ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 14
"Sweety Cookies"
น้อยครั้งที่จินดริชจะขอลางานหากตนเองไม่ป่วยหรือติดเรื่องสำคัญ หลังกลับจากโบสถ์ช่วงสายจินดริชก็อาบน้ำขัดขี้ไคลแทบไม่เหลือ เสียดายที่ชุดใหม่ของเขามีเพียงตัวที่ใส่เมื่อวานเท่านั้น เพราะงั้นวันนี้จินดริชจึงต้องจำใจใส่ชุดแบบเดิมเช่นทุกวัน เชือกที่ผูกคอเสื้อรัดแน่นขึ้นให้ดูเรียบร้อยสำรวม กางเกงของจินดริชไม่ใช่แบบที่พอดีเผยช่วงสะโพก แต่เป็นตัวที่โคร่งสวมสบายขึ้น เขาสวมจิวไม้กางเขนเป็นอันดับสุดท้าย
ในตอนแรกก็ตื่นเต้น แต่พอมองเห็นถาดอาหารของสัตว์เลี้ยงที่หายไปอารมณ์เขาก็กลับมาหม่นหมอง เมื่อคืนลีโอนาร์ดก็ไม่ได้กลับมา
“อย่าเป็นอะไรเลยนะ...”
จักรยานคันเก่าสนิมเกรอะถูกใช้งานหนักหน่วง เมื่อวานไบรอันที่ตัวสูงใหญ่ขี่มันทำเอาช่วงล่างสั่นคลอนเล็กน้อย จินดริชไม่ได้มาแถบคฤหาสน์แมทธีโอนีนานสิบปีแล้ว จำได้ว่าอยู่ไกลจากตัวเมืองอาร์คาเนียไม่น้อย เกือบหลงทางแล้วหากไม่ผ่านป่าช้าเข้าเสียก่อน ตอนนั้นรีบปั่นหนีด้วยความกลัวจนกระทั่งเจอคฤหาสน์ไม้หลังโต จินแทบหลั่งน้ำตาเพราะคิดว่าตนเองอาจจะไปผิดทาง
“หือ?”
สวนข้างคฤหาสน์มีคนหลายสิบชีวิตกำลังลงหัวดอกทิวลิปท่ามกลางแสงแดดอ่อน จินดริชขมวดคิ้วเล็กน้อยพลันนึกถึงสิ่งที่คุยกับลูเซียสในหอสมุด “ไหนบอกว่าเตรียมดินไม่ทัน?”
จินดริชไม่ใส่ใจอีก หากคุณแมทธีโอนีเตรียมหน้าดินทันก็ดีแล้ว จินดริชจะได้ไม่รู้สึกผิดที่ปฏิเสธอีกฝ่ายกลับไป
ร่างโปร่งยืนอยู่ตีนบันไดหน้าตัวคฤหาสน์ เขาได้แต่ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่กล้าเข้าไป สาวใช้คนแล้วคนเล่าเดินผ่านพลางมองจินดริชด้วยแววตาไม่หวังดี ไม่มีสักคนที่เอ่ยทักทายหรือกล่าวอะไรกับเขา
“ใช้วิธีไหนหลอกล่อคุณไบรอันนะ”
“คนน่ารังเกียจแบบนี้คุณชายไม่มีทางรับได้หรอก”
“เรื่องนี้ต้องถึงหูคุณนายกับคุณผู้ชาย”
ดวงตาของเขาเบิกโตขึ้นเล็กน้อย เขากำลังทำให้ชื่อเสียงของคุณไบรอันเสียหายหรือเปล่า จริงสิ...เขาไม่ควรมาที่นี่เลย
จินหันตัวกลับ
“จินนี่!”
เสียงทุ้มต่ำตะโกนเรียกชื่อเขา จินดริชหันไปมองไบรอัน ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายใส่ผ้ากันเปื้อนเลอะแป้งถึงใบหน้า
“ค...คุณไบรอัน หน้าคุณ-”
“เข้ามาก่อนสิ”
จินดริชลอบมองเหล่าสาวใช้ที่กำลังซุบซิบกัน “เอ่อ ผมนึกได้ว่า-”
“ฉันกำลังต้องการคนช่วยเตรียมของเลย เข้ามาเร็ว”
แววตามุ่งมั่นและรอยยิ้มเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์ทำจินปฏิเสธไม่ลง เขาค่อย ๆ เดินกุมมือเข้าไปในบ้าน ชะงักกับบรรยากาศอึมครึมและสลัวแม้ว่าจะเพิ่งบ่ายโมงก็ตาม
“ห้องครัวอยู่ทางนี้”
“อ่า ครับ”
จินดริชวางของไว้ข้างโซฟากำมะหยี่ เขาลอบมองไปทั่วห้องโถงรวมถึงมองเลยขึ้นไปชั้นสองกับชั้นสามที่เงียบสงัด ดูเหมือนว่าเจ้าของบ้านตัวจริงจะไม่อยู่ นั่นทำจินดริชถอนหายใจอย่างโล่งอกและเดินตามไบรอันเข้าไปในครัว
“ผมทำอาหารไม่เป็นครับ อาจจะ..ช่วย...ไม่ได้”
จินดริชมองห้องครัวตาค้าง...
มีสงครามเกิดขึ้นงั้นเหรอ? ข้าวของกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด!
“เลอะเทอะนิดหน่อยนะ ความจริงฉันทำขนมเองไม่กี่ครั้งหรอก”
นิดหน่อย?
แขกผู้มาเยือนก้มลงเก็บอุปกรณ์ทำขนมที่ตกตามพื้นไปวางรวมบนโต๊ะไม้ เขามองไบรอันที่กำลังกรองแป้งสาลีใส่ชามกลมเคลือบสีหน้าจริงจัง
“ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ?”
“ตอกไข่ไก่ใส่ชามไว้ให้หน่อยสิจิน ทั้งหมดสามฟอง”
“อะ รับทราบครับ!”
“แล้วก็ผ่าก้านวานิลลาไว้ด้วยนะ รบกวนด้วย”
“หมายถึงไม้อันนี้ใช่ไหมครับ” จินดริชหยิบกิ่งไม้สีน้ำตาลขึ้นมา ดมดูแล้วมันส่งกลิ่นหอมหวาน
“ใช่แล้วล่ะ เก่งจริง ๆ เลย” อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้ผมดำสนิท ก่อนจะชะงักกลั้นขำ เขาลืมไปเลยว่ามือตนเองเลอะแป้งสาลี ตอนนี้หัวจินขาวยิ่งกว่าผิวเจ้าตัวเสียอีก
“คุณไบรอันจะทำอะไรงั้นเหรอครับ?”
“คุกกี้วานิลลาน่ะ”
คนฟังได้แต่มองไบรอันดวงตาเป็นประกายชื่นชมไม่ปกปิด แต่หารู้ไม่ว่าไบรอันกำลังกดดันสุด ๆ เพราะเขาจำสูตรไม่ได้
“ทำยังไงเหรอครับ”
“เดี๋ยวพาทำนะ ไว้ถ้าฉันเปิดร้านเบเกอรี่จะได้จ้างจินนี่มาเป็นผู้ช่วย สนใจไหม?”
ผู้ช่วยงั้นเหรอ “ยินดีครับ!”
จินดริชไม่คิดว่าการทำคุกกี้จะใช้เวลานานหลายชั่วโมง รู้สึกเห็นใจเหล่าพ่อค้าที่ทำขนมขายได้แต่ละชิ้น และไบรอันใช้เวลาในการตัดสินใจแต่ละขั้นตอนอย่างถี่ถ้วน ช่างเป็นคนที่ละเอียดจนน่าชื่นชม จนกระทั่งเขาเริ่มบีบแป้งลงบนถาดเตรียมเข้าเตาอบ
“มือผมยังรู้สึกมันอยู่เลยครับ”
ก่อนหน้านี้คุณไบรอันเผลอเทเนยเหลวเลยขอบชามจนจินดริชต้องรีบเข้าไปช่วยจับ แม้จะเช็ดแล้วแต่ยังเหลือคราบไขมัน เขารู้สึกหนักมือจนไม่อยากจะแตะต้องอะไร
“ในห้องน้ำมีสบู่เหลวอยู่ เดี๋ยวฉันจัดการตรงนี้ต่อเองจินนี่”
“รบกวนด้วยนะครับ”
จินดริชสังเกตเห็นว่าคฤหาสน์หลังนี้มีคนใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับขนาด ทุกคนไม่ค่อยพูดจาเสียงดังแต่ก็ไม่วายมองขวางใส่จิน เขาทำทีว่าไม่เห็นแล้วรีบไปล้างมือ เมื่อออกมาก็ไม่เห็นใครในห้องโถงอีก ยิ่งเงียบเหงากว่าเดิมเป็นเท่าตัว ดีที่มีกลิ่นวานิลลาจากคุกกี้อบช่วยทำให้บรรยากาศเบาบางลงเล็กน้อย
“วังเวงจัง”
สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างน้อยลงบ่งบอกเวลาพลบค่ำ ทำให้ตัวบ้านยิ่งมืดสลัวแม้จะเปิดไฟ จินดริชเดินสำรวจห้องโถงที่เพิ่งเคยเข้ามาเหยียบเป็นครั้งแรก แม้สมัยเด็กเขาจะเที่ยวเล่นที่นี่อยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่เคยเข้ามาข้างในสักครั้ง จับจ้องภาพวาดที่แปะบนผนังไปเรื่อย ๆ ก่อนจะชะงักมองภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ หญิงสาวผมยาวสีขาวนอนหลับตาในอ่างอาบน้ำสีเลือด มันเป็นโลหิตที่ไหลออกมาจากอกของเธอ ล้นออกมานอกอ่างดูน่ากลัว ทั้ง ๆ ที่เลือดออกมากมายขนาดนั้นทว่าเธอยังยิ้มบางเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด ใบหน้างดงามราวกับนางสวรรค์
“สวย”
รถยนต์คันเงาวิ่งตามพื้นถนนมุ่งสู่ตัวคฤหาสน์อันเป็นบ้านของคุณชายใหญ่ตระกูลแมทธีโอนี ร่างสูงนั่งยิ้มบางอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้านหลัง
“น้ำหอมที่ซื้อมาช่างฟุ้งดีจริง ๆ ครับคุณลูเซียส”
“มันหอมใช่ไหมครับ”
“ครับ ผมมั่นใจว่าท่านดยุกจะชื่นชอบของขวัญต้อนรับชิ้นนี้”
“เขาชอบน้ำหอมน่ะครับ แถมยังพาผมเข้าวงการนี้”
“ฮ่า ๆ จริงด้วยครับ”
กว่าจะถึงคฤหาสน์ก็ทำเอาลูเซียสเหนื่อยไม่น้อย วันนี้เขาไปธุระมาหลายที่ ทั้งคุยกับขุนนางเรื่องภาษีที่ต้องจ่ายมากขึ้น จับจ่ายซื้อของสำหรับนำไปต้อนรับท่านดยุกต่างเมือง พ่อบ้านรีบรุดหน้าตรงมาบอกกล่าว
“ผมจะขอไปคุยกับคนงานที่ปลูกทิวลิปก่อนครับ”
“ตามสบายครับคุณเจสัน”
พ่อบ้านวัยกลางก้มหัวพลางยิ้มบาง และเดินปลีกตัวไปด้านข้างคฤหาสน์ ลูเซียสมองตามอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินขึ้นบ้าน จมูกได้กลิ่นขนมอบก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้น้องชายมีแขกมาที่บ้าน และแขกที่ว่ากำลังยืนกุมมือเงยหน้ามองภาพวาดที่เขาประมูลมา ลูเซียสมองแผ่นหลังโปร่งบางกำลังยืนนิ่งงันเสมือนเหม่อลอย เขาก้าวขาเดินเชื่องช้าแบบไร้เสียง ถอดเสื้อสูทตัวนอกออกพาดไว้กับโซฟาไม่ละสายตาจากจินดริช
เหมือนว่าแขกของน้องชายจะยังไม่รู้ตัว เจ้าของบ้านร่างสูงได้เดินไปหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ความจริงเงาของเขาทาบทับปรากฏบนภาพวาด จินดริชยังยืนพินิจลวดลายสีน้ำมัน นัยน์ตาเข้มแฝงสีทับทิมสำรวจมองกลุ่มผมเลอะแป้งสาลี ก้มลงเล็กน้อยเพื่อดมกลิ่นวานิลลาติดตามผิวเสื้อ นอกนั้นยังมีกลิ่นสบู่ลอยออกจากบริเวณลำคอระหงขาวผ่อง
หรี่ตาเล็กลงจวนจะหลับอยู่รอมร่อ
สองมือกำลังยกขึ้นสัมผัสคนตรงหน้า การกระทำเป็นไปเองโดยไร้สติ
“สวย”
นัยน์ตาสีเข้มของลูเซียสเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่จะยืดตัวกลับตามเดิม เขางุนงงกับสิ่งที่ตนเองกำลังจะทำเมื่อครู่นี้ ราวกับไม่ใช่ตนเอง ลูเซียสไม่รู้ตัว...
“ทำไมสวยขนาดนี้นะ?”
เสียงของจินดริชไม่ได้เอ่ยกับลูเซียสที่ลอบยืนด้านหลัง เหมือนพึมพำกับตนเองมากกว่า เจ้าของคฤหาสน์เงยหน้ามองภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่
“งดงามมากเลย”
น้อยคนจะชื่นชมเช่นนี้ ปกติแขกที่มาเยือนมักจะบอกว่ามันน่ากลัว จินดริชถอยหลังเล็กน้อย ลูเซียสไม่ถอยหนีจนแผ่นหลังโปร่งชนเข้าจนได้
ปึก
“อะ ขออภัย...ครับ”
เพราะหมุนตัวเร็วจนเกินไป ปลายจมูกโด่งรั้นถึงขูดเข้ากับเข็มที่กลัดบนเนกไทของลูเซียส คนร่างโปร่งนิ่วหน้าเล็กน้อยแต่ต้องชะงักเมื่อเงยหน้าแล้วพบว่าเป็นใคร ลูเซียสก้มมองดูปลายจมูกแดงเป็นรอยยาว ดูเจ็บแสบแต่เขาก็สนใจน้อยกว่าขี้แมลงวันใต้ตาฟ้าสุกใส
พอมองใกล้เช่นนี้แล้วก็พบว่าสีตาของจินดริชช่างหาได้ยาก มันเป็นประกาย หากร้องไห้คงจะระยิบระยับไม่น้อย ลูเซียสเอ่ยเสียงแผ่ว
“คุณออสวาล์ด”
“...”
“มาทำอะไรที่บ้านของผมครับ?”
แขกร่างสูงโปร่งลืมวิธีการพูดออกเสียง เขามัวแต่ตกใจที่จู่ ๆ ลูเซียสก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังคล้ายเสกได้ เหมือนปรากฏกายออกมาจากความว่างเปล่า ชายหนุ่มผู้เป็นแขกกลืนน้ำลายและถอยหลังจนชนภาพที่แปะผนัง
“เอ่อ...อ๊ะ”
จินดริชร้องเสียงหลงเมื่อลูเซียสเอื้อมมือมาจับไหล่เขา ดึงให้เข้าไปใกล้ตามเดิม จินดริชอ้าปากพะงาบ
“อย่าพิงภาพวาดครับ”
เป็นเช่นนั้นเอง จินดริชรีบกล่าวลนลาน “ขะ ขออภัยครับ!”
เสียงเบาและสั่นไหว ลูเซียสหลุบตามองใบหน้าคนที่ไม่สบตาตอนพูดอย่างเสียมารยาท มือเขาที่จับบนไหล่บางเลื่อนไปถึงกรอบหน้าของจินที่แสดงอาการตกใจ “ผมตกใจที่พบเจอคุณที่นี่”
ปลายนิ้วลูบเอาเศษแป้งสาลีออกมาขยี้ต่อหน้าของจินดริช
“เอ่อ...ผมมาตามนัดหมายของคุณไบรอันครับ คุณแมทธีโอนี”
ลูเซียสเงียบเพื่อรอฟังต่อ
“ขออภัยที่ไม่ได้แจ้งก่อนครับ”
“อยู่จนมืดค่ำ ไม่ทำงานงั้นเหรอครับ...” ลูเซียสก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อถามเสียงเบาลงกว่าเดิม “หรือนี่ก็เป็นงานของคุณ?”
จินดริชหันหน้าไปสบตากับลูเซียสเพื่อหาความหมายแฝงในประโยคนั้น ใบหน้าเขาชาวาบไร้แววตลกขบขัน
“ผมกับคุณไบรอัน แมทธีโอนีรู้จักกัน เพียงแค่มาพูดคุยกับพี่ชายที่เคารพในสมัยเด็กเท่านั้นครับ ไม่มีจุดประสงค์อื่นอีกแล้ว”
พี่ชายที่เคารพ...
“ผมก็เป็นพี่ชายเขา ทราบใช่ไหมครับคุณออสวาล์ด?”
จินดริชขมวดคิ้ว “ครับ ผมทราบ”
ร่างสูงยังคงมีสีหน้าเฉยเมยไร้ความอ่อนโยน จินดริชยิ่งมั่นใจว่านักบุญท่านนี้ไม่ได้มีความรู้สึกที่เห็นใจเขาเหมือนที่เห็นใจผู้อื่นนักหรอก ยิ่งไปกว่านั้นจินได้รับคำพูดร้ายกาจที่ไม่คาดคิดว่าจะออกจากปากของลูเซียส
“ผมขอตัว-”
ตุบ
สัมผัสหนัก ๆ ที่ศีรษะทำจินดริชเบิกตากว้าง เชยมองท่อนแขนที่อยู่เหนือหัว เขาโดนตบงั้นเหรอ! “อย่า!”
แล้วร่างโปร่งก็ชะงักเมื่อพบว่าลูเซียสถือผ้าเช็ดหน้าค้างเอาไว้กลางอากาศ อีกฝ่ายมองหน้าเขาด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นราบเรียบแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“แป้งสาลีติดเต็มเส้นผมของคุณ เช็ดสิครับ”
แป้งสาลี? จินดริชสะบัดหัวเบา ๆ จนแป้งฟุ้ง ตอนนั้นเองเขาถึงนึกได้ว่าไบรอันลูบหัวเขาก่อนหน้านี้แล้วไม่เช็ดให้ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเห็น แกล้งกันชัด ๆ เลยนี่นา! จินดริชนึกอยากบ่นชายผมทอง เขาเอ่ยปฏิเสธลูเซียส
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมเช็ดออกเอง”
ร่างโปร่งเดินผ่านหน้าไป นัยน์ตาลูเซียสมืดครึ้มลงก่อนจะดึงแขนจินดริชให้กลับมา เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าลูบแป้งสาลีออกให้ ยิ่งจินดริชยืนเกร็งเขายิ่งจับแขนเล็กแรงขึ้น กระทั่งใบหน้าเนียนใสเงยขึ้นสบตากับเขา ลูเซียสถึงได้ชะงักงัน รู้ตัวว่าเมื่อครู่นี้เขาหงุดหงิด
แต่ว่าหงุดหงิดอะไร...
เขาไม่สนใจและเช็ดออกให้จนหมด ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วผละตัวออก
พ้นร่างสูงที่เดินขึ้นชั้นบน จินดริชก็จับอกหอบหายใจอย่างหนัก ลูกตาสั่นไหวตกใจกับเรื่องเมื่อครู่นี้ เขากลัว
แต่จินดริชไม่เข้าใจว่าเขากลัวอะไร..
“จินนี่”
ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง หันมองไบรอันที่อยู่หน้าประตู “ครับ!”
“เมื่อครู่นี้เหมือนได้ยินเสียงลูเซียส เขากลับมาแล้วงั้นเหรอ?”
“ครับ...คุณแมทธีโอนีขึ้นชั้นบนไปแล้วครับ”
“อ่า งั้นเหรอ คุกกี้อบเสร็จแล้วล่ะ อยู่ทานด้วยกันก่อนกลับนะ”
จินดริชหน้าเหวอ “อยู่ทานเหรอครับ?”
“ใช่ แปลกใจอะไร?”
ติ๊ง~
“คือว่าผม-”
“อะ อบเสร็จแล้ว!”
เพราะว่าฟ้ามืดแล้วจินดริชจึงกลัวว่าเขาจะกลับไปไม่ทันเข้างานที่บาร์ของจูเลีย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถขัดใบหน้าที่แสนใจดีของคุณไบรอันได้ ชายผมทองช่างร่าเริงและภูมิใจนำเสนอคุกกี้ที่ตนเองเพิ่งอบเสร็จ จินดริชนั่งอยู่บนโต๊ะอาหารหรูหราจนไม่กล้าวางมือ เขานั่งข้าง ๆ ไบรอัน แมทธีโอนี คุณชายกลางตระกูลดัง นั่นเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อแล้ว แต่คงไม่เท่าเรื่องที่จินดริชได้ร่วมโต๊ะกับลูเซียส คิว แมทธีโอนีที่นั่งหัวโต๊ะตามศักดิ์ในครอบครัว
บรรยากาศเงียบและครึ้มจนรู้สึกอึดอัด ลูเซียสสวมชุดนอนเป็นเสื้อเชิ้ตลินินสีขาวตัวโคร่งเผยไหปลาร้า เขานั่งหัวโต๊ะจิบชาร้อนจนควันขึ้น นั่งไม่แย่เท่ากับนัยน์ตาคมกริบจ้องมองจินดริชไม่วางตา
“พี่ ทำไมจ้องจินราวกับจะกินแบบนั้นล่ะครับ เขากลัวหมดแล้ว”
ลูเซียสยิ้มมุมปากส่งให้น้องชาย
“คุณออสวาล์ดนั่งตัวเกร็งราวกับหุ่นไม้ นายบังคับเขาหรือเปล่า?”
“เปล่าสักหน่อย จินดริชสัญญาว่าจะอยู่ชิมขนมที่ผมอบ”
คราวนี้แขกหันขวับมองชายผมทองที่โมเมไปเอง เขาสัญญาว่าจะชิมก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร พอสบตาคมของลูเซียสแล้วจินดริชก็ไม่เอ่ยขัดอะไร เขาหันกลับมานั่งมองจานตนเอง
“เราจะเปิดร้านเบเกอรี่ด้วยกัน”
ลูเซียสเลิกคิ้ว “เรา?”
“ผมกับจินนี่...ใช่ไหม ๆ”
ศอกที่กระทุ้งแขนจินดริชทำให้เขาพยักหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มฝืน ไบรอันยิ่งได้ใจหัวเราะออกมา
“นี่ ลองชิมหน่อยสิครับ”
ไบรอันตักคุกกี้วานิลลาวางใส่จานให้พี่ชาย ก่อนจะหยิบมาหักครึ่งแล้วจ่อปากจิน ตาประกายอย่างคาดหวังผลลัพธ์
“เอ่อ ผมทานเองได้ครับคุณไบรอัน”
ลูเซียสมองดูสองคนที่ถกเถียงกันเสียงเบา ก่อนที่จินดริชจะหยิบขนมใส่ปากตนเองและเคี้ยวกร้วม นัยน์ตาประกายมองไบรอันแปลกใจ
“อร่อยครับ”
“ดีจัง!”
“อร่อยจริง ๆ นะครับ ผมประหลาดใจมาก คือ..คุณไบรอันเหมือนทำไม่เป็นแล้วแกล้งว่าทำเป็น ตวงส่วนผสมก็ดูจะมั่ว ๆ ไม่มั่นใจ แต่สุดท้ายแล้วมันออกมาดีมากเลยครับ! พรสวรรค์!”
สีหน้าของจินดริชแปรเปลี่ยนไปตามที่พูด เขากัดเข้าไปอีกหลายคำจนไบรอันยิ้มปลื้มใจ แม้จะตะขิดตะขวงกับคำวิจารณ์ตรงไปตรงมา
“ถึงจะฟังดูแปลก ๆ แต่ก็ดีล่ะนะ ไว้รอบหน้าเรามาทำขนมปังกัน!”
คนหัวโต๊ะจิบชาร้อนมองดูน้องชายขยี้หัวของจินดริชที่กัดขนมดังกร้วม ยิ้มบางอย่างเต็มใจ เขาลองหยิบมากัดดูคำเล็ก ๆ ก็พบว่ารสชาติดีมาก ขนาดเขาที่ไม่ชื่นชอบของหวานยังรู้สึกพอใจกับมัน
“เป็นยังไงบ้างครับ” ไบรอันถามยิ้ม ๆ
“ยอดเยี่ยม”
“สงสัยความฝันร้านเบเกอรี่จะเป็นจริงแล้วล่ะจิน”
“เอ่อ ผมว่าคุณไบรอันอาจจะต้องลองทำหลาย ๆ รอบดูก่อน”
“จริงด้วยสินะ”
“คุณไบรอันทำได้แน่ครับ เพราะมันอร่อยมากจริง ๆ”
“อ่า เด็กนี่ปากหวานชะมัดเลย”
แกร๊ก!
เสียงวางแก้วเสียงสองสายตาให้จับจ้อง ลูเซียสยิ้มบาง
“ขออภัยที่เสียมารยาท มือไม้อ่อนน่ะ”
“ทำงานหนักหรือเปล่าครับ?” ไบรอันถามพี่ชาย
“อืม ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะน่ะ”
“จริงด้วยสิ คงกำลังยุ่งเรื่องทำสัญญาซื้อขายกับเหล่าพ่อค้าคนกลางใช่ไหมครับ ได้ยินว่าต้องจ้างเรือหลายลำ”
“อืม”
ไบรอันถามต่ออีกหลายสิ่ง แต่จุดจับจ้องของลูเซียสคือใบหน้าของจินดริช มุมปากสีพีชเลอะเศษคุกกี้ดูขัดตา เจ้าตัวรับรู้ว่าถูกจับจ้องถึงเอาแต่หันหน้าไปอีกทาง ลูเซียสยกชาขึ้นจิบขณะที่เสียงน้องชายดังเข้าหูไม่หยุด
“ได้ยินว่าดยุกวิลซาร์ดจะเดินทางมาที่เมืองเกรซเหรอครับพี่? หลังจากเขาล่องเรือไปหลายประเทศ”
“อืม เห็นว่าจะมาเที่ยวและพักผ่อนสักหนึ่งเดือนน่ะ”
“พี่จะต้องไปรับหรือเปล่า เขาเป็นสหายของพี่นี่ครับ?”
“ต้องเข้าเกรซไปต้อนรับในสัปดาห์หน้าน่ะ”
“เขาอายุน้อยกว่าพี่หนึ่งปีหรือเปล่าครับ ได้ยินมาว่าโรคของเขาที่เป็นอยู่เริ่มหายดีแล้ว เป็นข่าวที่น่าตกใจทีเดียว”
“มันเป็นเรื่องน่ายินดี”
“นั่นสินะครับ การที่ไม่สามารถสบตากับใครได้แม้กระทั่งครอบครัวมันแย่ทีเดียว เป็นบทลงโทษจากพระเจ้าที่รุนแรง”
ลูเซียสไม่ออกความเห็นในเรื่องนั้น เขาสนิทกับดยุกแห่งเบรย์เดนพอสมควร แต่เขาไม่เคยละเมิดกฎคิดเชยชมใบหน้านั้น และเขาคิดว่าการไม่สบตาอีกฝ่ายยามสนทนาก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“ได้ยินว่าเขามีคนรัก?”
ลูเซียสเลิกคิ้ว “หืม? ไม่รับรู้ในเรื่องนี้”
“ผมได้ยินมาจากพ่อค้าเพชรน่ะครับ เห็นว่าเป็นพ่อบ้านคนหนึ่ง”
“พ่อบ้านริชาร์ดงั้นเหรอ? และยังเป็นผู้ชาย?”
ไม่น่าเป็นไปได้สักนิด...
“ไม่รู้สิครับ แค่ข่าวลือน่ะ”
เหมือนไบรอันจะหันไปเจอจินดริชที่นั่งตาแป๋วหลังงอ จึงดุเล็กน้อยพลางหยิบเศษคุกกี้ออกให้
“อย่านั่งหลังโก่งสิ และทานเสร็จต้องเช็ดปากด้วยนะ”
“อะ ขออภัยครับ”
จินดริชไม่รู้มารยาทบนโต๊ะอาหารเขาจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย มองดูลูเซียสที่ยังคงจ้องนิ่ง ๆ ทำเอาอึดอัดทนไม่ไหว หันไปเอ่ยกับคนด้านข้างเสียงเบา
“ผมต้องกลับแล้วล่ะครับคุณไบรอัน”
“ค่ำมากแล้วนะ อยู่พักที่นี่สิ”
จินดริชส่ายหัวพรืดในทันที “ไม่ได้ครับ! เอ่อ...”
“มีอะไรเหรอ?” ไบรอันถาม
ลูเซียสยิ้มมุมปากมองดูจินดริชที่ไม่รู้จะตอบอย่างไร กระทั่งเจ้าตัวเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ผมจะต้องกลับไปทำงานน่ะครับ”
“งานอะไรดึกดื่นขนาดนี้?”
จินดริชเชยตาแอบมองลูเซียส เขาเม้มปาก “งานทั่วไปน่ะครับ ไม่น่าสนใจอะไรหรอก”
“อ่า เสียดายจัง”
“คุณออสวาล์ดคงหมายถึงงานที่บาร์ของคุณจูเลียน่ะ”
ลมหายใจของจินดริชถูกกระชากออกไปหลังจบประโยคนั้น เขาตาแข็งค้างไม่กล้ามองหน้าไบรอัน ในอาร์คาเนียใคร ๆ ก็ต่างรู้จักจูเลียที่เป็นสาวประเภทสอง แม่เล้าของผู้ชายขายบริการ ลูเซียสเพิ่งเอ่ยออกมาว่าเขาทำงานที่นั่น ซึ่งก็คือความจริง...ลูเซียสบอกมันแก่ไบรอัน...
“...จริงเหรอจินนี่?”
ลูเซียสจิบชาจับจ้องใบหน้าซีดขาว ลอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าไบรอันดูตกใจเช่นกัน เขาย้ำ “หากรั้งเอาไว้คุณออสวาล์ดจะไม่ทันเข้างานเที่ยงคืนตรง”
จินดริชไม่เข้าใจ...
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาไม่อยากเปิดเผยแต่ทำไมถึงพูดออกมา
‘เขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น จินดริชไม่ได้ขายตัว’
เป็นประโยคที่อยู่ในหัวแต่ไม่ได้เอ่ยออกไปสักคำ พอเงยหน้ามองคุณชายไบรอัน ใจที่เต้นช้าอยู่แล้วก็หยุดนิ่ง สีหน้าของอีกฝ่ายดูไม่อยากเชื่อ ปากเผยออ้า ๆ หุบ ๆ คล้ายพูดไม่ออก จินดริชกล่าวไว
“ขอตัวก่อนครับ”
แขกร่างโปร่งยืนขึ้นแล้วโค้งคำนับอย่างเรียบร้อย ลูเซียสลุกขึ้นพร้อม ๆ กันกับไบรอันที่ทำตัวไม่ถูก เขาเอ่ยกับน้องชายขณะตามจินดริชออกไป
“เหมือนว่าจะลืมปิดเตาอบนะไบรอัน”
“เอ๊ะ! แย่แล้ว!”
ลูเซียสสาวช่วงขายาวตามจินดริชอย่างรวดเร็ว...