ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
#หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 9
"Give offering of Saint Lucius"
คนได้ฉายานักบุญก้มมองใบหน้าขาวใสของเด็กหนุ่มชุดดำ ขี้แมลงวันใต้ตาซ้ายยังคงดึงดูดสายตา เขามองไล่ลงไปถึงเอวบางที่ถูกโอบกอดแน่นโดยคนสูงวัยร่างท้วมข้างกาย ช่วงบนแนบชิดสนิทกัน ลูเซียสหันไปมองแรมเบิร์ธ เขาส่งยิ้มให้บางเบา
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ คุณแรมเบิร์ธ”
“ผมไม่ค่อยสบายน่ะครับ นี่ว่าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว”
ลูเซียสมองไม้เท้าและขาเล็กลีบก็เข้าใจอาการป่วยในทันที เขาออกคำสั่งกับพ่อบ้านคนสนิท “ช่วยไปส่งคุณแรมเบิร์ธที่รถม้าทีครับ”
“ครับคุณชายลูเซียส”
เจสันรีบไปพยุงอีกข้างอย่างกระตือรือร้น
“โอ้ ช่างมีน้ำใจจริง ๆ ครับ”
ลูเซียสไม่ได้หลีกทางให้เด็กหนุ่มตัวสูงเพียงอก จินดริชประคองแรมเบิร์ธไปที่รถโดยผ่านตัวเขาไปจนแขนเสื้อปัดหน้าท้อง ร่างสูงเดินตามไม่เร่งรีบ มองดูฝ่ามือเหี่ยวย่นที่จับสะโพกเด็กหนุ่ม ไหนจะท่าทีสนิทสนมพูดจาในระยะใกล้ชิดกัน
‘เขาเป็นพวกรักร่วมเพศที่เข้าโบสถ์ขอความรักจากพระเจ้า ทำงานขายร่างกาย…’
‘เขาค่อนข้างหัวสูงเพราะจับแต่ผู้ชายที่มีเงิน…’
‘อย่างเช่นคุณแรมเบิร์ธ’
แปลกที่ประโยคของมาร์ควิสวัตสันดังก้องในหัวของลูเซียส
“ไว้พรุ่งนี้แวะไปหาฉันที่บ้านนะจิน” แรมเบิร์ธกล่าวกับชายหนุ่ม
“ผมเสร็จงานช่วงสิบโมงและต้องไปเฝ้าสุสานตอนเที่ยง”
“นี่กำลังขัดฉันเหรอ?”
“ผมจะแวะไปช่วงเย็นครับ”
“ได้สิ เธอจะนอนพักที่บ้านของฉันก็ได้นะ”
ประโยคสนทนาชวนให้บุคคลนอกคิดไปในทางที่ไม่ดี พ่อบ้านเจสันดูจะปกปิดสีหน้าไม่เก่ง ขมวดคิ้วติดจะทำหน้าเหยเก
‘…เขาเรียกจินดริชไปปรนเปรอตนเองสัปดาห์ละสองครั้งเป็นอย่างต่ำ น่ารังเกียจจริง ๆ’
ฝั่งลูเซียสยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยขณะนึกย้อนไปถึงเรื่องที่เพิ่งรับรู้เมื่อไม่นานมานี้ เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อสูทมองดูจินดริชช่วยจัดคอเสื้อให้กับแรมเบิร์ธ ฝ่ามืออวบยื่นถุงกระสอบบางอย่างให้และยกขึ้นขยี้ศีรษะทุยสีดำสนิท ไม่วายยัดถุงเงินใส่มือของจิน เด็กหนุ่มหน้างอบ่นพึมพำ แต่สุดท้ายก็รับไว้อย่างจำยอม ลูเซียสจ้องมองเงินถุงนั้นอย่างพอคาดเดาปริมาณได้
“ขอให้มีวันที่ดีนะจิน”
“เช่นกันครับ”
“คุณด้วยนะครับ ท่านนักบุญ”
ลูเซียสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มบาง “ครับ ขอให้มีวันที่ดีเช่นกัน”
ร่างโปร่งยังคงยืนมองรถม้าที่เคลื่อนตัวออกไป มองซีกหน้าจากด้านหลังเห็นถึงภวังค์บางอย่างที่เจ้าตัวคิดอย่างหนัก บรรยากาศรอบโบสถ์เงียบไร้เสียงผู้คน มีเพียงใบไม้ที่เคลื่อนผ่านบนพื้นตามแรงลมต้นฤดูร้อน
กระทั่งเหมือนได้สติขึ้นมาเจ้าจึงหันหลังกลับ ใบหน้าเหวอเล็กน้อยและสะดุ้งเมื่อเห็นว่าลูเซียสยังคงยืนอยู่ด้วยไม่ได้ไปไหน วงหน้าขาวฉายแววงุนงงก่อนจะเริ่มอึดอัดทีละนิด กระทั่งดวงตาสีฟ้าหลบเลี่ยงไม่จ้องตอบ ร่างโปร่งเดินผ่านลูเซียสไปไร้คำพูดทักทาย นัยน์ตาลุ่มลึกหลุบมองพื้นครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามอีกคนเข้าไปในโบสถ์ จินดริชกำลังยืนคุยกับบาทหลวง
“คุณแรมเบิร์ธมาที่นี่งั้นเหรอ?”
“ครับคุณพ่อ หากพบเขาผมอยากให้คุณพ่อช่วยพูดคุย-”
“อะ คุณลูเซียส”
ประโยคของจินดริชถูกขัดเมื่อบาทหลวงในชุดคลุมกรอมเท้าเห็นว่าเป็นใครที่เดินเข้ามา เลยไปด้านหลังคือพ่อบ้านเจสันที่ยืนกุมมือข้างประตูแบบเว้นระยะห่าง ร่างสูงมายืนข้าง ๆ จินดริชจนบาทหลวงต้องเงยหน้ามองอีกฝ่าย ชายหนุ่มทักทาย “สวัสดีครับ”
“จะมาไม่บอกกล่าวกันก่อน”
“ทำตัวสบาย ๆ เถอะครับ ผมเพียงแค่มาถวายทรัพย์” ลูเซียสเหลือบมองศีรษะทุยคนด้านข้าง จินดริชยืนกุมมือด้านหน้าเงียบ ๆ ไม่สนใจไยดีตัวเขา ลูเซียสจึงหันไปยิ้มให้กับบาทหลวง “...และเยี่ยมชมโบสถ์ที่ถูกบำรุง”
“โอ้ เริ่มเข้าที่เข้าทางมากแล้วล่ะครับ ที่เห็นตรงนี้เป็นเก้าอี้ไม้โอ๊คที่คุณลูเซียสนำมาบริจาคทั้งหมด มันเคลือบเงาอย่างดีจนจินดริชไม่ต้องเหนื่อยทำความสะอาดอย่างหนัก”
คนที่ถูกพาดพิงสะดุ้งเล็ก ๆ เขายิ้มเจื่อนให้บาทหลวง
“...งั้นเหรอครับ” ลูเซียสหรี่ตาเล็กลง มุมปากเขายกยิ้มบางอ่อนโยน “โชคดีจริง ๆ”
“เป็นบุญของจินดริช เด็กคนนี้ดีใจกว่าใครที่เห็นโบสถ์ดูดีขึ้น”
ลูเซียสเมียงมองคนด้านข้าง ใบหน้าขาวแดงระเรื่อขึ้นเหมือนขัดเขิน
“เขาบอกว่าหากปูกระเบื้องด้านหน้าคงเหมือนโบสถ์ใหม่”
“คุณพ่อครับ...” จินดริชออกเสียงในที่สุด เขาเม้มปากเล็กน้อยกล่าวแก้คำพูดของบาทหลวงโดยไม่เงยหน้ามองผู้บริจาคใจดี “ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณแมทธีโอนีปูกระเบื้องให้ใหม่หรอกนะครับ เพียงแค่พูดไปตามที่คิด ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีมากแล้วครับ”
นักบุญหนุ่มไม่ได้กล่าวว่าอะไร เขารับฟังด้วยท่าทีสำรวม
“คงไม่ได้อยู่คุยกับคุณลูเซียส คุณบิลมาขอความช่วยเหลือให้ไปดูอาการป่วยของลูกสาว เขาบอกว่าเธอเหมือนโดนปีศาจสิงสู่” ขณะบาทหลวงกล่าวก็มีสีหน้าคร่ำเครียด
“ไม่ต้องกังวลครับ ผมเองก็คงจะอยู่ที่นี่ไม่นานนัก” ลูเซียสเอ่ยเสียงเบา
“จริงสิ ได้ยินว่าคุณไบรอันจะกลับมาที่อาร์คาเนีย”
บาทหลวงทำหน้านึกสงสัย แต่บุคคลที่ยืนอยู่ด้วยดูจะตกใจกว่า จินดริชตาวาว “ใครนะครับคุณพ่อ?”
ทั้งบาทหลวงและลูเซียสต่างหันมองร่างโปร่งที่จู่ ๆ โพล่งถามขึ้นมา ชายหนุ่มผมขาวสลวยจ้องมองสีหน้าตื่นตกใจติดยินดีของจินดริช เหมือนเจ้าตัวเพิ่งรู้ว่าเผลอพูดแทรก จึงกลืนน้ำลายและเอ่ยขอโทษ
“ขออภัยครับ”
ลูเซียสสังเกตท่าทีนั้น เขาตอบบาทหลวงโดยที่ไม่ละสายตาไปจากคนด้านข้าง “ข่าวไวจริง ๆ นะครับ ไบรอันจะกลับมาในสัปดาห์หน้า”
นัยน์ตาฟ้าของจินดริชดูเปล่งประกายขึ้น สีหน้าแช่มชื่นเห็นได้ชัด
“เป็นข่าวดีจริง ๆ ไว้พาคุณไบรอันแวะมาที่โบสถ์ด้วยนะครับ”
“ครับ...แน่นอนครับ”
บาทหลวงขอตัวออกไปก่อน ขณะที่จินดริชยังเหม่อลอยริมฝีปากยกยิ้มบาง ดีใจเมื่อรู้ว่าบางคนจะกลับมาหลังหายไปอยู่เมืองหลวงเกรซเกือบสิบปี
“คุณชายจะกลับเลยไหมครับ?”
จินดริชสะดุ้งกับเสียงของเจสัน เขาหันขวับไปมองสีหน้าแตกตื่นเพราะนึกว่าทั้งคู่กลับไปแล้ว แท้จริงคุณชายแมทธีโอนียังคงยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ร่างสูงยิ้มบางตอบเจสัน
“รบกวนไปรอข้างนอกก่อนครับ”
เจสันมองผู้เป็นนายสลับกับจินดริช “รับทราบแล้วครับ”
ฝั่งคนสูงโปร่งชุดดำไม่รีรอที่จะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของตนบนเก้าอี้ ยังมีกระสอบผักกาดที่คุณแรมเบิร์ธมอบให้อีก จินดริชไม่ต้องการอยู่ในโบสถ์ร่วมกับลูเซียสนานนัก เท่านี้ก็อึดอัดมากแล้ว และสะดุ้งเล็กน้อยไม่คาดคิดว่าร่างสูงจะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน
“บาดแผลของคุณหายดีแล้วหรือยังครับ?”
จากครั้งที่ปั่นจักรยานล้มก็ร่วมสัปดาห์แล้ว จินดริชตอบโดยที่รีบเก็บของจนลนลานไปหมด “หายแล้วครับ”
“คุณออสวาลด์...”
จินดริชไม่ขานรับเพราะเขารอให้อีกฝ่ายพูดต่อ แต่การกระทำเลิ่กลั่กคงไปไวกว่าความคิด พยายามเดินหนีแต่ร่างสูงชุดสูทขยับขวางทางเล็กน้อย
ร่างโปร่งบางเงยน้าอย่างตกใจ ลูเซียสก้มมองเขาสีหน้าเรียบนิ่ง
“คุณออสวาลด์”
“...ครับ คุณชายแมทธีโอนี”
“คุณดูรีบร้อน”
“ผมจะต้องไปทำงานต่อครับ”
ลูเซียสเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเอ่ยถามเสียงเบา
“คุณนัดใครไว้งั้นเหรอ?”
จินดริชงุนงงในคำถามเช่นนั้น เขานึกถึงสถานที่ที่ตนเองจะไปทำงานพลันขนลุกซู่ ตอบคำถามงึมงำหน้าซีดขาว
“ผมต้องไปเฝ้าสุสานและไม่ได้อยากจะนัดใครที่นั่น”
ลูเซียสทั้งแปลกใจในคำตอบและรู้สึกขำจนยิ้มมุมปาก มองดูหน้าคนกลัวผี “เฝ้าสุสาน?”
“ครับ สามวันต่อสัปดาห์”
“อืม”
แล้วโบสถ์ก็เงียบสนิท จินดริชตัดสินใจมุ่งหน้าไปก่อน ลูเซียสไม่มองตามคนที่ตัดสินใจเดินหนีเขา ก่อนจะก้าวขายาวเดินตาม มองร่างโปร่งหอบสิ่งของพะรุงพะรัง เขายกมือดันประตูโบสถ์ที่เจ้าตัวกำลังเปิด
ปึง!
“เฮือก!”
คนชุดดำสะดุ้งมองท่อนแขนที่ดันประตูโบสถ์เอาไว้ เสียงเนื้อผ้าเสียดสีพอคาดเดาระยะที่ยืนใกล้กัน จินดริชควบคุมลมหายใจของตนเองและหันไปหาร่างสูงช้า ๆ มองแผ่นอกแน่นตรงหน้าและถอยหลังชนประตู พยายามเว้นระยะห่างมากที่สุด เงยหน้าสบตาคม พออยู่ใกล้ชิดเช่นนี้ถึงได้มั่นใจว่ากระจกตาของลูเซียสไม่ใช่สีดำ มันค่อนไปทางแดงเลือดหมู
“ครับ...คุณแมทธีโอนี”
“ผมยังคุยกับคุณไม่จบด้วยซ้ำ ทำไมถึงไปโดยไม่ลาล่ะครับ?”
“อย่างที่บอกไปว่าผมรีบครับ”
“คุณทำงานกี่อย่าง?”
จินดริชมองใบหน้าเรียบเฉยของลูเซียสเพื่อค้นหาสาเหตุที่อีกฝ่ายอยากรู้เรื่องนั้น แต่เหมือนยิ่งหลงในเขาวงกตหาทางออกไม่ได้
“สาม...สี่ ความจริงผมทำทุกอย่างที่ได้เงินครับ”
“อะไรบ้าง?”
“เฝ้าสุสาน ทำสวน ทำความสะอาดหอสมุดและโรงละคร...”
“ในหนึ่งวัน?”
“สับเปลี่ยนหมุนเวียน”
ลูเซียสพยักหน้าน้อย ๆ เขายังไม่วางมือลง “อืม ครับ”
“และงานที่บาร์ของคุณจูเลีย”
งานสุดท้ายทำให้ลูเซียสนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะเขารับรู้งานนั้นของจินดริชจากปากของมาร์ควิสวัตสัน แต่เจ้าตัวบอกเขาเป็นอย่างสุดท้าย เขากล่าวกับจินดริชพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย
“คุณออสวาลด์...”
จินดริชรอฟังต่อ
“การร่วมสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกันถือเป็นบาป”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย จินดริชเหมือนจะอ้าปากแก้ตัว ทว่าบางอย่างกลับฉุดรั้งความคิด
‘...คิดว่าจะเชื่อหรือไงเจ้าโง่ จินดริชผู้น่ารังเกียจ...’
คำครหา...คำพูดของจินดริชต่อให้จริงแค่ไหนก็ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว เขาสบตาสีทึบพลางกล่าวย้ำคำเดิม
“ผมทำทุกอย่างที่ได้เงินครับ”
ว่าจบก็ผินใบหน้าลงตามเดิม ลูเซียสมองดูขี้แมลงวันใต้ตาซ้าย เลยไปที่ติ่งหูห้อยไม้กางเขน ประโยคนินทามากมายที่เขาเคยได้ยินดังในหัวซ้ำไปมา มันถูกยืนยันโดยคำพูดเมื่อครู่นี้ของเจ้าตัว นัยน์ตาสีทึบของชายเรือนผมขาวจ้องมองลาดไหล่กว้างพอดีตัวของจินดริช เสื้อผ้าฝ้ายสีดำผูกโบถึงคอ ชายเสื้อยัดใส่กางเกงเอวสูงพอดีตัวติดจะรัดเผยทรวดทรงเน้นสะโพก
“งานที่โบสถ์ บาทหลวงจ่ายให้เท่าไหร่ครับ?”
“การดูแลโบสถ์ผมทำด้วยใจ”
“งั้นเหรอ” ลูเซียสลดมือลง เขาเปิดเสื้อสูทเพื่อหยิบบางอย่างออกมายื่นให้จินดริช จ้องดวงหน้าขาวตาไม่กะพริบ “ถือเป็นค่าตอบแทน รับไปสิครับคุณออสวาลด์”
นัยน์ตาฟ้าเบิกกว้าง จินดริชมองดูถุงเงินอ้วนเต็มฝ่ามือใหญ่ของนักบุญลูเซียส มันถูกอัดแน่นจนเชือกผูกไว้ไม่มิด ด้านในเป็นเหรียญทองทั้งสิ้น มูลค่าของมันมากเกินกว่าจะเป็นค่าจ้างทำความสะอาดโบสถ์ เมื่อคาดเดาในจำนวนได้จินดริชก็ส่ายหัว
“ผมไม่รับครับ มันมากเกินไป”
ลูเซียสมองถุงเงินในมือตนเองที่ยื่นค้างกลางอากาศ จินดริชปฏิเสธน้ำใจของเขาที่มอบให้ “รับไปเถอะครับ”
“คุณช่างมีเมตตาและน่านับถือ ขอบคุณจากใจจริงครับท่านนักบุญ แต่ผมรับไว้ไม่ได้จริง ๆ ครับ”
ลูเซียสชะงักกับสรรพนามนั้น เขายอมรับมันง่ายดาย
“...เพราะผมใจบุญ จึงอยากมอบให้แก่คนที่ลำบาก”
“...”
“ได้ยินว่าต้องซื้ออาหารให้แมว”
จินดริชเงยหน้ามองลูเซียส อีกฝ่ายเหมือนแซวแต่ทว่าหน้านิ่งเรียบ เฉยชาจนใจหาย ก่อนจะสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือมาจับแขนเขาแล้วยัดถุงเงินนั้นใส่ฝ่ามือสองข้าง ลูเซียสขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ฝ่ามือใหญ่กว่ามากอย่างเห็นได้ชัดเมื่อกุมเขาเอาไว้ไม่ให้ปฏิเสธน้ำใจเหรียญทองถุงใหญ่
มือของจินดริชสั่นสะท้าน เหมือนกอบกุมของร้อนเอาไว้ ขนกายลุกชันเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยเสียงพร่าเบาหวิวใกล้ใบหู
“รับไปครับ ดีกว่าทำงานน่ารังเกียจแลกเงิน”
“...”
“มันเล็กน้อยมากสำหรับผม” ลูเซียสหรี่ตามองใบหน้าที่เริ่มซีดขาว ปล่อยมือออกจากจินดริชและเปิดประตูโบสถ์ “...แม้จะต้องให้คุณมากกว่านี้ ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร”
“...”
“ผมมีเงินครับ คุณออสวาลด์”