ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
>>> จิ้ม โพรโมชันอีบุ๊ก 180฿<<<
Chapter 11
"Why did God forsake you?"
แสนจะชื่นชอบที่บาร์เงียบเหงาเพราะว่าเป็นช่วงกลางเดือน และยังเป็นฤดูร้อนที่ไม่เหมาะกับการดื่มเบียร์ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างกายที่ร้อนอยู่แล้ว ไม่ต้องหนักใจกับลูกค้าของคุณจูเลียที่จ้องจะลวนลามและเหยียดหยาม งานเบาลงครึ่งหนึ่ง ซ้ำยังได้ค่าแรงเท่าเดิม
จินดริชนั่งเท้าคางมองดูลูกค้าประปราย เด็ก ๆ ของคุณจูเลียก็แต่งตัวสวยมานั่งเหงา มีก็แต่ดาวเด่นของร้านที่ได้สิทธิ์บริการลูกค้าที่โต๊ะอย่างเฮนรี่
เฮนรี่เป็นหนุ่มบริการอายุมากกว่าจินดริชสักสองถึงสามปี เขาตัวเล็กสูงไม่ถึงหกฟุต เอวบาง แขนเล็กเท่าข้อมือของจินดริช ใบหน้าหวานตามเชื้อสายเอเชียที่ผสมอยู่ในสายเลือด สีผิวน้ำผึ้งสวยงามโดดเด่นจนจินดริชเคยนึกอยากมีสีผิวเช่นนั้นเหมือนกัน เสน่ห์เหลือล้นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
จินดริชชะงักเมื่อเขาเห็นว่าเฮนรี่กำลังถูกแขกล้วงหน้าอกแบนราบ ลามลงมาถึงก้นเต็มมือ เขามองค้างเพราะไม่เข้าใจในการกระทำเหล่านั้น กระทั่งทั้งคู่จูบกันแลกลิ้นดูดดื่ม เขาเบือนหน้าหนีโดยทันที
"ในใจคงกำลังกล่าวอาเมนสินะ"
เสียงหัวเราะดังเยาะเย้ย จินดริชมองสามหนุ่มที่แต่งกายคล้ายหญิงสาว การกระทำก็ไม่ต่างนั่นเพราะจิตใจพวกเขาเป็นเพศตรงกันข้ามเหมือนกับจูเลีย พวกเขามีหน้าตาที่คล้ายกัน เส้นผมและดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาวไปทางเผือก
สามพี่น้องบอใบไม้...เบธ แบรด และเบน
"เข้าโบสถ์ทุกวันแต่ทำงานแบบนี้ไม่คิดว่ามันย้อนแย้งเหรอ?"
สายตาสามคู่ทิ่มแทงดูถูก
"แกคงกำลังสาปแช่งเฮนรี่และพวกเราที่ขายเรือนร่างให้คนเพศเดียวกัน" เบธกล่าวหาว่าร้าย
"ผมไม่ได้คิดแบบนั้น"
จินดริชสวนกลับในทันที หากเขาคิดเช่นนั้น นั่นแปลว่าเขาก็คิดกับผู้มีพระคุณอย่างจูเลียไม่ต่างกัน นั่นไม่มีทาง
"ถ้าแกขายบ้างแกจะไม่น่าสมเพชแบบนี้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องสวมชุดเดิม ๆ ซ้ำไปมา" เบนใช้มือดันศีรษะของจินดริชทั้ง ๆ ที่ตนเองเด็กกว่าหลายปี
กล่าวตามสิ่งที่เห็น ในสายตาของสามพี่น้องบอใบไม้มองว่าจินดริชช่างน่าหมั่นไส้ หวงเรือนร่างพรหมจารีทั้ง ๆ ที่ตนเองก็ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น หรือบางทีอาจจะเล่นตัวเพื่อเพิ่มค่าตัว
"ผมไม่ลำบากอะไร ผมพอใจกับตอนนี้"
มันไม่จริง จินดริชรู้ดี...
"ทำเป็นพูดดีไป มัวรอเจ้าชายมาช่วยแกจากขุมนรกงั้นเหรอ?" ว่าพลางหัวเราะร่วน สามพี่น้องกุมท้องของตน
"ตื่นได้แล้วเจ้าโง่ เจ้าชายหรือพระเจ้าก็ฉุดแกขึ้นมาไม่ได้ เงินต่างหากที่ทำได้" แบรดพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เหมือนอยากปลุกให้จินตื่นจากฝันเฟื่อง
"ดูเฮนรี่สิ เขามีเสื้อผ้าที่ทำจากขนสุนัขแองโกร่าและเครื่องประดับหรูหรา นอกจากตุ้มหูโง่ ๆ ที่แกเก็บได้แกมีอะไรอีกไหม?"
จินดริชเม้มปากเลือกที่จะไม่ตอบโต้ มือเขาถูกกระชากไปอย่างแรง กระดาษบางอย่างถูกยัดใส่มือแบบรีบร้อน หนึ่งในนั้นลอบมองจูเลียที่นั่งนับเงินไม่รับรู้สถานการณ์ พลางกระซิบเสียงเบา
"ลองไปกับคุณทิมตันสักคืน แกจะติดใจจนต้องร้องขอซ้ำสองแน่"
สามพี่น้องผิวเผือกเลิกระรานจินดริช
ตาฟ้าใสก้มมองสิ่งที่อยู่ในมือและพบว่ามันเป็นที่อยู่เกือบสุดเขตเมือง หนีไม่พ้นเป็นที่อยู่ของทหารรับจ้างทิมตัน จินดริชยืนนิ่ง ราวกับได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังข้างหู เป็นประโยคที่บางคนพูดไว้
‘…รับไปครับ ดีกว่าทำงานน่ารังเกียจแลกเงิน…’
แปลกที่จินดริชเลือกเก็บกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้ในกระเป๋ากางเกงหลังคิดถึงประโยคนั้น เขามองเฮนรี่ที่จูงมือแขกกระเป๋าหนักขึ้นบันไดไม้ไปที่ชั้นสองของบาร์ ไม่นานนักก็มีเสียงร้องเล็ดลอดให้ได้ยินเนื่องจากร้านลูกค้าน้อย ไม่มีใครสนใจเสียงนั้นเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ทุกคืน เพดานสั่นไหวจนฝุ่นโรยลงมา
'อะ อ๊ะ อ๊า...โอ้'
'อ่า โอ้ ฮะ...อ๊า!'
เสียงร้องเจ็บปวดทรมาน จินดริชไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจ็บตัวขนาดนั้นอยู่ทุกวันเพื่อแลกเงิน หากตายเข้าสักวันจะทำอย่างไร...
"จิน เอาน้ำไปทิ้ง" แม่ครัวโผล่หน้าออกมาจากหลังร้านและพูดประโยคเดิม ถังไม้วางลงพื้นเสียงดัง
"ครับ"
ถึงจินดริชจะผอมแต่เขาก็ดูแข็งแรงกว่าคนอื่นในบาร์ หน้าที่นี้ตกเป็นของเขาแบบไม่ต้องสงสัย สาดน้ำลงข้างต้นไม้ต้นเดิม ใช้เท้าย่ำพื้นให้น้ำซึมเข้าไปในดินโดยเร็ว เมื่อหันกลับไปก็ราวกับฉายภาพเดิม
ชายร่างสูงใต้ต้นไม้ใหญ่
สวมใส่เสื้อคลุมตั้งแต่ศีรษะถึงข้อเท้า ด้านในเป็นสูทสีดำ มีเพียงเส้นผมที่มองจากไกล ๆ ก็รู้ว่าเป็นสีขาว
ลูเซียส คิว แมทธีโอนี
คราวนี้จินดริชสาวเท้าไปหาอีกฝ่ายแบบไม่คิด ยังคงสงสัยว่าทำไมนักบุญถึงได้มาอยู่ในถิ่นอโคจรเป็นครั้งที่สอง แต่สิ่งที่จินดริชต้องการคุยคือเรื่องเงินถุงใหญ่ที่อีกฝ่ายมอบให้พร้อมคำดูถูก
ร่างสูงหันหลังและเดินหนีจินดริช
"เดี๋ยวก่อนครับ!"
ขี้เมาหน้าร้านเบียร์มองตามจินดริชที่วิ่งเข้าหาความมืด พลางมองหน้าเพื่อนในโต๊ะแล้วเอ่ยสงสัย
"เจ้าโง่นั่นวิ่งตามอะไร?"
ขณะที่ลูเซียสเพียงแค่เดินเฉย ๆ จินดริชวิ่งแทบจะบินได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ร่นระยะทางเลย แผ่นหลังนั้นยิ่งเลือนรางเล็กลง
"คุณแมทธีโอนีครับ!"
สองขาหยุดอยู่กับที่ จินดริชนั่งยองกับพื้นและหอบหายใจหนักหน่วง เขาเงยหน้ามองคนที่หยุดเดิน อีกฝ่ายหันมาหาเขา ทว่าคืนนี้ดวงจันทร์กลมโตและมันอยู่ด้านหลังของลูเซียส บดบังรายละเอียดของอีกฝ่าย
แต่จินดริชมองเห็นรอยยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนลูเซียสสักนิดเดียว จินดริชเผลอพูดไม่ออกเพราะสับสนงุนงง หรือคนตรงหน้าไม่ใช่คุณชายแมทธีโอนี?
"จินดริชผู้น่าสงสาร..."
แต่เสียงนั้นไม่ผิดแน่...
"เหตุใดพระเจ้าจึงทอดทิ้ง?"
เขาชะงักกับประโยคนั้น ใจกวัดแกว่งเหมือนถูกแทงใจดำ
"ลองหันหลัง...จะพบว่าไม่ใช่พระเจ้าที่อ้าแขนรอรับและโอบอุ้ม เพียงมองกลับด้าน"
"คุณชายแมทธีโอนี..."
"เมื่ออับจนสิ้นหนทาง..."
"..."
"ลูซิสซัส จงเอ่ยชื่อนั้นที่ต้นจูนิเปอร์"
ลูซิสซัส? จูนิเปอร์? จินดริชไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่างเดียว
"เดี๋ยวก่อนครับ...คุณแมทธีโอนี!"
ร่างสูงหันหลังและเดินทิ้งห่างออกไปจนตัวเล็กลงเรื่อย ๆ ไม่สนใจคนที่พร่ำเรียกตน ใบหน้าคมคายเผยยิ้มมุมปาก มือล้วงในเสื้อโค้ตคลุมสีดำ ดวงตาแดงจ้าเจิดจรัส
"จินของข้า..."
เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้จินดริชนั่งครุ่นคิดอยู่เรื่อย ๆ ท้ายที่สุดเขาบอกกับตนเองว่า การที่คุณแมทธีโอนีจะไปที่ใดก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของจินดริช
ฉะนั้นจึงเลือกไม่สนใจอีกครั้ง...
เช้ามืดวันถัดมา กิจวัตรของจินดริชยังคงหมือนเดิมเช่นทุกวัน ไปดูแลโบสถ์ให้สะอาดและมีสภาพน่าเข้าไปแสดงความศรัทธา จากนั้นเขาก็ตรงดิ่งไปที่สุสานอีกครั้ง เนื่องจากคุณไมกี้ที่เป็นคนเฝ้าสุสานเหมือนกันจะต้องพาลูกสาวไปเข้าเรียนวันแรก คุณไมกี้จึงขอสลับวันเฝ้าสุสานกับจินดริช
จากเหตุการณ์ฝันร้ายทำให้เขาไม่พลาดเผลอหลับอีกแล้ว ไม่งั้นคงได้โดนผีหลอกไม่ตื่นอีกเลยก็เป็นได้ เมื่อได้เวลาเกือบห้าโมงเย็นจินก็รีบปั่นจักรยานออกจากสุสานด้วยความผวา มุ่งตรงไปบ้านคุณแรมเบิร์ธตามที่นัดหมายไว้
แรมเบิร์ธว่าจ้างเขาด้วยเงินและอาหารเย็นแลกกับการนั่งเป็นเพื่อนคุย โดยปกติแล้วจินจะไม่รับงานแบบนี้บ่อยนักเนื่องจากคุณนายลิลลี่วัยสามสิบหรือภรรยาของคุณแรมเบิร์ธมักจะไม่พอใจและรังเกียจเดียดฉันท์ ซึ่งจินดริชเข้าใจได้จึงไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร
“หวังว่าคุณนายลิลลี่จะไม่กลับมาตอนนี้นะครับ”
“เธอออกไปเมาท์มอยกับกลุ่มเพื่อนน่ะ กว่าจะกลับก็ค่ำมืด”
“คุณไม่สบาย เธอควรจะอยู่ดูแล”
จินดริชจับน่องไก่อุ่นร้อนขึ้นมากัดแบบไม่เกรงใจ เจ้าของบ้านยิ้มเอ็นดู เขาไม่รู้สึกหิวเพราะกำลังป่วย เพียงแต่อยากหาเพื่อนคุยเท่านั้น
“เธอเป็นสาววัยสามสิบ ฉันอยากให้เธอออกไปใช้ชีวิตมากกว่ามาอยู่ดูแลสามีป่วย ๆ แบบฉัน”
แรมเบิร์ธมองเด็กหนุ่มที่กินอาหารบนโต๊ะติดจะหิวโหย ตะกละจนซอสเลอะมุมปากไปหมด เขาไม่เอ่ยขัดและปล่อยให้เป็นเช่นนั้น สร้างสีสันให้เขามากทีเดียว อันที่จริงจินดริชเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
“นานแล้วนะที่เธอไม่มากินอาหารที่บ้านของฉัน จำได้ไหม...สมัยเธอแปด-เก้าขวบมักจะหนีแม่มาเที่ยวเล่น และยังขโมยขนมปังในตะกร้าบนรั้ว”
“นั่น...เป็นช่วงแรก ๆ” จินดริชตอบโต้ เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่คุณแรมเบิร์ธคงจะลืมว่าเคยเล่าไปแล้ว เป็นปกติของคนแก่ช่างพูด
“แรก ๆ ฉันหงุดหงิดไม่น้อยเลย แต่กลายเป็นว่าฉันแอบเอาตะกร้าขนมปังไปห้อยไว้ตามแนวรั้วบ้านอยู่ทุกสุดสัปดาห์”
เกือบจะเอาไม้กวาดไปไล่ตีไอ้เด็กสกปรกมือดำที่ริอ่านเป็นหัวขโมยแต่น้อย แต่พอเห็นแขนขาเล็กติดกระดูก แถมยังมีรอยโดนตีเต็มตัวแรมเบิร์ธก็ทำไม่ลง เจ้าเด็กนั่นกินเพียงแค่สามคำ ก่อนจะยัดทั้งหมดใส่เสื้อตัวโคร่งจากนั้นวิ่งหนีไปราวกับเอาไปให้คนที่บ้าน ทำอย่างนั้นอยู่เป็นเดือนโดยไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านอย่างเขาคอยมองตลอด กระทั่งวันหนึ่งเขาเดินไปหิ้วคอเสื้อเด็กน้อยลอยขึ้นสูง
‘นี่! ปล่อยนะ ๆ ลุงยักษ์! ว้าก!’
‘ฉันชื่อแรมเบิร์ธ เป็นเจ้าของบ้านและขนมปังที่เธอขโมย’
‘ไม่ได้ขโมยนะ! ขนมปังนี้พระเจ้าเป็นคนเสกขึ้นมาต่างหาก’
‘เอาเถอะ ชื่ออะไร?’ เขาหิ้วเด็กตัวเบาเข้าไปในบ้าน จับวางลงที่โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยของกินละลานตา
‘จิน...จินดริช ออสวาล์ด!’
แรมเบิร์ธขำเบา ๆ เมื่อคิดถึงอดีต เด็กมอมแมมวันนั้นโตขึ้นแล้ว แต่สภาพชีวิตไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด แรมเบิร์ธยิ้มบาง
“ขอบคุณที่เธอเลือกพาตัวเองออกมาจากพ่อแม่ที่โหดร้าย ถึงจะไม่ดีมาก...แต่มันคงดีกว่าการอยู่จุดนั้น”
จินดริชวางมีดและส้อมลง เขาหันสบตาชายแก่นิ่ง ๆ ที่ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว “ขอบคุณที่คุณเมตตาผมมาตลอด”
“เธอต้องหัดเมตตากับตัวเองบ้างนะ เริ่มจากการให้กำลังใจตนเองด้วยความคิดดี ๆ ชื่นชมตนเอง”
จินดริชเม้มปาก เขาไม่รับปากว่าจะสามารถทำตามคำแนะนำได้
“ผมจะพยายามมาหาคุณบ่อย ๆ ผมจะสอบถามคนรู้จักเรื่องหมอเก่งที่จะรักษาอาการบาดแผลติดเชื้อ”
“ไม่มีหรอกจิน หมอที่รักษาอยู่ตอนนี้ดีที่สุดในอาร์คาเนีย”
“บางทีถ้าคุณเข้าไปที่เกรซอาจจะดีกว่าก็ได้นะครับ”
“ต้องเดินทางด้วยรถม้าถึงสามคืน คิดว่าหนักเกินไปสำหรับคนป่วยอายุห้าสิบปีอย่างฉัน”
เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเริ่มหงุดหงิดที่คนแก่นั้นคุยยากกว่าที่คิด นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี “คุณไม่สู้เลย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...พูดถึงเกรซ ได้ยินว่าคุณชายไบรอัน แมทธีโอนีจะเดินทางมาถึงในสุดสัปดาห์หน้า”
คราวนี้จินดริชตัวแข็ง ตาวาวอย่างสนอกสนใจ
“วันอาทิตย์เหรอครับ?”
“หนังสือพิมพ์บอกแบบนั้นล่ะนะ เขาน่าจะมาเข้าร่วมพิธีมิสซาและแวะที่กลางเมืองอาร์คาเนียก่อนกลับคฤหาสน์แมทธีโอนี เห็นว่ามีเพื่อนที่ต้องทักทายเยอะแยะเต็มไปหมด”
ใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้น เหม่อลอยจนเผลอยิ้มออกมา รีบตั้งสติและพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับแรมเบิร์ธไม่ให้ถูกจับได้ว่าเขาตื่นเต้นกับเรื่องคุณไบรอันแค่ไหน กระทั่งมืดค่ำก็ขอตัวกลับไปนอนเพื่อให้พร้อมไปทำงานในคืนถัดไป