ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 4
"Gardener"
จินดริชตรงบึ่งมายังบ้านไม้สองชั้นที่รายล้อมไปด้วยสวนพืชผัก งานพิเศษของเขาในวันนี้คือการมากวาดใบไม้และกำจัดวัชพืชให้กับเจ้าของบ้านวัยห้าสิบปี
คุณแรมเบิร์ธ เป็นคนมีเงินที่อาศัยอยู่ในชนบทอาร์คาเนีย ทำอาชีพเกษตรกรปลูกผักสวนครัวเป็นงานอดิเรก คุณแรมเบิร์ธมีภรรยาอายุน้อยกว่าตนเองถึงยี่สิบปี ลิลลี่ แรมเบิร์ธ สาววัยกำลังจัดจ้าน อยู่ไม่ติดบ้านและที่สำคัญคือเธอไม่ชอบจินดริช อันที่จริงไม่ว่าใครก็ไม่ชอบจินดริช หากเธอรู้ว่าสามีว่าจ้างให้เขามาทำงานคงได้มีสงครามขนาดย่อมแน่
เมื่อเสร็จงานจินก็เดินเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่นั่งอ่านหนังสืออยู่กลางโถงห้องนั่งเล่น ชายร่างท้วมยิ้มอ่อนโยนหยิบถุงเงินส่งให้จิน
“ค่าจ้างสำหรับวันนี้ อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันสิจิน”
“ขอบคุณครับคุณแรมเบิร์ธ แต่ผมอยากจะกลับไปพักแล้วล่ะ”
“ฉันรู้คำตอบอยู่แล้วล่ะนะ เลยให้แม่บ้านเตรียมซุปเนื้อใส่กล่องไว้ให้” มือเหี่ยวตามอายุชี้ไปยังกล่องอาหารบนโต๊ะ
จินผงกหัวยอมรับน้ำใจนั้นแต่โดยดี เขาเมียงมองสองขาคุณแรมเบิร์ธที่ดูเล็กลงกว่าเมื่อก่อน ซ้ำยังถูกทาด้วยครีมบางอย่างจนส่งกลิ่นเหม็น เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง “ยังปวดขาอยู่เหรอครับ?”
“อืม น้ำหนักตัวเยอะล่ะนะ”
“บางทีคุณควรลุกออกไปเดินเล่นบ้าง จะได้เผาผลาญไปในตัว”
“ฮ่า ฮ่า เธอโตพอที่จะบ่นฉันได้แล้วเหรอจิน”
“ผมเป็นห่วงครับคุณแรมเบิร์ธ” จินกล่าวขณะเก็บของใส่กระเป๋าสะพายของตนเอง
“ฉันจะทำตามที่แนะนำในช่วงหน้าร้อนนะ ตอนนี้อากาศยังเย็นอยู่ ยิ่งออกไปขาของฉันยิ่งปวด”
แรมเบิร์ธมองเด็กหนุ่มที่เขาคุ้นตามาตั้งแต่เด็ก ทำให้หวนนึกถึงเพื่อนของตนเองที่เป็นบิดาของจิน รวมถึงเหตุการณ์ที่เลวร้ายเมื่อสิบปีก่อน
“ได้กลับบ้านบ้างหรือเปล่า?”
เหมือนว่าเป็นคำถามต้องห้าม เพราะสีหน้าของจินเรียบเฉยและนิ่งค้างไปนาน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
“ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้ครับ ขอโทษด้วย”
“...ขอโทษทีจิน” แรมเบิร์ธถอนหายใจแผ่วเบา “รู้ใช่ไหมว่าฉันก็แก่มากแล้ว หากวันหนึ่งฉันไปพบพระเจ้าเธอจะอยู่ได้หรือเปล่า?”
จินดริชขมวดคิ้วสบตาของชายร่างท้วมใจดี “คุณเพิ่งห้าสิบเท่านั้นครับ พูดจาราวกับจะอยู่ได้อีกสามวัน”
“ที่ฉันจะสื่อก็คือ...ความเหงามันน่ากลัวนะ เธอจะไม่มีเพื่อนคุย”
ความเหงา...
จินดริชสัมผัสมาทั้งชีวิตจนความเหงานั่นแหละคือเพื่อนสนิท เขาเบือนหน้าหนีชายแก่ที่คอยให้งานให้เงินกับเขามาตลอด
“ผมมีลีโอนาร์ด”
“โธ่จิน แมวน่ะมีอายุขัยราวสิบห้าปี ถ้าโดนหมากัดก็ไม่ถึงสิบด้วยซ้ำ ส่วนเธออาจจะอยู่ได้ถึงแปดสิบ ไม่อยากอ้อมค้อมหรอกนะ เธอควรแต่งงาน มีภรรยา มีลูกสาวลูกชายช่วยทำมาหากิน”
แรมเบิร์ธบ่นสมเป็นคนแก่ขณะมองจินที่เดินไปถึงหน้าประตูบ้าน
“ผมชอบผู้ชายครับคุณแรมเบิร์ธ เรื่องลูกนั้นคงต้องตัดไป”
ชายแก่ดูตกใจเผลอลืมวิธีพูดไปชั่วขณะ เด็กหนุ่มที่เพิ่งพูดปดส่งเสียงขำแผ่วเบาแต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูมีความสุขสักนิด
“ผมทำงานอยู่ในบาร์เกย์ คุณคงไม่คิดว่าผมยังชอบผู้หญิงอยู่”
“...ถึงอย่างนั้นเธอก็ควรมีความรัก พระบิดาไม่ได้ห้ามไม่ให้รัก เพียงแค่ไม่ร่วมสัมพันธ์จมเตียง”
“แบบนั้นความรักก็ไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องยากที่จะไม่มีความสัมพันธ์กับคนที่เรารัก”
การร่วมรักกับคนเพศเดียวกันถือเป็นบาป...
“ที่ผมจะบอกเช่นกันคุณแรมเบิร์ธ...ผมไม่มีความรัก”
“...”
“และไม่คิดว่าจะมีใครมาหลงรักคนอย่างผม”
“จิน ทุกคนล้วนเกิดมามีความรัก”
“ดูผมสิคุณแรมเบิร์ธ แค่แมวหนึ่งชีวิตผมยังจะเลี้ยงไม่รอดอยู่แล้ว อย่าให้มีใครมาลำบากกับผมเลยดีกว่าครับ” ลีโอนาร์ดตัวเดียวก็น่าสงสารจะแย่อยู่แล้ว จินดริชไม่รู้ว่ามันกำลังฝืนทนอยู่กับเขาหรือเปล่า
“เธอเป็นเหมือนลูกชายของฉัน รู้ใช่ไหมว่าฉันหวังดีทั้งหมด”
“ผมก็นับถือคุณเช่นกัน นอกจากคุณจูเลียก็มีแค่คุณที่เป็นเพื่อนคุย เพราะงั้นควรออกไปเดินเล่นบ้างเพื่อร่างกายที่แข็งแรง และอยู่กับผมไปนาน ๆ นะครับ”
“อ่า เจ้าเด็กนี่วกกลับมาเรื่องออกกำลังกายอีกแล้ว”
“ผมขอตัวก่อน”
“ลืมไปเลย! พรุ่งนี้คนสวนของลอร์ดจาเร็ตต้องการคนไปช่วยเตรียมหน้าดินสำหรับลงดอกกุหลาบในหน้าร้อน ค่าแรงอาจไม่มากแต่น่าจะพอสำหรับค่าอาหารแมว”
คำว่า ‘งาน’ เป็นเหมือน ‘ความหวัง’ จินดริชทำทุกอย่างโดยที่ไม่สนว่ามันจะให้เงินน้อยหรือมาก
“เขาจะจ้างผมหรือเปล่าครับ?”
“บอกว่ามาจากฉันก็แล้วกัน”
“ขอบคุณครับคุณแรมเบิร์ธ งั้นผมขอยืมจักรยานไปใช้สักสองวัน” เพราะคฤหาสน์ของบารอนจาเร็ตนั้นอยู่ค่อนข้างไกล และเขาเห็นว่ามีจักรยานคันเก่าจนสนิมเกาะจอดอยู่ข้างโรงม้าของคุณแรมเบิร์ธ “ความจริงแล้ว...คุณต้องการขายมันไหม?”
“เอาไปเถอะจิน มันเก่ามากแล้ว”
“ผมพอมีเงินสิบเหรียญ-”
“ฉันไม่รับหรอกนะเพราะกะว่าจะทิ้งพอดี อาจจะต้องหาน้ำมันมาหยอดโซ่สักหน่อยมันถึงจะปั่นง่ายขึ้น” ชายแก่ดูไม่สนใจที่จะฟังเด็กหนุ่มอีกเขาจึงยันตัวลุกขึ้นโดยมีไม้เท้าค้ำพยุง
จินเม้มปากเล็กน้อย “ขอบคุณครับ”
กลายเป็นว่าการมารับจ้างกำจัดวัชพืชในรอบนี้ได้ค่าแรงเยอะกว่าทุกครั้ง นอกจากจะได้เงินพอซื้ออาหารสำหรับสามวันแล้ว จินดริชยังได้จักรยานมาใช้แบบไม่ต้องเสียเงินซื้อสักเหรียญเดียว ถึงสภาพของจักรยานสีสนิมจะดูเหมือนเศษเหล็ก ยามใช้เท้าถีบให้เคลื่อนตัวก็มีเสียงโซ่ดังฝืดขัด ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถปั่นได้อยู่ และจินจะทำให้มันกลับมาใหม่เท่าที่จะทำได้ ดีกว่าเดินเท่าตั้งเท่าหนึ่ง เขามีเวลานอนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว
คืนที่ผ่านไปไม่ได้หวือหวาอะไร จินดริชกลับไปนอน ให้อาหารแมวและตื่นไปทำงานที่บาร์ โชคดีที่เมื่อคืนลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่จินดริชจึงไม่รู้สึกหนักใจ เช้ามาเขาก็ไปทำความสะอาดโบสถ์อย่างทุกวัน
เก้าอี้ใหม่เริ่มทยอยมาวางไว้หน้าโบสถ์ มันถูกคลุมผ้าเอาไว้เพราะเป็นของใหม่จากร้านไม้ น่าตื่นเต้นอย่างมาก อดจินตนาการไม่ได้ว่าเมื่อถูกนำไปแทนที่เก้าอี้ไม้เก่า ๆ โบสถ์คงดูดีขึ้นไม่น้อยเลย
“ไว้พรุ่งนี้ผมจะรีบมาช่วยจัดเก้าอี้นะครับคุณพ่อ” จินดริชกล่าวกับบาทหลวงชุดดำก่อนที่ตนเองจะไปทำงานต่อในตอนเที่ยง
“ขอบใจมากนะ ลูกจะไปไหนงั้นเหรอ?” เกิดความสงสัยเพราะเห็นว่าจินดริชใส่เสื้อคลุมมาหนากว่าทุกครั้ง
“คนสวนของลอร์ดจาเร็ตต้องการคนช่วยเตรียมหน้าดินสำหรับแปลงกุหลาบในหน้าร้อน ผมเลยไปรับจ้างครับ”
“งั้นเหรอ ดีจริง ๆ เลยนะ ขยันเข้าล่ะจินดริช”
“ครับคุณพ่อ”
“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองลูก”
จินดริชยิ้มรับคำอวยพรก่อนจะหันหลังเดินไปยังจักรยานคันเก่า
คฤหาสน์ของบารอนจาเร็ตอยู่ห่างออกไปจากใจกลางเมืองชนบทอาร์คาเนียราวครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อมีจักรยานจินดริชก็รู้สึกว่าไม่ได้ไกลอะไร โชคดีจริง ๆ ที่เขาได้มา ถึงแม้ว่าโซ่จะฝืด เบรกจะแข็งและล้อหลวมไปสักหน่อย ติดจะแย่ตรงที่ทางเข้าคฤหาสน์ของบารอนนั้นเป็นเนินสูง สรุปแล้วจินดริชได้เข็นขึ้นไปอยู่สักพักหนึ่ง
“รู้แบบนี้หาน้ำมันมาหยอดใส่โซ่ก่อนดีกว่า”
ได้แต่บ่นงึมงำ สุดท้ายแล้วเขาก็มาถึงตัวคฤหาสน์หรูหราหลังโตแบบที่พบเห็นได้น้อยครั้ง เพราะบ้านเรือนส่วนใหญ่ในอาร์คาเนียจะทำจากไม้แก่นำมาต่อกันให้พอกันแดดกันลม เขาคิดว่าบ้านของคุณแรมเบิร์ธนั้นใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับบ้านของขุนนางราชวงศ์ที่เป็นปูนหุ้มไม้และทาสีทับ หรูหราอย่างมากแม้ว่าอีกฝ่ายจะมียศแค่บารอนก็ตาม จินดริชเดินไปตามทางในแผนที่กระดาษพลางสำรวจโดยรอบอย่างชื่นชมในศาสตร์และศิลป์ของการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง งดงามมีรสนิยมสมฐานะ
จินดริชเดินมาถึงโรงไม้สำหรับให้คนสวนพักผ่อน หายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ยกับชายวัยกลางร่างกำยำที่สาละวนกับการเตรียมเครื่องมือ
“สวัสดีครับคุณฮาร์ป ผมจินดริชที่จะมาช่วยเตรียมหน้าดิน”
อีกฝ่ายชะงักแล้วมองจินครู่หนึ่ง ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ ทว่าจินหัวไวกว่าเอ่ยดักทาง
“คุณแรมเบิร์ธส่งผมมา”
“อ่า เวรเอ๊ย”
ฮาร์ปดูหัวเสียจำต้องสบถหยาบออกมา ส่วนจินดริชเองก็ยืนรออย่างหวาดลุ้น เขาเดินทางมาไกลเขาไม่อยากจะพลาดงานนี้
จินดริชไม่รู้ว่าคุณแรมเบิร์ธกับฮาร์ปมีข้อตกลงอะไรกัน เพราะดูเหมือนฮาร์ปจะอยากปฏิเสธแต่ทำไม่ได้ เขาจำยอมโยนคราดเหล็กให้จินดริชรับไว้ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้มอย่างไม่เต็มใจ
“แกไปถางหญ้าที่ฝั่งขวาแล้วกัน ถางให้เสร็จก่อนบ่ายสาม ไม่เรียบร้อยก็ไม่ต้องเอาค่าแรง”
จินดริชมองสวนฝั่งขวาด้านหน้าคฤหาสน์ ตรงกลางคั่นด้วยน้ำพุใหญ่ ส่วนที่จินดริชได้รับมอบหมายนั้นดูรกมากกว่าส่วนอื่นจนไม่มีใครอยากทำ เหล่าคนสวนอีกสามถึงสี่คนกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นในจุดอื่น เขาไม่คิดจะปฏิเสธหรือเรียกร้องความเป็นธรรมใด ๆ จินดริชพยักหน้าให้หัวหน้าคนสวนแล้ววางสัมภาระตนเองลงที่โต๊ะไม้ บริเวณข้าง ๆ กันมีจักรยานของเขาจอดเอาไว้อยู่
สายลมเริ่มพัดเบาลงจากเมื่อวานเพราะใกล้เข้าหน้าร้อนแบบเต็มรูปแบบ เป็นการดีเพราะทำให้จินทำงานได้อย่างรวดเร็วและไม่ทรมานกับความหนาวมากนัก เขาสวมถุงมือและจับคราดเหล็กถางหญ้าที่เฉาตายอย่างชำนาญ
จินดริชทำงานมาตั้งแต่เจ็ดขวบ เขาผ่านการทำงานมาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะทำไร่ทำสวน ตัดฟืน จับปลา เดินเรือ เขาทำมาทุกอย่างที่ได้เงิน ด้วยเพราะตัวคนเดียวเขาจึงเกี่ยงไม่ได้ ความจริงแล้วงานที่เขาทำในทุกวันนี้ก็พออยู่พอใช้ไปในแต่ละวัน เพียงแต่ไม่สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ฟุ่มเฟือยได้ เขาไม่ได้เสียค่าที่พักเพราะอาศัยอยู่ในหอนาฬิกาข้างโบสถ์คริสต์ มีหน้าที่เฝ้าระวังไม่ให้คนร้ายลักลอบมาขโมยฟันเฟืองทองเหลืองที่ใช้ขับเคลื่อนเข็ม
สิ่งเหล่านั้นจินเพียงแค่กำลังหลอกตัวเองโดยใช้คำพูดสวยหรู แท้จริงแล้วเขาเป็นคนไร้บ้าน...นั่นชัดเจนที่สุด
“ฮะ ฮะ...ตลกจังเลยค่ะ”
เสียงหัวเราะใสกังวานของหญิงสาวลอยมาตามลม ต้นเสียงคือระเบียงคฤหาสน์ชั้นสาม ดวงตาสีฟ้าประกายหันไปมองตามทิศทางดังกล่าว นัยน์ตาวูบไหวครู่หนึ่งเมื่อเขาเห็นว่าที่ระเบียงยื่นนั้นเป็นกลุ่มคนห้าคน ภรรยาของบารอนและลูกสาวกำลังนั่งดื่มน้ำชาร่วมกับแขกผมขาว
ชายร่างสูงชุดโทนสีอ่อนใบหน้าสว่างไสวบริสุทธิ์ เส้นผมสีแบบนั้นมีเพียงคนเดียวในชนบทอาร์คาเนีย ดูเหมือนว่าคุณหนูโอลิเวียกับนักบุญลูเซียสกำลังมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน โดยมีมารดาของฝ่ายหญิงเป็นตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ พวกเขานั่งดื่มน้ำชาดื่มด่ำอากาศดีในฤดูใบไม้ผลิ ใบหน้าของพวกเขาพิมพ์ประดับรอยยิ้มแห่งความสุข
“รอบนี้มาเยี่ยมลอร์ดจาเร็ต แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแผนการมารยาของสองแม่ลูกนั่นมากกว่า”
เสียงคนสวนซุบซิบกันออกรสชาติ
“คราวหน้าคงได้มาสู่ขอแน่”
“คงเป็นอย่างนั้นแหละนะ คุณชายลูเซียสก็อายุถึงคราวที่จะต้องมีทายาท เขาเกือบสามสิบแล้วหรือเปล่า?”
“ท่านนักบุญยี่สิบเก้าปีแล้ว แต่กับคุณหนูโอลิเวียเนี่ยนะ?”
“ทำไมล่ะ? ถึงท่านนักบุญจะไม่ใช่ขุนนางอะไรแต่เขาก็ร่ำรวยไม่น้อย เผลอ ๆ รวยเสียยิ่งกว่าพวกขุนนางระดับสูง”
“ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้เป็นขุนนาง แต่เพราะผู้หญิงตระกูลจาเร็ตต่างหากที่ไม่เหมาะสมกับคุณชายลูเซียส เธอค่อนข้างแรง”
“อย่าเสียงดังไป เดี๋ยวก็ได้โดนไล่ออกหรอกยัยโง่!”
“ก็มันจริงนี่นา ชิ”
ประโยคเหล่านั้นดังเข้าหูของจินดริชชัดเจน เขาลอบมองใบหน้าของชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญของชาวอาร์คาเนีย ช่างงดงามไร้ที่ติ ใบหน้าอ่อนโยนราวกับทูตสวรรค์ ชีวิตของคุณชายแมทธีโอนีจะต้องพบเจอแต่สิ่งดี ๆ แน่ เขาเหมือนเป็นเศษเสี้ยวของพระเจ้า คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกไม่ดีที่จินไม่เคยได้รับรอยยิ้มเช่นนั้นจากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบุญ
จินดริชล้มเลิกการแอบมองแสนไร้ประโยชน์ เขาควรสนใจงานของตนเองที่ต้องทำให้เสร็จก่อนบ่ายสามโมง
“ชาเฮอริเทจตัวนี้คุณพ่อได้มาจากประเทศแถบตะวันออกค่ะ ดื่มคู่กับส้มและแอปเปิลเชื่อมจะให้รสชาติที่ดีมาก”
คุณหนูโอลิเวียแนะนำน้ำชาขณะที่สาวใช้กำลังเสิร์ฟใส่ถ้วยใบสวยให้แก่บุรุษร่างสูง อีกฝ่ายนั่งมองนิ่ง ๆ ด้วยรอยยิ้มสวยบนใบหน้าทำใจเต้น เธอมองเรียวนิ้วยาวที่มีเส้นเลือดพาดผ่านเห็นได้ชัดจากผิวที่ขาวใส เส้นเลือดปูดเหล่านั้นดูมีบางอย่างชวนให้สัมผัสลูบไล้ทำเอานั่งไม่ติดเก้าอี้ สามนิ้วคีบที่หูถ้วยชาและยกจรดริมฝีปากสีพีชบางเฉียบ
ลิ้นของลูเซียสสัมผัสได้ถึงรสหวาน จมูกของเขารับกลิ่นใบชาเขียวหอมกรุ่น ทว่าดวงตาสีดำเข้มกลับเหลือบออกไปนอกระเบียงยื่น สวนหน้าคฤหาสน์มีร่างคุ้นตากำลังเดินกำคราดถางหญ้าท่ามกลางแสงแดดอ่อน น้ำชาไหลผ่านคอจนอุ่นซ่าน เขาวางลงสบตากับหญิงสาวและมารดาของเธอที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“รสชาติดีจริง ๆ ครับ”
“ดีจริง ๆ ค่ะที่คุณลูเซียสชื่นชอบ” บุตรสาวของบารอนยิ้มหวาน
“เพราะคุณหนูโอลิเวียตื่นมาเลือกใบชารอคุณแมทธีโอนีตั้งแต่เช้า”
“คุณแม่...”
ท่าทางเหนียมอายกับคำแซวของมารดาทำให้ลูเซียสยิ้มบางไม่กล่าวอะไร แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นทำให้คุณหนูหน้าแดงจนต้องจิบชาแก้เก้อ เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยน “ผมชอบชาดำมากกว่าเพราะไม่สันทัดอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน”
ดวงตาของเขาเหลือบออกไปที่สวนอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
วันนี้ลูเซียสตั้งใจมาเยี่ยมบารอนจาเร็ตที่ป่วยจนไม่สามารถออกงานได้อย่างทุกครั้ง รวมถึงไม่เจอในพิธีกรรมมิสซาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในฐานะที่อีกฝ่ายสนิทกับบิดาของเขา ลูเซียสจึงต้องมาเยี่ยมไข้และมีของติดไม้ติดมือมามอบให้ พูดคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้นก็ตั้งใจที่จะให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนและเดินทางกลับ ทว่าภรรยาของบารอนและลูกสาวกลับเชิญชวนร่วมดื่มน้ำชาที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เพราะจะเสียมารยาท
ลูเซียสไม่คิดว่าจะได้เจอจินดริชอีกครั้งในรอบหลายวัน
เด็กหนุ่มดูขยันขันแข็ง ตั้งใจก้มหน้าทำงานของตนเองโดยไม่หยุดพักพูดคุยกับผู้ใดหรือดื่มน้ำสักแก้ว ออกจะเร่งรีบทำงานเหมือนแข่งกับเวลา มือที่จับด้ามเหล็กดูไร้เรี่ยวแรงทว่ากลับทะมัดทะแมงไม่น้อย มองจากระยะไกลยังเห็นได้ถึงใบหน้าที่ดูชื้นเหงื่อจนแรงระเรื่อ แต่เขาไม่อาจมองเห็นขี้แมลงวันเม็ดเล็กที่ค่อนข้างจาง
“...คุณลูเซียสคะ...”
ร่างโปร่งเดินหอบหญ้ากองสุดท้ายไปใส่รถเข็น ในตอนนั้นถึงได้เห็นเจ้าตัวดื่มน้ำหลายอึก
“คุณลูเซียส?”
นัยน์ตาหรี่เล็กลงเมื่อเห็นว่าจินดริชเดินไปรับถุงเงินจากคนสวน รับรู้ได้จากท่าทางว่าคงเป็นค่าจ้างทำสวน เหมือนร่างโปร่งบางจะถูกต่อว่าเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไร แค่ยืนนิ่งก้มหน้ารับฟัง เสียงหวานใสของคุณหนูโอลิเวียยังเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อครู่
“คุณ-”
“ผมคงต้องขอตัวกลับก่อน เพราะยังมีเอกสารที่ต้องเซ็นส่งไปที่เมืองหลวงหลายฉบับ ขออภัยคุณผู้หญิงและคุณหนูด้วยครับ”
ลูเซียสกล่าวอย่างไม่รีบร้อนด้วยใบหน้าอ่อนโยน เขาลุกขึ้นโดยที่พ่อบ้านส่วนตัววิ่งมาถือกระเป๋าสัมภาระให้
สองแม่ลูกคล้ายอึกอักแต่ก็ยังพอเหลือสติอยู่บ้าง ภรรยาของบารอนออกคำสั่งกับลูกสาว “ลูกไปส่งคุณแมทธีโอนีสิ”
“ค่ะคุณแม่”
“ไม่เป็นการรบกวน-”
“ให้เราไปส่งสักหน่อยเถอะค่ะ ไม่งั้นคงเสียมารยาทแย่”
ลูเซียสมองหน้าภรรยาของบารอนก่อนจะหันไปยิ้มบางให้กับคุณหนูโอลิเวีย เขาพยักหน้าอย่างยินยอมและเดินออกไปพร้อมกับเธอ พ่อบ้านและสาวใช้รู้งานที่จะเดินเว้นระยะห่างมอบความเป็นส่วนตัว
“คุณลูเซียสเดินทางมายังไงเหรอคะ?”
“วันนี้ผมมารถม้าน่ะครับ เส้นทางไม่สะดวกที่จะใช้รถยนต์”
“เพราะอยู่ไกลอาร์คาเนียมากใช่ไหมล่ะคะ ดิฉันก็มักจะบ่นให้คุณพ่อเหมือนกันที่เลือกมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่”
“อย่างคุณหนูน่าจะเหมาะกับเมืองหลวงมากกว่า”
โอลิเวียยิ้มเขินอาย “คงเป็นเช่นนั้นค่ะ”
ระหว่างทางเดินกลับไปที่ชั้นล่างเงียบสงบขึ้นมาเมื่อไร้การสนทนา คุณหนูโอลิเวียเม้มปากและเดินช้าลง
“ได้ยินว่าคฤหาสน์ของคุณลูเซียสก็อยู่ไกลจากชนบทอาร์คาเนีย”
“ครับ เพราะพื้นที่ตรงนั้นเหมาะสำหรับปลูกข้าวสาลี โดยรอบก็เต็มไปด้วยป่าทึบ” ลูเซียสพูดด้วยรอยยิ้มพลางลอบมองหญิงสาวที่ทำหน้าเหยเกหลังจากได้ยิน
“น่ากลัวแย่เลยนะคะ”
“แถบนั้นเป็นป่าช้าเก่า ตอนกลางคืนน่ากลัวแต่ตอนกลางวันอากาศดีมากครับ”
“ป่าช้าเหรอคะ! คุณคิดจะย้ายออกมาไหม?”
“ไม่ครับ ผมชอบเพราะมันเงียบสงบ”
“อ่า...”
คุณหนูโอลิเวียพูดไม่ออกทันใด ดูเหมือนว่ารสนิยมของเธอกับคุณชายแมทธีโอนีจะค่อนข้างต่างกัน แต่พอหันมองใบหน้าและรูปร่างดูดีของเขาเธอก็ลบล้างความคิดนั้น โอลิเวียมองบันไดขั้นสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจแสร้งทำเป็นสะดุดชายกระโปรงของตนเอง ตามแผนการที่คุยกับมารดา “ว้าย!”
ท่อนแขนกำยำเอื้อมไปคว้าเอวหญิงสาวรวดเร็วก่อนที่เธอจะล้มลงกับพื้นจนเสียกิริยา เหล่าสาวใช้พากันหวีดร้องตกใจทำท่าเข้ามาช่วยแต่ก็ต้องชะงัก
ลูเซียสพยุงเธอให้ยืนตรง พลันหลุบตามองเธอที่เบียดเสียดหน้าอกใหญ่ล้นคอเสื้อกับตัวเขา หญิงสาวเงยหน้าช้อนตามองระยิบระยับอย่างแฝงนัยบางอย่าง ลูเซียสยิ้มบางไม่บ่งบอกความคิดอะไรที่อยู่ในหัว เขาเพียงแค่ช่วยเธอให้ยืนตรง ฝ่ามือเล็กของหญิงสาวลูบตั้งแต่ท่อนแขนแน่นผ่านเสื้อสูทสีครีมจนถึงปลายนิ้วและปล่อยไปเมื่อยืนทรงตัวได้ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกเปล่งเสียงหวาน
“ขอบคุณนะคะ”
ลูเซียสไม่ได้ถอยหนี เขากระซิบเบา “ระวังหน่อยครับคุณหนู”
เสียงทุ้มพร่าทำเอาคนฟังขนลุกซาบซ่าน เธอเผลอกลืนน้ำลายมองดูแผ่นหลังที่ก้าวห่างออกไปเตรียมขึ้นรถม้าที่จอดรอหน้าคฤหาสน์
“เอ่อ คุณลูเซียสคะ!”
ร่างสูงหันมามองเธออีกครั้ง สีหน้าเชิงมีคำถาม
“ผ้าเช็ดหน้า...”
ลูเซียสเข้าใจในทันที เขายิ้มและตอบกลับเธอไปไร้พิรุธ “ผมเก็บไว้เป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วงนะครับ”
“ดีจัง...เอ่อ ดิฉันเฝ้ารอคุณมาพบครั้งถัดไปนะคะ”
ร่างสูงหลุบตามองพื้นครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบางผงกให้หัวเล็กน้อยและเดินกลับขึ้นรถม้าของตนเองไป ทิ้งให้คุณหนูโอลิเวียยืนกุมมือหน้าแดงยิ่งกว่าเครื่องสำอางที่แต้มเอาไว้ หากไม่มีเหล่าคนใช้ยืนรายล้อม เธอคงจะกระโดดกรีดร้องออกมาอย่างดีใจ