ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
ร่างสูงของชายหนุ่มผมทองเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์ นึกสงสัยความอึมครึมและเงียบสงัดจนไม่น่าอยู่ ก่อนจะไปนั่งที่โซฟาโดยมีพี่ชายนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาทักทายลูเซียสพลางเทน้ำชาใส่ถ้วยใบเล็กไม่รีรอสาวใช้มาบริการ
“บ้านเงียบจังเลยนะครับ พี่ไล่คนใช้ออกจากบ้านหมดเลยเหรอ?”
ประโยคนั้นฟังดูเลวร้ายไม่น้อยแต่คนถามไม่ได้คิดอะไร ลูเซียสรับน้ำชาที่น้องชายเทให้มาจิบพอชุ่มคอ เพราะชุดน้ำชาตั้งอยู่นานแล้วมันจึงเกือบเย็นชืด
“พอรอบข้างเงียบ มันทำให้คิดอะไรได้ถี่ถ้วนขึ้นน่ะ”
“ผมว่าบ้านออกจะมืดไปสักหน่อย คงต้องให้เพิ่มเทียนตามมุมอับ”
“ตามใจเถอะ” ลูเซียสลอบมองสีหน้าดูดีของน้องชายที่เพิ่งกลับมาตอนฟ้ามืด “กลับมายังไง?”
“จ้างรถม้าในเมืองแค่สองเหรียญเองครับ ถูกกว่าที่เกรซเยอะเลย”
“อืม ทำงานเป็นยังไงบ้าง?”
ไบรอัน แมทธีโอนีมองพี่ชายที่เริ่มสอบถามเรื่องเครียด บรรยากาศโดยรอบแม้จะผ่อนคลายแต่ก็มีความกดดันอยู่บ้าง เขาถอนหายใจแผ่ว
“ก็ดีแหละครับ งานบริการไม่ยากอะไรขนาดนั้น แค่ทำในสิ่งที่ลูกค้าพึงพอใจ และฝืนยิ้มจนปากเมื่อย”
“มันคงดีกว่างานไร่สวนที่ฉันทำอยู่”
“หืม?” ไบรอันคิดหนัก เขายิ้มบางเมื่อนึกถึงใบหน้าของจินดริช “คิดไปคิดมาผมอยากมาอยู่อาร์คาเนียคุมคนงานมากกว่า”
ลูเซียสวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
“งานที่เกรซคงเหมาะกับพี่มากกว่า หากสนใจผมจะอยู่เรียนงานกับพี่ก่อนแล้วค่อยผลัดเปลี่ยนกัน”
เสียงขำแผ่วดังออกจากลำคอของลูเซียส เขามองหน้าน้องชายที่ยิ้มบางอยู่ตลอดเวลา อะไรที่ทำให้คนรักสบายอย่างไบรอันคิดกลับมาอยู่ชนบทแสนลำบากลำบนและอากาศหนาว เขาตอบกลับไปไม่ยี่หระ
“น่าสนใจ” ลูเซียสยกขาไขว่ห้าง หลุบตามองถ้วยชาลายดอกไม้นิ่ง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเรียบ “คุยอะไรกับคุณออสวาล์ดงั้นเหรอ?”
“หือ? หมายถึงจินนี่เหรอครับ...ก็ถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไปตามประสาคนไม่เจอกันนานน่ะครับ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่มาเล่นบ้านเราบ่อย ๆ ก่อนเราจะย้ายไปอยู่เกรซ ไม่รู้พี่จำได้ไหม”
ลูเซียสนั่งนิ่งใบหน้าเรียบเฉย
เด็กตัวผอมที่ชอบนั่งกินขนมใต้ต้นพีช เปิดหนังสือนิทานโดยที่มีน้องชายเขาพาอ่านทีละตัวอักษร เนื้อตัวมอมแมมไม่น่าเข้าใกล้ แต่กลับยิ้มร่าเริงปากแทบถึงรูหูจนไม่อาจละสายตาไปไหน เด็กคนนั้นอายุราวสิบขวบ ขณะที่เขาย่างยี่สิบเตรียมเข้ารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว
‘เขาชื่อจินดริชน่ะครับ’
ไบรอันบอกเมื่อเห็นเขายืนพิงระเบียงมองลงไปด้านล่าง จับจ้องเด็กน้อยที่สูงเพียงสะโพกของเขาเท่านั้น ลูเซียสกอดอกหันมองน้องชายที่นั่งทำการบ้านอย่างเร่งรีบ
‘เพื่อนนายเหรอ?’
‘ใช่ครับ’
ลูเซียสหันมองหัวทุยสีดำอีกครั้ง กระทั่งเด็กน้อยรับรู้ว่ามีคนแอบจ้องถึงเงยหน้าขึ้นมา ตอนนั้นลูเซียสได้ชะงักเพราะสบตาสีฟ้าเป็นประกาย โดดเด่นไม่แพ้กันคือขี้แมลงวันสีดำเข้มใต้ตาซ้าย แม้ว่าในปัจจุบันมันจะจางลงไปมากแล้วก็ตาม แต่แล้วเด็กน้อยก็ทำหน้าตกใจวิ่งไปหลบหลังต้นไม้
ลูเซียสตอบกลับเสียงเบา “จำไม่ได้”
“อย่างงั้นหรอกเหรอครับ แต่ก็นะ...เขาชอบหลบหน้าพี่นี่นะ”
“หืม?” ลูเซียสแปลกใจ เขาไม่เห็นจะรู้ตัว
“เขากลัวพี่เพราะตัวใหญ่เหมือนยักษ์น่ะ อันนี้จริงเขาดูทำตัวไม่ถูกตอนอยู่ข้างผมเหมือนกัน สงสัยไม่ชอบถูกข่มตามนิสัยผู้ชายน่ะครับ”
พอฟังเช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าที่อีกคนมีสีหน้าอึดอัดยามอยู่กับเขาเพราะตัวที่สูงกว่ามาก ตระกูลแมทธีโอนีตัวใหญ่กันทั้งหมดรวมถึงบิดาและมารดา ลูเซียสมีส่วนสูงเกือบสองเมตร ขณะที่ไบรอันเตี้ยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น น้องชายคนสุดท้องที่อายุสิบแปดก็สูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร
“แล้วเขาสบายดีไหม?” ลูเซียสเอ่ยถาม
“เขาเป็นคนที่ร่าเริงเหมือนเดิมครับ”
ร่าเริง...
“ขยันทีเดียว หากเขาไม่ติดงานเสียก่อนผมคงคุยนานกว่านี้จนไม่ได้กลับบ้าน เห็นว่าทำไร่ทำสวนทั่วเมือง”
“เขาบอกแค่นั้นงั้นเหรอ?”
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
ลูเซียสไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงมองใบหน้าใสซื่อของน้องชายตนเอง พลางส่ายหน้า “เปล่าหรอก เห็นเขามักวิ่งวุ่นไปทั่วเมือง”
“มองดูแล้วจินนี่น่าจะเป็นชนชั้นล่างถึงปานกลาง เป็นเรื่องปกติที่จะทำงานหนักและอยู่ในทุกที่ของเมือง เขาเป็นเด็กที่ขยันครับ”
“ไบรอันของฉันจิตใจดีจริง ๆ” ลูเซียสยิ้มบาง
“อดเอ็นดูไม่ได้น่ะครับ ผมชวนเขามาที่บ้านเราในวันพรุ่งนี้”
กึก
ถ้วยชาที่กำลังยกขึ้นมาสั่นจนกระทบกับโต๊ะกระจก ลูเซียสเก็บท่าทีแปลกประหลาดแล้วยกจิบเล็กน้อย “เขาจะมาไหม?”
“ครับ...หวังว่าพี่จะไม่ว่าอะไร”
มางั้นเหรอ?
นัยน์ตาสีเข้มแฝงทับทิมหม่นมืดลง ลูเซียสเงยหน้าจ้องไบรอันนิ่งงันไร้คำพูดจา จ้องนานจนไบรอันรู้สึกตัว
“ทำไม...มองผมน่ากลัวจังครับ?”
ภวังค์ความคิดมืดสลัวราวกับควันไฟสลายหายไป ลูเซียสส่งยิ้มบาง
“ตามใจเถอะ ฉันคงไม่ได้อยู่ต้อนรับเพราะจะเข้าเมือง”
“ครับ” ไบรอันนั่งยิ้มคิดถึงเหตุผลที่ตัวเองตัดสินมาพักร้อนที่อาร์คาเนีย กังวลอยู่นานเพราะกลัวใช้ชีวิตลำบาก “ตอนแรกคิดว่าอาร์คาเนียจะน่าเบื่อ โชคดีจริง ๆ ที่เจอจินดริช”
ลูเซียสชักจะไม่อยากดื่มชาอีกต่อไป เขาไม่รู้เหตุผลข้อนั้น
“จะอยู่อาร์คาเนียถึงเมื่อไหร่?”
“คงหลังจบงานเลี้ยงน่ะครับ”
ราว ๆ หนึ่งเดือน ลูเซียสคำนวณวันเวลาในหัวก่อนจะพยักหน้าและตอบรับในลำคอเสียงเบา “อืม”
“เหมียว~”
เสียงใสดังแผ่วเรียกสายตาของไบรอันให้จับจ้อง ขณะที่ลูเซียสยังนั่งนิ่งไม่แปลกใจอะไร แมวตัวสีขาววนเวียนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อนจะเข้ามาในตัวบ้านอย่างหาญกล้า ไบรอันขมวดคิ้วสบตาสองสี
“เลี้ยงแมวเหรอครับ?”
ลูเซียสเคาะมือกับพนักวางแขนสามที ไม่นานมันก็กระโดดขึ้นมานอนขดให้เกาหัว สีหน้าของลูเซียสยังคงเรียบเฉย “เปล่า”
“เอ๋?”
“แมวคนอื่นน่ะ”
“มิน่า ผมถึงรู้สึกคันจมูกเหมือนมีขนอะไรสักอย่างติดอยู่”
ดวงตาสองสีจับจ้องไบรอันไม่วางตา หัวตั้งตรงนิ่ง ๆ ไม่ส่งเสียงสักนิด แววตานั้นทำไบรอันยิ้มแหย
“มันไม่ชอบผมหรือเปล่า?”
ลูเซียสไม่ตอบในทันที เขาไม่อาจรู้เพราะไม่ใช่แมว “ถามมันสิ”
“พี่เล่นมุกเหรอครับ?”
“อืม”
“ไม่เห็นตลกเลย”
“เจ้าเด็กนี่ทำไมถึงยืนเหม่อล่ะยะ ลูกค้าสั่งเบียร์สองรอบแล้ว”
ร่างโปร่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกจูเลียดึงแก้มจนยืด เขารีบวิ่งไปเอาแก้วมาเติมเบียร์และกลับไปเสิร์ฟที่โต๊ะลูกค้า ถูกเอ็ดเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับความผิดของตนเองโดยดี เขาเดินหน้าเจื่อนกลับมาที่บาร์ จูเลียมองเห็นความกังวลในแววตานั้น เอ่ยถามไม่คิด “แมวตายเหรอ?”
เหมือนหินก้อนใหญ่หล่นทับตัวอย่างแรง จินดริชหันขวับไปมองเจ้าของบาร์เบียร์หน้าเครียดน้ำตาคลอ
“ลีโอไม่กลับบ้านมาสองคืนแล้วครับ อาหารในถาดไม่พร่องเลย”
จูเลียตัวแข็งทื่อ ดูท่าเขาจะปากพล่อยผิดเรื่องเข้าแล้ว
“ปกติผมจะพบมันในเมืองอยู่บ้าง แต่นี่ไม่เลย คุณจูเลียพบเห็นมันบ้างไหมครับ?”
“อ่า ไม่รู้สิจิน มันคงติดตัวเมียอยู่ที่ไหนสักที่นั่นแหละ ก็ช่วงนี้เข้าหน้าร้อนแล้ว แมวน่ะมักติดสัดในฤดูที่มีแสงแดด” ยิ่งพูดสีหน้าของจินยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม จูเลียถึงได้ตบไหล่เบา ๆ “อย่าเครียดเลยจิน เดี๋ยวมันก็กลับมา”
“...ครับ”
“แต่ว่านะจิน” จูเลียถอนหายใจแผ่วเบา “หากมันจากไปจริง ๆ เธอต้องยอมรับความจริงให้ได้และกลับมาให้ไวนะ”
จินดริชเคยจินตนาการเรื่องนั้นเอาไว้แล้ว พอมาคราวนี้เขาถึงรู้ว่าการสูญเสียมันรับมือยากกว่าที่คิด “...ครับคุณจูเลีย”
จูเลียเปลี่ยนเรื่องรวดเร็วและแอบรู้สึกผิดที่ปากไม่ดี
“ได้ยินคนซุบซิบว่าเธอรู้จักกับไบรอัน แมทธีโอนี?”
“อ่า ครับ เรารู้จักกันตอนที่ผมยังเด็กน่ะครับ”
“หืม? เด็กอย่างเธอมีเพื่อนเป็นเศรษฐีเหมือนกันงั้นเหรอ ไว้ชวนเขามาลองดื่มเบียร์ที่บาร์สิ หัดโฆษณาร้านผู้มีพระคุณเสียบ้าง”
“ผมไม่ได้บอกเขาว่าทำงานที่นี่น่ะครับ” จินดริชเม้มปากหน้าเครียด เอ่ยเสียงเบา “ผมไม่อยากให้คุณไบรอันรับรู้เรื่องนั้นของผมครับ”
เจ้าของบาร์ยืนเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองดวงตาที่คลอใสของเด็กหนุ่มก่อนจะลูบหัวเบา ๆ ให้กำลังใจ และผละออกไปโดยรับรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของจินดริช