าอากิระเป็นคนตอบคำถามของทาเนีย

ร่างเล็กพยักหน้าเข้าใจ ก่อนเตรียมหันหลังเดินจากไป

“งั้นฉันไปแล้วนะ โชคดีล่ะ” ทาเนียโบกมือลา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าไปไหน ร่างเล็กก็ถูกตรึงบนกางเขนแสงสว่างและขังไว้กางพายุหมุน

“ทอสทำแบบนี้ยังพอเข้าใจนะ เพราะเขาเซ้าซี้ฉันมาตลอด แต่นายด้วยเหรอลอเรนโซ!!!” เด็กหนุ่มหันไปพูดด้วยความรู้สึกเหลืออด

“เดินทางกลับไปที่หมู่บ้านคนเดียวมันอันตรายนะ ยังไงก็มาพักอยู่กับพวกเราก่อนก็ได้” หัวหน้าสังกัดกลุ่มดาวนำทางเอ่ยอย่างมีน้ำใจ

“เมื่อกี้เจ้าลอเรนโซขอให้ฉันช่วยหางานที่สังกัดให้เธอด้วย ถ้ายังไม่มีที่ไปก็มาอยู่กับพวกเราเนียแหละ ที่สังกัดของเราต้องการคนดูแลสำนักงานอยู่แล้ว” หัวหน้าสังกัดพยัคฆ์ทมิฬส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไปให้เด็กหนุ่มที่ถูกคนของเขาขังอยู่

“เด็กนั้นไม่สนใจไปทำงานให้แกหรอกเว้ย ไคโร เด็กนั้นบอกกับฉันมาว่าจะไปสมัครเป็นนักผจญภัย” คริสตินเอ่ยขึ้นมากลางวง ทำให้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เหล่าหัวหน้าสังกัดจะหัวเราะออกมา

“นี่หัวเราะอะไรกันเหรอครับ” เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกมีน้ำโหเล็ก ๆ แล้ว

“ขอโทษทีจ้ะ แต่พี่สาวคิดว่าเธอควรล้มเลิกความคิดไปซะเถอะนะ งานนักผจญภัยมันอันตรายเกินไป สำหรับเด็กบอบบางอย่างเธอนะ” ดอร์เลียเอ่ยกับเด็กหนุ่มด้วยความหวังดี

“คุณเองก็เป็นผู้หญิงบอบบางไม่ใช่เหรอครับ” ร่างเล็กย้อนถามกลับหัวหน้าสังกัดสาว

“ถึงอย่างนั้นท่านหญิงดอร์เลียเธอมีพลังเวทที่แข็งแกร่งนะ เธอถึงดำรงตำแหน่งหัวหน้าสังกัดได้” โนเอลพูดขึ้น

“แต่ว่าพวกเราสัมผัสพลังเวทจากตัวเธอไม่ได้เลย แปลว่าคงมีอยู่น้อยมากเลยงั้นสินะ” หัวหน้าสังกัดกลุ่มดาวนำทางถามกับทาเนีย

“ไม่ใช่ครับ ที่ทุกคนสัมผัสพลังเวทมนตร์จากผมไม่ได้ ก็เพราะว่าในตัวผมไม่มีพลังเวทอยู่ไง” เด็กหนุ่มพูดออกไปตามจริง เหล่าหัวหน้าสังกัดก็ทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นคนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้มาก่อนเลย

“จริงเหรอทอส” ฮาวน์หันไปถามคนของตัวเองและก็ได้รับการพยักหน้าเป็นการยืนยัน

“ถ้าแบบนั้นเธอก็ยิ่งไม่ควรไปเป็นนักผจญภัยเข้าไปให้เลยนะทาเนีย” ไคโรพูดกับร่างเล็กด้วยใบหน้าจริงจัง

“นี่ ถ้าเธอไม่อยากไปเป็นเด็กรับใช้ของสังกัดพยัคฆ์ทมิฬ งั้นมาช่วยงานวิจัยของฉันไหมล่ะ เหตุผลที่ร่างกายเธอไม่มีพลังเวทฉันน่ะอยากหาคำตอบสุด ๆ ไปเลย รับรองว่าจะให้ค่าตอบแทนอย่างงามเลย” อากิระมองเด็กหนุ่มตาเป็นประกาย พลางถูมือไปด้วย ทาเนียรู้สึกหวาดผวากับท่าทีของนักวิจัยมือทองผู้นี้ไม่น้อย และคิดจะชิ่งออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จึงเริ่มใช้สกิลผู้แทรกแซงนิสัยเสียทันที

พริบตานั้นเสากางเขนแสงกับกระแสลมที่กักขังเด็กหนุ่มเอาไว้อยู่ก็สลายไป ทาเนียกลับมายืนอยู่บนพื้นอีกครั้งท่ามกลางความตกใจของทุกคน

“เมื่อกี้มัน อะไรนะ” ดอร์เลียหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวพึมพำขึ้นเบา ๆ

“ไปล่ะนะครับ” เด็กหนุ่มไม่คิดจะอธิบายใด ๆ กล่าวลาและรีบใช้สกิลเจ้าลมกรดวิ่งออกจากที่นี่ไปอย่างไม่รวดเร็ว

“ทาเนีย!!!” ทอสกับลอเรนโซเตรียมจะวิ่งตามไป แต่ก็ถูกหัวหน้าสังกัดของตัวเองรั้งเอาไว้

“ตามไปไม่ทันแล้วล่ะ” ฮาวน์เอ่ยกับเด็กหนุ่มทั้งสอง

“ว่าแต่เด็กคนนั้นใช้เวทมนตร์ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงทำลายเวทมนตร์ของพวกนายได้ล่ะ” คริสตินเอ่ยถามกับทั้งสองคน

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านผมเคยสู้กับเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาก็ทำลายเวทมนตร์ของผมได้เหมือนครั้งนี้เลย” ทอสเป็นผู้ตอบ

“เธอกับเด็กนั่นเคยสู้กันงั้นเหรอ” โนเอลเลิกคิ้วแปลกใจ

“ใช่ครับ และทาเนียก็สู้กับทอสได้อย่างดุเดือดมากด้วย ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเขาเหนือกว่าผมและก็ทอสซะอีก เล่นเอาทอสต้องใช้ลูกไม้หลอกโจมตีทีเผลอ ถึงจะชนะมาได้” ลอเรนโซเป็นเล่า เขาไม่ทางลืมเรื่องในตอนนั้นไปเด็ดขาด เพราะทาเนียน่ะดูเซ็กซี่มาก ๆ เลยเวลาที่ต่อสู้

“งั้นเขาก็ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเราคิดสินะ” ฮาวน์เอ่ยขึ้นมา

“แค่ยังไงก็สู้ คนที่มีพลังเวทที่ทรงพลังไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ” โนเอลยังคงไม่เปลี่ยนความคิด

“นั่นก็ไม่แน่หรอก เมื่อกี้เด็กนั้นวิ่งได้เร็วมากเลยนะไหนจะสลายเวทมนตร์ของคนอื่นได้อีก แกว่านี่จะใช่เวทมนตร์หรือเปล่าอากิระ” คริสตินหันไปถามนักวิจัยมือทองของอาณาจักรที่น่าจะรู้อะไรมากที่สุด

หัวหน้าสังกัดปากขนนกส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ

“ฉันเองก็ไม่แน่ใจ เพราะถ้าเป็นเวทมนตร์ละก็ฉันและพวกนายทุกคนที่นี่ก็ต้องสัมผัสถึงพลังเวทได้สิ แต่มันไม่มีเลยสักนิด” อากิระเท้าค้างอย่างครุ่นคิด

“ทาเนียเคยเล่าอะไรให้พวกนายฟังบ้างไหม” ไคโรหันไปถามสองเด็กหนุ่ม

แต่ทั้งคู่ก็ได้แต่ส่ายหัว

“ผมเคยลองถามดูแล้วครับ แค่เขาก็เบี่ยงประเด็นตลอด” ทอสตอบ

“อาจเป็นเวทมนตร์อีกศาสตร์ ที่ต่างจากพวกเราก็ได้” อากิระตั้งสมมติฐาน และทำตาเป็นประกายขึ้นมา

หัวหน้าคนอื่นเองก็รู้สึกสนใจในตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาเช่นกัน และก็เป็นคริสตินที่ก้าวเท้าออกไปเป็นคนแรก

“นายจะไปไหนน่ะ” ฮาวน์ถามเพื่อนร่วมงาน

“ปีนี้ฉันยังไม่ได้สมาชิกใหม่เลย ฉันจะเอาเจ้าเด็กนั่นเข้าในสังกัดของฉัน” หัวหน้าพระจันทร์สีเลือดตอบกลับไป

“ไม่ได้นะครับ!!!”ทอสพูดออกมาเสียงดัง

“ใช่แล้ว คริสติน นายเอาตัวเด็กคนนั้นไปไม่ได้” หัวหน้าหน่วยปากกาขนนกพูดห้ามคนร่างยักษ์ ก่อนจะเอ่ยต่อ

“เพราะเด็กนั่นต้องมาช่วยในงานวิจัยของฉัน” จบคำพูดของชายหนุ่มทุกสายตาก็มองเขาเป็นตาเดียว อย่างเหลือจะเชื่อ

“ใครดีใครได้เว้ย” คริสตินเอ่ย ก่อนจะหายเข้าไปในเงาที่พื้นและเคลื่อนย้ายออกไปเพื่อตามหาทาเนีย

คนที่ยังเหลืออยู่ต่างมองหน้ากัน และแยกย้ายกันออกไปตามหาตัวเด็กหนุ่มเพื่อให้มาอยู่ในปกครองของตน

 

✣✣✣✣

 

ทาเนียที่ไม่ได้รู้เลยว่า ตอนนี้ตัวเองกำลังโดนหมายหัว ก็กำลังไปตามร้านแผงลอยขายอาหารที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ในเมือง ประตูเมืองหลวงปิดไปแล้ว เขาเลยต้องอยู่ที่นี่อีกหนึ่งคืน ความจริงจะแอบออกไปเลยก็ได้นั่นแหละ แต่ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอก เขาอยู่ที่เมืองหลวงต่ออีกคืนก็ได้

“แล้วเราจะไปนอนไหนดีหว่า” เด็กหนุ่มเอาเนื้อเสียบไม้เข้าปากอย่างอารมณ์ดี พลางมองหาที่พักในคืนนี้ไปด้วย และหลังของเขาก็ไปชน กับอกใครบางคน

“เจอตัวสักที!!!” คนคนนั้นจับไปที่แขนของทาเนียแน่น เด็กหนุ่มจึงยกขาเตะอัดเขาไปที่ลำตัวของฝ่ายนั้นอย่างจัง จนกระเด็นถอยหลังไป

“คุณคริสติน!?” เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นคนที่มาจับตัวเอง

“แรงดีใช้ได้เลยนี่” ชายหนุ่มเอ่ยชม พร้อมยิ้มชอบใจ

“คุณคิดจะทำอะไรครับ” ทาเนียตั้งท่าระวังตัว

และนำปืนลูกซองออกมาจากไอเทมบล็อก ก่อนจะเล็งไปที่อีกฝ่าย