หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น - 5 บทที่ 5 โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

ผู้แต่ง

Patas0016

เรื่องย่อ

ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ

 

✣✣✣✣

 

ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น

ดิน

น้ำ

ลม

ไฟ

สายฟ้า

แสงสว่าง

ความมืด

 ✣✣✣✣

สกุลเงินที่ใช้กัน บิท

1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท

1 เหรียญทองแดง 10 บิท

1 เหรียญเงิน 100 บิท

1 เหรียญทอง 1,000 บิท

1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท

1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท

 

 

****Warning****

 

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ

X

Tiktok

สารบัญ

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-0 บทนำ,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-1 บทที่ 1,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-2 บทที่ 2,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-3 บทที่ 3,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-4 บทที่ 4,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-5 บทที่ 5,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-6 บททีี่ 6,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-7 บทที่ 7,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-8 บทที่ 8,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-9 บทที่ 9,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-10 บทที่ 10,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-11 บทที่ 11,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-12 บทที่ 12,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-13 บทที่ 13,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-... แจ้งจัดโปร E-book Fair,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-14 บทที่ 14,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-15 บทที่ 15,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-16 บทที่ 16,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-17 บทที่ 17

เนื้อหา

5 บทที่ 5

บทที่ 5

 

ทาเนียสูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด นี่สินะกลิ่นของความรู้สึกอิสระ ตอนอยู่ที่โลกก่อนไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้เลย

“แกชอบเหมือนกันไหมโคลเอ้” เด็กหนุ่มถามกับเจ้าแมวที่อยู่ในตัว

 

ง้าวววว

 

มันร้องตอบกลับมาเสียงหวาน

หลังจากที่เข้าเมืองมาได้ร่างเล็กและเจ้าเหมียวก็ไปหาอาหารทานให้อิ่มท้อง ทาเนียซื้อเนื้อเสียบไม้ย่าง และไปหาที่ลับตาคนให้เจ้าโคลเอ้ออกมาจากตัวเขาเพื่อกินอาหาร ซึ่งมันก็ชอบมาก กินจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะกลับเข้ามาอยู่ในตัวเขาเช่นเดิม

แล้วจากนั้นเด็กหนุ่มก็มาเดินหากิลด์นักผจญภัย ไม่นานก็เจออาคารขนาดปานกลาง มีป้ายไม้สัญลักษณ์ดาบไขว้กันห้อยอยู่บนประตู ร่างเล็กจึงเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่รีรอ ด้านในมีเหล่านักผจญภัยหลายสิบคนกำลังเลือกภารกิจกันอยู่บนบอร์ด หรือไม่ก็นั่งพูดคุยกันอยู่ที่ห้องรับรอง ทาเนียเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของกิลด์ที่มีพนักงานสาวสวยนั่งอยู่

“เจ้าหนูมีอะไรให้ช่วยรึเปล่าจ๊ะ” ทันทีที่พนักงานสาวเห็นทาเนียก็เอ่ยถามขึ้น พร้อมรอยยิ้มใจดี

“คือผมจะมาสมัครเป็นนักผจญภัยครับ” เด็กหนุ่มบอกความต้องการของตน

พนักงานสาวเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอดูเด็กมาก ๆ ถ้าจะสมัครเข้ามาเป็นนักผจญภัยต้องมีอายุอย่างต่ำสิบห้าปี ถึงเด็กคนนี้น่าจะอายุถึงแล้วก็เถอะ แต่บอบบางแบบนี้ไม่น่าจะเหมาะมาเป็นนักผจญภัย คนภายนอกอาจจะมองว่ามันเหมือนง่าย แต่งานนักผจญภัยมันมีอะไรกว่าที่คิด และเป็นอาชีพที่เสี่ยงตายเป็นอย่างมาก ตัวนักผจญภัยจะต้องหาอาวุธหรืออุปกรณ์ด้วยตัวเองไม่สามารถมาร้องขอจากทางกิลด์ได้ และกิลด์นักผจญภัยจะไม่รับผิดชอบใด ๆ นักผจญภัยเสียชีวิตหรือพิการจากการทำภารกิจในทุกกรณี

“ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่แล้วหรือจ๊ะ” พนักงานสาวเอ่ยถามกับเด็กหนุ่ม

“ผมอายุ18แล้วครับ” ทาเนียตอบเธอกลับไป

พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ เพราะเด็กหนุ่มตรงหน้าดูเด็กกว่าอายุจริง ไม่น่าเชื่อว่าจะอายุสิบแปดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ต้องเตือนเด็กคนนี้ให้รู้ถึงความอันตรายของอาชีพนักผจญภัย

“เธอรู้ใช่ไหม ว่างานนักผจญภัยเป็นงานที่เสี่ยงอันตรายมาก และทางกิลด์จะไม่รับผิดชอบใด ๆ กับความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย แน่ใจนะว่าจะสมัครเข้าเป็นนักผจญภัยจริง ๆ” พนักงานสาวพูดเสียงเรียบ เพื่อให้เด็กตรงหน้าตระหนักถึงความน่ากลัว แต่กลับไม่เป็นผลกับทาเนีย

“ผมรู้อยู่แล้วครับ และผมก็อยากเป็นนักผจญภัยจริง ๆ เพราะงั้นขอใบสมัครด้วยครับ” ร่างเล็กยืนกรานอย่างชัดเจน

พนักงานสาวจึงพยักหน้าเข้าใจ และหยิบใบสมัครและปากกาขนนกไปให้เด็กหนุ่มกรอกข้อมูล

“ถ้าเขียนเสร็จแล้วก็เอามาให้พี่นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะให้ภารกิจเพื่อทดสอบว่าเธอมีคุณสมบัติเป็นนักผจญภัยหรือเปล่า” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มใจดี

ทาเนียอ่านในใบสมัครดูว่าเขาจะต้องกรอกอะไรบ้าง

 

ชื่อ:

ภูมิลำเนา:

เวทมนตร์ที่ใช้ได้:

คลาส: อาวุธที่ใช้:

 

ทาเนียใส่ข้อมูลของตัวเองลงไป เขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็เลยเขียนว่าไม่มี ส่วนอาวุธก็เป็นปืนลูกซองและมีดสั้น แต่ว่าคลาสเนี่ยสิที่ร่างเล็กไม่รู้จะใส่คลาสอะไรลงไปดี เขาใช้ปืนจะใส่เป็นดีลเลอร์ระยะไกล (พลซุ้มยิง) ก็ได้นั่นแหละ แต่มันดูธรรมดาไปหน่อย และเขาก็ไม่ได้ใช้ปืนตลอดด้วย ลักษณะการต่อสู้ของเขาที่ผ่านมันก็ก้ำกึ่งระหว่างฮันเตอร์ (นักล่า) กับสเคาท์ (นักสอดแนม) ถ้าเช่นนั้นก็เป็น สกาเวนเจอร์ (นักกู้ซาก) แล้วกัน

หลังจากที่กรอกข้อมูลใส่ในใบสมัครเสร็จ ร่างเล็กก็เอามันไปส่งให้พี่สาวพนักงาน เธอรับไปอ่านได้เพียงครู่เดียวก็ขมวดคิ้ว และเงยหน้าขึ้นมามองเด็กหนุ่ม

“เธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้จริง ๆ อย่างนั้นเหรอ” เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ

“เรื่องจริงครับ ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้จริง ๆ” ทาเนียยืนยัน

“ถ้างั้นเธอก็ยิ่งไม่ควรมาเป็นนักผจญภัยเลยนะ” พนักงานสาวพูดอย่างจริงจัง

“แล้วปืนลูกซองกับคลาสสกาเวนเจอร์นี่คืออะไร” เธออ่านข้อมูลในใบสมัครของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“ปืนลูกซองเป็นอาวุธที่ผมสร้างขึ้นมาครับ คล้าย ๆ กับธนูหรือหน้าไม้นั่นแหละครับ ส่วนคลาสสกาเวนเจอร์ก็คือคนกู้ซากครับ คอยตระเวนไปตามซากเมืองต่าง ๆ คอยหาของที่ยังใช้การได้” ทาเนียอธิบาย อีกฝ่ายก็รับฟังแต่ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ดี

“การที่เธอใช้เวทมนตร์ไม่ได้เนี่ย มันเป็นปัญหาใหญ่มากเลยนะ ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเธอจะเอาตัวรอดมายังไง ขอโทษด้วยพี่คงให้เธอสมัครเป็นนักผจญภัยไม่ได้” พนักงานสาวแสดงสีหน้าสงสารออกมา แต่เธอก็ต้องเด็ดขาด

“อย่างน้อยก็ให้ผมทำภารกิจทดสอบก่อนได้ไหมครับ ถ้าผมไม่ผ่านก็ค่อยว่ากัน” ร่างเล็กพูดขอร้อง ในโลกที่เวทมนตร์คือทุกสิ่ง คนที่ไม่มีพลังเวทแบบเขาจึงได้ถูกตัดโอกาสไปหลายอย่าง ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเริ่มด้วยซ้ำ

“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” ชายวัยประมาณห้าสิบปี เดินเข้ามาถาม ชายคนนี้แม้จะดูมีอายุแล้ว แต่ยังมีร่างกายที่กำยำแข็งแรงและน่าเกรงขาม น่าจะเป็นนักผจญภัยที่มากฝีมือคนหนึ่ง ชายสูงวัยมองที่เด็กหนุ่มอย่างสงสัย

“คือเด็กคนนี้ มาสมัครเป็นนักผจญภัยค่ะมาสเตอร์ แต่ฉันประเมินแล้ว เด็กคนนี้มีคุณสมบัติไม่เพียงพอก็เลยปฏิเสธไป” พนักงานสาวรายงานเจ้านายของเธอ แท้จริงแล้วชายคนนี้ก็คือกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยแห่งเมืองลูซนี่เอง

“ฉันขอดูใบสมัครของเขาหน่อย” กิลด์มาสเตอร์ผมขาวเอ่ยขอใบสมัครของทาเนียจากพนักงานของตน

และเมื่อได้อ่านแล้ว เอ็ทเวิร์ดที่มีประสบการณ์เป็นนักผจญภัยมาเกือบสีสิบปี ก็หันมาพูดกับทาเนียด้วยใบหน้าหนักใจ

“เฮ้อ เลิกคิดที่จะเป็นนักผจญภัยเถอะเจ้าหนู ฉันก็ดูแล้วก็ไม่คุณสมบัติพอจริง ๆ นั่นแหละ” ชายสูงวัยถอนหายใจออกมา

“แต่ผมก็ควรได้ทดสอบก่อนสิ ไม่ใช่มาตัดสินว่าผมไม่ผ่านตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแบบนี้” ร่างเล็กพูดเถียง แต่ก็ไม่มีใครคิดจะฟัง

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง” กิลด์มาสเตอร์สูงวัยเอ่ยพลางลูบกลุ่มผมสีไวน์แดงของเด็กหนุ่ม

“ผมมาจากหมู่บ้านฮาลาร์ครับ และก็ไม่ต้องไปส่งด้วย ผมจะกลับเองตอนที่อยากกลับ” ทาเนียพูดเสียงแข็งและเอามือของอีกฝ่ายออกจากหัว

“แถบชายขอบเลยนะนั่น เธอถ่อมาสมัครเป็นนักผจญภัยที่นี่เลยอย่างนั้นเหรอ” เอ็ทเวิร์ดเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเมืองลูซ อยู่ไกลจากหมู่บ้านของเด็กหนุ่มเป็นอย่างมาก

“เปล่า เพื่อนที่หมู่บ้านของผมสองคน มาสอบคัดเลือกเพื่อเข้าเป็นอัศวินเวทมนตร์ที่เมืองหลวง ด้วยเหตุผลบางอย่างผมก็เลยต้องติดตามมาด้วย” ร่างเล็กตอบกลับออกไป

“เพราะอย่างนี้ ถึงมาไกลบ้านขนาดนี้ได้อย่างปลอดภัยสินะ” ร่างสูงพึมพำเบา ๆ แต่ทาเนียก็ได้ยินชัดเจน นี่คนคนนี้คิดว่าที่เขามาถึงนี่ได้อย่างครบสามสิบสอง เป็นเพราะคอยพึ่งพาทอสกับลอเรนโซให้ปกป้องงั้นสิ

“ผมขอตัวนะครับ ขอโทษที่มารบกวน” เมื่อรู้ว่าเสียเวลาเปล่า ทาเนียจึงจะออกจากที่นี่ซะ แต่ก็ถูกกิลด์มาสเตอร์รังแขนเอาไว้

“คิดจะไปไหนเหรอ ต่อจากนี้จะเอายังไงต่อ” เอ็ทเวิร์ดถามกับร่างเล็กด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ก็ไม่ยังไง ผมก็จะไปตามทางของผม” ทาเนียตอบไปตามตรงด้วยท่าทีสบาย ๆ ทำให้กิลด์มาสเตอร์รู้สึกเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม

“ตัวก็เล็ก เวทมนตร์ใช้ไม่ได้ ถ้าเธอออกจากเมืองไปตัวคนเดียว ได้โดนก็อบลิน ลากไปรุมโทรมแน่ ๆ” เอ็ดเวิร์ดมองเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยขึ้น

“นี่!!!” ทาเนียจ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ มันจะดูถูกเขามากเกินไปแล้ว ถึงจะไม่ได้ไกล แต่เขาก็เดินจากเมืองหลวงมาที่เมืองนี้ด้วยตัวคนเดียวนะ

“ตามมานี่ เดี๋ยวฉันจะหานักผจญภัยไปส่งเธอที่หมู่บ้าน” ร่างสูงลากแขนเด็กหนุ่ม เพื่อไปหานักผจญภัยที่ยังว่างานอยู่เพื่อพาเด็กหนุ่มไปส่ง

“ปล่อยเลย บอกแล้วไงว่าผมจะกลับตอนที่อยากกลับ” ทาเนียสะบัดแขนออกจากมือของชายชรา

“นี่!! อย่าดื้อได้ไหมทาเนีย!!” เอ็ทเวิร์ดเรียกชื่อของเด็กหนุ่มเสียงดัง เขารู้ชื่อของเด็กคนนี้จากการอ่านใบสมัคร เขาดึงแขนร่างเล็กให้กลับมา และจับเจ้าเด็กดื้อให้แน่นขึ้น

เมื่อเขาทั้งสองเริ่มมีปากเสียงกันนักผจญภัยที่อยู่ในกิลด์ก็เริ่มหันมาสนใจ เหตุการณ์เริ่มวุ่นวายมากขึ้น

“พอกันที” ทาเนียอยากออกตรงนี้ให้เร็วที่สุดจึงได้จับร่างสูงเหวี่ยงทุ่มลงกับพื้น

“อัก!!” เอ็ทเวิร์ดร้องออกด้วยความจุกจากการกระแทกพื้นอย่างแรง

“แบบนี้ยังจะว่าผมดูแลตัวเองไม่ได้อยู่อีกไหม” ทาเนียพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเปิดใช้สกิลเจ้าลมกรดวิ่งหนีไปทางประตู

“เป็นอะไรไหมคะมาสเตอร์” พนักงานสาวรีบเข้ามาช่วยพยุงกิลด์มาสเตอร์

“แรงเยอะเป็นบ้าเลย เด็กสมัยนี้” เอ็ทเวิร์ดบนออกมาเสียงเบา นักผจญภัยคนอื่นก็มองที่เขาและพากันซุบซิบ น่าอายชะมัดที่โดนเด็กที่สูงไม่ถึงอกตัวเองจับทุ่มเนี่ย

“ส่งคนไปตามดูเด็กคนนั้นที ถ้าเขาเจออันตรายก็ให้ช่วยและพากลับมา” พอลุกขึ้นยืนได้ กิลด์มาสเตอร์ก็หันมาสั่งกับคนของตัวเอง

“รับทราบค่ะ” พนักงานสาวรับคำสั่ง และรีบไปหานักผจญภัยสายสเกาท์เพื่อส่งไปตามดูเด็กหนุ่มทันที

 

✣✣✣✣

 

ทาเนียหลังจากที่หนีออกมาได้ไกลพอ เขาก็หยุดพักในตรอกที่ลับสายตาผู้คน และเจอเรื่องเข้า

“เฮ้ย!! เงียบ ๆ ดิวะนังเด็กเว*” ชายร่างผอมหน้าตาเหี้ยมตวาดใส่เด็กหญิงที่นั่งตัวสั่นและร้องไห้อยู่ที่พื้น เด็กคนนั้นน่าจะอายุไม่ถึงสิบขวบ และชายคนนั้นไม่ทางเป็นพอเด็กแน่ ๆ ทาเนียรีบซ่อนตัวด้วยสกิลท่องยมโลก เพื่อไม่ให้ชายคนนั้นสังเกตเห็นตัวเขา

“ปล่อยหนูไปเถอะนะคะ หนูกลัวแล้ว อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” เด็กหญิงอ้อนวอนขอร้องชายที่ลักพาตัวเธอมาทั้งน้ำตา

“หุบปาก ชีวิตแกมันไร้ค่าตั้งแต่เกิดมามีพลังเวทน้อยแล้ว ไม่งั้นพ่อแม่แกคงไม่เอาแกไปทิ้งไว้ที่โบสถ์หรอก ดีใจซะเถอะที่ อย่างน้อยแกก็จะได้ไปเป็นของเล่นให้พวกคุณนาง และทำเงินให้กับฉัน คนไร้ค่าแบบแกทำได้ดีที่สุดแล้ว” โจรลักพาตัวดึงผมของเด็กหญิงให้เงยหน้าขึ้น และพูดดูถูกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสาแก่ใจ

“ฮึก ฮือออ” เด็กหญิงร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม

ทาเนียมั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือโจรลักพาตัว จึงเรียกมีดสั้นออกมาจากไอเทมบล็อก และกำลังจะพุ่งเข้าไปแทงไอ้ชาติหม*นี่ให้ตาย ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะมีเด็กคนอื่นที่ถูกมันจับตัวมา เขาควรรอให้มันพาไปที่ที่มันใช้ซ่อนตัวเด็กที่ลักพาตัวมาก่อน หรือไม่ก็ให้ไอ้โจรนี่พาไปหาลูกค้าของมัน ไว้ตอนนั้นค่อยรวบยอดทีเดียว

ทาเนียเก็บอาวุธลงไอเทมบล็อกและเฝ้าดูต่อไป ไม่นานจากนั้นมันก็จับเด็กหญิงให้ลุกขึ้นยืนเพื่อจะพาไปไหนสักที่

“เงียบเข้าไว้ อย่าร้องขอความช่วยเหลือเด็ดขาด ไม่งั้นแกตายแน่” โจรลักพาตัวใช้มีดจ่อที่แก้มของเด็กหญิงเพื่อข่มขู่

เด็กน้อยรีบพยักหน้าเชื่อฟังในทันทีเพราะความหวาดกลัว และมันก็ลากเด็กน้อยออกไปจากตรอก ทาเนียเดินตามมันและเด็กหญิงไปเงียบ ๆ โดยที่เจ้าโจรไม่รู้ตัว มันพาเด็กหญิงมาที่บ้านสภาพเก่าทรุดโทรมหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นค่อนข้างมาก แถวนี้ไม่มีคนเดินผ่านเลย ต่อให้เสียงดังก็ไม่มีใครได้ยิน

มันพาเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเอาโซ่มาล่ามข้อเท้าของเธอไว้ที่มุมหนึ่ง

“อยู่นี่เป็นเด็กดีล่ะ เดี๋ยวเย็นนี้เจ้าของใหม่ของแกก็จะมารับแล้ว” มันเอ่ยและแสร้งลูบหัวของเด็กหญิงอย่างเอ็นดู ก่อนจะออกจากบ้านไป

ถ้าให้เดาตัวมันคงไปเจรจาเรื่องราคากับลูกค้าที่จะมารับเด็กคนนี้แน่ ๆ เลย ทาเนียเพดินสำรวจภายในบ้าน จนแน่ใจว่าไม่มีเด็กคนอื่นที่ถูกลักพาตัวมาหรือพรรคพวกของมันอยู่ภายในบ้าน ก็ปลดสกิลออก

“ถ้าไม่โจรคนอื่นอยู่ในบ้าน งั้นมันก็น่าจะทำคนเดียว”

ทาเนียเดินไปหาเด็กหญิงที่ถูกจับตัวมา ทันทีที่เธอเห็นเขาก็ตัวสั่นอย่างหวาดกลัวและถอยหลังชิดกำแพงยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ไม่ใช่พวกมัน พี่มาช่วยต่างหาก” ทาเนียรีบพูดขึ้น และยกมือทั้งสองบงบอกว่าเขาไม่อันตรายต่อเด็กหญิง เธอที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใจเย็นลงและเลิกระแวงเขา ก่อนจะพูดขอร้องด้วยน้ำตา

“หนูอยากกลับบ้าน ไม่เอาแล้ว ฮึก ไม่อยากอยู่ที่นี่”

“ได้กลับแน่จ้ะ แต่ช่วยรออีกนิดได้ไหม ให้โจรนั่นพาลูกค้าของมันมาก่อน พี่จะได้จัดการทีเดียว” ร่างรีบเข้าไปกอดปลอดเด็กหญิง เธอซุกหน้ากับอกของเขาและร้องไห้

“หนูอดทนได้ใช่ไหม” ร่างเล็กก้มหน้าถาม

เด็กหญิงพยักหน้าตอบกลับมาเบา ๆ ทาเนียยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู

“หิวไหม” ทาเนียเอาขนมปังไส้กรอกกับน้ำดื่มออกมาและยื่นไปให้เด็กหญิง เธอรับไปจากมือเขาและรีบกัดกินด้วยความหิว

“ค่อย ๆ กินสิ เดี๋ยวติดคอหรอก” ไม่ทันไร เด็กหญิงก็เอากำปั้นทุบอกของตัวเองเพราะขนมปังติดคอ

 

แค่ก แค่ก

 

“เห็นไหมล่ะ” ทาเนียรีบขวดน้ำป้อนให้เด็กหญิงดื่ม จนดีขึ้น

“ทีนี้ก็กินช้า ๆล่ะ” ร่างเล็กพูดเสียงดุ เด็กหญิงก็พยักหน้าเข้าใจ

“ไม่อิ่มก็บอกนะ พี่ยังขนมปังอีก” ทาเนียบอกและเขยิบไปนั่งข้าง ๆ เด็กหญิง

“ค่ะ” เด็กหญิงยิ้มให้พี่ชายใจดี เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้กินขนมปังที่อร่อยขนาดนี้ แล้วขนมปังยังมีเนื้ออยู่ตรงกลางและราดซอสที่เธอไม่รู้จักแต่ว่าอร่อยมาก ๆ เอาไว้ด้วย

หลังจากที่เด็กหญิงกินจนอิ่ม ทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันต่อเพื่อไม่เด็กหญิงเครียดจนเกินไป และเอาให้เจ้าโคลเอ้ออกมาเล่นกับเด็กหญิง จนทราบว่าเด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่าโรส อายุเจ็ดขวบ เป็นเด็กกำพร้าที่อยู่ในความดูแลของโบสถ์ของเมืองลูซ เธอดูไว้ใจเขามากขึ้นตอนที่รู้ว่าเขาก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน

รอจนท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีดำ ทาเนียก็ได้ยินเสียงบางอย่างด้านนอก ไอ้โจรลักพาตัวนั่นคงไปพาลูกค้ามารับตัวโรสแล้ว เด็กหนุ่มจึงให้เจ้าเหมียวกลับเข้ามาในตัว ก่อนหันมาบอกเด็กหญิง

“พวกมันกลับมาแล้ว อย่าพูดเรื่องของพี่นะ และอย่าแสดงพิรุธด้วย” เด็กหญิงพยักเร็ว ๆ ทาเนียจึงใช้สกิลและซ่อนตัวอีกครั้ง

 

ปัง

 

โจรลักพาตัวคนเดิมเดินเข้ามาตามด้วย หญิงวัยกลางคนแต่งกายด้วยชุดเดรสยาว มีเครื่องประดับอยู่เต็มตัว แต่งหน้าจัดและถือพัดอยู่ในมือ ด้านหลังของผู้หญิงคนนั้นมีลูกน้องร่างกำยำหน้าโหดถามมาอีกสามคน

“นั่นใช่ไหม เด็กที่จะขายให้ฉัน” เจ้าหล่อนมองไปที่เด็กหญิงและเดินไปหา ก่อนจะจับหน้าขึ้นมาดูอย่างพิจารณา

“พอใช้ได้ เอาไปอาบน้ำล้างตัวและรอให้โตกว่านี้สักหน่อย ก็เอาไปรับแขกได้แล้ว” ผู้หญิงคนพูดเสียงเรียบและปล่อยหน้าของเด็กหญิง

จากประโยคนี้ ทาเนียพอเข้าใจแล้วว่าเจ้าหล่อนคงเป็นแม่เล้าของหอโคมแดงที่ไหนสักที่ ส่วนตัวเขาไม่ได้มีปัญหากับคนที่อาชีพแบบนี้หรอกนะ แต่ถ้าคิดจะทำให้เด็กวัยแค่นี้ตกนรกทั้งเป็น เพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าของตัวเอา ทาเนียก็ยอมรับไม่ได้เหมือนกัน

เขาจะส่งพวกมันกลับลงนรกให้หมด เขาเข้าไปหาโรสและกระซิบ

“ปิดตาเอาไว้ และอย่าแอบดูเด็ดขาด ไม่ว่าได้ยินอะไร”

เจ้าเด็กน้อยรีบทำตามที่สั่งอย่างไม่คิดขัดขืน ทาเนียจึงนำปืนลูกซองออกมา เดินไปที่ด้านหลังของไอ้โจรลักพาตัวที่กำลังนับเงินที่ได้มาจากหญิงวัยกลางคนอยู่ แล้วก็

 

ปัง

 

“อ๊ากก” โจรลักพาตัวร้องเสียงดังอย่างเจ็บปวด ที่หลังของมันมีรูขนาดใหญ่จนมองทะลุได้ ก่อนที่มันล้มไปจมกองเลือดอยู่ที่พื้นด้วยดวงตาที่เบิกโพลง

“กรี๊ดดดด” หญิงวัยกลางคนร้องออกมาเสียงดัง ที่จู่โจรลักพาตัวฏ็ตายไปต่อหน้าเธอ

ร่างของทาเนียก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เนื่องจากสกิลถูกปลดโดยอัตโนมัติ เพราะเขาทำการโจมตี

“แกเป็นใครน่ะ!!” หญิงวัยกลางตะโกนถามขึ้นมาเสียงดัง เมื่อสังเกตเห็นทาเนีย

“ยมทูตมาส่งวิญญาณพวกแกลงนรกไง” ร่างเล็กตอบ และเล็งปืนไปที่ลูกน้องของวัยกลางคนที่กำลังกรูเข้ามาหาเขา

 

ปัง ปัง ปัง

 

หนึ่งนัดต่อหนึ่งศพ สภาพของร่างลูกน้องแต่ละคนเละไม่มีชิ้นดี เลือดกระเด็นเต็มห้องนี้ไปหมด โชคดีที่มันไม่ไปโดนเด็กหญิงที่นั่งอยู่มุมห้อง

ทาเนียหันปากกระบอกปืนไปหาผู้ร้ายที่ยังเหลืออีกหนึ่ง เจ้าหล่อนหน้าซีดและรีบถอยหลังหนีในทันที

“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันคือบารอนเนสแอกเนส ถ้าแกฆ่าฉันขึ้นมา แกได้มีปัญหาแน่” เจ้าหล่อนพยายามยกตนขึ้นข่ม เพื่อให้ทาเนียรู้สึกกลัว

“ความตายน่ะ ไม่สนเกียรติยศหรือเงินทองของแกหรอกนะ” ทาเนียพูดด้วยเสียเย็นชา ก่อนจะปืนขึ้น และใช้ดาบปลายปืนฟันไปตามร่างกายของหญิงวัยกลางคนอย่างรวดเร็ว

“กรี๊ดดดด หยุดนะ” บารอนเนสคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด

 

ฉึบ

 

ทาเนียฟันไปที่คอของหญิงวัยกลางคนเป็นครั้งสุดท้าย หัวของเจ้าหล่อนหลุดออกจากตัวและกลิ้งไปตามพื้น เลือดพุ่งออกมาราวกับน้ำพุและร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็ล้มลงโดยที่ตัวและหัวอยู่คนล่ะทาง

“เฮ้อ” ทาเนียถอนหายใจออกมาเพื่อให้ใจสงบลง ก่อนจะเดินไปหาเด็กหญิงที่ยังคงนั่งชันเข่าเอามือปิดหน้าตามคำสั่งของเขา

“อย่าพึ่งเปิดตาดูนะ” ในห้องเต็มไปด้วยเลือดและเศษอวัยวะ ถ้าคนจิตอ่อนมาเห็นได้เก็บเอาไปฝันร้ายแน่ๆ ทาเนียไม่อยากให้เด็กน้อยเห็นภาพที่ไม่น่าดู

ก่อนจับให้เธอลุกขึ้นยืนและพาเดินออกไปจากบ้านหลังนี้ พอพ้นประตูออกมา ร่างเล็กจึงให้เด็กหญิงลืมตาได้ เมื่อรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นปลอดภัยแล้ว เด็กหญิงก็เข้ามากอดทาเนียและร้องไห้ด้วยความดีใจ

“ขอบคุณนะคะพี่ ที่ช่วยหนู”

“ไม่เป็นไรหรอก” เด็กหนุ่มลูบหัวปลอบเธอและเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะจูงมือพาตัวเด็กหญิงเดินทางไปส่งคืนให้โบสถ์

โบสถ์ของเมืองลูซ อยู่อีกฟากหนึ่งของเมืองเลย ทาเลยแวะซื้อของกินให้โรสและเจ้าโคลเอ้กินเพื่อรองท้องไปก่อน เด็กหญิงและเจ้าเหมียวก็มัวแต่เล่นกันจนไม่ยอมกินข้าว ทาจึงต้องใช้เสียงดุทั้งสองถึงจะยอมหยุดเล่นและมาตั้งใจกินอาหาร