ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 5
"Old bicycle"
“นี่ค่าจ้างของแก อย่าได้โผล่หัวมาที่นี่อีกนะเข้าใจไหม”
จินดริชรับถุงเงินมาถือไว้มั่น เขาเปิดออกเพื่อนับเหรียญด้านในนั้นโดยไม่สนใจถ้อยคำถากถางของหัวหน้าคนสวน แต่นั่นยิ่งทำให้อีกคนฟึดฟัด
“เอ้า ๆ นับไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เงินเท่านั้นมากไปสำหรับคนน่ารังเกียจไร้ค่าอย่างแกด้วยซ้ำ”
จินดริชทำปากขมุบขมิบเพราะเขาต้องคำนวณค่าแรงต่อชั่วโมงในหัวสมอง ก่อนจะใจชื้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้คดโกงเขา
“ไสหัวไปซะ ไม่รู้ว่ายาฆ่าแมลงจะฆ่าความสกปรกของแกที่ทิ้งไว้เต็มสวนได้หรือเปล่า!”
“ขอบคุณครับคุณฮาร์ป”
“เจ้าโง่!”
ฝ่ามือเรียวกระชับผ้าพันคอและเอาถุงเงินใส่กระเป๋าสะพายใบเก่าของตนเอง เขาเดินไปจูงจักรยานที่จอดพิงไว้กับต้นไม้โดยไม่ใส่ใจฟังเสียงที่กร่นด่าตามหลัง เขารู้สึกว่าเสียงนกกระจิบบนกิ่งไม้นั้นน่าฟังกว่าตั้งเยอะ
เอี๊ยดอ๊าด...
ยามใช้เท้าถีบจักรยานให้เคลื่อนตัวก็มีเสียงเหล็กสนิมเสียดหู
ไม่อาจทำอะไรได้นอกจากทนฟังไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่หมาย กระทั่งใกล้ถึงเนินลงจินดริชก็นึกคร้านจะลงไปเข็น เขาคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรหากเขาปล่อยให้รถจักรยานไหลลงตามเนิน
กุบกับ กุบกับ กุบกับ
เสียงรถม้าดังตามหลังมาทำให้เขาต้องเบี่ยงตัวรถเข้าข้างทาง รถม้าคันสีดำเงาเคลื่อนผ่านไม่ช้าไม่เร็ว พอทำให้เห็นผู้ที่นั่งอยู่ในตัวถังผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้าง ชายหนุ่มรูปงามกำลังนั่งนิ่งมองตรงไม่ใส่ใจเขาที่อยู่นอกตัวรถ เส้นผมสีขาวพัดปลิวตามลมที่ถ่ายเทเข้าไปด้านใน
จินดริชปั่นตามโดยไม่คิดอะไร แต่เขาไม่คิดว่ารถม้าจะเคลื่อนตัวช้ากว่าเดิมเมื่อลงเนินแคบ มือจึงรีบกำเบรกเพื่อชะลอตัวจักรยานของตนเองทว่า สิ่งที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ก็เกิดขึ้นทำเอาหน้าซีดอ้าปากผวา
เบรกที่ไม่เบรก!
“เหวอ!”
เบรกฝืดจนกำไม่ลงเลยด้วยซ้ำ จินดริชพยายามแล้วแต่เขาไม่อาจชะลอความเร็วจักรยานได้ สองขาปล่อยจากแกนถีบ พื้นรองเท้าบู๊ตไถกับทางเนินแทนเบรกของจักรยานคันเก่า ความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นจวนจะชนท้ายรถม้าอยู่แล้ว การตัดสินใจสุดท้ายก่อนชนจึงต้องพาตัวเบี่ยงออกด้านข้าง แล้วเคลื่อนตัวไหลผ่านรถม้าลงไปด้วยความเร็วที่ทำเอาใจหาย
“หวา!”
เสียงร้องนั้นดังหลังจากที่ลูเซียสเห็นอะไรไว ๆ ผ่านที่หางตา เขามองผ่านหน้าต่างจ้องแผ่นหลังคนที่บังคับควบขี่จักรยานคันเก่าเกรอะ ก่อนจะเลิกคิ้วสวยเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเสียหลักล้มไปกับพื้นดิน
โครม!
เสียงอุบัติเหตุทำเอาตกใจอยู่ครู่หนึ่งแม้ว่าสีหน้าของลูเซียสจะเรียบเฉย จักรยานคว่ำไปพร้อมกับผู้ขับขี่ที่กลิ้งจนตัวม้วน นัยน์ตาคมมองตามล้อจักรยานข้างหนึ่งที่หลุดออกไปหยุดที่พุ่มไม้ใหญ่ข้างทาง รถม้าชะลอตัวจอดเชื่องช้า เจสันที่นั่งอยู่กับคนขับตะโกนถามเด็กหนุ่มที่นักคลุกฝุ่นมอมแมม
“จิน! เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ลูเซียสจ้องมองเหตุการณ์นิ่ง ๆ จากด้านในรถม้า เด็กหนุ่มร่างโปร่งยันตัวขึ้นนั่งสีหน้าเหยเกเหมือนเจ็บปวด อีกฝ่ายเงยหน้ามองเจสันแล้วทำหน้านึกบางอย่างอยู่นาน ก่อนจะตาวาวเหมือนพบคนรู้จัก
“คุณเจสันเหรอครับ?!”
“ใช่น่ะสิ แล้วนั่นเป็นอะไรมากไหม? ทำไมปั่นจักรยานลงจากเนินชันไวขนาดนั้นเล่า!”
“พอดีผม...เบรกไม่อยู่น่ะครับ แต่ไม่เป็นอะไร...มั้ง” จินดริชรู้สึกว่าหัวเข่าของเข่าถลอกและมันปวดเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปลากซากจักรยานที่ขวางทางออก “ขอโทษที่ผมขวางทาง แต่ตอนนี้คุณสามารถผ่านไปได้แล้วครับคุณเจสัน”
พ่อบ้านวัยกลางถอนหายใจเอือมระอา ไม่คิดลงไปช่วยเหลือ
“ทีหลังปั่นให้ระวังกว่านี้หน่อย”
เสียงประตูรถม้าเปิดออกเรียกความสนใจจากคนด้านนอกตัวรถโดยเฉพาะจินดริชผู้ยังคงนั่งกองกับพื้น นัยน์ตาฟ้าสั่นไหวครู่หนึ่งจดจ้องใบหน้าเรียบเฉยของผู้เป็นนายใหญ่ของคุณเจสัน ลูเซียสกระชับชายเสื้อสูทสีครีมแล้วเดินมาหาจินเชื่องช้า นัยน์ตาดำแฝงทับทิมไล่มองจักรยานสภาพไม่สมประกอบและมาหยุดสบตากับเขา จนเป็นจินที่ต้องเบือนหน้าหนี เขาได้ยินเสียงถอนหายใจแผ่วเบาจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณออสวาลด์?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มค่อนข้างชืดชา จินดริชส่ายหัวเล็กน้อยและตอบคำถามงึมงำไม่เต็มเสียง และเอื้อมมือไปเก็บเหรียญที่ตกตามพื้นแก้เก้อ
“ไม่ครับ ขออภัยที่ทำให้การเดินทางของคุณติดขัดนะครับ”
ลูเซียสหลุบตามองหัวทุยสีดำที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาให้เห็นขี้แมลงวันใต้ตาซ้าย น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นก็เหมือนไม่อยากจะเสวนาด้วยสักเท่าไหร่ เขาสำรวจสภาพอีกคนแล้วก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้ ลูเซียสหันมองพ่อบ้านของตนพร้อมรอยยิ้มบาง
“คุณเจสันช่วยซ่อมจักรยานให้คุณออสวาลด์ก่อนสิครับ”
เจสันอึกอักเพราะเขาไม่อยากให้ผู้เป็นนายข้องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมลทิน แต่ทว่าก็ไม่สามารถขัดรอยยิ้มอย่างคนใจดีได้ “ครับคุณชาย”
จินดริชตาโตเล็กน้อย เงยหน้ามองคนที่ยืนบังแสงพลันส่ายหัวพรืด
“ไม่เป็นไรจริง ๆ ครับคุณแมทธีโอนี ผม-”
“ขอเสียมารยาทนะครับ”
จินดริชงุนงงครู่หนึ่ง ก่อนจะใจหายใจคว่ำเมื่อนักบุญชุดขาวใช้มือจับใต้วงแขนเขาทั้งสองข้างแล้วดึงขึ้นให้ยืนตัวตรงอย่างง่ายดายราวกับเขาเป็นตุ๊กตายัดนุ่น จินดริชหน้าซีดเมื่อเขาเห็นว่าลูเซียสขมวดคิ้วจนสีหน้าดูฝืดฝืนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เขารีบดันอีกคนให้ออกห่างเพราะกลัวว่าจะทำให้รังเกียจมากกว่านี้ แต่ก็เซไร้การทรงตัวจนร่างสูงเอ็ดเบา ๆ
“คุณจะล้ม”
ลูเซียสถอนหายใจพลางพยุงจินดริชให้เดินไปที่ม้านั่งใกล้ ๆ เขาได้แต่เหลือบมองเด็กหนุ่มข้าง ๆ อย่างนึกสงสัย
ตัวเบาอะไรขนาดนี้...
เมื่อได้นั่งแล้วร่างโปร่งก็ถอยกรูดไปอยู่ชิดขอบเก้าอี้ไม้ตัวยาว ลูเซียสทำเพียงมองดูเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งลงด้านข้างที่เหลือพื้นที่ไว้ ชะงักงันเมื่อเห็นว่าจินดริชยิ่งตัวแข็งเกร็ง เขาเอ่ยถาม
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
“เปล่าครับ”
“ผมไม่คิดเช่นนั้นนะครับ บอกมาเถอะเผื่อผมช่วยอะไรได้”
จินดริชกลืนน้ำลายชำเลืองมองร่างสูงที่หางตาและเลื่อนมามองที่ขาตนเอง ขยับไปมาเล็กน้อยเพื่อสำรวจร่างกาย
“เจ็บหัวเข่าเล็กน้อยแต่คิดว่าไม่เป็นอะไรครับ”
“ช่วยถลกแขนเสื้อข้างซ้ายขึ้นหน่อยได้ไหมครับ”
ลูเซียสพึงพอใจเมื่อจินดริชยอมทำตามคำสั่งนั้นอย่างว่าง่าย เมื่ออีกคนเลิกแขนเสื้อขึ้นก็เปิดเผยผิวขาวเรียบเนียน มีขนบาง ๆ แต่ไม่ได้น่าเกลียดอะไร และรอยถลอกแดงเลือดซิบตัดกับสีผิวชัดเจน ลูเซียสใช้มือควักผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาจากเสื้อสูทโดยไม่ละสายตาจากบาดแผลของจินดริช เขาเอื้อมไปหมายจะใช้เช็ดทำความสะอาด
เจ้าของบาดแผลเห็นการกระทำนั้น เขามองผ้าเช็ดหน้าสีกรมซ้อนทับกับผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าในถังขยะเมื่อวันก่อน ร่างกายพลันขยับหนีรวดเร็วอย่างตกใจ
“อย่าครับ!”
ท่าทางเช่นนั้นทำลูเซียสสับสนเช่นกัน สีหน้าของจินดริชดูลนลานซีดเซียวราวกับรังเกียจ เขาจึงลดมือลงเปลี่ยนเป็นยื่นให้แทน แต่อีกคนก็ไม่มีท่าทีจะรับไปใช้ซ้ำยังเอ่ยปฏิเสธเสียงอ่อน
“พอดีผมมีของตัวเองอยู่ครับ ขอบคุณ”
ไม่พูดเปล่ายังหยิบออกมาแสดงให้อีกคนเห็นว่าจินมีจริง ๆ เขานำมาซับบาดแผลของตนเองเบา ๆ โดยเลี่ยงไม่จ้องมองลูเซียสที่นั่งเงียบ สายตาเขาจึงวางไว้ที่พ่อบ้านเจสันกับคนขับรถม้าที่ช่วยกันซ่อมจักรยานให้เขาด้วยสีหน้าลำบากใจ ดูเหมือนเจ้าเศษเหล็กจะเกินเยียวยาแต่จินดริชก็คาดหวังให้ทั้งคู่ซ่อมมันได้สำเร็จ มองดูล้อที่ฝืนยัดใส่แกนเพลาก็อยากจะร่ำไห้เวทนาตนเอง
บรรยากาศโดยรอบมีเพียงเสียงคนซ่อมจักรยานที่พูดคุยกันเพื่อหาหนทางทำให้กลับมาใช้งานได้ ลมพัดผ่านยอดไม้ให้เคลื่อนไหวเล็กน้อย แสงสว่างเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาของประเทศที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน คนทั้งสองบนเก้าอี้นั่งตัวเดียวกันไม่สนทนากันเลยสักประโยคจนทำให้เริ่มรู้สึกอึดอัด จินดริชพยายามคิดหาอะไรทำเพื่อไม่ให้ตนเองเกร็งไปมากกว่านี้จนดูเสียมารยาท เขาหยิบถุงเงินค่าจ้างออกมาเทใส่มือเพื่อนับอีกรอบ ก่อนหน้านี้มันตกกระจายลงบนพื้น ไม่มั่นใจว่าเขาเก็บขึ้นมาครบถ้วนหรือเปล่า
เสียงเหรียญกระทบกันเรียกสายตาของลูเซียสให้หันไปจับจ้อง เขามองนิ้วมือสากไล่นับเหรียญน้อยนิดเหล่านั้นเชื่องช้า ลากสายตาไปจับจ้องใบหน้าเนียนใส ฝั่งที่เขานั่งสามารถเห็นต่างหูไม้กางเขนอันเล็กที่เป็นเครื่องประดับประจำตัว รวมถึงจ้องขี้แมลงวันใต้ตาซ้ายนั้นได้อย่างชัดเจน ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายระยิบระยับเมื่อจ้องมองเงินเหรียญเหล่านั้น ลูเซียสจำได้ว่าเป็นถุงเงินเดียวกันกับที่จินดริชรับมาจากชายคนสวน
“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นั่น?”
ประโยคของลูเซียสเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน จินดริชหันมองอีกฝ่ายพลางทำหน้าสงสัย “อะไรนะครับ?”
“ทำไมคุณถึงไปอยู่ที่คฤหาสน์ของลอร์ดจาเร็ต”
จินดริชเงียบครู่หนึ่ง “ผมไปรับจ้างทำสวนครับ”
“ทำไมต้องไปทำสวนให้ลอร์ดจาเร็ต? ผมจำได้ว่าคุณอาศัยห่างจากที่นี่พอสมควรน่ะครับ”
คนถูกถามไม่รู้จะตอบอย่างไรกับคำถามนั้น “ผม...ต้องการเงิน”
“เงินนั่นคุ้มค่ากับการเดินทางและการเจ็บตัวหรือเปล่าครับ?”
ในคำถามนั้นเหมือนตำหนิอยู่กลาย ๆ จินดริชนั่งก้มหน้าทบทวนตัวเอง เขามองร่างกายที่คลุกฝุ่นมีบาดแผลจากการที่ล้ม จักรยานพังจนต้องเดือดร้อนคุณเจสันและนักบุญลูเซียส
...อาจจะไม่คุ้มล่ะมั้ง
คนถามเห็นว่าจินดริชดูทำหน้าหงอยคิดไม่ตกกับคำถามเขา “ขอโทษที่พูดไปแบบนั้น ลืมมันไปเถอะครับ”
แล้วบรรยากาศก็กลับมาเงียบอีกครั้ง จินดริชห้ามตนเองไม่ให้หันมองอีกฝ่ายแต่ก็เป็นการยาก เส้นผมสีขาวช่างดึงดูดสายตา คล้ายกับขนของลีโอนาร์ดเจ้าสัตว์เลี้ยงสี่ขาอย่างมาก แต่ดูนุ่มสลวยกว่าจากการดูแลที่ดี ผิวของลูเซียสก็เรียบเนียนไร้รูขุมขน ไม่มีกระ ฝ้า หรือตำหนิใด ๆ ให้ขัดตายามจ้องมอง
ลูเซียสมองตรงสีหน้านิ่งเฉยกะพริบตาน้อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็รับรู้ว่าคนด้านข้างลอบมองเขาอยู่เรื่อย ๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามแอบมองแค่ไหนก็ตาม เขาปล่อยให้จินดริชสำรวจตนเองอยู่เช่นนั้นหลายนาที จนกระทั่งหันไปสบตาในที่สุด ใบหน้าใสดูจะตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีลนลาน เพียงแค่ทำเป็นชำเลืองผ่านหน้าเขาไปจับจ้องพ่อบ้านเจสัน แสร้งว่าเมื่อครู่ไม่ได้จ้องเขา
“คุณออสวาลด์ ใบหน้าของผมมีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เปล่าครับ”
จะรู้ตัวไหมว่าการที่ตอบรวดเร็วด้วยเสียงแข็งทื่อเช่นนั้น เป็นการโกหกที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย ลูเซียสกระตุกยิ้มครู่หนึ่ง
“คุณเอาแต่จ้องผมไม่หยุด”
“...”
“มันน่าอึดอัด”
ก้อนเนื้อในอกของจินดริชกลับมาเต้นเชื่องช้าเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาเจื่อนลง จินดริชสบตาลูเซียสแล้วตอบตามสิ่งที่คิด
“ขออภัยที่มองคุณอย่างเสียมารยาทครับ แค่คิดว่าคุณเหมือนแมว”
กลับกลายเป็นว่าทำผู้ฟังชะงักไปในทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เหมือนจินดริชจะรู้ตัวว่าคำพูดของตนเองกำลังสร้างความเข้าใจผิด
“ไม่ได้หมายความว่าคุณเหมือนแมวนะครับ เอ่อ คุณแมทธีโอนีเหมือนกับแมวที่ผมเลี้ยงอยู่ มันมีขนสีขาวเหมือนกับเส้นผมของคุณเลยครับ”
“งั้นเหรอครับ”
“ครับ ผมไม่ได้โกหก คุณสามารถพบเจอมันได้ในเมือง”
“ชื่อว่าอะไร...สัตว์เลี้ยงของคุณน่ะครับ”
“ลีโอ...ลีโอนาร์ด”
ลีโอนาร์ด...
เป็นชื่อที่รู้สึกคุ้นอย่างแปลกประหลาด ลูเซียสมองซีกหน้าคนที่หันหนีไปอีกทาง “หวังว่าผมจะได้พบกับมัน”
จินดริชไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก เขาก้มมองมือตนเอง
“เรียบร้อยแล้วครับคุณชาย”
เจสันตะโกนบอกพลางเข็นจักรยานมาให้จินดริชที่ตาวาวอย่างดีใจ พึมพำขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจสันเอ็ดเล็กน้อยแล้วเดินนำหน้าไปเปิดประตูรถม้าให้ลูเซียส
จินดริชมองคนที่เตรียมเดินจากไปโดยไม่ร่ำลา ทว่าเขามีคำถามที่ติดค้างในใจจึงเอ่ยรั้งไว้ก่อน “คุณชายแมทธีโอนีครับ”
เจ้าของชื่อหันไปสบตาจินดริชนิ่ง ๆ “ครับ...คุณออสวาลด์”
เกิดอาการอึกอักเล็กน้อยราวกับไม่มั่นใจว่าจะถามดีหรือไม่
“ทำไมคุณถึง...ทิ้งผ้าเช็ดหน้าเหรอครับ...”
จินดริชมองลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มทับทิม ยิ่งมองเขายิ่งพบว่าใบหน้าที่มักจะอ่อนโยนช่างว่างเปล่า ริมฝีปากสีพีชตอบคำถามสีหน้าเรียบเฉย ไร้รอยยิ้มให้เขาอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกัน คำตอบของร่างสูงทำให้มือที่หยาบกร้านของจินดริชเย็นเฉียบขึ้นมา
“เพราะว่ามันสกปรกน่ะครับ”
จินดริชเข้าใจแล้ว เข้าใจถูกแล้ว...
เขาไม่น่าเอ่ยถามเลย...