ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag:#หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 3
"Rose on the Handkerchiefs"
อาเมน...
พิธีกรรมจบสิ้นลงแล้วตามแต่เวลา จินดริชนั่งสงบนิ่งรอให้ผู้คนเดินออกจากโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เขาทำตัวเหมือนเงาที่ไร้เรือนร่าง พยายามไม่สบตามองกับผู้คนที่เดินผ่านออกไป แต่สายตาของเขาไม่อาจห้ามไม่ให้มองร่างสูงใหญ่ของคุณชายแมทธีโอนี ท่วงท่าของเขายามลุกขึ้นยืนและผายมือให้สุภาพสตรีเดินนำออกไปก่อนตนเองนั้นน่าทึ่ง ช่างงดงามไร้ที่ติ
ยามที่นักบุญผู้นั้นเดินใกล้ถึงเก้าอี้ตัวสุดท้าย ดวงตาสีเข้มหันสบมองกับดวงตาสีฟ้าของจินดริช ใบหน้าอ่อนโยนนั้นยังคงเรียบเฉย
จนเป็นจินดริชที่หลบตาหนีอีกครั้ง
เสียงพื้นรองเท้าดังเบาลงเรื่อย ๆ กระทั่งประตูโบสถ์ปิดลงเหลือเพียงจินดริชที่นั่งอยู่ในโถงใหญ่ เขาอยู่กับตัวเองราวหนึ่งนาที คิดถึงเพียงนัยน์ตาว่างเปล่าของคุณชายแมทธีโอนีที่ทอดมองเมื่อครู่นี้ จินไม่อาจรู้ว่าอีกคนคิดอย่างไร แต่พอคิดมากเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกอยู่ดีร่างโปร่งจึงลุกขึ้นยืน และเดินไล่ดูตามเก้าอี้เพื่อมองหาเศษขยะที่อาจมีคนทำหล่นไว้ เขาจะเก็บกวาดมันให้สะอาด
กระทั่งสายตาอยู่ที่บางสิ่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านหน้าสุด ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนปักลายดอกไม้งดงาม
เขาเห็นว่าคุณหนูตระกูลขุนนางมอบมันให้กับลูเซียส แต่ตอนนี้มันวางเหมือนกับว่าผู้รับเผลอทำหล่นเอาไว้ ไม่ดีแน่หากลูเซียสทำสิ่งของล้ำค่านี้หาย ยิ่งมันมาจากหญิงสาวที่อาจเป็นคู่ครองในอนาคต
ผ้าเช็ดหน้าถูกหยิบขึ้นมา ร่างสูงโปร่งสาวเท้าเพื่อออกจากโบสถ์อย่างรวดเร็วและเปิดประตูโดยไม่ระมัดระวัง คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเดินย้อนกลับมา
พลั่ก!
“อุ๊บ!”
เรียกได้ว่าจินดริชพุ่งชนกำแพงมนุษย์อย่างแรงจนใบหน้าจมอก จมูกกดลงไปบนเข็มกลัดพลอยที่ติดเนกไทอีกฝ่ายจนรู้สึกเจ็บแปลบ อีกทั้งยังเซไปด้านหลังเหมือนจะล้ม แต่ชายชุดสูทสีขาวกลับมือไวกว่าโดยการยื่นมือมารั้งเอวจินเอาไว้ได้ทัน มืออีกข้างช่วยประคองโดยจับต้นแขนเอาไว้
ระยะประชิดทำให้จินดริชเผลอเงยหน้ามองผู้ชายที่เขาชนโดยทันที กลิ่นกายหอมเป็นเอกลักษณ์และใบหน้าหมดจรดทำจินดริชใจหล่นวูบ เมื่อยืนใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายใจทำให้สังเกตถึงขนาดตัวที่ต่างกันชัดเจน ใบหน้าที่บอกว่าไร้ตำหนินั้นเรียบเนียนยิ่งกว่าที่คาดคิด รูขุมขนเล็กมากจนเหมือนไม่มีอยู่
นัยน์ตาที่เคยเข้าใจว่าเป็นสีดำ พอมองเข้าไปลึก ๆ กลับน่าตกใจเพราะมันเหมือนกับสีแดงมากกว่า จินดริชเผลอยกมือดันอกแกร่งออกไปโดยที่ตนเองก็ถอยหลังเช่นกัน มือกุมไว้ด้านหน้าก่อนจะก้มหัวให้คนที่แก่กว่า เอ่ยเสียงสั่น
“ขออภัยครับคุณแมทธีโอนี ผมไม่ทันระวัง”
ลูเซียสยังคงยืนนิ่งที่หน้าประตู เขาหลุบมองคนที่สูงเพียงอก เป็นครั้งแรกที่ได้สบตากันใกล้ขนาดนี้ ชายผู้มีฉายานักบุญสำรวจเครื่องหน้าอีกคนอย่างถี่ถ้วน จุดนำสายตาหนีไม่พ้นขี้แมลงวันเล็ก ๆ ใต้ตาซ้ายสีฟ้าสวยราวกับอัญมณี ถัดไปคือไม้กางเขนที่ห้อยอยู่ ณ ติ่งหู แม้ว่าลูเซียสจะเจาะหูถึงสี่รู แต่ก็มีผู้ชายน้อยคนที่จะเจาะหูเช่นนี้เหมือนกัน มันจึงดึงดูดตาไม่น้อย ปลายจมูกของอีกคนแดงระเรื่อจากการชนเมื่อครู่ ลูเซียสเอ่ยถามเสียงเรียบ
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ...คุณออสวาลด์” ใบหน้าอีกคนดูตกใจจนเผลอจ้องมองลูเซียส คุณชายตระกูลใหญ่จึงเอ่ยถามในปฏิกิริยานั้น “ทำไมทำหน้าแบบนั้นครับ หรือผมจำชื่อคุณผิด?”
ลูเซียสคิดว่าเขาไม่ได้จำผิด...เขาจำได้ดี
“...เปล่าครับ นั่นนามสกุลของผม”
จินดริชเพียงแค่ตกใจ ถึงแม้ว่าลูเซียสจะดูไม่ชื่นชอบในตัวเขาเฉกเช่นคนอื่น ๆ ในเมือง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเรียกเขาด้วยนามสกุลอย่างให้เกียรติ
“คำตอบล่ะครับ?”
จินดริชฉงน “ครับ?”
“จมูกคุณแดง”
ลูเซียสมองปฏิกิริยาคนที่ตัวเล็กกว่า มือโปร่งยกขึ้นจับปลายจมูกตนเองในทันทีพลางเหล่ตามองจนลูกตาอยู่ที่กึ่งกลาง ลูเซียสเผลอยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะหายไปเมื่ออีกคนตอบคำถาม
“ไม่เป็นอะไรครับ ไม่เจ็บสักนิด”
“คุณดูรีบร้อน ระวังหน่อยครับไม่งั้นอาจจะเจ็บตัวกว่านี้”
“ขออภัยครับ เพียงแต่ผมรีบเพื่อนำสิ่งนี้คืนให้กับคุณ”
ผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าอ่อนถูกยื่นให้กับชายผมขาวร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีเข้มหรี่มองไม่ยื่นไปรับในทันที จนเป็นจินดริชที่เริ่มเลิ่กลั่ก
“มันตกบนเก้าอี้และโดนมือผมแล้ว แต่คงไม่เป็นไรหากคุณเอากลับไปให้แม่บ้านซักเสียก่อนครับ มันจะกลับมาสะอาด”
ลูเซียสเชยตาสบมองกับอีกคนที่ไม่ยอมจ้องกลับตรง ๆ ช่างแตกต่างกับหญิงสาวที่มอบผ้าเช็ดหน้าแก่เขา เธอไม่ละสายตาแฝงนัยยามพูดคุยสักวินาทีเดียว ลูเซียสเอื้อมมือไปรับเชื่องช้า
มือของจินดริชที่ถือผ้าผืนเล็กสั่นเทาเห็นได้ชัด เขามองมือใหญ่ที่เอื้อมมารับ นิ้วเรียวยาวอีกคนสัมผัสหลังมือเขาเข้าอย่างจังพานทำเอาสะดุ้งโหยง ผิวที่สัมผัสเสียดสีร้อนแทบไหม้ ก่อนที่ฝ่ามือขาวนั้นจะกลับไปพร้อมผ้าเช็ดหน้าราวกับไม่ตั้งใจหรือคิดเล็กคิดน้อย ใจของจินดริชเต้นโครมครามโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาไม่กล้าเงยหน้ามองอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
บรรยากาศโดยรอบมีเพียงเสียงลมและนกน้อย ลูเซียสเหลือบมองเส้นผมดำสนิทของจินดริชที่คลอเคลียผิวขาว ถึงอย่างนั้นขี้แมลงวันใต้ตาซ้ายก็น่าสนใจอยู่ดี เขาเอ่ยเบา
“ขอบคุณครับ”
เสียงทุ้มอ่อนโยนดังก้องในหู จินดริชพยักหน้าให้อย่างเผลอไผลและเงยหน้ามองบุรุษที่เดินห่างออกไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ที่โอบล้อม ใจของเขาชุ่มชื้นกับคำพูดเมื่อครู่
‘ขอบคุณ’
นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รับคำนั้นจากผู้อื่น...
บุตรชายคนโตของแมทธีโอนีเคลื่อนไหวเอื่อยเฉื่อยกลับไปหาพ่อบ้านที่มักตามติดทุกก้าวเดิน ใบหน้าดูดีสว่างไสวยามแสงแดดฤดูใบไม้ผลิลามเลียผิวละเอียด ดวงตามืดทึบจึงฉายสีทับทิมให้จังหวะที่แสงแดดสาดส่องเข้าไป
ชายวัยกลางผู้ทำหน้าที่พ่อบ้านเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทั้งหมด เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่เห็นผ่านตาบ่อยครั้ง ความจริงเห็นอยู่เป็นประจำเมื่อตอนที่เจ้าตัวสูงเพียงเอวของเขา เจสันชวนคุณชายคุย
“นั่นจินหรือเปล่าครับ?”
ไร้คำตอบในทันทีตามนิสัยของคุณชายตระกูลใหญ่ ร่างสูงชะลูดก้มตัวเล็กน้อยเพื่อสอดตัวเข้าไปนั่งที่หลังรถยนต์สีดำเงาวับ เขามองร่างโปร่งที่เดินหายเข้าไปในโบสถ์ตามเดิม ลมพัดผ่านใบหน้าให้รู้สึกเย็น เนื้อเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยตอบคำถามพ่อบ้านเจสัน
“ครับ นั่นคุณออสวาลด์”
จินดริช ออสวาลด์...
“โตขึ้นเยอะเลยนะครับ แต่ประวัติของเขาไม่ดีสักเท่าไหร่”
ดวงตาหรี่เล็กก้มมองผ้าเช็ดหน้าในมือขณะที่พ่อบ้านบอกกล่าวคล้ายบ่น เขาคลี่ออกดูและยกยิ้มเมื่อด้านในผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับมีบางสิ่งมากกว่าการปักลายด้วยด้ายสีแดง
รอยลิปสติกของหญิงสาว
‘มันตกบนเก้าอี้และโดนมือผมแล้ว…’
“คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงคงไม่สบายใจหากคุณชายเข้าใกล้เขา-”
“คุณเจสัน”
พ่อบ้านปิดปากที่บ่นอุบอิบฉับพลันเมื่อผู้เป็นนายเรียกชื่อ “ครับ”
ใบหน้าเรียวรียังคงจ้องมองผ้าเช็ดหน้าผืนสีฟ้าอ่อน ริมฝีปากยกยิ้มตลอดเวลาอย่างอ่อนโยน แม้แต่แววตายังไร้อารมณ์ขุ่นข้อง ลูเซียสยื่นมันให้เจสัน เอ่ยถ้อยคำราบเรียบด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
“รบกวนนำไปทิ้งให้ทีสิครับ พอดีมันตกพื้นแล้วน่ะ”
“จิน”
เจ้าของชื่อรีบยกตัวขึ้นในทันทีที่ถูกเรียกชื่ออย่างอ่อนโยน เขาหันไปหาชายสูงวัยในชุดสีดำยามกรอมเท้า ปรับท่าทีอย่างสำรวม
“ครับคุณพ่อ”
“ไม่ต้องทำแล้วล่ะ พ่อยังไม่เห็นลูกกินอาหารเลยตั้งแต่เช้า” บาทหลวงกล่าวพร้อมรอยยิ้มบาง ดวงตาพร่ามองเด็กหนุ่มที่ขยันมาทุกวัน
“เพราะอากาศเย็นเก้าอี้จึงชื้นมาก ยิ่งเกาะฝุ่นง่ายน่ะครับ”
เป็นเหตุผลที่จินดริชวุ่นวายกับการปัดกวาดอยู่เนิ่นนาน
“คุณแมทธีโอนีจะนำเก้าอี้ชุดใหม่มาให้ในวันมะรืนนี้ เป็นเก้าอี้ไม้เนื้อแข็งเคลือบเงา ลูกจะไม่ต้องลำบากเท่าตอนนี้”
เป็นชื่อผู้บริจาคที่ได้ยินบ่อยกว่าชื่อตนเองเสียอีก
“พรุ่งนี้ชาวบ้านคงไม่ได้มาโบสถ์มากมายอะไร เพราะงั้นลูกไปพักและกินอาหารเถอะนะ”
จินดริชคงต้องยินยอมในที่สุด “ครับคุณพ่อ งั้นผมขอตัวก่อน”
“ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง”
ร่างโปร่งเดินออกจากโบสถ์และยืนซึมซับบรรยากาศอยู่หลายนาที สัตว์เลี้ยงตัวสีขาวมาเดินคลอเคลียขาไม่ห่าง เป็นการเรียกสติให้จินขยับตัวเพื่อไปทำงานต่อ ไม่ลืมที่จะหยิบที่โกยใบไม้ตรงไปทิ้งที่ถังขยะ
มือที่กำลังยกเทชะงักงัน ดวงตาสีฟ้าประกายมองผ้าเช็ดหน้าในถังขยะ คุ้นตาอย่างมากเพราะจินเพิ่งนำมันคืนสู่เจ้าของ
ตอนนี้มันถูกทิ้ง...
ไม่อาจคิดเป็นเหตุผลอื่นไปได้ที่อีกฝ่ายนั้นเลือกจะทิ้งสิ่งของจากหญิงสาวสูงศักดิ์ นอกจากรังเกียจเพราะมันถูกสัมผัสโดยจินดริชผู้น่ารังเกียจ เพราะเช่นนั้นคุณชายแมทธีโอนีถึงดูลังเลที่จะรับมันกลับคืนไป
เป็นความรู้สึกที่แย่...
“เหมียว~”
จินหลุดจากภวังค์ความคิดมืดมน เขาก้มมองแมวตัวผู้ที่เงยหน้าสบตาเขา รอยยิ้มบางผุดขึ้นก่อนที่จินจะเทขยะใส่ถังโดยไม่ใส่ใจสิ่งนั้นอีก
“บางทีการที่ฉันอยู่เฉย ๆ คงดีกว่า ว่าไหมลีโอ?”
มือเอื้อมไปเกาคางเรียวเล็กเบา ๆ
ลีโอบิดใบหน้าออดอ้อนส่งเสียงครืดในลำคอ เมื่อได้เวลาจินดริชก็ผละออกไป ลีโอได้แต่มองตามอย่างนึกเสียดาย มันนั่งบนพื้นดินมองดูเจ้าของเดินกระชับผ้าพันคอทิ้งห่างตัวโบสถ์ออกไป ดวงตาสองสีงดงามหันเหตามใบหน้าไปบนยอดโบสถ์สูง จับจ้องบางสิ่งที่อยู่บนนั้นมาเนิ่นนาน
ชายหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่ ดูคลับคล้ายชายคนหนึ่งที่เพิ่งนั่งรถจากไป รองเท้าบู๊ตหนังฐานสูงเปรอะเปื้อนดินเหนียวแห้งกรัง สวมโค้ตยาวสีดำสนิททั้งตัวขัดกับเส้นผมสีขาวที่ปกคลุมศีรษะ ใบหน้าหมดจรดเรียบเฉยไร้รอยยิ้มจ้องไปยังแผ่นหลังของจินดริชที่เดินห่างออกไป ชายผู้นั้นอยู่บนยอดโบสถ์คริสต์สูงเกินสามสิบฟุตอย่างไม่กลัวตกลงมาและถือดีไร้การศรัทธา เขาแสนจะโดดเด่นแต่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเขานอกเสียจากสัตว์สี่ขา
ผู้บริสุทธิ์หนอ เหตุอันใดไยพระเจ้าจึงทอดทิ้ง?
จ้องมองข้า...
...มีเพียงข้าที่จะโอบอุ้ม...