หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น - 4 บทที่ 4 โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

ผู้แต่ง

Patas0016

เรื่องย่อ

ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ

 

✣✣✣✣

 

ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น

ดิน

น้ำ

ลม

ไฟ

สายฟ้า

แสงสว่าง

ความมืด

 ✣✣✣✣

สกุลเงินที่ใช้กัน บิท

1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท

1 เหรียญทองแดง 10 บิท

1 เหรียญเงิน 100 บิท

1 เหรียญทอง 1,000 บิท

1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท

1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท

 

 

****Warning****

 

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ

X

Tiktok

สารบัญ

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-0 บทนำ,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-1 บทที่ 1,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-2 บทที่ 2,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-3 บทที่ 3,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-4 บทที่ 4,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-5 บทที่ 5,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-6 บททีี่ 6,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-7 บทที่ 7,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-8 บทที่ 8,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-9 บทที่ 9,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-10 บทที่ 10,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-11 บทที่ 11,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-12 บทที่ 12,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-13 บทที่ 13,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-... แจ้งจัดโปร E-book Fair,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-14 บทที่ 14,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-15 บทที่ 15,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-16 บทที่ 16,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-17 บทที่ 17

เนื้อหา

4 บทที่ 4

บทที่ 4

 

ผู้คนรอบ ๆ ก็เริ่มออกห่าง เมื่อเห็นว่าหัวหน้าสังกัดจันทร์สีเลือดกับทาเนียกำลังจะมีเรื่องกัน

“โอ้ เอาอาวุธหน้าตาแปลก ๆ ออกมาด้วย” คริสตินแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา

“คุณคิดจะทำบ้าอะไรกันครับ” ทาเนียหันปากกระบอกปืนไปหาชายหนุ่ม

คริสตินค่อย ๆ จมเข้าไปในเงามืดที่พื้น ร่างเล็กตั้งท่าระวังตัว ก่อนจะหันไปด้านหลัง กระโดดสวนไปอีกทาง และยิงไปยังคนที่โผล่ออกมาจากเงาดำ

 

ปัง

 

คริสตินเรียกกำแพงสีดำออกมาจากพื้น เพื่อป้องกันกระสุนปืนลูกซอง แต่ถึงป้องกันไว้ได้ทันความแรงของกระสุนที่ถูกยิ่งเข้าใส่ ก็ทำให้กำแพงเวทมนตร์ของเขามีรอยร้าวขนาดใหญ่ ชายผมดำมองไปที่รอยนั้นอย่างอึ้ง ๆ

“นี่ เธอมีอาติแฟกเวทมนตร์เวทมนตร์ที่อันตรายแบบนี้ได้ยังไง” คริสตินหันมาถามกับร่างเล็กอย่างจริงจัง แต่กลับไม่เห็นตัวเด็กหนุ่มที่ควรจะอยู่ตรงนั้นแล้ว

“ไปไหนแล้ววะ” ชายหนุ่มเตะลมอย่างหัวเสีย

 

✣✣✣✣

 

ด้านทาเนีย เขาอาศัยจังหวะที่ชายหนุ่มป้องกันการโจมตีของตัวเขา ใช้สกิลเจ้าลมกรดหนีออกมา เด็กหนุ่มตรงไปที่ประตูเมืองให้เร็วที่สุด เพราะหัวหน้าสังกัดหน่วยอัศวินเวทมนตร์มาไล่ล่าเขาแบบนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว แต่พอใกล้ถึงที่ประตูเมือง ตรงหน้าของทาเนียก็มีชายหนุ่มผมแดงและผมขาวรวมถึงลอเรนโซมายืนขวางหน้าไว้

ร่างเล็กค่อย ๆ ชะลอลงและหยุดต่อหน้าร่างสูงทั้งสามคนในที่สุด

“จะไปไหนเหรอ ตอนนี้ประตูเมืองปิดแล้วนะ” เซเวียเอ่ยถามกับเด็กหนุ่ม

“ทาเนีย เธอหนีไม่พ้นหรอก” ลอเรนโซพูดกับร่างเล็ก

“เมื่อกี้พวกเราได้เห็นตอนที่เธอสู้กับคริสตินแล้ว อาติแฟกต์เวทมนตร์ที่เธอเอามาใช้ พวกเราไม่เคยไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย มันคืออะไรกันแน่” ไคโรถามกับร่างเล็กอย่างคาดคั้น

“แล้วที่สำคัญก็คือ เอาอาวุธนั่นออกมาจากไหน ฉันไม่เห็นว่าเธอจะมีกระเป๋าเวทมนตร์เก็บไว้ตรงไหนเลย” อากิระที่คอยซุ่มดูอยู่ออกมาจากที่ซ่อน และมองทาเนียตาวาวอย่างตื่นเต้น

“นี่ พวกหน้าสังกัดเล่นอะไรกันอยู่ครับ” ทาเนียถามด้วยความไม่เข้าใจ

“พวกเราก็แค่กำลังสนใจในตัวเธอก็เท่านั้นเอง” หัวหน้าสังกัดปากกาขนนกเอ่ยตอบทาเนีย

“พวกคนอื่นก็ออกมาจากที่ซ่อนได้แล้ว” หัวหน้าสังกัดจิ้งจอกหิมะหันไปตะโกนใส่ความว่างเปล่า ไม่นานจากนั้นเหล่าหัวหน้าสังกัดที่เหลือก็ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน รวมถึงทอสด้วย

“เหมือนพวกเราจะมองเด็กคนนี้ผิดไปนะครับ ดูท่าแล้วจะน่าสนใจอยู่เหมือนกัน” โนเอล มองร่างเล็กอย่างประเมิน

“นี่เจ้าหนู มาอยู่สังกัดของพี่สาวไหม รับรองว่าจะดูแลอย่างดีเลย” ดอร์เลียเอ่ยชวนอย่างออกนอกหน้า

“ไม่ครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธในทันที

“เดี๋ยวเถอะ!! ยัยหนองโพ เด็กนั่นเป็นสมาชิกใหม่ของสังกัดฉันนะ อย่ามาชุบมือเปิบแบบนี้สิวะ” คริสตินที่รีบวิ่งตามร่างเล็กมา ตะโกนบอกเสียงดัง

“ชิ เจ้าตัวเขายังไม่ได้ตกลงสักหน่อย มีแต่คุณคริสตินนั่นแหละที่ทึกทักไปเอง” หญิงสาวบอกกับชายเถื่อนที่ตามมาใหม่

“แล้วไงห้ะ!? เด็กนั่นปฏิเสธเธอไปแล้ว แปลว่าต้องเข้ามาอยู่สังกัดของฉันสิ” คริสตินได้ข้อสรุปเช่นนั้น ทุกสายตาก็มองไปอย่างเอือม ๆ

“ว่าแต่เอา อาติแฟกต์เวทมนตร์ที่เธอใช้ออกมาให้ฉันดูหน่อยสิ” อากิระเอ่ยขอกับเด็กหนุ่ม

“ไม่ครับ” ทาเนียยังปฏิเสธเช่นเดิม

“เอาออกมาเลยทาเนีย อาติแฟกต์เวทมนตร์ที่เธอใช้ เป็นอาวุธที่อันตรายมากเลยนะ เราต้องขอเอาตรวจสอบเพื่อความปลอดภัยของทุกคน” ฮาวน์สั่งคนที่เด็กกว่าเสียงเข้ม

“ใช่แล้ว ถึงขั้นทำให้กำแพงเวทที่ฉันสร้างมีรอยร้าวขนาดนั้น ไม่ธรรมดาเลย” หัวหน้าสังกัดจันทร์สีเลือดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ เธอมีอาติแฟกต์เวทมนตร์ได้ยังไง ขโมยมาอย่างนั้นเหรอ” โนเอลตั้งขอสงสัย เพราะอาติแฟกต์เวทมนตร์หายากและมีราคาแพงมาก ไม่มีทางที่คนทั่วไปอย่างเด็กคนนี้จะมีได้

แล้วทาเนียก็ได้รับสายตากดดันจากเหล่าหัวหน้าสังกัด

“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ขโมยมาสักหน่อย ผมสร้างอาวุธชิ้นนั้นขึ้นมาเอง แล้วมันก็ไม่ใช่อาติแฟกต์เวทมนตร์ด้วย” เด็กหนุ่มเถียงการใส่ร้ายของหัวหน้าสังกัดตาชั่งแห่งความมั่งคั่ง

“ทาเนียไม่ทางไปขโมยของคนอื่นหรอกครับ ผมที่โตมาด้วยกันกับเขา มั่นใจว่าขาไม่มีทางเป็นคนแบบนั้นแน่ครับ”

“ใช่ครับ ผมขอยืนยันอีกเสียง”

ทอสและลอเรนโซช่วยพูดปกป้องคนตัวเล็ก

“อย่างนี้นี่เอง” โนเอล พยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้ายังคงไม่เชื่อเท่าไหร่

“ถ้าไม่เชื่อ ก็เอาไปดูเองก็ได้ครับ อาติแฟกต์เวทมนตร์จะมีพลังเวทแผ่ออกมาใช่ไหมล่ะ แต่ปืนนี่น่ะไม่มีหรอก” สุดท้ายทาเนียก็ต้องเอาปืนลูกซองออกมาจากไอเทมบล็อก หัวหน้าสังกัดปากกาขนนกรับปืนจากมือของทาเนียไปตรวจสอบดู สักพักก็เอ่ยออกมา

“จริงด้วย อย่างที่เด็กคนนี้ว่าเลย นี่ไม่ใช้อาติแฟกต์เวทจริง ๆ ฉันสัมผัสถึงพลังเวทไม่ได้เลย”

“ฉันก็เหมือนกัน พวกนายก็ด้วยใช่ไหม” ฮาวน์เอ่ย และหันไปถามกับหัวหน้าคนอื่น

เหล่าหัวหน้าสังกัดที่เหลือก็พยักหน้าตอบกลับมา

“แต่ว่าอาวุธนี่ ถูกสร้างมาอย่างดีเลยนะเนี่ย แข็งแรงทนทานแต่ก็น้ำหนักเบา มีดที่อยู่ตรงส่วนปลายนี่ก็คมมากเลย เธอสร้างมันมายังไงเหรอ?” นักวิจัยของอาณาจักรเอ่ยถามกับเด็กหนุ่ม

“ก็ใช้ของหาได้จากแถวหมู่บ้านนั่นแหละครับ” ทาเนียถามแบบรวม ๆ ปืนลูกซองอันนั้นเขาใช้สกิลเพอร์เฟคคราฟสร้างขึ้นมา แค่รวบรวมของที่ต้องใช้มาเขาก็สร้างได้แล้ว และปืนลูกซองกระบอกนี้ก็สามารถยิงติดต่อกันได้หกนัด ก่อนจะต้องรอสามวินาที เพื่อให้กระสุนรีโหลดใหม่

“สุดยอดเลย” อากิระตาเป็นประกาย

“เมื่อกี้เธอบอกว่ามันคือปืนใช้ไหม รูปลักษณ์มันต่างจากปืนใหญ่หรือปืนคาบศิลาที่ฉันเคยเห็นอยู่นะ” ไคโรมองปืนที่ทาเนียสร้างอย่างพินิจ

“มันเรียกว่าปืนลูกซองครับ ยิ่งในระยะใกล้เท่าไหร่ความเสียหายก็ยิ่งหนัก” ทาเนียอธิบาย

“แล้วการที่เธอยิงมันใส่ฉันก่อนหน้านี้ นี่มันหมายความว่าไง!!! จะฆ่ากันให้ตายเลยงั้นเหรอ” คริสตินที่คิดตามก็โวยวายใส่เด็กหนุ่มออกมา ถ้าเมื่อกี้เขาป้องกันไม่ทันคงเละไปแล้ว

“แต่คุณก็ไม่เป็นไรนี่ครับ แล้วก็เป็นคุณด้วยที่มาจู่โจมผมก่อน” ร่างเล็กพูดออกมาอย่างเย็นชา

“ใช่แล้วค่ะ เป็นคุณที่ไปคุกคามทาเนียเขาก่อน ฉันเห็นเต็มสองตาเลย” หัวหน้าสังกัดบุปผาสวรรค์ หันไปมองคริสติน อย่างกล่าวโทษ หัวหน้าสังกัดคนอื่นก็เช่นกัน

“เฮ้ย!! ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่จะชวนเด็กนั่นเข้าสังกัดฉันก็แค่นั้น” ชายผมดำแก้ต่างให้ตัวเอง

“แต่ตอนนั้นคุณไม่เห็นพูดอะไรเลย เอาแต่มองผมด้วยสายตาโรคจิต” ทาเนียหรี่ตามองชายร่างยักษ์อย่างไม่ไว้ใจ ทำให้สถานการณ์ของคริสตินแย่ลงไปอีก

“ไม่ใช่สักหน่อย!!” คริสตินพูดด้วยหน้าตาน่ากลัว แต่ก็ไม่มีใครสนใจแล้ว

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ผมขอปืนของผมคืนด้วย” ทาเนียไปเอาปืนคืนจากหัวหน้าสังกัดปากกาขนนก และเก็บมันกลับไอเทมบล็อก

“นี่ก็เหมือนกัน เธอเอามันไปเก็บไว้ตรงไหนงั้นเหรอ กระเป๋าเวทมนตร์งั้นสินะเอาออกมาให้ดูหน่อยสิ” อากิระมองสำรวจทาเนียทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวา เพื่อหากระเป๋าเวทมนตร์

“ในเมื่อจบเรื่องทุกอย่างแล้ว งั้นผมขอตัวนะครับ แล้วไม่ต้องตามมาชวนผมไปเข้าสังกัดแล้วด้วย เพราะไม่ว่ายังไงคำตอบก็คือ ไม่!!” ร่างเล็กพูดออกมาให้ชัดเจน และหันหลังเพื่อเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย!” คริสตินเข้ามายืนขวางหน้า

“นี่เธอ ชื่อทาเนียใช่ไหม มาช่วยการวิจัยของฉันเถอะนะ รู้สึกได้ว่าจะต้องเป็นการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่แน่นอน แล้วฉันจะให้ผลตอบแทนกับเธออย่างงามเลยด้วย” อากิระเข้ามากุมมือของทาเนียและเอ่ยขอร้อง

“ก็บอกไปแล้วนี่ครับว่า ไม่” ทาเนียดึงมือของตัวเองออก

“ไปไกล ๆ เลยไอ้หัวไข่ นี่เป็นสมาชิกใหม่ของฉัน ไม่ยกให้แกหรอกนะ” คริสตินผลักหัวอากิระให้ออกห่างจากเด็กหนุ่ม

“แกนี่ไปกันใหญ่แล้วนะ เด็กนั่นก็บอกอยู่ว่าไม่อยากไปกับแก” ชายหนุ่มเถียงกลับ

แล้วชายผมดำทั้งสองก็ตั้งท่าจะมีเรื่องกัน คริสตินชักดาบที่เอวออกมาจากฝักและห่อหุ้มด้วยเวทความมืด อากิระก็สร้างก้อนหินขนาดใหญ่มาหมุนวนรอบตัวนับสิบ เตรียมพร้อมโจมตี แต่ก่อนจะเกิดอะไรขึ้นฮาวน์ก็เอ่ยห้าม

“พอเลย พวกนายทั้งคู่ ถ้ามีเรื่องกันที่นี่ คนทั่วไปจะมองอัศวินเวทมนตร์อย่างพวกเรายังไงล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนอย่างจริงจัง อากิระและคริสตินจึงยอมรามือไป

“คุณนี่เป็นคนดีจังเลยนะครับ” ทาเนียกล่าวชม

“ก็มันเป็นหน้าที่นี่ อัศวินเวทมนตร์ก็ต้องรักษาความสงบสุขของอาณาจักรและประชาชน” ชายสวมหน้ากากพูดอย่างราบเรียบ

ทาเนียพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะใช้สกิลท่องยมโลกเพื่อทำให้ล่องหนและทะลุสิ่งกีดขวางได้และต่อด้วยสกิลเจ้าลมกรดวิ่งผ่านประตูเมืองหลวงที่ปิดแล้วออกไป

เหล่าหัวหน้าสังกัด รวมถึงทอสและลอเรนโซ แสดงความตกใจออกมาที่อยู่ ๆ ร่างเล็กก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

“หนีไปอีกแล้ว ต้องรีบตามไป เฮ้ย!” คริสตินพูดอย่างอารมณ์เสีย และกำลังจะรีบตามร่างเล็กไป แต่เพียงแค่ก้าวขาตัวเขาก็ต้องล้มคว่ำหน้าลงไปที่พื้น

“นี่มันคือบ้าอะไรวะเนี่ย” พอก้มลงมองที่เท้าก็เห็นเส้นใยสีขาวพันอยู่ที่เท้าของเขาหนามาก จนทำให้เดินไม่ได้

“โอ๊ย!”

“ว้าย!”

“เอ๊ะ!”

“เออะ!”

“เฮ้ย!”

ไม่นานจากนั้นอื่น ๆ ก็ล้มลงที่พื้นตามคริสติน และที่ขาของทุกคนก็มีเส้นใยสีขาวมัดไว้อยู่เช่นกัน

“เด็กคนนั้นคงทำเอาไว้ ไม่ให้พวกเราตามไปได้สินะ” ฮาวน์พูดขึ้น แม้ใส่หน้ากากอยู่แต่คนรอบ ๆ ก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังหัวเราะอยู่จากน้ำเสียง

“แม้แต่พี่สาวก็โดนไปด้วยเหรอ!! ใจร้าย!!!” ดอร์เลียพูดอย่างตัดพ้อ

“หน็อย กล้าทำกันได้ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ล่ะน่าดู” หัวหน้าสังกัดจันทร์สีเลือดหมายหัวเด็กหนุ่มไว้ในใจ

ทอสและลอเรนโซ มีสีหน้ากังวล เพราะพวกเขาไม่รู้ได้เลยว่าคนตัวเล็กจะไปไหนแล้ว ไคโรที่เห็นจึงได้พูดขึ้น

“พวกนายสองคน ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันพอมีเส้นสายกับกิลด์นักผจญภัยอยู่ ถ้าเด็กคนนั้นไปเป็นนักผจญภัยจริง ๆ คงพอตามสืบได้แหละว่าไปอยู่ไหน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เด็กตัวสูงทั้งสองก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น

“ใย บ้านี่ หนาอะไรขนาดนี้วะ” คริสตินโวยวายพลางใช้ดาบฟันไปที่ใยที่ข้อเท้าไปด้วย แต่ดาบสั่งทำพิเศษของเขาก็ฟันเส้นใยพวกนั้นแทบไม่เข้าเลย และเขาก็ใส่พลังเวทลงในดาบเพื่อฟันเส้นใยให้ขาด แต่มันก็ทำให้ฟันได้ลึกขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ชายหนุ่มก็ยิ่งหัวเสียขึ้นไปอีก

ไคโรจึงได้ใช้เวทธาตุไฟของตัวเอง เผาทำลายเส้นใยที่ข้อเท้าที่น่าจะมีไฟเป็นจุดอ่อน แต่ใยพวกนั้นก็ไม่ติดไฟของเขาเลย คนผมแดงจึงต้องเพิ่มความร้อนของไฟขึ้นเรื่อย ๆ เส้นใยถึงเริ่มละลายอย่างช้า ๆ

“ใยพวกนี้ทนความร้อนด้วย ขนาดฉันใช้ไฟอุณหภูมิเกินพันไปแล้วยังแทบยังไหม้ช้ามากเลย” เมื่อผู้ใช้เวทธาตุไฟที่เก่งกาจถึงกับพูดออกมาแบบนี้ คนรอบ ๆ ก็เบิกตากว้าง และรีบใช้เวทมนตร์ของตัวเองทำลายเส้นใยที่มัดอยู่ที่เท้า

“ยิ่งแช่แข็งก็ยิ่งแน่นเข้าไปอีกแฮะ” เซเวียพูดออกมาพลางเหงื่อตก ตอนนี้เขาไม่สามารถขยับได้แล้ว

“ใยที่คุณสมบัติดีขนาดนี้ น่าเอาไปวิจัยจริง ๆ ไม่อยากทำลายเลย” อากิระมองไปที่เส้นใยที่เท้าอย่างเสียดาย

“งั้นแกก็ตัดขาตัวเองไปแทนเลยสิวะ ใยพวกนั้นมันจะได้ไม่เป็นไร” คริสตินพูดประชดอากิระ ที่มาเนิร์ดไม่รู้จักเวล่ำเวลา

“ทาเนียใจร้ายเกินไปแล้วววววว” ดอร์เลียคร่ำครวญออกมาเสียงดัง

พวกเขาต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงถึงจะหลุดออกมาจากเส้นใยของทาเนียได้

 

✣✣✣✣

 

ทาเนียกำลังเดินเข้าไปในป่าเรื่อย ๆ ตามทางเดิน เพื่อไปยังเมืองลูซที่อยู่ไม่ห่างจากเมืองหลวง เขากะว่าจะไปลงทะเบียนที่กิลด์นักผจญภัยที่นั่น

กว่าพวกหัวสังกัดจะหลุดออกมาจากใยของเขาได้คงจะใช้เวลาอีกสักพักเลย เพราะมันทั้งเหนียวและก็ทนทานเป็นอย่างมาก สกิลนี้น่ะ ทาเนียใช้มันจนเชี่ยวชาญจนมันเลื่อนขั้นจากสกิลปล่อยใยธรรมดาเป็นสกิลใยเทวะเลยนะ ถ้าเขาไม่ปลดสกิลให้ ก็ไม่ทางหลุดออกมาง่าย ๆ แน่

“เล่นหัวหน้าสังกัดไปแบบนี้ เราจะโดนตั้งค่าหัวไหมล่ะเนี่ย” เด็กหนุ่มหันไปมองยังเมืองหลวงที่อยู่ห่างออกไปลิบ ๆ

‘คงไม่หรอก’ ร่างเล็กคิดบวกเข้าไว้ เพราะจากที่เห็นหัวหน้าสังกัดทุกคนก็เป็นคนดีพอสมควรเลย คงไม่มาโกรธแค้นเขาเพราะเรื่องแค่นี้หรอก

ทาเนียจึงหาจึงจุดกองไฟและตั้งแคมป์ค้างคืนในป่า ร่างเอาถุงนอนที่คราฟมาเองออกมาวาง และจุดเทียนหอมที่มีเอฟเฟคไล่สัตว์อสูร ไม่ให้เข้ามาใกล้ระหว่างที่เขาหลับ ก่อนจะนำไข่ปริศนาออกมาจากไอเทมบล็อก

ตั้งแต่ได้มาเขาก็ไม่ได้สนใจมันอีกเลย เพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ แต่ตอนนี้คงได้เวลาฝักมันแล้วสักที

 

ทำการฟักไข่หรือไม่

YES/NO

 

หลังจากที่ทาเนียทำการตกลงไปแล้ว เวลานับถอยหลังก็เริ่มขึ้น

อีกหกชั่วโมง

“งั้นนอนก่อนแล้วกันพรุ่งนี้ ค่อยตื่นมาดู” เด็กหนุ่มสอดตัวเองเข้าไปยังถุงนอน และกอดไข่ใบนั้นเอาไว้แน่น

 

แผล็บ

 

“ขออีกห้านาทีน่าทอส” ทาเนียเอ่ยกับสิ่งที่มารบกวนความฝันอันแสนหวานของตัวเองโดยที่ไม่ลืมตา และนึกว่ามันเป็นทอสที่มาปลุกตัวเองในตอนเช้า ร่างเล็กพยายามขยับหน้าหลบเจ้าสิ่งนั้น แต่มันก็ยังตามมารบกวนเขาไม่เลิก จนที่สุดทาเนียก็ต้องยอมลืมตาขึ้นมามองเจ้าสิ่งที่รบกวนการนอนของเขา

เจ้าสิ่งนั้นเอียงคอมมองมาที่เขาอย่างน่ารัก มันคือเจ้าแมวดำขนฟูที่มีขนสีขาวคล้ายปานรูปเปลวไฟอยู่ตรงกลางหัว ที่เท้าทั้งสี่ของมันมีขนฟู ๆ สีขาวที่เหมือนเป็นถุงเท้า ดวงตาสีไวโอเลต หางยาวและที่ปลายหางก็มีไฟสีม่วงลุกโชนอยู่

 

เหมียว

 

เจ้าเหมียวร้องอรุณสวัสดิ์เขาเสียงใส

ทาเนียกำลังสับสนว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เพราะเขาจุดเทียนหอมไล่สัตว์อสูรไปแล้ว และมันก็ยังไม่หมดฤทธิ์ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไข่เมื่อคืนคงฝักออกมาแล้ว

ทาเนียจึงลุกขึ้นมานั่ง และจับเจ้าแมวน้อยขึ้นมาดู ซึ่งมันก็ยินยอมและไม่ดิ้นขัดขืน และร่างเล็กก็ใช้สกิลประเมินกับมัน

 

ชื่อ (ไม่มี)

เผ่าพันธุ์: แมว (กลายพันธุ์) สถานะ: อสูรรับใช้ของทาเนีย

เวทมนตร์ที่ใช้ได้: เวทธาตุวิญญาณ

สกิลเฉพาะตัว: ลางสังหรณ์ (รับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าได้) ประตูสู่โลกวิญญาณ (สามารถนำพาคนเป็นไปยังโลกของคนตายได้) สาปแช่ง (ผู้ที่มาทำร้ายมันโดยการสัมผัสตัว จะถูกคำสาปร้ายแรงและจะ ค่อย ๆตายลงอย่างช้า ๆ และทรมาน) ผูกวิญญาณ (ตัวมันจะผูกวิญญาณไว้กับเจ้าของ ไม่ว่าจะตายกี่ครั้งก็จะคืนชีพขึ้นมาได้ ตราบที่เจ้าของยังอยู่)

 

ทาเนียได้อ่านของมูลของเจ้าเหมียวก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ เห็นหน้าตาน่ารักแบบนี้แต่ว่าน่ากลัวใช่ย่อยเลย ในข้อมูลของมันเองก็บอกว่าเป็นอสูรรับใช้ของเขาแล้วด้วย แปลว่าเขาไม่ต้องวุ่นวายไปหาวิธีทำพันธสัญญากับเจ้านี่ แบบนี้ก็สะดวกดี เขาถูกใจมากเลย

“ต้องตั้งชื่อให้แกด้วยสินะ เอาเป็นอะไรดีอ่ะ” ร่างเล็กวางเจ้าแมวลงที่ตัก พลางลูบหัวไล่ไปจนถึงโคนหางของมัน เจ้าเหมียวก็ร้องเพอร์ออกมาอย่างอารมณ์ดี

 

Purrrrrrr

 

“ชื่อโคลเอ้ ชอบไหม” ทาเนียก้มหน้าถามเจ้าเหมียว

 

เหมียว!

 

เจ้าแมวขานรับและเอาหัวมาถูกับตัวของเขา คงแปลว่าชอบนั่นแหละ และเจ้าเหมียวก็ได้ชื่อว่าโคลเอ้ไปนับแต่นั้น

ทาเนียวางเจ้าโคลเอ้ลงที่พื้น และเริ่มเก็บข้าวของเข้าไอเทมบล็อก และจากนั้นก็หันไปเรียกเจ้าเหมียว

“ไปกันเถอะโคลเอ้ ใกล้ถึงเมืองแล้ว ค่อยไปหาอะไรกินกันที่นั่น” ร่างเล็กบอกกับอสูรรับใช้ของเขา

 

เหมียว

 

เจ้าโคลเอ้รับคำ ก่อนจะกลายเป็นลูกไปสีม่วงและลอยเข้าไปอยู่ในตัวของเจ้าของ

ทาเนียเบิกตากว้างด้วยตกใจกับสิ่งที่โคลเอ้พึ่งทำไป

“นี่แกเข้ามาสิงอยู่ในตัวของฉันได้ด้วยเหรอโคเอ้” เด็กหนุ่มเอามือทาบที่กลางอกของตัวเอง เขารับรู้ได้เลยว่ามีเจ้าโคลเอ้อยู่ในตัวของเขา แบบนี้เวลาคับขัน เขาก็ให้มันมาสิงอยู่กับเขาเพื่อความปลอดภัยได้ด้วย

แล้วทาเรียก็ใช้สกิลเจ้าลมกรดเพื่อไปยังเมืองลูซให้เร็วขึ้น วันนี้เขามีหลายอย่างที่ต้องทำเช่นเคย

เริ่มจากไปที่กิลด์นักผจญภัยก่อนเลยเป็นอย่างแรก….