หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น - 7 บทที่ 7 โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

ผู้แต่ง

Patas0016

เรื่องย่อ

ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ

 

✣✣✣✣

 

ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น

ดิน

น้ำ

ลม

ไฟ

สายฟ้า

แสงสว่าง

ความมืด

 ✣✣✣✣

สกุลเงินที่ใช้กัน บิท

1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท

1 เหรียญทองแดง 10 บิท

1 เหรียญเงิน 100 บิท

1 เหรียญทอง 1,000 บิท

1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท

1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท

 

 

****Warning****

 

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ

X

Tiktok

สารบัญ

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-0 บทนำ,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-1 บทที่ 1,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-2 บทที่ 2,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-3 บทที่ 3,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-4 บทที่ 4,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-5 บทที่ 5,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-6 บททีี่ 6,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-7 บทที่ 7,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-8 บทที่ 8,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-9 บทที่ 9,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-10 บทที่ 10,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-11 บทที่ 11,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-12 บทที่ 12,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-13 บทที่ 13,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-... แจ้งจัดโปร E-book Fair,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-14 บทที่ 14,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-15 บทที่ 15,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-16 บทที่ 16,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-17 บทที่ 17

เนื้อหา

7 บทที่ 7

บทที่ 7

 

ทาเนียถูกชายสองคนนั่งจ้องหน้าอย่างคาดคั้น เด็กหนุ่มจึงถอนหายใจออกมายาว ๆ และเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง ตั้งแต่ที่ตัวเองบังเอิญไปพบเห็นการลักพาตัวเข้าที่ตรอกแห่งหนึ่ง และได้แอบตามไปจนถึงที่แหล่งกบดานของโจร รอให้โจรพาลูกค้าไปที่บ้านหลังนั้นแล้วตัวเขาก็ออกจากที่ซ่อนมาจัดการพวกมัน ในระหว่างที่เด็กหนุ่มเล่า ผู้ฟังทั้งสองก็นิ่งเงียบและตั้งใจฟังตลอดทุกคำพูด จนจบทั้งสองคนก็ยังไม่เอ่ยอะไรออกมา ใบหน้าของทั้งคู่ยังเหมือนไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องที่ทาเนียเล่ามาเท่าไหร่ และในที่สุดอัศวินเวทมนตร์ของพยัคฆ์ทมิฬก็ได้พูดขึ้นมาเป็นคนแรก

“ที่เล่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงสินะ เธอเป็นคนที่สังหารพวกโจรลักพาตัว และช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นเอาไว้” อัศวินหนุ่มไล่สายตามองร่างกายบอบบางของทาเนียตั้งแต่หัวจรดเท้า

ถึงจะไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีคนอื่นแล้วที่จะสามารถทำเรื่องนี้ได้

“งั้น ฉันดูอาวุธที่เธอใช้จัดการพวกนนั้นหน่อยได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มยังข้องใจ เรื่องอาวุธ ที่เด็กหนุ่มตรงหน้าใช้สังหารพวกคนร้ายอยู่ เพราะการที่จะสร้างรอยแผลท่าสาหัสขนาดนั้น ก็มีแต่อาติแฟกเวทมนตร์ระดับสูงเท่านั้น แต่เด็กคนนี้ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ ก็ไม่น่าจะใช่

“ก็ได้ครับ” ทาเนียพยักหน้าตกลง และเอาปืนลูกซองออกมาจากเทมบล็อก และยื่นออกไปให้อีกฝ่าย

“นี่เธอมีกระเป๋าเวทมนตร์ด้วยงั้นเหรอ เก็บเอาไว้ตรงไหนกัน!!! ที่ตัวก็ไม่เห็นมีเลย” เอ็ทเวิร์ดที่นั่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจ ที่เห็นเด็กหนุ่มเรียกสิ่งของออกมาจากอากาศได้

“มันเรียกว่าไอเทมบล็อกครับ เป็นความสามารถพิเศษของผม คล้ายกับการใช้เวทธาตุมิติเก็บของนั่นแหละ” ทาเนียอธิบาย

“แล้วเธอใช้มันได้ยังไงล่ะ ในเมื่อไม่มีเวทมนตร์” มาร์ค ถามขณะใช้ดวงตาข้างหนึ่งส่องผ่านลำกล้องของปืนลูกซอง โชคดีที่ทาเนียจะล็อกเซฟตี้เอาไว้ตลอดตอนที่ไม่ได้ใช้ เลยไม่ต้องกังวลว่าปืนจะลั่นใส่หน้าใคร

“มันเป็นความสามารถพิเศษของผมครับ มีมาตั้งแต่เกิดแล้ว” ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้ามอบให้เขา ทดแทนที่ไม่มีพลังเวทล่ะนะ

“แล้วไอเทมบล็อกของเธอเนี่ย เก็บของได้เยอะแค่ไหนล่ะ” กิลด์มาสเตอร์มีแววตาที่เริ่มสนใจขึ้นมา

“ก็เก็บได้เรื่อย ๆ นะครับ” เขายังไม่เคยได้แจ้งเตือนจากระบบว่า ไอเทมบล็อกเต็มเลยสักครั้ง

“สุดยอดเลยนะเนี่ย” ดวงตาของกิลด์มาสเตอร์เป็นประกายตื่นเต้น

“แล้วคุณตรวจดูอาวุธของผมเสร็จหรือยังครับ” เด็กหนุ่มหันถามชายสวมผาคลุมสีดำ ที่ยังคงจับปืนลูกซองพลิกไปมาไม่หยุด

“เสร็จแล้วล่ะ เหมือนจะไม่ใช่อาติแฟกต์เวทมนตร์จริง ๆ” มาร์คส่งอาวุธคืนให้กับเจ้าของ ตัวเขาสัมผัสถึงพลังเวทจากสิ่งนั้นไม่ได้เลย ถึงจะถูกสร้างมาอย่างดีแต่ก็เป็นแค่ของธรรมดาสินะ

“สรุปว่า ที่เรียกผมมามีเรื่องจะคุยแค่นี้ใช่ไหมครับ ถ้างั้นผมขอตัวไปเลยนะครับ” เด็กหนุ่มเก็บปืนลูกซองกลับและเตรียมจากไป

“เดี๋ยว” กิลด์มาสเตอร์เรียกร่างเล็กเอาไว้ก่อนที่จะเดินออกไป

ทาเนียหันกลับมามองด้วยสีหน้าตั้งคำถาม และนั่งลงที่เดิม

“หมดธุระแล้วผมก็ขอตัวก่อนแล้วกันครับ ไว้พบกันใหม่โอกาสหน้า” หัวหน้าหน่วยอัศวินแห่งเมืองลูซ กล่าวลาและออกจากห้องไป

เมื่อบุคคลที่สามจากไปแล้ว กิลด์มาสเตอร์ก็พูดเข้าประเด็นในทันที

“ฉันได้พิจารณาดูแล้ว จากเรื่องเมื่อวานที่เธอได้ช่วยเด็กกำพร้าเอาไว้จากพวกโจรลักพาตัวและจากสิ่งที่ฉันได้เห็นเมื่อครู่ พิสูจน์แล้วว่าเธอเองก็มีฝีมืออยู่มากพอดู ดังนั้นฉันจะมอบบททดสอบเข้ากิลด์ให้เป็นกรณีพิเศษ ถ้าเธอสอบผ่านก็จะได้เป็นนักผจญภัยที่อยู่ในสักกัดและจะได้รับบัตรประจำตัว สนใจไหม” เอ็ทเวิร์ดยื่นข้อเสนอให้เด็กหนุ่ม

“สนใจสิครับ จะเป็นภารกิจแบบไหนก็บอกมาได้เลย” ทาเนียรีบพยักหน้า

กิลด์มาสเตอร์จึงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาและส่งมันไปให้เด็กหนุ่ม ทาเนียรับไปและไล่อ่านบททดสอบเข้ากิลด์ที่เขียนอยู่

 

สังหารก็อบลิน 10 ตัว

สังหารสปอร์แพลนท์ 10 ตัว

หาดอกมารโชค์ 20 ต้น

หาหญ้าสะเก็ดดาว 30 ต้น

หารากต้นสนเลือด 5 ชิ้น

 

เป็นภารกิจกำจัดสัตว์อสูรกับหาของง่าย ๆ น่าจะเสร็จภายในวันนี้ ของบางอย่างเขาก็มีอยู่ในไอเทมบล็อกแล้วด้วย

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เด็กหนุ่มหันหลังเตรียมจะวิ่งออกไป แต่ก็ถูกร่างสูงดึงแขนให้นั่งลงเช่นเดิม

“เดี๋ยวก่อน ฉันมีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง”

 

✣✣✣✣

 

ทาเนียและเอ็ทเวิร์ดกำลังแอบซุ่มดูหมู่บ้านก็อบลิน ขนาดเล็กอยู่ที่หลังพุ่มไม้ ข้อแม้ในภารกิจที่กิลด์มาสเตอร์มอบให้เขามาก็คือ ต้องให้อีกฝ่ายมาคอยสังเกตการณ์ทำภารกิจของเขาด้วย ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินจนกิลด์มาสเตอร์ต้องเข้ามาช่วยเหลือเขา และจะถือว่าตัวทาเนียนั้นสอบไม่ผ่านและต้องยินยอมให้เอ็ทเวิร์ดพากลับไปส่งที่หมู่บ้าน โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ อีก

เด็กหนุ่มเรียกมีดสั้นออกมา และใช้สกิลท่องยมโลกเพื่อหายตัวไปฆ่าก็อบลินตัวที่แตกฝูง กิลด์มาสเตอร์เบิกตากว้างเมื่ออยู่ ๆ คนข้างตัวเองหายตัวไปและพยายามมองหา

ร่างเล็กมาหยุดที่ข้างหลังของก็อบลินดวงซวย ใช้มีดแทงเข้าไปยังลำคอขอมันจนมิดด้าม เจ้าก็อบลินดิ้นอย่างเจ็บปวดและพยายามกรีดร้องเพื่อเตือนพรรคพวก แต่ก็ทำไม่ได้และมันก็นิ่งไป

(เด็กนั่น ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไงวะ) กิลด์มาสเตอร์สูงวัยมองภาพนั้นอย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นอังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิของตัวเอง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหน้ามืดจนมองเห็นภาพหลอนไปก็ได้ แต่ไม่ทันไรทาเนียก็หายไปอีกครั้ง ร่างสูงจึงรีมองหาตัวอีกฝ่ายในทันที และก่อนที่จะเห็นตัวเสียงกรีดร้องของพวกก็อบลินก็ดังขึ้น และเมื่อหันไปทางพวกมันร่างสูงก็ต้องตกใจอย่างสุดขีด เพราะหมู่บ้านของพวกมันกำลังถูกเผา ร่างของก็อบลินหลายสิบตัว มีไฟลุกท่วม วิ่งพล่านไปมาอย่างทรมานและถูกเผ่าตายจนเกรียมในที่สุด และท่ามกลางเปลวไฟก็มีเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามยืนเป็นสง่าอยู่

ทาเนียโยนโมโลตอฟ ที่เขาคราฟขึ้นเองใส่พวกก็อบลินและบ้านของมัน ไม่นานพวกมันก็ตายจนหมดทั้งหมู่บ้าน เปลวไฟก็มอดลงอย่างช้า ๆ

“เฮ้อ หมดสักที ฆ่าไปเยอะที่กว่ากำหนดคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ” ทาเนียบ่นอุบอิบ

และเดินกลับไปหากิลด์มาสเตอร์ที่ตอนนี้ออกมาจากพุ่มไม้แล้ว

“งั้นไปที่ต่อไปกันเลยไหมครับ” ทาเนียถามร่างสูง และเตรียมจะไปกำจัดสัตว์อสูรชนิดต่อไปในภารกิจ

ชายสูงวัยได้ยินเช่นนั้นก็รีบรั้งคนเด็กกว่าเอาไว้

“เดี๋ยวไม่ต้องแล้ว” ตามจริงภารกิจที่เข้าให้อีกฝ่ายไป นั้นก็เพราะอยากจะตรวจสอบให้เห็นด้วยตาตัวเองว่าเด็กคนนี้มีฝีมืออยู่ในระดับไหน และจากเมื่อครู่ เขาก็หมดข้อสงสัยเลยเรื่องทักษะการต่อสู้ของเจ้าตัวแล้ว

“ไม่ต้องไปล่าสปอร์แพลนท์แล้วล่ะ ไปหาพวกสมุนไพรให้ครบแล้วเราก็จะกลับกันเลย” เอ็ทเวิร์ดตัดสินใจให้เด็กหนุ่มข้ามไปงานหาของเลย

“มันจะดีเหรอครับ คุณแน่ใจนะ” ทาเนียถามร่างสูง มันดีกับเขาอยู่แล้วที่เควสจะเสร็จเร็วขึ้น แต่เขาก็ต้องยืนยันให้มั่นใจเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมามีปัญหาทีหลัง

กิลด์มาสเตอร์ชราพยักหน้าเป็นการยืนยัน ทาเนียจึงเริ่มไปหาพวกสิ่งของที่ภารกิจต้องการ โดยที่มีร่างสูงคอยตามไปด้วย สมุนไพรที่เขาต้องหา ทั้งสามอย่างเป็นวัตถุดิบที่เอาไว้ใช้ทำยาที่มีอยู่ทั่วไป จึงไม่ได้หายากอะไรขนาดนั้น ตอนนี้ทาเนียมีรากต้นสนเลือดกับดอกมารโชค์ เก็บไว้อยู่ไอเทมบล็อกแล้ว เรื่องแค่หญ้าสะเก็ดดาวที่เขาต้องหาเพิ่ม

ทาเนียออกจากป่ามายั่งทุ่งราบ ที่ที่หญ้าสะเก็ดดาวจะขึ้น ร่างเล็กใช้สกิลประเมินเข้ามาช่วย ทำให้หาได้ง่ายขึ้นเยอะ และอีกสิบนาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็เก็บมันครบตามที่เควสต้องการ เขาจึงเดินมาบอกกับกิลด์มาสเตอร์ที่นอนพักอยู่ในร่มต้นไม้ใหญ่

“นี่ กิลด์มาสเตอร์ครับ ผมเก็บสมุนไพรในภารกิจครบหมดแล้วนะครับ จะให้ผมเอาห้คุณเลยหรือว่าจะรอให้กลับไปที่กิลด์ก่อนครับ” ทาเนียถามกับคนที่หลับตาเอาหัวพิงต้นไม้อยู่

“ไม่ต้องหรอก เธอเก็บไว้นั่นแหละ เผื่อจะมีเหตุที่ต้องใช้” ใบหน้าดุค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นยืน ร่างสูงปัดเศษหญ้าออกจากชุดและเดินมาหาเด็กหนุ่ม

“รีบกลับกันเถอะ นี่ก็เที่ยงแล้วกว่าจะถึงประตูเมืองคงเย็นพอดี เดี๋ยวถ้าถึงกิลด์แล้วฉันจะจัดการเรื่องบัตรประจำตัวให้” กิลด์มาสเตอร์สูงวัยเอ่ยกับคนที่เด็กกว่า และเตรียมจะเดินนำกลับไปที่เมือง

“เดี๋ยวก่อนครับ ถ้างั้นเรามาทานมื้อเที่ยงกันก่อนได้ไหมครับ” ทาเนียเอ่ยขอกับกิลด์มาสเตอร์ร่างยักษ์

“รอให้กลับไปถึงเมืองก่อนเถอะ ถ้ากลับไม่ทันประตูเมืองปิด เราก็ต้องค้างนอกเมืองนะ” ร่างสูงปฏิเสธ เขาไม่ได้เตรียมตัวมาเพื่อค้างคืนในป่าด้วย

“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ผมมีวิธีที่จะกลับไปที่เมืองได้อย่างรวดเร็วอยู่” ทาเนียพูดด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนจนคนฟังสงสัย

“วิธีอะไร?” เอ็ทเวิร์ดขมวดคิ้ว

“เดี๋ยวคุณก็รู้เองครับ แต่ตอนนี้นั่งลงก่อนเถอะ” ทาเนียเอาผ้ามาปูที่พื้นและเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนจะเอาเตาแก๊สพกพากับเครื่องครัวและวัตถุดิบออกมาเพื่อทำมื้อกลางวัน

เอ็ทเวิร์ดลอบถอนหายใจ และนั่งลงอย่างช่วยไม่ได้ เขาลอบสังเกตวัตถุดิบแปลกตาที่เด็กหนุ่มเอาออกมาอย่างสนใจ แต่ละอย่างเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนแม้จะเคยเป็นนักผจญภัยที่เดินทางมาทั่วทั้งทวีปแล้วก็ตาม ทั้งสิ่งที่ใช้จุดไฟได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์ และเครื่องครัวกับเครื่องปรุงหน้าตาแปลก ๆ ที่ร่างเล็กใช้อีก มันคืออะไรกันแน่นะ เอ็ทเวิร์ดได้แต่ลอบมองอย่างสงสัย

แต่เวลามากลิ่นหอมยั่วน้ำลายจากอาหารที่ทาเนียทำก็เขามาทำลายสมาธิของกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์นักผจญภัยจนหมดสิ้น เอ็ทเวิร์ดมองไปยังอาหารร้อน ๆ หน้าตาน่ากินบนเตาและเผลออ้าปากจนน้ำลายไหล ทาเนียหันมาเห็นจึงเอ่ยขึ้นมา

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะครับ อดทนรออีกหน่อยนะ”

เอทเวิร์ดได้สติกลับมาก็หน้าแดงก่ำด้วยความอายเล็ก ๆ แต่ก็พยักหน้าเบา ๆ ตอบรับไป

ทาเนียหันกลับมาสนใจอาหารต่อบนกระทะต่อ ก่อนจะตักมันใส่ลงในจาน ในระหว่างนั้นเจ้าโคลเอ้ก็ตื่นพอดีและออกมาจากร่างของเจ้านาย และร้องขออาหารเสียงหวาน

 

เมี้ยวววว

 

“เฮ้ย!!!” เอ็ทเวิร์ดที่เห็นว่ามีลูกไฟสีม่วงออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มและกลายเป็นแมว ก็สะดุ้งตกใจจนลุกขึ้นยืนพร้อมชักดาบออกจากฝัก จ่อไปที่เจ้าแมวที่โผล่มาอย่างปริศนา

“ใจเย็นก่อนครับกิลด์มาสเตอร์ เด็กคนนี้เป็นอสูรรับใช้ของผมเอง ไม่ได้เป็นอันตรายครับ” ทาเนียอธิบาย ก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น

“ห้ะ!? ไหนว่าเธอไม่มีพลังเวทไง ทำไมถึงได้มีอสูรรับใช้ได้ล่ะ” กิลด์มาสเตอร์สูงวัยทำสีหน้าไม่เข้าใจและยังคงหันดาบไปยังเจ้าแมวดำ

โคลเอ้ปรายสายตาไปมองที่ชายชราร่างสูงใหญ่ชั่วแวบหนึ่งโดยไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า และกลับไปสนใจเลียทำความสะอาดอุ้งเท้าของตัวเองต่อ

เอ็ทเวิร์ดที่เห็นท่าทีเช่นนั้นของมันก็รู้สึกถึงเส้นเลือดที่ปูดโปนอยู่ที่ขมับ ยิ่งรู้สึกอยากฟันเจ้าแมวนี้มากขึ้นไปอีก

“คือมันค่อนข้างจะอธิบายยากน่ะครับ คือผมกับเจ้าโคลเอ้เป็นกรณีพิเศษเข้าใจแบบนั้นไปก็แล้วกันครับ แต่ผมรับรองได้เลยครับว่าเจ้าโคล้เอ้จะไม่ทำอันตรายคุณแน่นอน ถ้าคุณไม่ทำอะไรมันก่อน ฉะนั้นตอนนี้วางอาวุธลงก่อนเถอะครับ” ร่างเล็กเอ่ยพลางตีมือข้างหนึ่งลงกลางอากาศเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายใจเย็นและนั่งลง

เอ็ทเวิร์ดสบสายตากับร่างเล็ก รับรู้ได้ว่าอีกคนนั้นไม่ได้กำลังโกหกเขาจึงเก็ดาบเข้าฝัและนั่งลงตามเดิม โดยนำดาบคู่ใจวางไว้ข้างตัว สายตาของร่างสูงยังคจ้องไปที่เจ้าแมวอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่เจ้าเหมียวก็หาได้สนใจไม่ มันเข้าไปถูไถกับผู้เป็นนายอย่างออดอ้อน

 

เหมียว

 

เจ้าแมวดำมองไปอาหารในจานที่เจ้านายถือตาละห้อย เหมือนกำลังถามหาส่วนของตัวเองอยู่

“รอเดี๋ยวก่อน ฉันกำลังจะทำให้” ทาเนียบอกกับสัตว์อสูรของตน และส่งจานไม้ไปให้ร่างสูง

“นี่ครับ หวังว่าจะพอกินได้นะ” ทาเนียทำข้าวยำไก่กรอบ รสชาติเผ็ดนิด ๆ แต่น่าจะพอกินได้นะ

“ขอบใจ” เอ็ทเวิร์ดกล่าวขอบคุณและรับจานอาหารมา

ทาเนียจึงรีบเตรียมอาหารให้เจ้าแมวต่อ เขาเทอาหารเม็ดสูตรปลาทะเลที่ซื้อมาจากระบบใส่จานอาหารสัตว์เลี้ยง ผสมกับผลไม้หันชิ้นเพื่อให้เจ้าโคลเอ้ได้สารอาหารครบถ้วน ก่อนจะวางจานอาหารลงตรงหน้าของมัน

 

ง้าวว!!!

 

เจ้าแมวดำ ร้องด้วยความตื่นเต้น และรีบเข้ามากินอาหารของตน

พอเตรียมข้าวให้สัตว์เลี้ยงเสร็จแล้ว ทาเนียก็จะกินของตัวเองบ้างแต่พอหันกลับมา ก็เห็นว่ากิลด์มาสเตอร์ยังไม่ได้กินอาหารที่เขาทำเลยแม้แต่คำเดียว จึงอดถามไปไม่ได้

“ไม่น่ากินเหรอครับ” เขาเคยทำเมนูนี้ให้คนที่บ้านเด็กกำพร้ากิน ซึ่งทุกคนก็กินมันอย่างเอร็ดอร่อยและซัดจนเกลี้ยงไม่เหลือ แต่สำหรับคนอื่นมันอาจจะหน้าตาแปลกจนไม่กล้ากินก็ได้

“เปล่า ถึงฉันพึ่งจะเห็นอาหารแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ทั้งกลิ่นและหน้าตาก็น่ากินมากเลย” กิลด์มาสเตอร์ปฏิเสธ

“แล้วทำไม…”

“ฉันรอเธออยู่น่ะ จะได้กินพร้อมกัน” เอ็ทเวิร์ดเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และรีบหันเพราะรู้สึกอายอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทิ้งให้เห็นเพียงใบหูที่แดงก่ำ ก่อนจะหันกลับมาพูดแก้ตัวด้วยใบหาที่ริ้วแดง ๆ ตรงแก้ม

“ก ก็ ถ้ากินก่อนมันจะเสียมารยาทไง เธออุตส่าห์เป็นคนทำ อย่างน้อยก็ต้องรอกินพร้อมกับเธอสิ”

“อ๋อ” ทาเนียลากเสียงยาอย่างเข้าใจ ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายให้ไม่ต้องเกรงใจตัวเอง

“ทีหลังกิลด์มาสเตอร์ก็ทานก่อนได้เลยนะครับ ผมไม่ถือเรื่องนี้หรอก” ว่าจบแล้วก็ตักข้าวเข้าปาก

“เอ็ท” แล้วอยู่ร่างสูงก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นมามอง พร้อมกับบเครื่องหมายคำถามในจินตนาการ

“ตอนที่อยู่นอกกิลด์เรียกแค่ชื่อฉันก็พอ” ร่างสูงพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“ครับ คุณเอ็ท” เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และกลับมาสนใจกินอาหารของตัวเองต่อ

กิลด์มาสเตอร์ยิ้มอย่างพึงพอใจ และเริ่มทานอาหารของตัวเองบ้าง เนื้อสัตว์ทอดที่ถูกคลุกด้วยเครื่องเทศหลากหลายชนิด ทำให้มีรสเปรี้ยวนำและตามมาด้วยรสเผ็ดอ่อน ๆ เข้ากันได้ดีกับข้าวสีขาวที่อยู่ด้านล่าง แค่ไม่นานเอ็ทเวิร์ดก็กินอาหารในจานจนหมด

“จะทานเพิ่มรึเปล่าครับ” ทาเนียถามกับคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม เพราะคนที่โลกนี้กินเยอะกว่าคนที่ก่อนของเขา ก็เลยทำเผื่อเอาไว้

“อ เอ่อ ถ้ายังพอเหลืออยู่ก็…” ชายสูงวัยยื่นจานที่ว่างเปล่าไปให้คนตัวเล็ก

ทาเนียรับจานไม้ไปเติมอาหารให้กับร่างสูง จากนั้นกิลด์มาสเตอร์ก็เริ่มกินจานที่สองอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากที่ทานมื้อเที่ยงกันเสร็จแล้ว ทาเนียก็เอาของทุกอย่างเก็บลงไอเท็มบล็อก ไว้ทำความสะอาดภายหลัง

เจ้าโคล้เอ้อ้าปากหาว และกลายเป็นลูกไฟกลับเข้าไปในร่างของเจ้านายอย่างทาเนียอีกครั้ง กิลด์มาสเตอร์แห่งเมืองลูซก็เบิกตามองภาพนั้นอย่างพูดไม่ออก

“มันทำอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ เจ้าแมวนั่นน่ะ” เอ็ทเวิร์ดมองเด็กหนุ่มอย่างเป็นห่วง เขาก็เคยเจอผู้ใช้เวทสัตว์อสูรอยู่หลายคน แต่ไม่เคยเห็นสัตว์อสูรของใครเข้าไปอยู่ในร่างของเจ้าของแบบนี้เลย

“ครับ ส่วนใหญ่นอกจากเวลาออกมากินอาหาร โคลเอ้ก็จะหลับอยู่ในตัวผมตลอดนะครับ” เด็กหนุ่มทำหน้านึก

“แล้วมันจะไม่เป็นอะไรงั้นเหรอ ดูไม่ปลอดภัยเลยนะ” ร่างสูงขมวดคิ้วจนเป็นปม

“ก็ไม่นี่ครับ ผมก็ยังสบายดี และอีกอย่างเจ้าโคลเอ้ก็ใช้เวทวิญญาณได้ด้วย ก็คงทำแบบนี้ได้เป็นปกตินั่นแหละ” ทาเนียตอบ อย่างไม่คิดอะไร

“ห้ะ! ไอ้แมวดำนั่นอ่ะนะ ใช้เวทวิญญาณที่หายากกว่าเวทแสงสว่างกับความมืดได้” เอ็ทเวิร์ดแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ

“เอาเป็นว่า เรากลับไปที่กิลด์กันก่อนดีกว่าไหมครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง

“นั่นสินะ งั้นเรารีบไปกันเถอะ ถ้าเร่งหน่อยก็น่าจะทันก่อนประตูเมืองปิดนะ” ร่างสูงกล่าวและเข้าไปจูงมือคนตัวเล็กให้เร่งเดินตามตัวเองไป

ทาเนียเปิดแผนที่ขึ้นมาและกดไปที่สัญลักษณ์รูปธงที่เขามาร์กเอาไว้ เพียงแค่เสี้ยววินาที ทั้งทานเนียและกิลด์มาสเตอร์ที่จับข้อมือของเขาอยู่ ก็มาปรากฏที่หน้ากิลด์นักผจญภัยแล้วเรียบร้อย นั่นเป็นเพราะความสามารถที่เขามี เรียกว่า จุดเซฟ

 

จุดเซฟ:มาร์กจุดไว้แผนที่ สามารถเคลื่อนย้ายไปที่จุดนั้นได้ในพริบตา (สถานที่ที่จะมาร์กได้ ผู้ใช้จะต้องเคยไปมาก่อน)

 

แต่เขาก็ไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่หรอกนะถ้าไม่ได้รีบจริง ๆ เพราะการเดินเท้ามันได้ฟิลการเป็นนักผจญภัยมากกว่า

“นี่มันหมายความว่าไงกันเนี่ย!!!” เอ็ทเวิร์ดมองไปยังรอบด้วยใบหน้าที่ตกใจและงุนงง เพราะเมื่อครู่เขากับทาเนียยังอยู่ที่ทุ่งหญ้านอกเมืองอยู่เลย

“ก็บอกแล้วนี่ครับ ว่าผมมีวิธีที่จะกลับมาที่เมืองได้อย่างรวดเร็วอยู่” ทาเนียส่งยิ้มไปให้ชายร่างใหญ่ ก่อนจะดึงของตัวเองออกและเดินนำเข้าไปในกิลด์ เอ็ทเวิร์ดรีบส่ายหน้าไปมาเพื่อเรียกสติ ก่อนจะรีบเดินตามไป

ทาเนียถูกกิลด์มาสเตอร์พากลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง อีกฝ่ายบอกให้ร่างเล็กนั่งรออยู่ในห้องทำงาน ก่อนจะหายออกไปทำบางอย่างอยู่สักพัก และก็กลับเข้ามาในห้อง ร่างสูงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเด็กหนุ่มและยื่นบัตรประจำตัวนักผจญภัยให้

“นี่ รับไป ฉันจัดการลงทะเบียนข้อมูลของเธอลงไปในกิลด์นักผจญภัยแล้ว เท่านี้เวลาไปที่กิลด์ของเมืองอื่นแค่ยื่นบัตรประจำตัวให้ดูก็สามารถรับภารกิจไปทำได้แล้ว” เอ็ทเวิร์ดเอ่ยกับร่างเล็ก

“ขอบคุณครับ” ทาเนียรับบัตรประจำตัวมาดู และเงยหน้ากลับไปมองที่กิลด์มาสเตอร์สูงวัยอย่างสงสัย

“ให้ผมเริ่มที่แรงค์เงินเลยจะดีเหรอครับ” แรงค์ของนักผจญภัยมีทั้งหมด 6 ระดับ ถ้าเรียงจากต่ำไปสูงก็คือ เหล็ก ทองแดง เงิน ทองคำ ทองคำขาว และเพชร ซึ่งแต่ละระดับก็มีอายุการใช้งานที่ต่างกันและบ่งบอกถึงความสามารถของนักผจญภัยคนนั้น

บัตรสีเงินในมือของทาเนีย มีอายุการใช้งาน 6 เดือน อย่างน้อยภายในระยะเวลานั้นเขาจะต้องรับภารกิจอย่างน้อย 1 ภารกิจ ไม่อย่างนั้นก็จะสูญเสียสถานะนักผจญภัยของกิลด์ไป และต้องลงทะเบียนใหม่และเริ่มไต่แรงค์ใหม่ตั้งแต่แรก

“ไม่เป็นไรหรอก ได้เห็นฝีมือของเธอแล้วจะให้อยู่แรงค์ต่ำกว่านั้นไม่ได้หรอก” ตอนแรกเขาก็กะจะให้เด็กคนนี้อยู่แค่แรงค์เหล็กเท่านั้น แต่พอได้เห็นฝีมือของคนตัวเล็กที่สังหารพวกก็อบลินแล้ว ไหนวิธีบางอย่างที่ใช้พาเขามาโผล่ที่หน้าประตูกิลด์อีก บางทีให้เจ้าตัวมาอยู่แรงค์เงินอาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากนะครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจและเก็บบัตรประจำตัวเข้าไอเทมบล็อก

“ขอตัวก่อนนะครับกิลด์มาสเตอร์” ทาเนียก้มหัวทำความเคารพ

“เดี๋ยวก่อน วันนี้เธอจะค้างที่โบสถ์อีกรึเปล่า” เอ็ทถามกับร่างเล็ก ก่อนที่เจ้าตัวจะออกไปจากห้องของตน

“เปล่าหรอกครับ นี่พึ่งจะบ่ายนิด ๆ เลยคิดว่าจะไปเดินหาโรงแรมน่ะ” ทาเนียส่ายหัวและตอบกลับไป ถึงเขาก็เป็นเด็กกำพร้าที่โตมากับโบสถ์ก็เถอะ แต่จะให้เขาไปรบกวนซิสเตอร์เรเดียร์กับพวกเด็ก ๆ บ่อยก็คงจะไม่ดี

“ถ้างั้นจะไปพักที่บ้านของฉันไหมล่ะ เธอพึ่งเป็นนักผจญภัยและก็อยู่ห่างจากบ้านเกิดด้วย ควรประหยัดค่าใช้จ่ายเอาไว้นะ” เอ็ทเวิร์ดยกเหตุผลที่น่าฟังขึ้นมาอ้าง เพื่อกลบเกลื่อนเจตนาที่แท้จริง

ทาเนียนิ่งคิด ตอนนี้เขายังมีเงินที่ดรอปจากสัตว์อสูรอยู่พอสมควรและยังมีของที่เอาไปขายแลกเป็นเงินได้อยู่ในไอเทมบล็อกอีก ก็ไม่ได้นับว่าลำบากเรื่องเงินอะไร แต่ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่า พักนี้ก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไปเยอะเลยด้วย ส่วนใหญ่ก็เป็นของกินกับวัตถุดิบทำอาหารแหละนะ

“แล้วครอบครัวของกิลด์มาสเตอร์จะไม่ว่าอะไรงั้นเหรอครับ” ทาเนียพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ

“เอ่อ…..ฉันอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัวหรอก” ร่างสูงพูดอึกอักหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย และยกมือขึ้นเกาแก้มอย่างอาย ๆ ก็นะ อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วแต่ยังไม่แต่งงานมีครอบครัว ยังต้องไปเป็นลูกค้าประจำของตรอกแดงอยู่เลย

แต่หลังจากนี้อาจมีอะไรเปลี่ยนไปก็ได้ เอ็ทเวิร์ดมองไปที่เด็กหนุ่มหน้าสวยตรงหน้า

“อ๋อ” ทาเนียพยักหน้าเข้าใจ และกล่าวต่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็...วันนี้ขอรบกวนด้วยนะครับ”