หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น - 11 บทที่ 11 โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย,18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

18+,boy love ,ฮาเร็มชาย,ฮาเร็ม,ปีศาจ,เวทมนตร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,ผจญภัย,แฟนตาซี

รายละเอียด

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น โดย Patas0016 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หลังจากที่ตัวเขาสิ้นอายุขัยจากโลกเดิม ก็ถูกส่งให้ไปเกิดใหม่ในโลกแฟนตาซี แห่งดาบและเวทมนตร์ แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ แต่พระเจ้าก็ใจดีให้ความสามารถสุดโกงกับเขามา

ผู้แต่ง

Patas0016

เรื่องย่อ

ตัวของเขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนแก่ชราและจากไปอย่างเดียวดาย ไม่มีทั้งเพื่อนและครอบครัว เขาทั้งเหนื่อยและไม่อยากใช้ชีวิตต่ออีกแล้ว แต่พระเจ้าดันส่งให้เขาไปเกิดที่อีกโลก แล้วที่สำคัญโลกนี้ก็วัดคุณค่าของผู้คนกันที่พลังเวท แต่ตัวเขาดันไม่มีพลังเวทเนี่ยสิ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่!!!! แถมยังให้เขามาเกิดเป็นเด็กกำพร้าเหมือนที่โลกก่อนเปี๊ยบ

 

✣✣✣✣

 

ธาตุของเวทมนตร์ คนแต่ละคนจะมีธาตุที่เหมาะแก่ตนเอง ซึ่งมีอยู่หลากหลายโดยพื้นฐานจะเป็น

ดิน

น้ำ

ลม

ไฟ

สายฟ้า

แสงสว่าง

ความมืด

 ✣✣✣✣

สกุลเงินที่ใช้กัน บิท

1 เหรียญเหล็กิ 1 บิท

1 เหรียญทองแดง 10 บิท

1 เหรียญเงิน 100 บิท

1 เหรียญทอง 1,000 บิท

1 เหรียญทองใหญ่ 10,000 บิท

1 เหรียญทองคำขาว 100,000 บิท

 

 

****Warning****

 

นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียน พฤติกรรมของตัวละครต่างๆ ในเรื่องถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ

ปล.ฝากติดตาม X กับ Tiktok ของไรท์ด้วยนะครับ

X

Tiktok

สารบัญ

พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-0 บทนำ,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-1 บทที่ 1,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-2 บทที่ 2,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-3 บทที่ 3,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-4 บทที่ 4,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-5 บทที่ 5,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-6 บททีี่ 6,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-7 บทที่ 7,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-8 บทที่ 8,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-9 บทที่ 9,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-10 บทที่ 10,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-11 บทที่ 11,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-12 บทที่ 12,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-13 บทที่ 13,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-... แจ้งจัดโปร E-book Fair,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-14 บทที่ 14,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-15 บทที่ 15,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-16 บทที่ 16,พระเจ้าให้เกิดใหม่เป็นเด็กที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ซะงั้น-17 บทที่ 17

เนื้อหา

11 บทที่ 11

บทที่ 11

 

ทาเนียเดินซื้อของอยู่ภายในเมืองจนได้ของใช้จำเป็นและอาหารครบตามรายการก็เป็นเวลาเที่ยงนิด ๆแล้ว จึงมานั่งพักอยู่ที่ร้านอาหารร้านหนึ่งในเมือง ถ้าที่โลกนี่มีพวกคาเฟ่หรือร้านขนมก็คงไปแทนแล้ว แต่ใกล้เคียงสุดก็มีแค่ร้านขายขนมปังเท่านั้นเองแล้วก็มีแต่ต้องซื้อกลับไปทานที่บ้านด้วย ไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้ ถึงในร้านค้าของระบบจะมีของอุปโภคบริโภคที่มีอยู่โลกก่อนของเขาขายอยู่ก็เถอะ แต่ขนมหรือเครื่องดื่มที่ทำแบบโฮมคุกกับที่ทำโดยเชฟมืออาชีพนั้นมันก็ให้ความรู้สึกต่างกันอยู่ดี

“อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ” ระหว่างที่ร่างเล็กกำลังคิดอะไรไปเรื่อย อาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ร่างเล็กสั่งนมของบีโกทมาให้เจ้าโคลเอ้ด้วย เจ้าแมวดำขึ้นมาเลียนมในถ้วยใบใหญ่ด้วยความชอบใจ เด็กหนุ่มจึงยกฝ่ามือลูบหัวมันอย่างเอ็นดู

ตอนนี้ก็ยังมีอีกเรื่องที่ตัวเขาจะต้องคิด เรื่องคำตอบที่ตัวเด็กหนุ่มจะให้กับเอ็ทเวิร์ดเย็นนี้ เมื่อคืนตอนที่เขามีอะไรกับร่างสูง ทาเนียได้ยินเสียขอเตือนระบบดังแจ้งเตือนขึ้นมาหลายครั้งแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจ หรีอถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่สามารถไปให้ความสนใจได้เพราะกำลังกิจกรรมบางอย่างกับคนตัวใหญ่อยู่ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เร่าร้อนเมื่อคืนนั้น ใบหน้าเล็กก็มีริ้วสีแดงแต้มขึ้นมาเล็กน้อย

ทาเนียสะบัดหัวเรียกสติให้กลับคืน ก่อนจะเปิดกล่องข้อความข้อความขึ้นมาดูว่าระบบนั้นแจ้งเตือนเรื่องอะไร

 

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนปลดล็อก ความสามารถร่างทรงเสน่ห์/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนปลดล็อก ความสามารถกามเทพนำพา/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนได้รับ สกิลฟีโรโมน/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนได้รับ อภิสิทธิ์ สร้างฮาเร็ม/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนได้รับ ไอเทม ห้องหอแบบพกพา/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนได้รับ ไอเทม น้ำมันพราย ระดับ ตำนาน ∞ ขวด/

/เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วนได้รับ สกิลพอยต์ 1000 พอยต์/

 

“เติมเต็มเงื่อนไขครบถ้วน….” ทาเนียพึมพำเบา ๆ เขาเคยเห็นข้อความอยู่บ้างนะ ตอนใช้งานระบบช่วงแรก ๆ คือ เมื่อเขาทำอะไรสักอย่างสำเร็จ ระบบก็จะให้รางวัลกับเขาด้วย อย่างเช่นสกิลแกะรอยนี่ ทาเนียก็ได้มันเป็นรางวัลตอนที่ล่าสัตว์ตัวแรกได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการอัพเลเวล

แปลว่าหลังจากเขาเสียครั้งแรกให้กับเอ็ทเวิร์ด ก็เลยบรรลุเงือนไขที่ว่าไวสินะ

(คนเขียนระบบนี่เป็นพวกลามกชะมัดเลย วางเงื่อนไขของรางวัลไว้แม้กระทั่งเรื่องแบบนี้ด้วย) เส้นเลือดที่ขมับเอื้อมไปขึ้นมาเล็กน้อย ได้แต่เหน็บแนมผู้สร้างระบบอยู่ภายในใจ AKAพระเจ้านั่นเอง เพราะที่ผ่านมาเมื่อเขาสำเร็จเงื่อนไขพวกนี้จะได้รางวัลแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ครั้งนี้ได้อะไรก็ไม่รู้ยาวเป็นเบือเลย

เด็กหนุ่มตักอาหารในถ้วยเขาปากแล้วเคี้ยวแรง ๆ อย่างระบายอารมณ์ ก่อนจะอ่านละเอียดของรางวัลที่ได้มา โดยเริ่มจากชื่อที่สะดุดสายตาที่สุดก่อน

 

อภิสิทธิ์ สร้างฮาเร็ม: เนื่องจากบรรลุเงื่อนไขที่ผู้สร้างกำหนดไว้ ผู้ใช้งานระบบจึงได้รับสิทธิพิเศษในการสร้างฮาเร็ม ตัวผู้ใช้สามารถเพิ่มบุคคลที่มีสัมพันธ์ด้วยเข้ามาในฮาเร็มได้ถ้าหากได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย และสามารถเพิ่มบุคคลเข้ามาในฮาเร็มได้อย่างไม่จำกัดจำนวน โดยบุคคลที่เข้ามาเป็นฮาเร็มของผู้ใช้งานระบบแล้วนั้นจะมีสถานะที่ต่ำกว่าผู้ใช้งานในอัตราส่วน 7:3 และต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของฮาเร็มเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ที่อยู่ในฮาเร็มนั้นจะสามารถใช้งานฟังก์ชันบางอย่างของระบบได้ อาทิเช่น ไอเทมบล็อก แผนที่ จุดเซฟ เป็นต้น และตัวผู้ใช้งานระบบจะสามารถใช้ จุดเซฟ เพื่อเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งของผู้ที่อยู่ในฮาเร็มได้เมื่อต้องการ

 

เด็กหนุ่มอ่านข้อความที่แสดงรายละเอียดของการสร้างฮาเร็ม แล้วรู้สึกตกใจนิด ๆ ที่คนในฮาเร็มของเขานั้นสามารถจะงานระบบได้บางส่วนด้วย และนอกจากนี้เขายังสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปหาคนที่อยู่ในฮาเร็มได้ในทันทีอีก จะว่าไปรางวัลที่เป็นอภิสิทธิ์พิเศษแบบนี้ ทาเนียก็เพิ่งได้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน

(คุณเอ็ทจะยอมรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่านะ)

ตอนแรกเด็กหนุ่มก็ไม่ได้คิดกับเอ็ทเวิร์ดในเชิงชู้สาวเลย มองเป็นรุ่นพี่นักผจญภัยที่ใจดีคนหนึ่งเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาทั้งสองมีค่ำคืนที่เร่าร้อนร่วมกันเมื่อคืนและถูกสารภาพรักออกมา เด็กหนุ่มก็ต้องมองอีกฝ่ายในมุมที่ต่างไป ซึ่งทาเนียก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจร่างสูง และถ้าอีกฝ่ายอยากจะสานสัมพันธ์กับเขาอย่างจริงจัง ตัวเด็กหนุ่มก็ยินดี แต่ถ้าอีกฝ่ายเข้าเป็นหนึ่งฮาเร็มของเขาแล้ว ก็จะมีสถานะต่ำกว่า และนอกจากนี้ตัวทาเนียก็คงจะหาคนอื่นเข้ามาเพิ่มอีกในฮาเร็มด้วย ถ้าแต่ความเห็นไม่ตรงกันจริง ๆ ก็คงต้องทางใครทางมันนั่นแหละ

“เอาไว้ค่อยถามกับเจ้าตัวอีกทีแล้วกัน” คิดมากไปตอนนี้ก็ไม่ได้อะไร ทาเนียเปิดรายละเอียดของรางวัลชิ้นอื่น ๆ ขึ้นมาอ่านต่อ

 

ความสามารถ ร่างทรงเสน่ห์:เพิ่มเสน่ห์ที่น่าดึงดูดให้กับผู้ใช้งานระบบ มีโอกาสทำให้ผู้ พบเห็นติดสถานะลุ่มหลงและตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ใช้งานระบบ

 

ความสามารถ กามเทพนำพา:บุคคลที่ผู้ใช้งานถูกตาต้องใจ จะสามารถลงเอยกันได้อย่างแน่นอน

 

ความสามารถนี้ ทาเนียอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแฮะ

 

สกิล ฟีโรโมน:ปลดปล่อยฟีโรโมนไร้ทั้งสีและกลิ่น ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดอารมณ์ทางเพศละอยากร่วมรักกับผู้ใช้

 

ต่อมาก็เหลือแค่ไอเทมทั้งสองชิ้นที่เขาได้มา เอาไว้ทาเนียจะดูอีกทีหลังจากที่กลับไปที่บ้านแล้วกัน เพราะตรวจสอบในสถานที่เปิดแบบนี้มันไม่สะดวกเท่าไหร่ ส่วนสกิลพอยต์น่ะ ไม่ต้องดูก็ได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันใช้ทำอะไร และเขาก็ยังไม่มีสกิลที่อยากได้ตอนนี้จึงขอดองไว้ยาว ๆ เลย

ทาเนียรีบกินอาหารที่สั่งมาให้หมด และกลับบ้านในทันที

เมื่อกลับมาถึงแล้วเด็กหนุ่มก็เอาของที่ซื้อมาไปเก็บ ส่วนเจ้าแมวดำก็หนีไปนอนกลางวันเช่นเคย หลังจากที่จัดวางของทุกอย่างในที่ที่มันควรอยู่แล้ว ทาเนียก็มานั่งพักบนโซฟาตัวเดียวกับที่เจ้าโคลเอ้นอนอยู่ และนำไอเทมทั้งสองที่ได้มาใหม่ออกมา

 

ไอเทม ห้องหอแบบพกพา: เมื่อเปิดใช้งานจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นประตู เมื่อเปิดเข้าไปจะพาตัวผู้ใช้และผู้ที่ได้รับอนุญาตไปยังสถานที่พักผ่อน ณ ห้วงมิติที่แยกจากความเป็นจริง แต่เวลาด้านในมิติจะสอดคล้องกับภายนอก และสามารถพรางตัวไม่ให้คนภายนอกพบเห็นได้ด้วย (สิทธิ์ในการเปิดใช้งานไอเทมชินนี้มีเพียงผู้ใช้งานระบบเพียงผู้เดียวเท่านั้น)

 

ร่างเล็กไล่สายตาอ่านข้อมูลของไอเทมที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์สี่เหลี่ยมขนาดเล็กในมือ และแสดงสายตาตื่นเต้นออกมา เพราะถ้ามีไอเทมชิ้นนี้อยู่ตอนที่เดินทางตัวเขาก็สามารถเข้าไปพักอยู่ด้านในแทนการไปหาโรงแรมนอนหรือตั้งแคมป์กลางแจ้งได้นั่นเอง หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็เก็บมันเข้าไอเทมบล็อกไปและตรวจดูไอเทมชิ้นสุดท้าย

 

ไอเทม น้ำมันพราย ระดับ ตำนาน:ยาเสน่ห์ชนิดรุนแรงและมีผลยาวนาน สามารถใช้ได้ทั้งการนำไปป้ายที่ร่างกายของเป้าหมายโดยตรงหรือให้เป้าหมายดื่มเข้าไป มีผลให้เป้าหมายเกิดความอยากร่วมรักกับผู้ใช้อย่างเกินขีดสุดและสามารถทำกิจกรรมทางเพศได้ติดต่อกันหลายวันอย่างไม่จำเป็นต้องหยุดพัก แล้วเมื่อฤทธิ์ของน้ำมันพรายหมดลงแล้ว ตัวเป้าหมายที่โดนผลเข้าไปจะมีความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเต็มไปกำลังวังชาไร้ซึ่งความรู้สึกอ่อนเพลียหรือผลข้างเคียงใด ๆ

 

“นี่มันยาบ้าอะไรกันวะเนี่ย!!!” เด็กหนุ่มสบถออกมา เพราะผลที่สุดแสนจะเหลือเชื่อของน้ำมันพรายที่ได้อ่าน ถึงจะบอกว่าไม่มีผลข้างเคียงก็เถอะ แต่มันจะไม่อันตรายไปหน่อยหรือไง แล้วยังมีจำนวนไม่จำกัดอีก

ทาเนียเขย่าขวดแก้วทรงผลึกสีใสในมือ ของเหลวสีชมพูที่อยู่ภายในก็เคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ถูกเหวี่ยง ไอ้น้ำมันพรายในขวดจิ๋วนี่มันรุนแรงกว่าสกิลฟีโรโมนที่เพิ่งได้มาอย่างลิบลับเลยนะ ในท้ายที่สุดเด็กหนุ่มส่ายหัวแรง ๆ ขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออก ร่างเล็กจึงลุกขึ้นไปทำความสะอาดบ้าน และทำอาหารไว้รอต้อนรับร่างสูง

 

✣✣✣✣

 

หลังจากที่ถึงเวลาเลิกงาน เอ็ทเวิร์ดก็รีบกวาดเอกสารทุกอย่างที่วางอยู่เต็มโต๊ะเก็บลงลิ้นชัก และออกจากห้องทำงาน

“จะกลับบ้านแล้วเหรอคะมาสเตอร์” เมื่อร่างสูงลงมาที่ชั้นล่าง เหล่าพนักงานของกิลด์ที่กำลังเก็บของกลับบ้านเช่นกันก็เอ่ยทักเขา

“ใช่ พวกเธอก็กลับบ้านดี ๆละ อย่าลืมล็อกประตูด้วย” เอ็ทเวิร์ดกล่าวกับพวกลูกน้อง

“ค่ะ/ครับ” พวกพนักงานขานรับอย่างแข็งขัน

ร่างสูงเพียงพยักหน้ารับและรีบออกจากกิลด์ทันที ขายาวก้าวตรงกลับไปที่บ้านของตน เพราะตัวเขานั้นอยากจะฟังคำตอบของคนตัวเล็กเต็มทีแล้ว

“ทาเนีย ฉันกลับมาแล้วนะ” เมื่อเอ็ทเวิร์ดกลับมาถึง ก็ส่งเสียงบอกคนที่อยู่บ้าน เขาได้กลิ่นหอมน่าอร่อยลอยมาจากในครัว จึงรู้ว่าร่างเล็กกำลังทำอาหารอยู่

“ครับ!” เด็กหนุ่มตะโกนตอบกลับมา เอ็ทเวิร์ดจึงเดินไปหาเจ้าตัว

ร่างสูงมองไปที่ทาเนียที่กำลังคนบางอย่างอยู่ในหม้อ ส่วนเจ้าแมวดำน่าโมโหก็กำลังนอนหลับอยู่บนโต๊ะกินข้าว เอ็ทเวิร์ดเดินผ่านเจ้าโคลเอ้ไปอย่างไม่สนใจ และสวมตัวเข้ากอดทาเนียจากด้านหลัง แลัวขโมยหอมแก้มเด็กหนุ่มไปฟอดใหญ่

 

ฟอด

 

“หอมจัง” ร่างสูงเอาค้างเกยที่ไหล่ของทาเนีย ชายวัยกลางคนสูดกลิ่นกายหอมที่น่ากินในคนละความหมายกับอาหารในหม้อ ที่เด็กหนุ่มกำลังทำ

“ออกไปก่อนครับคุณเอ็ท ผมทำอาหารอยู่ เดี๋ยวคุณก็โดนหม้อลวกหรอก” ทาเนียใช้ข้อศอกดันคนตัวใหญ่ออกพลางเอ่ยดุไปด้วย

เอ็ทเวิร์ดก็ยอมถอยออกไปแต่โดยดี และมายืนอยู่ข้าง ๆ เด็กหนุ่มแทน ร่างสูงมองทาเนียที่กำลังนำแครอทที่หันเป็นเต๋าใส่ลงในหม้อ

“เธอกำลังทำสตูเนื้ออยู่เหรอ” ร่างสูงสังเกตวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ถูกตุ๋นอยู่ในหม้อแล้วถามออกมา

“ใช่ครับ อีกสักพักก็น่าจะได้ที่ พร้อมทานแล้ว” เด็กหนุ่มตอบ ก่อนจะปิดฝาหม้อลง ปล่อยให้เนื้อตุ๋นต่อไปจนนุ่ม

“งั้นก็มาคุยกันหน่อย” เมื่อได้ยินเช่นนี้ เอ็ทเวิร์ดจึงจูงมือเด็กหนุ่มไปที่ห้องนั่งเล่น เพื่อถามถึงคำคำตอบที่ร่างเล็กสัญญากับเขาไว้เมื่อเช้า

“เธอจำได้ใช่ไหมว่าตกลงอะไรกับฉันไว้เมื่อเช้า” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้น เมื่อเขาและร่างเล็กนั่งลงบนโซฟา

ทาเนียพยักหน้ารับเบา ๆ

“แล้วสรุปว่าคำตอบของเธอคือ....” เอ็ทเวิร์ดรอฟังเด็กหนุ่มอย่างใจจดใจจ่อ

“ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจคุณเอ็ทนะครับ ถ้าคุณอยากจะคบหากับผมอย่างจริงจัง ผมก็ยินดีที่ตอบรับมาก ๆ ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยความรู้สึกของตัวเองไปตามตรงกับเอ็ทเวิร์ด

“ขอบคุณเธอมากเลยนะที่ให้โอกาสฉัน” ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างดีใจ และโผตัวเข้ากอดร่างเล็กแน่น ก่อนบดริมฝีปากกับปากเล็กอย่างดูดดื่ม

“อื้อ อื้อ” ร่างเล็กตีไหล่กว้างไปหลายทีให้ปล่อยตน เพราะร่างสูงแทบชิงเอาอากาศของเขาไปจนหมด

ร่างสูงผละออกมาแล้วซุกใบหน้าลงกับไหปลาร้าของเด็กหนุ่ม และขบเม้มจนเป็นรอยแดง เพื่อทิ้งร่องรอยของตนไว้บนร่างกายเล็ก

“คุณเอ็ท!! เล่นอะไรครับเนี่ย” ทานียหดไหล่และคอเข้าหากันอย่างจั๊กจี้ และดันหน้าของร่างสูงออกห่างจากตัว แต่ก็ยังไม่วายโดนอีกฝ่ายงับมืออีก ก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียตาม หลังจากนั้นก็จะพุ่งตัวเข้ามาจูบเด็กหนุ่มอีกครั้ง ทาเนียจึงยกมือขึ้นมาปิดปากคนตัวโตเอาไว้ไม่ให้มาจู่โจมตัวเองได้อีก

“พอก่อนครับ ผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณเอาไว้ก่อน”

“อะไรเหรอ” เอ็ทเวิร์ดนั่งตัวตรงและตั้งใจฟังสิ่งที่เด็กหนุ่มจะพูด

“ผมไม่ได้จะอยู่ที่เมืองนี้ไปตลอด อีกไม่นานผมก็ต้องไปที่อื่นแล้ว คุณเข้าใจใช่ไหมครับที่เราอาจจะไม่ได้เจอกันตลอด” เด็กหนุ่มถามกับเอ็ทเวิร์ดโดยใช้น้ำเสียงที่จริงจัง

“อืม ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ “คนตัวโตแสดงสีหน้าเศร้าลงไปทันตา ก่อนกลับมาส่งยิ้มให้ทาเนียเช่นเดิมพร้อมกล่าวต่อ

“แต่ฉันน่ะเข้าใจดีกว่าใครเลย นักผจญภัยน่ะมันก็ต้องผจญภัยไปทุกที่ที่อยากไปสิ ฉันเองก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชีวิตตะลอนไปมาแล้วทั่วทั้งทวีป ก่อนจะมาลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองลูซนี่ ฉะนั้นฉันก็ไม่คิดจะขอให้เธอทิ้งชีวิตหนุ่มสาวเพื่อฉันหรอก ชีวิตของเธอเชิญเธอเลือกหนทางของตัวเองได้เลย แค่จำเอาไว้ก็พอว่าฉันจะรอเธออยู่เสมอ แล้วก็กลับมาหากันบ้างให้ฉันได้หายคิดถึงและถ้าเธฮรู้สึกพอกับชีวิตนักผจญภัยเมื่อไหร่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันนะ” ทั้งคำพูด น้ำเสียและแววตาที่ชายวัยกลางคนแสดงออกมานั้นล้วนเต็มไปด้วยความโยนและรักใคร่ จนทาเนียที่ได้รับพูดเหล่านั้นรู้สั่นไหวและอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

“ขอบคุณนะครับ” ทาเนียบอกความรู้สึกในใจออกไปตามตรง

“แต่มีอีกเรื่องที่คุณจะต้องรู้ครับและหลังจากที่ฟังไปแล้วคุณจะรับไม่ได้ผมก็เข้าใจ” ทาเนียกลับมาพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง

“อะไรอีกงั้นเหรอ” เอ็ทเวิร์ดถามอย่างไม่สบายใจ เพราะท่าทีที่เครียดขึ้นของร่างเล็ก

“หลังจากนี้ผมอาจจะไม่ได้มีคุณเป็นคนรักแค่คนเดียวนะครับ ถ้าผมเดินทางไปเรื่อยก็อาจจะเจอคนที่ถูกใจและรับเขามาเป็นคนรักอีกหลาย ๆ คนเลย รู้แบบนี้แล้วคุณยังจะอยากคบกับผมต่อหรือเปล่า อยากเข้ามาเป็นหนึ่งในฮาเร็มของผมไหม” ในที่สุดทาเนียก็ตัดสินใจถามร่างสูงออกไป พร้อมทั้งจ้องตาอีกฝ่ายและนิ่งเงียบเพื่อรอฟังคำตอบ

เอ็ทเวิร์ดนิ่งค้างไปหลายนาที พยายามประมวลผลสิ่งที่ได้ยินให้ถี่ถ้วน ก่อนจะหลับตาตาลงและซุดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยออกมา

“สามีหลวง” เสียงนั้นเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน

“คืออะไรครับ” ทาเนียไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

“ต้องให้ฉันเป็นสามีหลวง!!!” เอ็ทเวิร์ดพูดขึ้นมาเสียงดัง

“ถ้าเธอจะมีคนอื่นแล้วให้ฉันที่มาก่อนเป็นรอง ฉันไม่ยอมแน่” ร่างสูงจับไหล่ทั้งสองข้างของทาแน่พร้อมจ้องเขม็งอย่างกดดัน

“ได้ ได้สิครับ” นาทีนี้ร่างเล็กต้องตอบตกลงอย่างเดียวเท่านั้น

“ดีมาก” ชายวัยกลางคนยิ้มด้วยความพอใจ

ทันใดนั้นร่างของเอ็ทเวิร์ดก็แสงสีม่วงอมชมพูขึ้นมา คนตัวร้องตกใจเสียงดัง

“เฮ้ย!!!” ร่างสูงลุกขึ้นยืนมองตัวเองอย่างไม่สบายใจเพราะไม่รู้ว่ากิดอะไรขึ้น

“หรือว่านี่มัน….” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นมาเหมือนรู้อะไรบ้าง ทำให้เอ็ทเวิร์ดหันไปมองและแสดงแววตาขอคำตอบ

ทานียจึงดึงให้คนตัวสูงนั่งบนโซฟาอีกครั้ง พร้อมทั้งเล่าเรื่องอภิสิทธิ์ฮาเร็มให้ฟังรวมทั้งเรื่องของระบบด้วย ซึ่งเอ็ทเวิร์ดก็นั่งฟั่งสิ่งที่ทาเนียเล่าอย่างตั้งใจ และเมื่อทาเนียเล่าเรื่องจบ ชายวัยกลางคนก็แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างปิดไม่มิด

“หลังจากที่ฉันเข้ามาเป็นฮาเร็มของเธอแล้ว ฉันก็จะใช้ความสามารถบางส่วนของระบบที่เธอบอกมาได้ใช่ไหม และนอกจากนี้เธอยังสามารถใช้การเคลื่อนย้ายที่ฉันเคยเห็นก่อนหน้านี้มาหาฉันได้ตลอดด้วย” เอ็ทเวิร์ดกล่าวอย่างสรุป เขาเชื่อสิ่งที่ร่างเล็กพูดทุกอย่าง เพราะได้เห็นฝีมือของเจ้าตัวมากับตาแล้ว นี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงแข็งแกร่งนักแม้ไม่มีเวทมนตร์

“ครับ แต่มันก็จะทำให้คุณมีสถานะต่ำกว่าผม และต้องเชื่อฟังคำสั่งด้วย” ทาเนียพูดถึงข้อเสียที่เหมือนร่างสูงจะลืมไป

“เรื่องแค่นั้นน่ะ ช่างมันเถอะ” ชายวัยกลางคนสะบัดมืออย่างไม่คิดมาก

“เธอช่วยสอนใช้ความสามารถพวกนั้นทีได้หรือเปล่า” ร่างสูงหันมาขอร้องเด็กหนุ่มให้สอนตัวเองใช้ความสามารถของระบบ

“มุมซ้ายล่างของสายตาจะจะมีจุดเล็ก ๆอยู่ ลองเพ่งสมาธิไปที่ตรงนั้นดูสิครับ” เด็กหนุ่มบอกวิธีที่ตัวเองเจอเข้ากับการมีอยู่ของระบบที่พระเจ้าให้มาครั้งแรก คิดว่าครั้งนี้ก็คงจะเป็นแบบเดียวกัน

เอ็ทเวิร์ดทำตามที่คนรักบอก แล้วในเสี้ยววินาทีต่อมาก็มีหน้าต่างเรืองแสงแสดงขึ้นมาตรงหน้าของร่างสูง เอ็ทเวิร์ดเบิกตาอย่างไม่อยากเชื่อ

“แบบนี้งั้นเหรอ” ร่างสูงพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่หน้าจอเรืองแสง

“ใช่ครับ” เด็กหนุ่มพยักหน้ายืนยัน

“แล้วในนี้มีอะไรอยู่เยอะแยะไปหมดเลยเนี่ย” เอ็ทเวิร์ดลองเพ่งสมาธิไปที่สัญลักษณ์รูปหีบสมบัติที่อยู่บนหน้าจอ และหลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนไปเป็น แสดงช่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จำนวนมาก ที่ภายในมีสิ่งของใส่อยู่ ทั้งยาฟื่นฟู อาวุธ และอื่น ๆ หนึ่งในนั้นก็มีระเบิดไฟกับปืนที่เขาเคยเห็นร่างเล็กใช้รวมอยู่ด้วย

“ขอดูหน่อยสิครับ” ทาเนียยื่นหน้าเข้าไปดูที่หน้าต่างข้อมูลของร่างสูง ที่กำลังแสดงอยู่ที่หน้าของไอเทมบล็อก ปรากฏว่าไอเทมบล็อกที่แสดงอยู่ในหน้าจอเป็นของเขาเอง ระบบคงให้เขากับร่างสูงใช้ไอเทมบล็อกร่วมกันแน่ ๆ

“จำตอนที่ผมเอาปืนลูกซองออกมาให้คุณกับหัวกองอัศวินของเมืองดูได้ไหมครับ ผมก็เอาออกมาจากในนี้แหละ และข้าวของอื่น ๆ ผมก็จะเก็บไว้ข้างในและพอจะใช้ก็ค่อยเอาออกมา” ทาเนียอธิบาย

“มันคือไอเทมบล็อกที่บอกไว้ตอนนั้นสินะ” เอ็ทเวิร์ดทำหน้านึก ก่อนจะถามต่อ

แล้วถ้าเก็บของเข้าไปข้างในต้องทำยังไงเหรอ”

“ก็แค่แตะที่สิ่งของแล้วคิดว่าเก็บมันเข้าไปครับ” ทาเนียตอบ

เอ็ทเวิร์ดจึงลองทำตามทันที เขาหยิบแก้วน้ำที่ว่างอยู่บนโต๊ะ แล้วคิดว่าจะเก็บมันอย่างที่ร่างเล็กบอก ต่อมาแก้วที่อยู่ในมือก็หายไป แล้วกรอบสี่เหลี่ยมขนาดเล็กก็ปรากฏเพิ่มขึ้นบนหน้าต่างเรื่องแสงตรงหน้า แก้วน้ำเมื่อครู่ได้เข้าไปอยู่ในไอเทมบล็อกแล้วเรียบร้อย

“สุดยอดไปเลย” เอ็ทเวิร์ดยกยิ้มด้วยความชอบใจ และเริ่มหยิบของนู่นนี่ใส่เข้าไอเทมบล็อกเรื่อย ๆ จนทาเนียต้องเข้าไปหยุด

“พอก่อนครับ อย่าเอาของมาใส่มั่วซั่วสิ” ทาเนียจับมือของคนรักทึ่กำลังจะเอื้อมมือไปหาแจกันดอกไม้

“โทษที พอดีเพลินไปหน่อน่ะ” ร่างสูงกล่าวขอโทษ พร้อมเกาท้ายทอยอย่างอาย ๆ

 

ปุด ปุด ปุด

 

ง้าววว!

 

เสียงของอาหารที่กำลังเดือดในหม้อและเสียงร้องของเจ้าโคลเอ้ดังเตือนจากในห้องครัว บ่งบอกว่าอาหารที่ทำไว้พร้อมทานแล้ว

“ไปทานมื้อเย็นกันก่อนเถอะครับ” ทาเนียเดินจูงมือของคนรักหมาด ๆ ไปที่โต๊ะอาหารและเดินไปปิดเตาแก๊สและตักสตูเนื้อให้ร่างสูง ก่อนไปเทอาหารให้เจ้าแมวดำต่อ และกลับมาตักอาหารของตัวเองแล้วมานั่งทานกับเอ็ทเวิร์ด

หลังจากที่พวกเขาทานอาหารกันเสร็จแล้ว เอ็ทเวิร์ดก็เป็นฝ่ายอาสาเก็บจานชามล้างเช่นเดิม ทาเนียจึงมาอาบน้ำในห้องของตัวเอง เด็กหนุ่มมีสกิลที่ใช้ทำความสะอาดตัวเอง ที่ชื่อว่า เคลียร์บอดี้อยู่

 

สกิล เคลียร์บอดี้;ทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนร่างร่างกายของผู้ใช้ออกอย่างหมดจด ร่วมถึงใช้ลบล้างสถานะผิดปกติบางอย่างได้ด้วย

 

หลังจากที่ร่างกายสะอาดแล้ว เด็กหนุ่มก็ถอดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ออก และนำชุดที่จะใช้เปลี่ยนออกจากไอเทมบล็อก

 

Knock Knock

 

ระหว่างที่ทาเนียกำลังจะใส่เสื้อผ้าชุดใหม่อยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กหนุ่มจึงรีบคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันที่เอวแล้วรรีบไปเปิดประตูให้คนด้านนอก

เอ็ทเวิร์ดเมื่อเห็นร่างที่แทบจะเปลือยเปล่าของคนเปิดประตูออกมารับก็เลือดซูบฉีดไปทั่วร่าง อยากจะพุ่งไปตะครุบและกลืนกินไปทั้งตัวซะตอนนี้เลย แต่เขาก็ต้องทำใจแข็งและสูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างระงับอารมณ์ ก่อนจะแสร้งเอ่ยออกมาอย่างดุ ๆ

“อย่าแก้ผ้ามาเปิดประตูให้คนอื่นแบบนี้สิ มันอันตรายนะรู้ไหม”

“ใครจะมาทำอะไรผมได้ล่ะครับ” เด็กหนุ่มพูดอย่างติดตลก

“แล้วมาเคาะห้องผมมีอะไรเหรอครับ” เด็กหนุ่มถามกับคนแก่กว่า

“เราสองคนเป็นคนรักกันแล้วนะ ก็ไม่จำเป็นต้องแยกห้องกันนอนแล้วนี่ ฉันขึ้นไปแล้วไม่เจอเธอ ก็เลยลงมาตาม” เอ็ทเวิร์ดเอ่ยพร้อมยิ้มไปด้วย

“อ๋อ...” ทาเนียพยักหน้า

“ฉันไปรอบนห้องนะ แต่งตัวแล้วก็รีบขึ้นไปล่ะ” ชายวัยกลางคนกล่าวทิ้งท้าย แล้วเดินกลับไป

ทาเนียหลังจากที่ใส่เสื้อผ้าแล้ว ก็อุ้มเจ้าแมวดำที่นอนหงายท้องอยู่บนเตียงนอน แล้วขึ้นไปที่ห้องร่างสูงที่ชั้นสอง เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องส่งสัญญาณให้คนด้านในก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

เอ็ทเวิร์ดที่กำลังเช็ดดาบมือเดียวอยู่โต๊ะริมหน้าต่างหันส่งยิ้มเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้ามาในห้องก่อนจะหุบยิ้มลงในทันที เมื่อเห็นว่าในอ้อมแขนของร่างเล็กมีเจ้าแมวอ้วนที่ตอนนี้ใช้สายตาของผู้เหนือกว่ามองมาที่เขา

“ให้มันนอนที่ห้องนั้นก็ได้นี่ จะเอามันมานอนกับเราด้วยทำไม” ชายวัยกลางคนจ้องหน้าเจ้าโคลเอ้กลับอย่างไม่ยอมแพ้

“คุณเอ็ท โคลเอ้ก็ตัวแค่เองให้มันนอนด้วยจะเป็นไรไปล่ะครับ” เมื่อได้ยินคนเป็นเจ้านายพูดเช่นนั้น เจ้าโคลเอ้ก็ยิ่งเชิ่ดหน้าขึ้นไปอีก ยิ่งเพิ่มความหมั่นไส้ให้กับคนมองเข้าไปใหญ่

เจ้าเหมียวโคลเอ้อ้าปากห้าวครั้งหนึ่ง ก่อนจะกระโดดลงจากแขนของเด็กหนุ่ม แล้วไปนอนกางขาทั้งสี่แผ่หลาอยู่กลางเตียง

“เป็นดาบที่สวยจังเลยนะครับ” ทาเนียเดินเข้าไปหาร่างสูง พร้อมทั้งก้มลงพิจารณาดาบมือเดียวในมือของอีกฝ่ายไปด้วย แม้ยังไม่ได้ใช้สกิลประเมินตรวจสอบดู ก็ยังมองออกว่าเป็นของคุณภาพดีและน่าจะเป็นของสั่งทำ และหลังลองใช้ประเมินก็รู้ว่าดาบเล่มนี้มีเหล็กเวทมนตร์ผสมอยู่ แล้วยังสลักตราเวทที่เหนี่ยวนำเวทธาตุน้ำที่ร่างสูงใช้ได้อยู่ด้วย

“ใช่ไหมล่ะ ดาบนี่น่ะถูกตีโดยช่างตีดาบมืออาชีพเลยนะ ฉันสั่งทำตอนที่ได้เลื่อนแรงค์นักผจญภัยเป็นขั้นทองคำขาวเมื่อสิบปีก่อนน่ะ” เอ็ทเวิร์ดพูดด้วยความภูมิใจและตั้งดาบขึ้นเพื่ออวดร่างเล็ก

“เอ๊ะ!! คุณเป็นนักผจญภัยแรงค์ทองคำขาวเลยเหรอครับ” ทาเนียตกใจกับความจริงที่เพิ่งรู้

ชายวัยกลางคนเห็นหน้าเหวอ ๆ อย่างน่ารักนั่นแล้วก็ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง

“แล้วทำไมนักผจญภัยที่แรงค์สูงแบบคุณ ถึงได้มาเป็นกิลด์มาสเตอร์ล่ะครับ” ทาเนียอดถามออกไปไม่ได้ เพราะจากที่รู้มาพวกนักผจญภัยยิ่งแรงค์สูงมาก ก็ยิ่งไม่ชอบหยุดอยู่กับที่ และจะอุทิศทั้งชีวิตไปกับการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทาย แล้วการที่คนแบบนั้นกลายมาเป็นกิลด์มาสเตอร์ที่ต้องมาจับปากกาเขียนเอกสารแทนการจับดาบแล้วตะลอนไปทั่วทุกที่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก

“ฉันพอแล้วน่ะสิ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มเบื่อกับการวิ่งไปทั่วแล้วก็ฆ่าพวกมอนเตอร์ และอยากสร้างบ้านสักหลังอยู่เป็นหลักแหล่ง จากนั้นก็สร้างครอบครัวที่มีความสุขกับคนที่ฉันรัก” ในตอนที่เอ่ยเอ็ทเวิร์ดก็เอาแต่มองไปที่เด็กหนุ่ม ทาเนียเริ่มทำตัวไม่ถูกและหลบสายตาไป

“แล้วคุณไม่คิดถึงชีวิตเมื่อก่อนบ้างเหรอครับ” เด็กหนุ่มยิงคำถามต่อ เพื่อออกจากประเด็นที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเขิน

“บางครั้งก็มีคิดขึ้นมาบ้างนะ ว่าถ้าตอนนี้ตัวเองยังเป็นนักผจญภัยอยู่จะกำลังทำอะไร จะกำลังล่าสมบัติในดันเจียนอยู่หรือเปล่าหรือว่ากำลังเดินทางไปที่ไหนสักที่ แต่ฉันก็คิดด้วยว่าชีวิตตอนนี้ก็ดีมากแล้ว เรียบง่ายและสงบสุข แล้วเพราะตัวเองเลือกกิลด์มาสเตอร์ที่นี่เลยได้เจอกับเธอด้วย ถ้าให้เลือกอีกครั้งฉันก็เลือกแบบเดิมนั่นแหละ” เอ็ทเวิร์ดยังไม่วายวกกลับมาเรื่องของเด็กหนุ่มอยู่ดี

“แต่ว่าหลังจากนี้ ฉันลาออกจากตำแหน่งกิลด์มาสเตอร์ดีไหมนะแล้วก็ออกเดินทางร่วมกันกับเธอ ไม่นะว่า เราสองอาจจะกลายเป็นคู่นักผจญภัยที่มีชื่อเสียงเลยก็ได้” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดตลก

“พูดเหมือนการลาจากตำแหน่งกิลด์มาสเตอร์สามารถทำได้ง่ายยังงั้นแหละครับ” เด็กนหนุ่มทำหน้ายุ่ง หากไม่ได้ไปทำความผิดร้ายแรงหรือป่วยหนักจนเป็นเหตุให้ทำหน้าที่ต่อไม่ได้ กิลด์นักผจญภัยก็ไม่มีทางอนุญาตให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกิลด์มาสเตอร์ลาง่าย ๆ หรอก

“อาจจะยุ่งยากอยู่สักหน่อย แต่ถ้าใช้เส้นสายช่วยก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้” แม้ปากจะบอกว่ายุ่งยาก แต่ท่าทีที่แสดงออกมา กลับไม่เช่นนั้นเลยสักนิด

“ไม่ต้องหรอกครับ เอาไว้ผมจะกลับมาหาบ่อย ๆ อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง” ทาเนียรู้ว่าอีกฝ่ายอยากอยู่ที่นี่มากกว่า จึงได้เอยห้ามเอาไว้

“อาทิตย์ละครั้งไม่ได้เหรอ ยังไงเธอก็มาหาฉันได้ทันทีอยู่แล้วนี่แล้วจากนั้นค่อยกลับไปเดินทางต่อแบบนั้นเธอก็ทำได้อยู่แล้วใช่ไหม” เอ็ทเวิร์ดพยายามต่อรองและยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง

“ถ้าต้องกลับมาคุณบ่อยขนาดนั้น แล้วผมจะได้เดินทางแบบจริง ๆ จัง ๆ ไหมล่ะครับนั่น” ทาเนียบอกถึงข้อเท็จจริงให้อีกฝ่ายฟัง เอ็ทเวิร์ดเถียงอะไรไม่ได้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกยาว ก่อนจะกลั้นใจถามคำถามที่ไม่ต่อจิตใจอีกว่า

“ถ้างั้นเธอจะไปจากเมืองนี้เมื่อไหร่ล่ะ”

“น่าจะอีกสักสัปดาห์หนึ่งครับ” ทาเนียอยากจะรับภารกิจและเก็บคะแนนแรงค์มากกว่านี้สักหน่อย ค่อยออกเดินทางไปเมืองต่อไป

ร่างสูงพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่พยายามไม่แสดงคงามรู้สึก ก่อนจะพูดขึ้นมาราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้

“จริงด้วย!! พรุ่งนี้เป็นวันหยุดของฉันพอดี เราสองคนไปหาซื้อของเข้าบ้านกันเถอะ” ที่บ้านของเขานอกจากตู้เย็นเวทขนาดเล็กที่ใช้เก็บของสดได้ไม่กี่อย่างแล้วก็ไม่มีเครื่องครัวอย่างอื่นเลยสักชิ้น เวลาเด็กหนุ่มจะทำอาหารก็ต้องใช้เตาเล็ก ๆ ของตัวเองตลอด แล้วก็ต้องซื้อของมาตกแต่งบ้านใหม่และอาจต้องให้ช่างมาต่อเติมบ้านเพิ่มด้วย เพื่อให้พร้อมสำหรับการอยู่เป็นครอบครัว

“แต่พรุ่งนี้ผมคิดว่าจะไปรับภารกิจ...” เด็กหนุ่มกำลังจะเอ่ยปฏิเสธ แต่ร่างสูงก็แย้งขึ้นมาเสียงดัง

“ค่อยไปวันมะรืนก็ได้นี่ เธอจะอยู่กับฉันที่เมืองนี้อีกไม่นานแล้วนะ ใช้เวลาด้วยให้มากกว่านี้หน่อยสิ” ไม่พูดเปล่า เอ็ทเวิร์ดยังส่งสายตาอ้อนที่ดูไม่เหมาะกับวัยมาให้เด็กหนุ่มด้วย ทาเนียจึงได้ตอบตกลงด้วยความรู้สึกเอ็นดู

“ก็ได้ครับ”

“และไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วพรุ่งนี้เราก็แวะไปที่โบสถ์แล้วแต่งงานกันนะ” แววตาของเอ็ทเวิร์ดเป็นประกายอย่างสุด ๆ ตอนพูดว่าแต่งงาน

ในโลกนี้นั้นการจัดงานแต่งงานที่ใหญ่โตและมีพิธีการที่ซับซ้อนนั้นเป็นที่นิยมแค่ในหมู่เชื้อพระวงศ์กับชนชั้นสูงและพ่อที่ร่ำรวยบางกลุ่มเท่านั้น แต่สำหรับคนทั่วไปเมื่อจะแต่งงานกันจะแค่ไปที่โบสถ์และสวดวิงวอนต่อรูปปั้นเทพธิดาผู้สร้างโลกเพื่อให้พระองค์เป็นสักขีพยานและอวยพรให้ความรักของทั้งสอง จากนั้นก็ให้คนทั้งคู่แลกแหวนของกันและกัน เป็นอันจบพิธี เพียงเท่านี้ก็นับว่าบุคคลทั้งสองเป็นคู่ชีวิตกันแล้ว ตอนยังอยู่ที่หมู่บ้านฮาลาร์ ทาเนียกับน้อง ๆ เองก็ได้ช่วยหลวงพ่อกับพวกซิสเตอร์ ทำพิธีให้ชาวบ้านในหมู่บ้านบ่อย ๆ เลยค่อนข้างรู้รายละเอียดเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจบพิธีแล้วคู่แต่งงานก็จะบริจาคเงินให้กับโบสถ์เพื่อเป็นสินน้ำใจด้วย แม้จะไม่จำเป็นก็ตาม แต่ปฏิบัติกันมาจนเป็นธรรมเนียม

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ได้ไหมครับ ผมเพิ่งจะเข้ากิลด์มาได้ไม่นานเอง แล้วอยู่ ๆ ก็มาแต่งงานกับกิลด์มาสเตอร์แบบนี้ มันจะทำให้เราทั้งคู่ดูไม่ดีนะครับเหมือนที่ผมบอกคุณไปเมื่อเช้าไง แล้วอีกอย่างผมก็ยังไม่พร้อมเลยด้วย” ร่างเล็กเอ่ยขอกับคนรัก

เอ็ทเวิร์ดห่อเหี่ยวลงไปทันที ราวกับท่าทางร่างเริงเมื่อครู่นั้นคือภาพลวงตา

“เธอจะสนใจความคิดคนอื่นทำไมนักทาเนีย ใครจะคิดยังไงพูดอะไรก็ปล่อยมันไปสิ คนพวกนั้นอย่างมากก็ดีแค่เห่าลับหลัง คนรักกันจะแต่งงานกันมันหนักหัวใคร ถ้าไอ้เว*พวกนั้นกล้ามาล้ำเส้นพวกเราล่ะก็ เดี๋ยวฉันจะอัดมันให้ไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มเอง” ร่างสูงตาวาวโรจน์ขึ้นมาด้วยอารมณ์คุกรุ่น

“ผมไม่ได้สนใจคนพวกนั้นขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมคิดว่าทุกอย่างมันมีเวลาที่เหมาะสมของมันอยู่ การแต่งงานมันเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้ารีบทำไปแบบส่ง ๆ สุดท้ายเราสองคนอาจต้องเสียทีหลัง ผมจะแต่งงานกับคุณเอ็ทแน่นอนครับ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริง ๆ ช่วยรออีกสักพักได้ไหมครับ และหลังจากนั้นถ้ายังจะมีคนมองว่าผมไม่ดี ใช้เต้าไต่เพื่อเข้ามาเป็นนักผจญภัยและเลื่อนแรงค์ ผมจะไม่สนใจอีกแล้ว และปล่อยให้ฝีมือของผมเป็นเครื่องพิสูจน์เอง” ทาเนียอธิบายเหตุผลของตัวเองให้คนตัวใหญ่ฟัง พร้อมทั้งให้คำสัญญาว่าตัวเขาจะแต่งงานกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

พอได้รับสัญญาจากคนตัวเล็กเอ็ทเวิร์ดก็เริ่มใจเย็นลงบ้าง ก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ

“ได้ งานแต่งของเราไว้รออีกสักพักก็ได้ แต่ว่านะ แค่สัญญาว่าจะแต่งกับฉันมันยังไม่พอ เธอจะต้องแต่งกับฉันเป็นคนแรกด้วย ห้ามไปแต่งกับคนอื่นก่อนเด็ดขาด เข้าใจไหมทาเนีย” ชายสูงวัยทำเป็นเอ่ยเสียงขรึม

“เข้าใจครับ ขอบคุณจริง ๆ นะ” กล่าวจบเด็กหนุ่มก็จูบลงที่หน้าผากของคนรัก

“ไปนอนกันเถอะครับ” ทาเนียกล่าวชวนร่างสูง

“อืม” เอ็ทเวิร์ดพยักหน้ารับ ก่อนเก็บดาบเข้าฝัก และเอาไปวางที่หัวเตียง ก่อนล้มตัวลงนอนข้างเด็กหนุ่ม โดยที่มีเจ้าแมวดำคั่นกลาง ถึงเขาจะอยากจับมันโยนลงจากเตียง แต่ถ้าทำไปคงโดนคนตัวเล็กดุแน่ ๆ ร่างสูงจึงยกมือขึ้นลูบหัวของมันอย่างผูกมิตร เพราะถึงยังไงตอนนี้เขากับมันก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

“อ่อ ยังมีอีกเรื่อง ถ้าเธอจะรับใครเข้ามาเป็นคนรักเพิ่มล่ะก็ จะต้องพามาเจอฉันก่อนด้วย จะดูให้แน่ใจก่อนว่ามันเป็นคนดีหรือเปล่า” ในระหว่างที่กำลังจะหลับ เอ็ทเวิร์ดก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

“พูดเหมือนคนเป็นพ่อที่มีลูกสาวที่อยู่ในวัยกำลังโตเลยนะครับ ว่าแต่คุณเอ็ทเนี่ยอายุเท่าไหร่แล้วเหรอครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะถามอายุของคนตัวใหญ่บ้างเพราะเขาแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอีกคนเลย จากนี้คงต้องถามบ่อย ๆ แล้ว

“อ เอ่อ” เอ็ทเวิร์ดที่เป็นกังวลเรื่องความห่างของอายุอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งถูกคนรักแซวว่าทำตัวเหมือนพ่อก็ยิ่งไม่อยากบอกอายุของตัวเองเข้าไปใหญ่ แต่สุดท้ายก็อ้อมแอ้มตอบไปอยู่ดี

“ปีนี้ก็47 แล้วล่ะ” เอ็ทเวิร์ดลอบสังเกตปฏิกิริยาของทาเนีย แต่ร่างเล็กก็ทำเพียงพยักหน้ารับรู้เฉย ๆ ไม่ได้มีความแตกตื่นใด ๆ

“เธอไม่ตกใจเลยเหรอ” เอ็ทเวิร์ดอดสงสัยไม่ได้

“ไม่นะครับ” เด็กหนุ่มส่ายหัว

“แล้วที่ผ่านมาเธอคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่เหรอ” ทั้งที่รู้ว่าคำตอบที่ได้นั้นจะเจ็บปวดแต่ก็ยังจะถาม

“ผมประมาณเอาไว้ว่าสัก 50 ครับ” ทาเนียตอบไปตรง ๆ

“ห้ะ!! เพิ่มอายุให้ฉันทำไมตั้ง 3 ปี นี่ฉันหน้าแก่มากเลยเหรอ” ชายวัยกลางคนเบิกตากว้าง ก่อนจะเอามือจับที่ใบหน้าที่กำลังเครียดของตัวเอง

“แค่นี้คุณก็หล่อมากแล้วครับ อีกไม่กี่สิบปีผมก็แก่แบบคุณนั่นแหละ จะเครียดไปทำไมเล่า” ทาเนียลูบไปตามกรอบหน้าที่ริ้วรอยตามวัย แต่ยังปกปิดความหล่อเหลาเอาไว้ไม่มิด

ร่างเล็กจดเอาไว้ในใจแล้วว่าเอ็ทเวิร์ดอ่อนไหวเรื่องอายุ ทีหลังจะพยายามไม่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก หารู้ไม่ว่าคนที่ร่างสูงห่วงเรื่องอายุก็มีแค่ทาเนียคนเดียวนั่นแหละ

เอ็ทเวิร์ดจับที่มือเล็กก่อนจะแนบใบหน้าลงไป พร้อมหลับตาลงและลืมตาขึ้นมามองเด็กหนุ่มอีกครั้ง

“ว่าแต่พ่อแม่ของเธอล่ะอายุเท่าไหร่ มากหรือน้อยกว่าฉัน” เป็นเอ็ทเวิร์ดเองที่ยังไม่หยุดถามจี้ปมตัวเอง

“น้อยกว่านิดหน่อยครับ หลวงพ่อท่านอายุ 45 ปี”

“หลวงพ่อ?”

“ใช่ครับ ผมเป็นเด็กกำพร้าน่ะ พ่อแม่เอาผมไปทิ้งไว้ที่หน้าโบสถ์ หลวงพ่อริโนก็เลยรับเลี้ยงผมเอาไว้ สำหรับผมท่านคือพ่อที่ผมรักมาก ๆ เลยครับ” ทาเนียไม่คิดปิดเรื่องนี้ ถ้าถูกใครถามก็จะตอบไปตามตรง

“เพราะอย่างนี้ เธอก็เลยใจดีกับพวกเด็กๆ ที่โบส์ถสินะ” ร่างสูงทำหน้าเหมือนเข้าใจบางอย่างแล้ว

“ครับ ผมกะว่าก่อนไปเมืองก็จะไปบริจาคเงินให้กับโบสถ์ด้วย” เหตุผลหนึ่งที่ชาติก่อนเขาใช้ชีวิตเกือบครึ่งอยู่กลางไฟสงครามและการนองเลือด เพราะอยากหาเงินมาช่วยให้พวกเด็กกำพร้ามีอนาคตที่สดใสและไม่ต้องกลายมาเป็นเช่นเขา ในชาตินี้เองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกันก็เลยมาเป็นนักผจญภัย ที่ค่าตอบแทนสูงตามผลงานที่ทำ

“แล้วคิดว่าพ่อของเธอน่ะ เขาจะรับเรื่องของฉันได้ไหม” เอ็ทเวิร์ดแสดงสีหน้าเป็นกังวลอีกครั้ง

“รับได้แน่นอนครับ ถึงท่านจะทั้งดุแล้วก็เข้มงวดมาก แต่ท่านก็ใจดีและใจกว้างมากเช่นกันครับ และที่สำคัญท่านรักผมมาก ๆ ครับ ไม่มีทางที่จะขัดขวางเรื่องความรักของผมหรอก” เด็กหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ เพราะเขารู้ดีว่าผู้ที่เป็นเหมือนพ่อนั้นเป็นคนยังไง จากนั้นเด็กหนุ่มก็หันไปเอ่ยกับคนตัวใหญ่

“เอาไว้ผมจะพาคุณไปเจอครอบครัวของผมนะครับ”

“ฉันจะรอนะ” เอ็ทเวิร์ดยิ้มตอบ เขารู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลย ก่อนจะเอือมแขนไปกอดร่างเล็กและดึงผ้าขึ้นมาห่มให้ตัวเองกับคนรัก