ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞

หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ - 🪦 6 โดย Juharah @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞

ผู้แต่ง

Juharah

เรื่องย่อ

𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊

𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍




•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••


...มันคือความผิดพลาด....


ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...


วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน


❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞


แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี


•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••




TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah


แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์


Story: Juharah | Cover: WP Seazebra

สารบัญ

หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-0 Prologue, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 1, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 2, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 3, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 4, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 5, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 6, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 7, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 8, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 9, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 10, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 11, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 12, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 13.1, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 13.2, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 14, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 15, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 16, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-📣 แจ้งการติดเหรียญล่วงหน้า, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 17, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 18.1, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 18.2, หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 19 (ปลด 20/10), หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์-🪦 20 (ปลด 22/10)

เนื้อหา

🪦 6


FACEBOOK: Juharah


TWITTER X: @juha_rah


Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์


Chapter 6






"Mercenary"








รถม้าดำเงาขับเคลื่อนผ่านกลางเมืองอาร์คาเนียโดยมีชาวบ้านทักทายชายเจ้าของรถตลอดทาง ลูเซียสมอบเพียงรอยยิ้มให้แก่พวกเขา แต่เท่านั้นก็ทำให้เหล่าชาวบ้านปลื้มปีติใจ


“รอยยิ้มของเขาช่างงดงาม”


“ท่านนักบุญเป็นที่รักของพระเจ้าจริง ๆ”


คำพูดเหล่านั้นย่อมเข้าหูของคนที่ถูกให้ชื่อว่าเป็นนักบุญ


ต้องกล่าวว่าลูเซียสได้ยินบ่อยจนชิน ในช่วงแรกที่เริ่มมีคนเรียกขานเช่นนั้น เขาได้เอ่ยขัดออกไปว่ามันไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจห้ามเหล่าชาวบ้านได้ ลูเซียสจึงทำเพียงแค่ยอมรับไปเช่นนั้น เขาไม่ใช่คนช่างพูด ออกจะขี้เกียจเถียงในสิ่งที่ตนเองไม่อาจได้รับชัยชนะ


เส้นทางกลับสู่คฤหาสน์ของเขาเริ่มเงียบและเต็มไปด้วยป่ารก แต่เมื่อพ้นเขตทางลาดก็พบเข้ากับตัวคฤหาสน์ไม้ขนาดกลางกับพื้นที่การเกษตรสุดลูกหูลูกตา ทั้งที่โล่งสำหรับเป็นสวนดอกไม้ เขตปลูกผักผลไม้ยืนต้นตลอดทั้งแนวเขาลูกเล็ก ทั้งหมดนั้นเพื่อส่งออกไปยังเมืองต่าง ๆ ของประเทศและเพื่อนบ้าน


ลูเซียสไม่เคยคิดว่ามันเป็นคฤหาสน์เมื่อเทียบกับบ้านเกิดของเขา ณ ‘เกรซ’ อันเป็นเมืองหลวงของประเทศ บ้านของเขาในชนบทอาร์คาเนียเป็นเคหสถานสามชั้นทำจากไม้เนื้อแข็งเก่าแก่ บางจุดถูกโบกปูนเป็นการปรับปรุง โทนสีไม้ค่อนข้างทึบและอึมครึม แต่ก็ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและถูกทำความสะอาดสม่ำเสมอ ด้านล่างเป็นโถงรับแขกและห้องพักผ่อนดื่มน้ำชา ชั้นสองเป็นห้องทำงาน พื้นที่ส่วนตัวและห้องพักแขก ชั้นสามเป็นห้องนอนของเขาและห้องของบิดามารดากับน้องชายสองคนที่มาเยี่ยมเยือนน้อยครั้ง


ด้วยพื้นที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรทั้งหลังจึงมีเพียงเขา พ่อบ้านเจสัน สาวใช้และคนงานอีกไม่ถึงห้าคนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าออกช่วงกลางวัน ตะวันลับขอบฟ้าก็จะพากันกลับไปที่โรงเรือนสำหรับคนใช้ตามธรรมเนียม เหลือเพียงเขาคนเดียวในคฤหาสน์ ลูเซียสไม่เคยเหงาเพราะเขาชอบความเป็นส่วนตัว ชอบความเงียบสงบ


เมื่อเหยียบเข้า ณ กลางโถง สาวใช้ก็รู้หน้าที่มาปรนนิบัติถอดเครื่องแต่งกายออกให้และนำของไปเก็บ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตที่คลายกระดุมออก เขาถอนหายใจเชื่องช้าอย่างผ่อนคลาย บิดลำคอลดอาการเมื่อยขบจากการนั่งรถม้าถึงหนึ่งชั่วโมง พ่อบ้านเจสันราวกับรู้ใจ


“คุณชายคงชื่นชอบที่จะนั่งรถยนต์มากกว่าสินะครับ”


ลูเซียสเดินไปหยิบเอกสารบนโต๊ะมานั่งอ่านที่โซฟา ยิ้มบางโดยไม่หันไปสบตากับเจสัน “ครับ ใครบ้างไม่ชอบความสบาย”


เขาชะงักกับคำพูดของตนเอง พลันนึกไปถึงคนที่ตัวเองพบเจอเมื่อครู่นี้ เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเกือบสิบปี เจ้าตัวมักจะมีอะไรทำตลอดเวลาที่เขาพบเจอ


ดูเหมือนจะมีคนที่ชอบความลำบากอยู่บ้าง...


“จริงด้วยครับ แต่แย่หน่อยที่ถนนเมืองอาร์คาเนียหลายพื้นที่ไม่เหมาะสำหรับรถยนต์”


“เดี๋ยวความเจริญจะค่อย ๆ ตามมาเองนั่นแหละครับ” ลูเซียสมองสาวใช้ที่เทชาดำใส่ถ้วย เขาหยิบขึ้นมาจิบเชื่องช้าก่อนจะเอ่ยถามตารางงานของตนเองกับพ่อบ้านส่วนตัว “พรุ่งนี้ผมมีนัดอะไรหรือเปล่า?”


“ช่วงบ่ายสามโมงมาร์ควิสวัตสันจะเดินทางมาพบครับ”


“เรื่องงานเลี้ยงสินะครับ”


“ใช่ครับคุณชาย”


เจสันมองผู้เป็นนายที่ยังคงนั่งสงบนิ่งท่วงท่าเป็นสง่า สองขาไขว้กันเพื่อวางเอกสารการเงินบนตัก พ่อบ้านยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่บุตรชายคนโตของตระกูลแมทธีโอนีช่างน่านับถือ ทั้งการงานและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถึงขนาดที่ว่าคนในเมืองรวมเงินกันจัดงานเลี้ยงเป็นการขอบคุณในคุณงามความดี


“ผมคงต้องปฏิเสธอย่างจริงจังซะแล้ว”


แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยากรับก็ตาม เจสันยิ้มเจื่อน “แล้วแต่คุณชายพิจารณาเลยครับ แต่ผมคิดว่ารับน้ำใจของพวกเขาสักหน่อยก็ย่อมดี”


“อืม”


ราวกับขานตอบโต้อย่างไม่ใส่ใจ นัยน์ตาสีทึบไล่มองตัวอักษร จังหวะหนึ่งเขากลับหวนนึกถึงใบหน้าของเด็กหนุ่มตำหนิใต้ตาซ้าย ใบหน้าเรียบเฉยอมทุกข์นั้นทำให้รู้สึกประหลาดยามจ้องมอง เขามักเห็นเจ้าตัวที่โบสถ์ในทุกครั้งที่มีพิธีมิสซาหรืองานบุญต่าง ๆ เผลอเอ่ยถามเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่ เพียงมอบทรัพย์ให้พ่อบ้านไปจัดการ


“เรื่องโบสถ์ถึงไหนแล้วครับ?”


เจสันรีบเล่าความคืบหน้าอย่างกระตือรือร้น “ช่างไม้เริ่มนำส่งเก้าอี้ไปส่งที่โบสถ์แล้วครับ เดี๋ยวช่างจะเข้าไปทาสีผนังในจุดที่เริ่มซีดเก่าครับ”


“ช่วยทำออกมาอย่างดีด้วยครับ”


“ครับ คุณชายช่างใจดีจริง ๆ”


คำชื่นชมจากคนสนิทไม่ได้ทำให้ลูเซียสรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เงียบไปอึดใจหนึ่งเขาก็ถามคำถามที่ตนเองมัวแต่อมพะนำ


“ผมมักเห็นคุณออสวาล์ดอยู่ที่โบสถ์ เขาอาศัยอยู่ละแวกนั้น?”


เจสันนึกทวนนามสกุลไม่คุ้นหูครู่หนึ่ง แต่แล้วก็นึกออกเพราะเคยได้ยินลูเซียสเอ่ยออกมาบ่อยครั้งในช่วงนี้


“ได้ยินมาว่าจินอาศัยอยู่ที่หอนาฬิกาด้านหลังโบสถ์ครับ”


“หอนาฬิกา?”


“เขาไม่มีบ้านอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่งครับ น่าสงสารไม่น้อย”


เป็นคำตอบที่น่าตกใจ ไม่คาดคิดว่าเด็กคนนั้นจะมีชีวิตแบบนี้


ดวงตาสีทึบหยุดไล่อ่านตัวหนังสือ ลูเซียสคล้ายไม่อยากจะทำงานของตนเองต่อแม้ว่ามันจะเร่งด่วนก็ตาม นิ้วเขาลูบไล้ขอบคมของกระดาษเบา ๆ อย่างไม่กลัวจะโดนบาด ใบหน้าเรียบนิ่งอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง


ท่าทางนั้นอยู่ในสายตาของพ่อบ้านวัยกลาง และรับรู้ว่าผู้เป็นนายของเขากำลังนึกสงสาร ลูเซียสเป็นเช่นนี้อยู่เสมอเพราะว่าอีกฝ่ายจิตใจดี


“อย่าได้สนใจเขาเลยครับคุณชาย ผมเกรงว่าคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงจะไม่พอใจเข้า ได้ยินมาว่าจินดริชค่อนข้างมีมลทิน”


ใบหน้าของผู้เป็นนายยังคงนิ่งอยู่หลายนาที แต่ก็หันมาสบตาและยิ้มบาง เอ่ยเสียงทุ้มต่ำโทนเย็น นัยน์ตาเย็นเยียบ


“คุณเจสันไปพักเถอะครับ”


พ่อบ้านคนสนิทย่อมรู้ว่าปฏิกิริยาเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องดี เขาคงปากมากจนเกินไป เจสันก้มหัวเคารพก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถง มองศีรษะของผู้เป็นนายก่อนลับสายตา คนที่มีจิตใจดีใช่ว่าจะขุ่นเคืองไม่เป็น






เด็กหนุ่มคนขยันมาทำงานที่บาร์เป็นกิจวัตรประจำวัน ทว่ามีบางสิ่งผิดปกติไปจนสาวประเภทสองเจ้าของบาร์ให้ความสนใจ วันนี้เจ้าตัวขาวหน้านิ่งมาทำงานโดยที่เดินกะเผลกเล็กน้อย เชื่องช้าไม่ทะมัดทะแมงเหมือนทุกที ได้ยินมาว่าเพิ่งไปทำสวนให้กับลอร์ดจาเร็ตอันเป็นบุคคลที่ทำบุญทำทาน แต่ความจริงแล้วนิสัยโหดร้าย จูเลียเดินไปลากแขนจินดริชเข้าไปที่ครัว พลางเอ่ยถามเสียงเครียด เด็กหนุ่มดูงุนงง


“จิน คนของลอร์ดจาเร็ตทำร้ายเธอหรือเปล่า?”


คนถูกถามยืนนิ่งกับคำถามนั้น ก่อนจะเบิกตากว้างส่ายหัวพรืด


“เปล่าครับคุณจูเลีย ผมซุ่มซ่ามปั่นจักรยานล้มตอนลงเนิน”


จูเลียถอนหายใจ “เฮ้อ อย่าทำให้ฉันใจหายบ่อยนักสิเด็กนี่ เจ็บอยู่แล้วทำไมไม่พัก?”


“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่ผมทำงานไหวเพราะแค่แผลถลอก”


“มันเกะกะคนอื่นเพราะเธอเงอะงะ!”


เจ้าของบาร์ร่างสูงเมียงมองเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิด นับวันจินดริชยิ่งดูผอม เจ้าตัวไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็กผอมบางเหมือนหนุ่มน้อยในความดูแลของเธอ หากจินดริชมีกล้ามเนื้ออุดมสมบูรณ์เจ้าตัวก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่เพราะจินดริชไม่ได้มีมัน เจ้าตัวจึงดูโปร่งระหง


“รับค่าแรงครึ่งหนึ่งและกลับไปพักเถอะ กินอาหารดี ๆ บ้าง อย่าเลี้ยงแต่แมว”


“ไม่เป็นไรจริง ๆ นะครับ”


“กลับไปเลยย่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานเหมือนเดิม” ไม่พูดเปล่า เธอควักถุงเงินมาจากร่องหน้าอกแบนราบแล้วยื่นให้จินดริชสีหน้าจริงจัง


จินมองสีหน้าของเจ้านายแล้วรู้ตัวว่าตนเองคงเถียงไม่ชนะ เขายอมรับเงินมาแต่โดยดีสีหน้างอง้ำ ถอดผ้ากันเปื้อนวางที่โต๊ะเดินออกไปจากครัว หนุ่มน้อยโสเภณีที่รอรับลูกค้าเหยียดสายตามองจินโดยไม่คิดกล่าวล่ำลา


กริ๊ง~


ปึก!


จินเผลอเปิดประตูร้านแล้วชนเข้ากับลูกค้าร่างสูงกำยำ อีกฝ่ายสวมเสื้อโค้ตคลุมตัวยาวสีเข้ม ฝ่ามือใหญ่รวบตัวจินดริชเอาไว้ตามสัญชาตญาณ ขณะนั้นจินดริชเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างตกใจ คนที่สูงกว่าพ่นคำสบถเบา ๆ พร้อมกลิ่นใบยาสูบ ใบหน้าลูกค้าคนนี้ค่อนข้างดูดีสมอายุที่มากกว่าจินสามปี


“ให้ตาย-”


คำสบถขาดหายเมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทสบมองกับจินดริช จ้องค้างเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่ปริปาก มือที่โอบเอวยังคงอยู่ที่เดิม จินดริชถอยออกมาและหลีกทางให้ลูกค้าเข้าไปก่อน เขาก้มหัวอย่างเคารพและแสดงความรู้สึกผิด


“ขออภัยครับ”


ลูกค้าคนนี้จินดริชรู้จักดี ‘ทิมตัน’ เป็นทหารรับจ้างที่คอยดูแลชนบทอาร์คาเนียเป็นงานหลัก เขามักจะออกมาเที่ยวกลางคืนในวันที่ไม่ได้อยู่เฝ้าเวรตรวจตรา อีกฝ่ายมีรสนิยมชื่นชอบผู้ชายเพราะฉะนั้นจินดริชจึงคุ้นหน้าเพราะทิมตันมาใช้บริการที่บาร์นี้อยู่บ่อยครั้ง ร่วมหลับนอนกับหนุ่มน้อยและปากพล่อยดูหมิ่นพระเจ้าอย่างเปิดเผย


“จะยั่วฉันก็หัดคิดหาวิธีที่เนียนกว่านี้หน่อย จิน”


จินดริชไม่ชื่นชอบทิมตัน เรื่องไม่ศรัทธาพระเจ้าก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกฝ่ายมักจะดูหมิ่นและล่วงเกินเขาบ่อยครั้งไม่ต่างจากขี้เมาคนอื่น คำพูดคำจาก็ออกจะหนักกว่า จินดริชไม่คิดเถียงอะไร เขาเบี่ยงตัวเดินออกจากร้านรวดเร็ว ทว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังตามมา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร


“เฮ้! แกเดินหนีฉันเหรอ!”


จินยิ่งสาวเท้าเร็วขึ้นแต่ก็ถูกฉุดแขนให้หันกลับไป แผลถลอกใต้แขนเสื้อถูกบีบทำเอาเขาร้องออกมาเบา ๆ อย่างแสบสัน “อะ”


ทิมตันขมวดคิ้วเล็กน้อย ความจริงเขาสังเกตเห็นถึงท่าเดินของจินแล้ว คงจะบาดเจ็บมา แต่เขาเลือกใช้ประโยคที่ดูถูกเหยียดหยัน


“โดนลูกค้าเอาข้างหลังมาจนเดินไม่ไหวหรือไง?”


จินดริชถอนหายใจแผ่วเบา พยายามบิดแขนออกแต่ไม่สำเร็จเพราะอีกฝ่ายไม่ยอม ตอนนี้จินอยู่ใต้ต้นไม้มืด ใกล้กันเป็นร้านสุราที่เรียงราย แต่ไม่มีใครที่จะสนใจพวกเขา มันทำให้จินดริชสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย เขาตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พยายามไม่แตกตื่น


“เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับผมครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณพูด”


“คิดว่าน่าเชื่อหรือไง? ทำไม? ขายให้คนอื่นได้แต่ไม่ขายให้ฉันงั้นเหรอจิน ฉันกระเป๋าหนักนะ...หรือแกจับแต่คนรวย ๆ”


“ได้โปรดหยุดพูดจาเหลวไหลสักทีครับ ปล่อย...ผมเจ็บแขน”


“เปิดแขนเสื้อให้ฉันดูหน่อย”


ทิมตันพยายามเลิกแขนเสื้อจินอย่างอุกอาจ ท่าทางนั้นทำจินตกใจและขัดขืน “อย่า!”


เสียงหัวเราะร้ายกาจดังออกมาพร้อมกลิ่นใบยาสูบฉุนจมูก ทิมตันใช้วงแขนกอดรัดรอบเอวของจินเอาไว้ ติดจะเบียดเสียดตัวอย่างลามก คนร่างโปร่งที่ดูไม่มีเรี่ยวแรงผลักทิมตันเสียงดังปึก สีหน้าไม่พอใจทำให้ทิมตันมีน้ำโห เขาบีบแก้มนุ่มของจินแล้วจดจ้องใกล้ ๆ ยื่นใบหน้าเข้าหาหมายจะบดจูบคนดื้อรั้น


“คนน่ารังเกียจอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธฉัน?”


“อย่า!”


ใบหน้าขาวยิ่งซีดเผือดเมื่อเห็นใบหน้าของทิมตันเข้าใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจจู่ ๆ บางอย่างก็ตกลงมาจากต้นไม้ใส่หัวของทหารรับจ้างอย่างจัง


ปั๊ก!


“โอ๊ย! อะไรวะ!”


ดวงตาสองคู่มองกิ่งไม้ใหญ่ที่พื้น ทิมตันยกมือสัมผัสของเหลวที่ไหลลงมาจากกลางหัวจนอาบข้างแก้ม หัวของเขาแตกจนชา ทินตันกำลังเอาความหงุดหงิดไปลงใส่คนข้างกาย ทว่ากลับกลายเป็นเห็นแผ่นหลังของจินที่วิ่งหนีไปไกลอย่างร้อนรน


“ต้นไม้เวรเอ๊ย!” ทิมตันหงุดหงิดฟาดเท้าใส่ลำต้นอย่างแรง แต่กิ่งไม้เล็ก ๆ ก็ตกลงมาใส่ศีรษะเขาอีกครั้ง “Fuck!!!”


นัยน์ตาคมปลาบมองแผ่นหลังที่เล็กลงเรื่อย ๆ พลางกัดกรามอย่างเสียอารมณ์ เขาเลียริมฝีปากก่อนจะพึมพำออกมา


“ฝากไว้ก่อนเถอะจินดริช”


ร่างสูงใหญ่เดินกลับไปทางเดิม กิ่งไม้ใหญ่ยังคงวางนิ่งอยู่บนพื้น พ้นร่างทั้งสองคนไม่นานก็มีบางคนเดินล้วงกระเป๋าเสื้อโค้ตมายืนแทนที่เชื่องช้า เงียบงัน เส้นผมสีสว่างคลอเคลียกรอบหน้างดงามราวกับทูตสวรรค์


รองเท้าบู๊ตสีดำเหยียบเข้าที่กิ่งไม้ใหญ่ นัยน์ตาแดงก่ำสว่างวาบมองทหารรับจ้างที่โวยวายกับสาวประเภทสองเจ้าของบาร์เกย์ กล่าวโทษลูกจ้างของร้านที่เพิ่งทำเขาเสียอารมณ์


ฝ่าเท้าบดเหยียบกิ่งไม้อย่างแรง เกิดเพลิงลุกไหม้กิ่งไม้ท่อนนั้นอย่างไม่น่าเชื่อ มอดเป็นเถ้าถ่านในไม่กี่นาที...




ปัง!


ประตูไม้ในหอนาฬิกาปิดลงอย่างแรง แผ่นไม้หนานำมาวางขวางประตูเพื่อล็อกเอาไว้ ร่างสูงโปร่งเดินไปทิ้งตัวนั่งหอบอยู่ขอบเตียง ขอบตาแดงก่ำจดจ้องประตูที่ยังเงียบสงบไม่ได้มีใครตามมาอย่างที่นึกเกรงกลัว


“เหมียว~”


วงหน้าหันไปมองตามเสียง เขาสบตาเข้ากับอัญมณีสองสีของสัตว์เลี้ยงที่นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง จินดริชไม่รู้ตัวเลยว่าลีโอนาร์ดยังอยู่ที่ห้องในคืนนี้ ถาดอาหารยังคงเหลือทูน่ากระป๋องที่เขาเพิ่งซื้อมาให้ลีโอ เป็นอาหารที่ราคาแพงสุดที่จินดริชจะซื้อให้มันได้ เขาเอื้อมมือไปอุ้มแมวตัวขาวมานั่งบนตัก มันเหมือนจะขืนตัวเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยินยอม จมูกสีชมพูขยับดมตามตัวเขาเสียงดังฟุดฟิด หูตั้งเกร็งกระดิกอย่างสงสัย


“เหมียว~”


“กลิ่นบุหรี่น่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนแล้ว”


จินดริชคุยกับลีโอขณะใช้มือลูบไล้เส้นขนติดสาก ใช้แขนโอบกอดอย่างนึกมันเขี้ยว ก่อนจะขำแผ่วเมื่อมันดิ้นหนีออกจากอ้อมกอด ลีโอยืดตัวยาวนอนลงที่พื้นพรมเช็ดเท้าผืนเก่า แลบลิ้นเลียตามเส้นขนของตนเองที่เพิ่งถูกจินดริชแตะต้องเมื่อครู่นี้ ตามสัญชาตญาณสัตว์นิสัยรักสะอาด


เจ้าของแมวลุกขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมนอนพักผ่อน ระหว่างที่ผ่านหน้าต่างเปิดแง้ม นัยน์ตาสีฟ้าชะงักมองเงาร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านล่างหอนาฬิกา ความมืดมิดทำให้จินดริชไม่อาจมองออกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เขารู้สึกเลยว่าตนเองกำลังถูกจ้องมองกลับมา หน้าต่างถูกปิดอย่างรวดเร็วและลงกลอนแน่นหนา เขารีบยกหีบเสื้อผ้าไปตั้งขวางประตูห้องเอาไว้อย่างระวังตัว


อาจจะเป็นทิมตันที่ตามจินดริชมา


ร่างโปร่งล้มตัวนอนบนเตียงโดยที่สายตามองประตูเก่าด้วยความระแวง เวลาผ่านไปเชื่องช้า หูได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาและฟันเฟืองทำงานไปเรื่อย ๆ คล้ายขับกล่อม ในที่สุดเขาก็หลับไปโดยที่รู้สึกไม่ปลอดภัย


แมวพันธุ์เมนคูนนอนบนพื้นพรมนิ่ง ๆ ลูกตาสีฟ้าเหลืองจับจ้องคนเลี้ยงดูที่นอนหลับใหลใต้ผ้าห่มผืนหนา ร่างโปร่งขยับเคลื่อนไหวกายในท่าที่สบายตัว ม่านตาขยายจับจ้องควันดำที่คืบคลานผ่านร่องประตูเข้ามา ก่อร่างขึ้นเป็นเรือนร่างสูงใหญ่จนต้องค้อมตัวไม่ให้หัวชนเพดาน ร่างนั้นทรุดตัวนั่งลงที่ขอบเตียง ใบหน้าหันเหจับจ้องคนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ลีโอมองร่างนั้นนิ่ง ๆ จนม่านตากลับมาปกติ มันไม่แม้แต่จะลุกขึ้นหรือส่งเสียงร้องเตือนภัยราวกับรู้ว่านั่นไม่ใช่ภัย กระทั่งบนเตียงไม่ปรากฏเงานั้นอีกในตอนที่แสงตะวันลอดเข้ามาตามร่องหน้าต่างหอนาฬิกา