ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 1
"Jindrich Oswald"
จินดริช ออสวาลด์ (จิน - ดริช , อ๊อส - วาว)
เส้นขนนุ่มคล้ายไม้ปัดขนไก่กำลังคลอเคลียใบหน้าชวนจั๊กจี้ พร้อมกับปลายจมูกผิวกำมะหยี่เย็นชื้นแตะบริเวณแก้มทำให้ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย การที่สัตว์เลี้ยงมารบกวนเวลานอนเช่นนี้ แปลว่ามันคงจะหิวและกำลังร้องขออาหาร แน่นอนว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ จินดริช ออสวาลด์ ต้องตื่นนอนได้แล้ว
เปลือกตายังคงปิดอย่างเกียจคร้าน มือเรียวโปร่งยกลูบตามแนวขนนุ่มของเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เหยียบอกอย่างอาจหาญ ช่างทำตัวน่ามันเขี้ยวทั้งที่กำลังอ้อนวอนขออาหารแท้ ๆ หัวเล็กถูไถใบหน้าและบิดตัวไปกับฝ่ามือขาวอย่างออดอ้อน
“เหมียว~”
รอยยิ้มผุดขึ้นมุมปากเล็กน้อย เหมือนว่าลีโอนาร์ดจะหิวจนทนไม่ไหวถึงขั้นเอ่ยร้องประท้วง เปลือกตาขาวจนเห็นเส้นเลือดฝอยเปิดขึ้นปรากฏดวงตาสีฟ้าประกายคล้ายสีของท้องฟ้ายามฤดูร้อน กวาดลูกตาไปมองแมวตัวสีขาวเสมือนก้อนเมฆ ขนปุกปุยพองหนาเหมาะกับสภาพอากาศของเมืองชนบท มันบิดหมุนตัวขี้อ้อน จินดริชขำออกมาเสียงเมื่อคิดว่าท่าทางนั้นแสนจะขัดกับหูที่ตั้งชี้และใบหน้าหยิ่งยโส ดวงตาโฉบสองสีหายากกำลังจดจ้องหน้าเขา ส่งเสียงเรียกร้องอีกครั้ง “เหมียว~”
“ก็ได้ ๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหละท่านลีโอ”
เนื้อเสียงทุ้มนั้นอ่อนโยนและเบาหวิว เจือความแหบหลังตื่นนอนตอนห้าทุ่มตรง ตาเพชรสองสีของแมวขาวมองตามร่างสูงเพรียวเดินไปที่ตู้ไม้เก่าผุ
เสียงย่ำเท้าของสัตว์เลี้ยงเดินไปรอที่ถาดอะลูมิเนียมอย่างชาญฉลาด จินดริชหยิบเนื้อแพะตากแห้งออกมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ คนเข้ากับหัวอาหารเกรดต่ำที่หาซื้อได้ทั่วไป เมื่อเข้ากันดีเขาจึงนำไปเทใส่ถาดตรงหน้าลีโอ เจ้าสัตว์เลี้ยงดมฟุดฟิดอยู่นานกว่าจะยอมกิน เพราะหัวอาหารไม่ใช่สิ่งที่มันชอบ จินดริชนั่งยองมองอยู่เช่นนั้นหลายนาทีด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ก่อนที่จะเลือนหายเมื่อคิดว่าได้เวลาแล้วที่เขาต้องไปทำงาน
ไม่น่าเชื่อว่าหอนาฬิกาประจำเมืองอาร์คาเนียจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนคนหนึ่ง หากเข้าไปด้านในเดินขึ้นบันไดราวสองชั้นจะเป็นห้องพักเล็ก ๆ ความกว้างเท่าหอนาฬิกา มีเพียงเตียงเก่าหนึ่งหลังและตู้สำหรับเก็บอาหาร เสื้อผ้าถูกพับเก็บในหีบไม้ ส่วนหนึ่งแขวนไว้บนราว ความสูงจากพื้นถึงเพดานไม่ถึงเจ็ดฟุต
ร่างสูงโปร่งเดินเอื่อยไปเลือกเสื้อผ้าที่พาดแขวนราวแล้วสวมพ้นหัว จินดริชมองเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายตัวบางแหวกถึงหน้าท้องพลันถอนหายใจ เขาผูกเชือกกระชับคอเสื้อหลวม ๆ ให้เห็นอกขาววับแวม กางเกงพอดีตัวสวมเข้ากับเรียวขายาวจนถึงเอว เปิดเผยให้เห็นทรวดทรงที่ติดจะบางโปร่ง เนื่องจากเอวคอดกว่าผู้ชายทั่วไปจึงทำให้ดูมีสะโพกทั้งที่ความจริงแล้วจินดริชแค่ผอมเนื่องจากทานน้อย เป็นการแต่งกายที่ค่อนข้างวาบหวิวและดูขัดแย้งกับค่านิยมของชาวเมืองอาร์คาเนีย จินดริชไม่ได้ชอบสวมแบบนี้เช่นกัน แต่ร้านสุราที่เขาต้องไปทำงานจะต้องฝืนทนใส่ถึงจะได้ทิปจากลูกค้า
ช่วงนี้อากาศค่อนข้างหนาว โค้ตสั้นจึงถูกนำมาสวมทับอีกชั้นหนึ่ง ผ้าพันคอผืนใหญ่คล้องและปกปิดส่วนคอเสื้อที่เปิดเผย จินดริชหวีผมลวก ๆ ต่างหูไม้กางเขนถูกหยิบขึ้นมากุมแนบอก จินดริชหลับตาสงบนิ่งอย่างศรัทธาก่อนจะนำมาสวมที่ติ่งหูซ้าย ขี้ผึ้งถูกแตะที่ริมฝีปากกระจับบางให้ชุ่มชื้นจากสภาพอากาศที่แห้งเย็น เขาเปิดหน้าต่างให้แง้มไว้เล็กน้อยแล้วเดินไปเกาหัวลีโอที่นั่งเลียอุ้งเท้าตนเองหลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อย
“พรุ่งนี้กลับเย็น ๆ เลย ถ้าออกไปเที่ยวเล่นก็ดูแลตัวเองนะลีโอ”
“เหมียว”
จินดริชชื่นชอบที่สัตว์เลี้ยงตอบรับแม้จะรู้ว่ามันไม่เข้าใจที่เขาพูดก็ตาม เขาเลี้ยงลีโอแบบอิสระ ปล่อยให้เดินเล่นในเมืองเต็มที่ ส่วนมากมันจะกลับมากินอาหารที่ห้องใต้หอนาฬิกาของจินดริชและอยู่ด้วยในช่วงที่เขาพักผ่อนหลังเลิกงาน บางครั้งมันก็ไม่กลับมาเลยตลอดสามวัน เคยแอบใจหายแต่สุดท้ายเขาเจอมันยืนเล่นอยู่หน้าร้านที่ทำงานหรือตามเมือง
ชายหนุ่มผมดำเดินออกจากห้องของตนเองโดยที่ไม่ใส่ใจล็อกประตูเพราะด้านในไร้ของมีค่า ความมืดในหอนาฬิกาทำให้ต้องก้าวขาลงจากชั้นบันไดไม้เนื้อแก่อย่างระมัดระวัง หากเป็นเจ็บตัวไปได้แย่แน่ จินดริชยังต้องทำงานหาเงินเพื่อประทังชีวิตในแต่ละวัน
เดินออกมาไม่ไกลก็มีโบสถ์ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หอนาฬิกา จนคนในเมืองชนบทอาร์คาเนียเรียกว่าเป็นหอนาฬิกาประจำโบสถ์ ถัดไปราวห้าร้อยเมตรจะเริ่มเจอที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ทุกหลังปิดไฟ โดยรอบเงียบสนิท ยิ่งเข้ากลางเมืองบ้านเรือนยิ่งแออัด จินดริชเผยอปากปล่อยลมหายใจคลายหนาวจนเกิดควันขาวฟุ้ง มือซุกในเสื้อโค้ตของตนเอง ฤดูใบไม้ผลิมักจะมีอากาศเย็นในช่วงกลางดึกนั่นทำให้การหายใจค่อนข้างลำบาก เหมือนโพรงจมูกจะแห้งจนแสบขัดไปเสียหมด
หลุดจากพื้นที่อยู่อาศัยมาประมาณหนึ่งไมล์ก็พบเจอกับแหล่งรวมสถานบันเทิงจำพวกร้านเบียร์ คาเฟ่ [1] และแหล่งขายบริการยามค่ำคืน
“ไง จินดริชผู้น่ารังเกียจ”
เจ้าของฉายาได้แต่สาวเท้าก้าวไวกว่าเดิมเพื่อผ่านกลุ่มขี้เมาหน้าร้านเบียร์ นัยน์ตาฟ้าหลุบมองลงพื้นไม่ใส่ใจ แต่พ้นจากกลุ่มนั้นก็ไม่วายเจอกับคนอื่นอยู่ดี น้ำเสียงของพวกเขาน่ารังเกียจและทำจินดริชหวาดกลัว
“วันนี้ก้นแกก็สวยอีกแล้วว่ะ”
“ขอบีบสักทีฉันจะให้หนึ่งเหรียญ”
“หรือถ้าแกให้เอาฉันจะให้ห้าเหรียญก็ได้”
ได้แต่กำมือแน่นให้กับเสียงหัวเราะครื้นเครงเหล่านั้น จินดริชรีบเดินไปที่ร้านขายสุราที่อยู่มุมในสุดของตรอกทางเดิน โทนร้านแต่งแต้มสีสันฉูดฉาด หน้าร้านมีเหล่าชายร่างผอมอ้อนแอ้นนั่งไขว่ห้างพูดคุยเสียงดัง เขาคิดมาตลอดว่าตนเองแต่งตัวเปิดเผยทรวดทรงแล้ว แต่เทียบไม่ได้สักนิดกับพวกเขาเหล่านั้น จินดริชเปิดประตูร้านเข้าไปด้านในโดยที่ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่
ร้านขายสุราที่จินดริชทำงานนั้นมีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเพราะเบียร์มีรสชาติดี รวมถึงไวน์ต่างเมืองที่ราคาแพงหาชิมได้ยาก อีกซีกหนึ่งภายในร้านดูให้บรรยากาศที่ต่างออกไป เพราะร้านนี้ยังเป็นแหล่งขายบริการสำหรับชายที่ชื่นชอบในเพศเดียวกัน เพราะฉะนั้นพนักงานส่วนใหญ่จึงมีลักษณะท่าทางคำพูดที่เสมือนผู้หญิง รวมไปถึงการแต่งตัวที่บ่งบอกชัดเจนว่ามีจิตใจต่างกับเพศสภาพ การทำงานโดยขายร่างกายให้กับคนเพศเดียวกันถือว่าเป็นเรื่องผิดบาป ใช่ว่าพวกเขาไม่เชื่อในหลักคำสอนของพระเจ้า แต่ชีวิตและปากท้องทำให้พวกเขาเลือกที่จะทำบาปในข้อนั้น
ชีวิตไม่ได้มีทางเลือกมากมายอะไร
แต่กับจินดริชเขาเลือกที่จะไม่กระทำบาปอันทำให้พระเจ้าหันหลังให้แก่เขา อย่างน้อยก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยง ถึงกระนั้นหากไร้หนทางจริง ๆ จินดริชเองก็คิดว่าคงตัดสินใจไม่ต่างกัน...
“จิน ช่วยไปจัดเก้าอี้ที่บาร์หน่อย”
“ครับ”
เที่ยงคืนนับว่าเป็นวันใหม่และผู้คนส่วนใหญ่จะเริ่มเข้านอนพักผ่อนเก็บแรง แต่เป็นช่วงเวลาที่จินดริชเริ่มงานแรกของวัน เขามีหน้าที่คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารสำหรับใช้เป็นของกินเล่นแกล้มกับเครื่องดื่ม สถานที่อโคจรเช่นนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองส่วนใหญ่ แต่มันเป็นสถานที่ที่ให้งานกับจินดริช ทั้งยังให้เงินได้มากกว่างานอื่น
“พรุ่งนี้รับงานนอกที่ไหนอีกหรือเปล่า?”
ผู้มีพระคุณของจินดริช คุณจูเลียเป็นเจ้าของบาร์และเธอเป็นสาวประเภทสอง เป็นคนที่จินดริชจะไม่มีวันหักหลังและพร้อมให้การช่วยเหลือหากเธอเดือดร้อน ร่างสูงติดบึกบึนกำลังนั่งพิงบาร์ นิ้วมือเรียวยาวทาเล็บสีแดงสดคีบก้านแก้วไวน์แดง มองเขาที่กำลังจัดเก้าอี้กระฉับกระเฉง
จินดริชตอบ “มีไปทำความสะอาดสวนที่บ้านคุณแรมเบิร์ธครับ”
“เจ้าเด็กนี่...วัน ๆ หนึ่งนอนถึงสามชั่วโมงไหม?”
จินดริชเพียงแค่ยิ้มบาง ตอบคำถามขณะใช้ผ้าเช็ดโต๊ะบาร์
“อาหารใกล้หมดแล้ว ผมเกรงว่าเงินจะไม่พอ”
“อาหารคนหรืออาหารแมวยะ?”
“ก็...ทั้งคู่นั่นแหละครับ”
“ตอบแบบนี้แสดงว่าเธอยังให้แมวกินแฮม ส่วนตัวเองกินขนมปังกับอาหารเหลือของลูกค้าสินะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้!”
ไม่พูดเปล่ายังใช้นิ้วกดศีรษะของจินดริช เคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด เธอเป็นเจ้าของร้านทำไมจะไม่รู้ว่าจินดริชชอบแอบเอาอาหารที่ลูกค้ากินเหลือใส่กระเป๋าสะพายกลับหอนาฬิกาทุกเช้าหลังเลิกงาน
“มันน่าเสียดายที่จะทิ้ง อาหารพวกนั้นตั้งสิบเหรียญ”
“ชิ โง่ชะมัดเลย เอาตัวเองจะไม่รอดยังมีหน้ามาเลี้ยงสัตว์ให้เป็นภาระ ทิ้ง ๆ มันไปเถอะจิน ให้ตายสิ”
พอพูดถึงมูลค่าทำให้นึกถึงประโยคที่ขี้เมานอกร้านบอกว่าหากจินดริชยอมหลับนอนด้วย เขาจะได้ห้าเหรียญ จินดริชมีค่าน้อยกว่าอาหารเหล่านั้นอีกสินะ คุณค่าที่คนในเมืองให้เขามันมีเพียงเท่านั้นจริง ๆ
มือที่จับผ้าเชื่องช้าลงจนหยุดนิ่ง เขามองคุณจูเลีย
“หากผมขายตัว คุณจะจ่ายส่วนแบ่งให้ผมเท่าไหร่?”
จูเลียมองใบหน้าขาวสว่าง ขี้แมลงวันเล็ก ๆ ใต้ตาซ้ายโดดเด่นชวนให้มองอย่างหลงใหล มันจางลงไปมากเมื่อเทียบกับตอนที่เด็กตรงหน้าเขามีส่วนสูงเพียงเอว ดวงตาสีฟ้านั้นประกายงดงามให้ชื่นชมมากกว่าก่นด่า รูปร่างสูงเพรียวไร้กล้ามเนื้อน่ามองแต่ก็ไม่อ้อนแอ้นบอบบางเหมือนหญิงสาว หากประทินผิวปรับโฉมสักหน่อย บอกได้เลยว่าจินดริชน่าจะทำเงินให้เขาเป็นกอบเป็นกำ แต่นั่นคือสิ่งที่คิดเท่านั้น จูเลียเอื้อมมือไปบีบแก้มขาวนุ่มมือจนยืดไม่ยั้งแรง
“หน็อย อยากเป็นเหมือนแม่ตัวเองนักหรือไง? ไม่อยากเชื่อว่าประโยคนี้จะออกจากปากคนที่เข้าโบสถ์ทุกวัน”
จินดริชลูบแก้มปวดหนึบของตัวเองเบา ๆ เขาเม้มปากแน่น
“แค่สงสัยว่าผมจะมีราคาเท่าไหร่ในสายตาคุณจูเลีย”
จูเลียถอนหายใจแผ่วเบามองเงาสะท้อนของตัวเองจากกระจก ชุดเดรสคอร์เซตรัดรูปสีแดงช่างไม่เหมาะกับขนาดตัวของเขา พอมองไปยังเด็ก ๆ ในความดูแลของตัวเองอย่างพินิจ พวกนั้นแต่งตัววาบหวิวอย่างพรั่งพร้อมให้บริการลูกค้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าจินดริชที่แต่งกายเรียบร้อยกว่ามากนั้นน่ามองกว่าตั้งเยอะ สายตาของลูกค้าในร้านมักจะมองโลมเลีย เห็นแล้วรู้สึกขยะแขยงไม่น้อย แต่บางอย่างทำให้พวกเขาเลือกรังเกียจจินดริช สุดท้ายจูเลียก็ตอบคำถามเด็กหนุ่มวัยยี่สิบ
“ประเมินค่าไม่ได้เลย จิน”
ประเมินค่าไม่ได้ หรือจินดริชไม่มีค่าให้ประเมินกันนะ...
“เลิกคิดอะไรแบบนั้นซะเด็กโง่ เธอขายไม่ออกหรอกนะยะ”
จินดริชหลุบตามองโต๊ะอย่างเหม่อลอย ฝ่ามือของคุณจูเลียลูบหัวเขาแผ่วเบาก่อนที่เธอจะออกไปต้อนรับลูกค้าประจำที่มาเยือน
เบียร์หมักสีเหลืองอำพันไหลออกจากก๊อกลงสู่แก้วใบโตจนเกือบล้น จินดริชยกไปเสิร์ฟที่โต๊ะลูกค้าทีเดียวถึงสี่แก้วอย่างชำนาญ ใบหน้าเขาเรียบเฉยเมื่อเห็นว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ถูกชะตาเท่าไหร่นัก
“ได้ยินข่าวงานการกุศลของคุณแมทธีโอนีหรือเปล่า?”
“หมายถึงเซนต์ลูเซียสน่ะเหรอ?”
มือของจินดริชที่ถือแก้วเบียร์สั่นไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อได้ยินชื่อนั้น
“เซนต์ [2] อะไรกันล่ะ เขายังไม่ถูกสถาปนาเป็นนักบุญสักหน่อยเจ้าโง่ มันไม่ฟังดูเกินไปหน่อยหรือไง”
“แต่ใคร ๆ ก็ยกย่องเชิดชูเขาอย่างกับเป็นนักบุญที่พระสันตะปาปา [3] สถาปนาขึ้นมา แต่ก็นะ...คุณงามความดีของเขามันน่าทึ่ง”
“ใช่ไหมล่ะ ล่าสุดชาวบ้านรวมเงินกันจัดงานสรรเสริญเขาที่บริจาคเงินช่วยบำรุงโบสถ์ประจำเมืองหลายหมื่นเหรียญ”
“เงินมากมายขนาดนั้น ชีวิตนี้ฉันจะได้แตะมันไหมนะ...”
จินดริชฟังประโยคนั้นอย่างนึกเห็นด้วย เป็นจำนวนเงินที่เยอะมากตามที่ตัดพ้อ แถมโบสถ์ที่ว่านั่นยังตั้งอยู่ข้างหอนาฬิกาที่จินดริชพักอาศัยอยู่ทุกวัน ถึงกับกล่าวอาเมนในใจให้กับความดีงามนั้น ยินดีที่โบสถ์เก่าแก่จะถูกปรับปรุงให้ดูดีขึ้นเพื่อเหล่าคริสตจักรนับพันชีวิต
เพียะ!
ม่านตาฟ้าขยายกว้างอย่างตกใจเมื่อฝ่ามือใหญ่ตีเข้าที่บั้นท้ายของเขาเสียงดังสนั่น ชนิดที่ว่าหลายคนในร้านหันมองตามเสียงเสียดหู รวมถึงจูเลียที่จ้องมานิ่ง ๆ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย จินดริชจ้องหน้าผู้กระทำ
“ก้นแกแม่งแน่นดีฉิบหายเลยว่ะ เอาไปหนึ่งเหรียญ”
กริ๊ง~
เหรียญเงินถูกดีดใส่หน้าท้องของจินดริชก่อนที่มันจะร่วงกระทบพื้นเสียงใสกังวาน จินดริชได้แต่มองใบหน้าชายบึกบึนที่หัวเราะร่วนกับกลุ่มเพื่อนตนเองอย่างดูถูกเหยียดหยันเขา อีกฝ่ายเหมือนรู้ว่าจินดริชนิ่งไป
“แกมองอะไร หรือว่าไม่พอใจ?”
ใบหน้าของจินดริชเรียบสนิท มือที่กำแน่นคลายอย่างช้า ๆ ก่อนจะก้มลงเก็บเหรียญที่อยู่กับพื้น เขาเดินกลับไปที่บาร์นัยน์ตาสั่นระริกคุกรุ่น
เหรียญเงินในมือของเขาไม่สามารถซื้อแม้แต่ขนมปังได้หนึ่งก้อน
...พระบิดา...
โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายด้วยเทอญ อาเมน...
บทสวดภาวนาดังกล่อมในหัวอย่างว้าวุ่น ภายนอกคือกายที่ทำงานอย่างขะมักเขม้น บทสวดเหล่านั้นช่วยให้ใจที่เป็นทุกข์ผ่อนคลาย เขาลืมเลือนความโกรธเคืองในมนุษย์ทั้งสิ้น แต่เขาไม่อาจเลิกตัดพ้อชีวิตตนเอง
...เมื่อไหร่มันจะจบลง
ที่นั่งมุมอับของร้านมีบุรุษชุดดำนั่งไขว่ห้างจิบเบียร์รสชาติดี มุมปากยกยิ้มน่าหวาดกลัว ดวงตาสีแดงเป็นกระจายสว่างจ้าจนคล้ายมีเทียนอยู่ในนั้นก็ไม่ปาน ความร้อนรุ่มจดจ้องจินดริชผู้น่ารังเกียจไม่วางตาตั้งแต่วินาทีที่จินดริชเข้ามาในร้าน การแต่งกายช่างดูเหมือนหลุดมาจากปีคริสต์ศักราช 1600 แปลกที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเขาเลยสักคน แม้แต่จินดริชที่เป็นผู้ถูกจับจ้องก็ตาม
[1] คาเฟ่ ในที่นี้คล้าย ๆ ร้านคาราโอเกะที่มีหญิงสาวคอยให้บริการหรือเอนเตอร์เทน
[2] เซนต์ (Saint) หรือนักบุญ หมายถึง ธรรมิกชนหรือผู้บริสุทธิ์ ไม่จำเป็นต้องเป็นบาทหลวง บุคคลทั่วไปก็เป็นนักบุญได้
[3] พระสันตะปาปา (บาทหลวง ;Pope) หมายถึง มุขนายกแห่งคริสตจักรกรุงโรมและผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก