ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 2
"Lucius Q. Matteony"
ลูเซียส คิว แมทธีโอนี (ลู-เซียส, คิว, แมท-ที-โอ-นี่)
จินดริชผู้น่ารังเกียจเฝ้ารอเวลาพระอาทิตย์ขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ ให้กล่าวง่าย ๆ ก็คือเวลาเลิกงานจากร้านเบียร์สดชื่อดัง โบที่ผูกคอหลวม ๆ ในตอนแรกมัดปมกระชับคอเสื้อให้เรียบร้อยมากขึ้น ทับด้วยผ้าพันคอสีแดงเลือดหมูอีกชั้นหนึ่ง
“ค่าแรงสำหรับวันนี้แล้วก็อาหารที่ขายไม่หมด เพราะงั้นช่วยทิ้งของเหลือในกระเป๋าด้วย”
จูเลียถอนหายใจ เบือนหน้าหนีเมื่อจินดริชทำตาใสมองเขาอย่างซาบซึ้งคล้ายลูกสุนัขก็ไม่ปาน เธอปัดมือไล่อย่างไม่ยี่หระ “ไปซะ”
“ขอให้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมครับคุณจูเลีย”
“เช่นกัน...จิน”
จบงานแรกของวันจินดริชก็มุ่งหน้าไปที่โบสถ์ข้างหอนาฬิกาประจำเมือง งานที่สองจินดริชยอมให้เวลาทำให้โดยไม่คิดเงิน เขาทำด้วยใจอันบริสุทธิ์ ทุกวันเขาจะไปกวาดลานกว้างรอบวิหารให้ชาวคาทอลิกเข้าไปแสดงความเชื่อในพระเจ้า และยิ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์จินดริชจะต้องรีบทำให้เสร็จก่อนสิบโมงเพื่อเข้าทำพิธีมิสซา [1] ตอนสิบนาฬิกา
เส้นทางเงียบเหงาที่จินดริชเดินมายามวิกาลตอนนี้ครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ตื่นมาใช้ชีวิตและเปิดร้านค้า แต่จินดริชเกลียดอาร์คาเนียยามกลางวันมากที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขาได้รับสายตาเกลียดชังมากล้นและเปิดเผย
“น่ารังเกียจ”
“พวกรักร่วมเพศสกปรก”
“พระเจ้าจะไม่คุ้มครองแก”
เหมือนคนเหล่านั้นไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าจินดริชอีกแล้ว ไม่ว่าถ้อยคำจะรุนแรงแค่ไหนก็ไม่สามารถจินดริชหน้าตายให้ออกจากอาร์คาเนียได้ แต่ใช่ว่าจินดริชจะไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาเสียใจทุกครั้งที่ถูกรังเกียจ
“แมวโง่!”
“ฟ่อ!”
เสียงแมวขู่เรียกนัยน์ตาสีฟ้าให้หันไปจับจ้อง ร่างสูงโปร่งสาวเท้าก้าวยาวไปหาเด็กหนุ่มทั้งสองที่กำลังแกล้งแมวตัวสีขาวขนฟูฟ่องหูตั้งข่มขู่
“นั่นสัตว์เลี้ยงของจินดริชผู้น่ารังเกียจ เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก!”
เงาของจินดริชทาบทับ เด็กทั้งสองเงยหน้ามองพลันหน้าซีด เขาเอ่ยเสียงทุ้มเบาไม่ได้บันดาลโทสะออกไป เด็กก็คือเด็ก เด็กคือผู้บริสุทธิ์
“อย่าดึงหาง รู้ไหมว่ามันเจ็บ”
“ระ เราสนใจที่ไหนจินดริชหน้าโง่!” เด็กหนุ่มตัวเท่าเอวกล่าวก้าวร้าว แต่ถอยหลังหนีอย่างหวาดระแวง
ร่างโปร่งก้มมองลีโอนาร์ดที่มาคลอเคลียแข้งขา ตาสองสียังคงจับจ้องเด็กทั้งสองไม่ไว้วางใจ “ถ้าพวกเธอมีหางคงไม่อยากถูกดึงแบบนี้แน่”
“โง่ โง่ โง่ เราเป็นมนุษย์จะมีหางได้ยังไง แกโง่อย่างที่แม่เราบอกจริง ๆ ด้วย จินดริชหน้าโง่ น่ารังเกียจ แบร่!”
กล่าวว่าร้ายจบก็พากันวิ่งหนีไปรวดเร็ว จินดริชถอนหายใจอีกครั้งมองค้อนใส่แมวตัวสีขาวที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “แกเหลือกี่ชีวิตนะลีโอ”
ตาสองสีงดงามเชยขึ้นมอง “เหมียว~”
จินดริชเลี้ยงลีโอมาหลายปีแล้ว แต่เขาเพิ่งสังเกตในวันนี้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาไม่มีปลอกคอ แต่คนในเมืองต่างรับรู้ว่านี่เป็นแมวของเขา ลีโอจึงถูกกลั่นแกล้งอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ยังอยู่กับเขามาได้ยาวนานไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร จินดริชคาดหวังอย่างถึงที่สุดไม่ให้มันเป็นอะไรหนักหนา เพราะเขาคงไม่มีปัญญาที่จะพามันไปรักษา จินดริชก้มลงเกาคางสัตว์เลี้ยงเบา ๆ ระบายรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงครืดดังออกมาอย่างพอใจ
“ไว้เงินเหลือจะซื้อปลอกคอให้แล้วกัน”
จินดริชเดินไปยังโบสถ์รวดเร็วเนื่องจากเสียเวลาไปหลายนาที ลอบมองแมวขนฟูตัวขาวที่เดินตามมาติด ๆ ดูเหมือนวันนี้เขาจะมีเพื่อนช่วยกวาดลานโบสถ์ เมื่อถึงที่หมายเขาก็ไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
ยังไม่ถึงสิบโมงด้วยซ้ำแต่ผู้คนหลั่งไหลมาเตรียมพร้อมอย่างผิดวิสัย จินดริชที่ขึ้นชื่อว่าไม่ถูกกับคนสักเท่าไหร่คล้ายหายใจยากลำบากขึ้นเป็นเท่าตัว กลุ่มคนที่ยืนออหน้าโบสถ์ผิดตาไปสักหน่อยเพราะว่าวันนี้เต็มไปด้วยหญิงสาวที่อายุพอ ๆ กับจินดริชไม่ใช่คนมีอายุอย่างทุกที พวกเธอมีใบหน้าอิ่มเอมตื่นเต้นกับบางสิ่ง แต่งตัวด้วยผ้าลินินเนื้อดี คอร์เซตรัดแน่นเห็นเอวคอดกิ่วจนจินดริชไม่อาจมองนานได้ ละสายตากลับมาอย่างให้เกียรติพวกเธอ ไม่มีใครสนใจเขาสักเท่าไหร่
“เขามาแล้ว~”
“ฉันดูดีหรือยัง”
“วันนี้ฉันรัดเอวมาแน่นกว่าปกติ”
แล้วจินดริชก็ทราบถึงเหตุผลที่หน้าโบสถ์คึกคักกว่าทุกครั้ง รถยนต์หรูทรงเตี้ยสีดำมาจอดเทียบข้างต้นไม้ หากเป็นสักห้าปีก่อนมันจะน่าตื่นเต้นกว่านี้ แต่เดี๋ยวนี้ยานพาหนะเช่นนี้สามารถพบเห็นได้บ่อยครั้งแม้จะในถิ่นชนบท แต่ถึงกระนั้นคนที่เป็นเจ้าของมักจะเป็นลอร์ดขุนนางหรือเศรษฐี ด้วยเพราะราคาที่ยังจับต้องยาก
คนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้เจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลัง หญิงสาวพากันกระซิบกระซาบออกทางสีหน้าแม้ว่าท่าทีจะสำรวม พัดลวดลายสวยงามถูกยกขึ้นมาตวัดโบกปิดใบหน้าแต้มเครื่องสำอาง ราวกับแข่งกันว่าพัดของใครงดงามหรูหราที่สุด สีสันละลานตาไปหมด
ผู้ที่ลงจากรถเป็นบุรุษร่างสูงสง่าในชุดสูทสีครีมเต็มยศ กั๊กภายในสวมทับเชิ้ตขาว ผูกเนกไทแน่นจรดลำคอ แอบเห็นผิวขาวเป็นรอยปื้นแดงจนนึกสงสัยว่ามันแน่นเกินไปหรือเปล่า ใบหูสวมจิวเล็ก ๆ ดูขัดภาพลักษณ์ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ท่วมท้น เส้นผมของเขาผู้นั้นขาวกว่าสูทที่สวมใส่เสียอีก ขับให้ทั้งตัวเหมือนส่องแสงสว่างตลอดเวลาราวกับทูตสวรรค์ อายุย่างเลขสามแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ เขาระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้เหล่าผู้คนที่เข้ามาชวนคุย
“มาก่อนเวลาถึงครึ่งชั่วโมง คุณแมทธีโอนีรอบคอบจังเลยค่ะ”
“ผมเพียงแค่ไม่อยากมาสายน่ะครับ”
“ได้ยินมาว่าชาวบ้านระดมทุนจัดงานฉลอง คุณจะเข้าร่วมไหมคะ”
“ผมคงต้องพิจารณาก่อนเพราะงานที่สวนค่อนข้างยุ่งน่ะครับ”
“ไม่นะ~ งานนี้ชาวบ้านจัดขึ้นเพื่อคุณเลยนะคะ”
จินดริชที่ยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ได้แต่ทอดตามองนิ่ง ๆ ริมฝีปากของเขาผู้นั้นช่างงดงาม ลักษณะบางเป็นกระจับมีสีคล้ายผลพีช ขยับเปิดตอบโต้ประหยัดถ้อยคำ ไม่ได้ยินเสียงแต่คาดเดาได้ว่ามันต้องอ่อนโยนมากแน่ ๆ เหมือนกับสีหน้าของเขา นัยน์ตาสีทึบ ใบหน้าไร้ตำหนิ ไม่มีแม้กระทั่งกระฝ้าหรือสิวผด
เขาผู้นั้นเป็นที่รักของคนทุกคน
เขาผู้นั้นเป็นที่สนใจ
เขาผู้นั้นต่างกับจินดริชราวฟ้ากับเหว
ลมหายใจหยุดชะงักเมื่อดวงตารีเรียวนั้นหันมาปะทะกันกับจินดริชที่แอบอยู่ ไม่คาดคิดว่าจะถูกพบเจอทั้งที่เขาอยู่เงียบ ๆ หลังต้นไม้
สายลมพัดเอื่อยในฤดูใบไม้ผลิผ่านใบหน้าพวกเขาจนเส้นผมคลอเคลีย เหมือนสบตากันเนิ่นนานทั้งที่เข็มยาวบนหอนาฬิกายังอยู่ที่เดิม
ใบหน้าของเขาผู้นั้นแปรเปลี่ยน...
จากที่พิมพ์ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนกลายเป็นนิ่งงัน เฉยชายามจ้องมองมาจนเป็นจินดริชเองที่ต้องเบือนหน้าหนีอย่างอึดอัดใจ
จินดริชผู้น่ารังเกียจ...
ไม่เคยเป็นที่รักแม้กระทั่งกับนักบุญของเมืองอาร์คาเนีย
ลูเซียส คิว แมทธีโอนี
‘ตระกูลแมทธีโอนี’ เลื่องชื่อว่าเป็นตระกูลเศรษฐีใจบุญ แสดงความรักต่อพระเจ้าอย่างเปิดเผย ทำนุบำรุงศาสนาในทุกทางที่ทำได้และยังช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกยากโดยไม่เรียกร้องสิ่งตอบแทน เพราะแมทธีโอนีมีน้ำใจเอื้อเฟื้อล้นหลามเลยทำให้พวกเขาเป็นที่รัก ประสบความสำเร็จในทุกด้าน และมีเงินทองหลั่งไหลเข้ามือไม่ขาดสาย
บุตรชายคนโตของผู้นำตระกูลนับว่าถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาอย่างดีแบบเชื้อไม่ทิ้งแถว ลูเซียสเป็นบุรุษรูปงาม สะอาดสะอ้าน สง่าผ่าเผย กิริยาท่วงท่าอ่อนโยนแต่ไม่เชื่องช้า ทุกการก้าวเดินเขาส่งกลิ่นกายที่หอมคล้ายดอกไม้นานาชนิด เครื่องประดับไม่เยอะเกินไปราวกับไม่อยากโอ้อวด เขามีเพียงจิวที่ใบหูและนาฬิกาที่เก็บไว้ในเสื้อสูทสีสว่าง ยกมาดูบ่อยครั้งตามประสาคนที่มีงานต้องทำเยอะแยะ ใบหน้าอ่อนโยนตลอดเวลาแม้ไร้รอยยิ้ม เมื่อมีผู้ใดพูดคุยหรือทักทายริมฝีปากนั้นจะยิ้มบางในทันทีอย่างติดนิสัย เสียงเอื้อนเอ่ยไม่รีบร้อนคล้ายเปียโนที่บรรเลงเพลงช้าคอยขับกล่อม ให้ผู้ฟังเคลิบเคลิ้มและคล้อยตามอยู่เสมอ
จินดริชสงสัยบ่อยครั้ง ทำไมคุณแมทธีโอนีถึงได้ดูดีในทุกอย่าง
ที่นั่งในโบสถ์ของลูเซียสอยู่ด้านหน้าสุด รายล้อมไปด้วยขุนนางและบุคคลมีชื่อเสียงของเมืองอาร์คาเนีย
แน่นอนว่าจินดริชอยู่ข้างหลังสุด ทั้งยังทำตัวเล็กลีบ...
บุตรชายคนโตของแมทธีโอนีไม่ได้มาโบสถ์บ่อยนัก แต่ใช่ว่าจินดริชจะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน ลูเซียส คิว แมทธีโอนี เข้ามาซื้อและดูแลที่ดินในชนบทอาร์คาเนียตั้งแต่ห้าปีที่แล้ว ทำธุรกิจการเกษตรตามคำสั่งของครอบครัวที่อยู่เมืองหลวงคอยทำธุรกิจการบริการ ชนบทอาร์คาเนียไม่ได้ใหญ่โตอะไรจึงไม่แปลกที่จินดริชจะพบเจออีกคนบ่อยครั้ง ส่วนมากก็ตามงานการกุศลที่จินดริชไปทำงานพิเศษ หรือตามโบสถ์ยามมีพิธีการสำคัญ ไม่ว่าไปที่ใดลูเซียสก็จะเป็นที่สนใจและได้รับรอยยิ้ม
และไม่ใช่ครั้งแรกที่เราสบตากัน
เป็นคำถามในใจว่าทำไมจินดริชถึงได้สบตากับลูเซียสทุกครั้งแม้ว่าเขาจะแอบตัวเองอยู่ตามซอกหลืบเล็ก มันทำให้จินดริชอึดอัดและแปรเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว เพราะทุกครั้งที่อีกฝ่ายสบตาเขา ใบหน้ายิ้มอ่อนโยนนั้นจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยจนดูน่ากลัว ใบหน้าแบบนั้นทำจินดริชขนลุกและไม่อาจมองนานได้
ใจเต้นระส่ำหวั่นกลัวจนต้องปลีกตัวหนี
จินดริชถูกลูเซียสเกลียดเข้าให้แล้ว น่าเวทนาตนเอง แม้แต่นักบุญที่ทุกคนต่างลือว่าใจกว้างยังไม่ชอบในตัวของจินดริชผู้น่ารังเกียจ ไม่พ้นเพราะเรื่องเลวร้ายของเขาที่ชาวบ้านต่างเลื่องลือ มีทั้งจริงและไม่จริงผสมกันไป ให้เหตุผลคอแทบแตกแต่ก็ถูกกล่าวหาว่าแก้ตัว สุดท้ายจินดริชเลิกอธิบายเพราะยังไงชาวอาร์คาเนียก็ไม่มองเขาเป็นคนบริสุทธิ์
จินดริชแปดเปื้อน เขาสกปรก...นั่นคือสิ่งที่คนอื่นครหา
เบื้องหน้ารูปปั้นพระเยซูคือกลุ่มคนผู้ศรัทธาหลายสิบคน ด้านหน้าสุดคือชายหนุ่มผู้สว่างไสวกว่าใครทั้งหมด ด้วยเพราะสีผิวและเส้นผมสีขาวนวล นัยน์ตาลุ่มลึกสงบนิ่งและระบายรอยยิ้มให้คู่สนทนาด้านข้าง
“วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นว่าไหมคะ คุณลูเซียส”
หญิงสาวร่างเล็กทว่าทรวดทรงบางส่วนอวบอิ่มกำลังบิดกายพอเป็นพิธี เธอส่งสายตาหวานให้กับบุตรชายของเศรษฐีแมทธีโอนีอย่างมีนัย ขณะที่อีกคนยังคงส่งยิ้มละมุนละไมไม่แปรเปลี่ยน
“ผมว่าเป็นอุณหภูมิที่พอดีเพราะอีกไม่นานจะเข้าหน้าร้อน”
“โอ้ จริงด้วยค่ะ”
“ไม่ค่อยเห็นคุณหนูโอลิเวียมาโบสถ์คนเดียว ลอร์ดจาเร็ตไม่สะดวกเหรอครับ” ลูเซียสถามถึงขุนนางยศบารอน [2] วัยย่างห้าสิบที่เป็นบิดาของเธอ
“คุณพ่อป่วยกะทันหันน่ะค่ะ ดิฉันเลยต้องมากับผู้ดูแลเพียงลำพัง”
“หืม เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ?”
ลอร์ดจาเร็ตเป็นคนที่ลูเซียสพบปะบ่อยครั้งในงานการกุศล เขาจึงให้ความสนใจเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายเจ็บป่วย
“ไข้ตามฤดูทั่วไปค่ะ” คุณหนูโอลิเวียยกมือทัดผมที่ใบหู ช้อนตามองกับลูเซียสแล้วเอ่ยต่อเสียงเบา “แต่คงดีไม่น้อยหากคุณลูเซียสแวะเข้าไปเยี่ยมคุณพ่อที่บ้านของเรา”
ลูเซียสยิ้มบางไม่ได้ตอบโต้ในทันที เขาจ้องมองเธอ
“ดิฉันจะต้อนรับอย่างดีค่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลายังคงยิ้ม เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและตอบรับเธอ
“ไว้ผมจะเข้าไปเยี่ยมในวันพรุ่งนี้ครับ คุณหนูโอลิเวีย”
คำตอบน่ายินดีนั้นทำคุณหนูตระกูลบารอนจาเร็ตใจสั่นไหว ใบหน้าสะสวยแต้มสีชมพู แผนที่วางมากับคุณแม่ของเธอนับว่าได้ผล
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าอ่อนพับเป็นสี่เหลี่ยมอย่างเรียบร้อยถูกนำออกมาจากกระเป๋ารูปทรงขนมจีบ ลวดลายดอกกุหลาบปักอย่างประณีต คุณหนูโอลิเวียยื่นให้ลูเซียส “ดิฉันเพิ่งเรียนปักผ้ามา นึกถึงคุณลูเซียสเลยปักผ้าเช็ดหน้ามาให้ค่ะ เห็นว่าของคุณนั้นดูเก่าแล้ว”
น้ำใจที่หยิบยื่นให้อยู่ในสายตาคนทั้งโบสถ์ที่แอบจับจ้องการเชื่อมความสัมพันธ์ของทั้งคู่
นัยน์ตาสีเข้มหลุบมองผ้าเช็ดหน้าบนฝ่ามือเล็กที่สวมถุงมือลายลูกไม้ เขาเชยตาสบมองใบหน้าเธอก่อนจะเอื้อมมือไปรับและคลี่ดูเล็กน้อย บางอย่างที่ประทับบนผ้าทำให้เขาพับกลับตามเดิมและวางลงที่ตักเบามือ ส่งยิ้มบาง
“งดงามมากครับ ผมจะใช้อย่างดี”
ผ้าเช็ดหน้าบนตักถูกปักด้วยด้ายสีแดงเป็นลวดลายดอกกุหลาบ เมื่อเข้าสู่พิธีการศักดิ์สิทธิ์ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็ถูกลืมเลือน
[1] “พิธีมิสซา” คือ พิธีบูชาขอบพระคุณในความเป็นหนึ่งเดียวกันของคริสต์ชน โดยมีองค์พระเยซูเจ้าเป็นเครื่องบูชา
[2] ‘บารอน’ เป็นชื่อยศบรรดาศักดิ์ของขุนนางอังกฤษระดับต่ำสุด เรียงลำดับจากต่ำไปสูง ซึ่งได้แก่ บารอน, ไวเคานต์, เอิร์ล, มาร์ควิส และดยุก