ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 16
"In the deep dream"
เสียงผิวเนื้อเสียดสีกับของเหลวเหนียวหนืด ดังสอดแทรกรับกับเสียงกระทบคล้ายคนถูกตี ทั้งยังมีอีกหนึ่งคนที่กำลังร่ำร้อง ลูเซียสคิดในคราแรกว่าคนคนนั้นกำลังถูกทำร้ายให้เจ็บปวด หากแต่ลองฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วคนผู้นั้นกำลังสุขสมอยู่ต่างหาก
ความกระสันไหลแล่นไปทั่วทั้งเรือนร่าง...
ปลายนิ้ว ปลายเท้าจิกเกร็ง โดยเฉพาะกลางลำตัวที่แสนจะอึดอัดทว่าสาดเสียวเกินรับไหว เขาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ภาพที่เห็นเป็นสีขาวโพลนคล้ายหมอก ก่อนจะเบาบางลงและเริ่มมืดสลัว ในตอนนั้นเขารู้ตัวแล้วว่าตนเองกำลังเคลื่อนไหวกายหนักหน่วง นัยน์ตาเลื่อนลงจับจ้องจุดที่อ่อนไหว กำลังสอดใส่ส่วนสำคัญตรงกลางกายกระแทกกระทั้นกับช่องทวารทางออกใครบางคน ร่างโปร่งนอนคว่ำหน้ากับฟูกผ้าดิบสีหม่น ร้องคร่ำครวญจากการถูกกระทำ
การเคลื่อนไหวมาจากเขา แต่เหมือนไม่ใช่ตัวของเขา...
รุนแรงมากเสียจนน่าหวาดกลัว ก้นกลมชื้นเหงื่อนั้นฉ่ำแฉะ ซ้ำยังมีคราบเลือดติดอยู่ด้วย ลูเซียสไม่ตกใจเลยสักนิดว่าตนเองกำลังร่วมรักกับผู้ชายคนหนึ่ง แรงที่ซัดใส่ยังมากขึ้น...มากขึ้น...เขาคำรามดังลั่นราวกับไม่ใช่ตนเอง มือเอื้อมไปจับไหล่ชื้น ขอดูใบหน้าสักหน่อย
ผู้ใดที่มอบความสุขให้เขาถึงเพียงนี้...
พลิกกลับมาเขาก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่รู้จักและเพิ่งพูดคุยกันหลายประโยคก่อนหน้านี้...แปลกใจ...แต่ลูเซียสก็เลือกจับสองขาแยกออกกว้างแทนผลักไสออก ยิ่งถาโถมสะโพกใส่ตามอารมณ์ดิบเถื่อน มองคนใต้ร่างเอื้อมมือขึ้นมากุมใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยน ทำให้ใจเต้นระส่ำแต่ก็ไม่หยุดการกระทำหยาบโลน มองวงหน้าสุขสมอย่างถี่ถ้วน
มีสิ่งที่แปลกตาไปอยู่บ้างนั่นก็คือทรงผมที่ยาวประบ่าระหง ใบหน้าดูอิ่มเอิบสมบูรณ์ แต่ที่บ่งบอกว่าเป็นใครคือดวงตาสีฟ้าประกายคล้ายเพชร
ขี้แมลงวันใต้ตาข้างซ้ายน่าเอ็นดู
"...น"
คนใต้ร่างคล้ายพึมพำเรียกชื่อเขาแผ่วเบา ลูเซียสโน้มใบหน้าลงไปมากกว่าเดิม ทว่าชื่อที่ได้ยินทำเขาชะงักกายตนเอง
"...ไบรอัน"
ตึง! โครม!
"รื้อผนังตรงนั้นออกเลยครับคุณพ่อบ้าน"
ตึง!
"จับหน่อยครับ! มันจะล้ม!"
เปลือกตาขาวปรือขึ้นเชื่องช้าอย่างที่ไม่สามารถหลับต่อไปได้เนื่องจากเสียงอึกทึกครึกโครมด้านนอก และยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับมีการก่อสร้าง โดยเสียงผู้คุมงานเป็นน้องชายของเขาที่เด็กกว่าสามปี
ดวงตาปรือขึ้นมองนาฬิกาตู้ไม้แล้วก็พบว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้าซึ่งสายมากทีเดียว ลูเซียสยังคงง่วงซึมเพราะเมื่อคืนเขากลับมาถึงคฤหาสน์และเข้านอนตอนเกือบตีหนึ่ง ซึ่งโดยปกติเขาจะเข้านอนสามทุ่มเป็นประจำ ต่อให้มีงานเร่งด่วนก็จะไม่เกินเที่ยงคืน...ร่างกายอ่อนเพลียอย่างมาก
เสียงคนโยนแท่นไม้ทำให้ลูเซียสไม่อาจฝืนนอนต่อได้ เขาลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ปลดกระดุมเสื้อตัวโคร่งออกเผยอกขาวติดชมพูเนื่องจากรู้สึกร้อน ฝ่ามือยกเกาหลังคอเบา ๆ ก่อนจะชะงักเมื่อภาพในความฝันแว็บเข้ามาในหัว ดวงตาเขาขยายเล็กน้อยและค้างเอาไว้เมื่อรู้สึกว่าความฝันลามกนั้นช่างชัดเจน
พอก้มดูที่ช่วงล่างก็พบว่าเขามีปฏิกิริยา ความใหญ่โตดันกางเกงนอนผ้าลินินออกมาจนเป็นรูปทรงกระบอกยาวพาดไปด้านซ้าย
พระเจ้า...
แกร๊ก
นัยน์ตาคมตวัดมองประตูห้องนอนที่ถูกเปิดออก เป็นสาวใช้ที่เข้ามาทำหน้าที่ของตนเอง "ดิฉันเข้ามารอบหนึ่งแล้วแต่เห็นว่าคุณชายยังหลับอยู่ค่ะ"
"...ครับ"
ลูเซียสยันตัวลงจากเตียงไปยืนนิ่ง ๆ แล้วสาวใช้ก็เดินถือเสื้อผ้ามาวางไว้ ณ โต๊ะด้านข้างเตรียมเปลี่ยนให้เขา เธอปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดและถอดออกเผยเรือนกายกำยำแข็งแรง ลูเซียสก้มมองใบหน้าของหญิงสาวที่ขึ้นริ้วแดงเขินอายอย่างไม่ปิดบัง ดวงตากลมโต ปากเล็กสีชมพู
ในคฤหาสน์ของเขามีคนใช้ไม่กี่คนเท่านั้น เธอไม่คุ้นตาเขาเป็นไปได้ว่าเป็นสาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ตามที่เคยสั่งให้เจสันจัดหามาเพิ่ม เลื่อนลงไปที่ชุดกระโปรงแม่บ้าน ช่วงหน้าอกเธอใหญ่เสียจนเสื้อตึงไปหมด เอวที่มีอยู่ยิ่งดูเล็กลงไปมาก เมื่อเธอนั่งคุกเข่าลงก็มีสีหน้าตกใจเมื่อพบว่าภายใต้กางเกงมีบางอย่างไม่ปกติ ดวงตากลมเชยขึ้นสบตากับลูเซียสอย่างเชื่องช้า เขายิ้มบาง ถามเสียงอ่อน
"ชื่ออะไรครับ"
"อะ...เอ็มม่าค่ะคุณแมทธีโอนี"
"อายุ?"
"เดือนหน้าสิบแปดปีค่ะ"
เธอยังคงช้อนตามองขณะจับขอบกางเกง ลูเซียสถึงยิ้มบางแล้วจับข้อมือเล็กสั่นเทาเบา ๆ ดึงออกห่างไปอย่างไม่กระโตกกระตาก
"ไม่ต้องครับ"
"ดิฉันสามารถทำให้...ได้นะคะ"
ไม่แน่ใจว่าหมายถึงการถอดกางเกงหรือสิ่งใดกันแน่ ลูเซียสไม่คิดหาคำตอบ "ไม่เป็นไรครับคุณเอ็มมา กลับไปทำงานของคุณเถอะ"
แม่บ้านสาวอึกอักครู่หนึ่ง เอ็มมายินยอมลุกขึ้นยืนอย่างสำรวมและโน้มตัวให้ก่อนเดินออกจากห้องนอนใหญ่ไป ลูเซียสเพียงแค่มองตามไปจนสุดสายตา เขายังคงยิ้มเล็กน้อยแล้วเริ่มถอดกางเกงของตนเองลงอย่างอ้อยอิ่ง
เจ้าของคฤหาสน์อึมครึมเดินออกมาด้านนอกพร้อมถ้วยชาร้อนหนึ่งใบสำหรับจิบแบบไม่รีบเร่ง เดินไปยังด้านข้างตัวคฤหาสน์อันมีเสียงโครมคราม มองดูน้องชายผมทองประกายในชุดทะมัดทะแมงยืนสั่งการเหล่าช่างประจำคฤหาสน์ให้รื้อไม้ที่ติดกับครัวออกทีละแผ่น เขาเอ่ยถาม
"ทำอะไรน่ะไบรอัน?"
"ลูเซียส! เมื่อวานผมเกือบทำครัวไหม้จนแผ่นไม้ด้านข้างดำเขม่าไฟไปหมด ผมเลยจะให้คนงานรื้อออก"
"มาอยู่ได้สองวันก็ทำคฤหาสน์ไหม้แล้วงั้นเหรอ?"
"มันเป็นอุบัติเหตุน่ะครับ จริงสิ ผมจะขอติดเป็นบานหน้าต่างรับแสงแดดแทน พอดีจินนี่พึมพำว่ามันมืดไปหน่อยครับ พี่ว่ายังไง?"
คนถูกขอความคิดเห็นหลุบตามองพื้น ความฝันน่าละอายรบกวนความคิดของเขาอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงสุดท้ายของความฝัน
ทำกับเขา แต่เอ่ยชื่อน้องชายของเขา...
ชาร้อนถูกยกขึ้นจิบ เขาตอบแบบไม่ใส่ใจ "ตามใจเถอะ"
"ขอบคุณครับ จริงสิ เมื่อคืนพี่ไปส่งจินมาเหรอ?"
"อืม"
"ไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ ความจริงผมไปส่งเองก็ได้ อีกอย่างเขาเป็นแขกของผมด้วยครับ"
ลูเซียสจิบชาพลางยิ้มเล็ก ๆ แซวกลับไป
"แขกน้องชายก็เป็นแขกของฉัน และเห็นว่าห้องครัวกำลังจะไหม้พอดี"
"โดนล้ออีกแล้วเหรอเนี่ย เอาเถอะ สงสัยวันนี้ผมต้องไปพบจินนี่บ้างแล้วล่ะ" ไบรอันคิดว่าเขาจะต้องพูดคุยเรื่องเมื่อวานให้ชัดเจน
เจ้าของบ้านไม่กล่าวอะไรต่ออีก เขาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านอย่างผ่อนคลาย อากาศช่วงเช้าถึงสายในฤดูร้อนนั้นเหมาะแก่การพักผ่อนและออกกำลังกายอย่างมาก รวมถึงการเดินคิดทบทวนสิ่งต่าง ๆ อย่างมีสติ
ความฝัน...
นานแล้วที่ไม่ได้ฝันเป็นเรื่องเป็นราวเช่นนี้ ชีวิตของเขานอกจากงานแล้วก็มีเพียงเรื่องการสร้างชื่อเสียงและสั่งสมความน่านับถือ เขาใช้พลังงานแทบทั้งหมดให้กับสองสิ่งนี้ พอได้นอนก็หลับสนิทอย่างเหนื่อยอ่อน ฝันเมื่อคืนทำเขารู้สึกเหนื่อยล้าคล้ายไม่ได้นอน ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีจนไม่น่าเชื่อและเสียดายที่ถูกปลุกให้ตื่น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ชื่นชอบบุรุษแต่ในนิมิตกลับไม่รังเกียจสักนิด
ในความฝันออกจะตะกละเสียด้วยซ้ำ
พอรู้ว่าอีกคนที่อยู่ในห้วงภาพลวงตาเป็นใครเขาก็ละอายแก่ใจ
ช่างผิดบาป...
จะว่าไปแล้วปีนี้เขายังไม่ได้ไปสารภาพบาปเลยสักครั้ง อาจจะต้องหาเวลาให้กับเรื่องนั้นบ้างเสียแล้ว ร่างสูงเดินเหม่อลอยมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ ต้นพีช คนสวนกำลังยืนถกเถียงชี้นิ้วไปที่บางสิ่งทำเขาหลุดจากห้วงความคิดหนักหน่วง
"นี่มันจักรยานจริง ๆ เหรอ?"
"ใครเอาเศษเหล็กมาพิงต้นไม้ไว้เนี่ย โยนใส่รถขยะเลยบ็อบ"
จักรยานสีสนิมถูกชาวสวนร่างกำยำจับด้วยมือข้างเดียว ลูเซียสมองตามไร้คำพูดจา ยกชาขึ้นจิบและยิ้มมุมปากเล็กน้อย
โครม!
จักรยานถูกโยนใส่ท้ายรถบรรทุกขยะเพื่อเตรียมเอาไปขายเป็นเศษเหล็ก นัยน์ตาคมมองตามรถที่เคลื่อนตัวออกไปเชื่องช้า พึมพำนึกขำขัน
"ดูเหมือนจะมีเด็กลืมจักรยาน"
เด็กวัยยี่สิบปีกำลังยืนจับไม้กวาดอยู่ลานกว้างหน้าโบสถ์ ใบหน้าที่ยามปกติเรียบเฉยอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งหม่นหมองคร่ำเครียด วงหน้าขาวชะโงกไปทางถนนหน้าโบสถ์บ่อยครั้งอย่างรอคอย คาดหวังเจอรถม้าหรือรถยนต์สีดำขัดเงา
ปกติลูเซียสมักจะมาถวายทรัพย์หรือคุยกับคุณพ่อช่วงเช้าอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่หรือ? ทำไมวันนี้ยังไม่มาจนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงวัน เขาเม้มปากกังวลใจ นั่นเพราะจินดริชเผลอทำพลาดครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว
เขาลืมจักรยานไว้ที่คฤหาสน์ของนักบุญแมทธีโอนี!
"หรือจะต้องเดินไป..."
ทั้งไกลและยังผ่านป่าช้าใหญ่ แข้งขาอ่อนหน้าซีดอยากจะนอนร้องไห้กับพื้น หากไม่เกิดเรื่องเมื่อคืนเข้าเสียก่อนจินดริชคงขอความช่วยเหลือจากคุณไบรอัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกอับอายและกลัวอีกฝ่ายผิดหวังในตัวเขา
แต่จักรยานคันนั้นเป็นเหมือนสมบัติที่ได้จากคุณแรมเบิร์ธ เขาไม่อาจทิ้งได้เช่นกัน หากสุดท้ายจะต้องเดินเท้ากลับไปเอาเขาคงต้องทำ
เหมือนว่าจินดริชจะโชคดีอยู่บ้าง รถยนต์คันดำขยับมาจอดเทียบหน้าโบสถ์ แต่พอไบรอันเดินลงมาด้วยท่าทีเป็นสง่าจินดริชก็ตัวแข็งค้างไป มีก้อนจุกลำคอให้พูดไม่ออก ใจอยากเดินหนีแต่เท้าไม่ขยับเพราะถูกรอยยิ้มใจดีของไบรอันตรึงเอาไว้ พี่ชายวัยเด็กไม่ได้มีท่าทีรังเกียจเขาอย่างที่คิดลบ
“จินนี่”
“...อรุณสวัสดิ์ครับคุณไบรอัน”
“เมื่อวานไม่ได้ไปส่งด้วยตนเอง ขอโทษจากใจนะจิน”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นอะไรเลย...”
ชายผมทองมองเห็นความกังวลจากสีหน้าชายหนุ่มตรงหน้า และมีเก้าอี้ม้านั่งอยู่ใกล้ ๆ กัน “นั่งคุยกันก่อนสิจินนี่”
เกิดความลังเลเล็กน้อยแต่จินก็เดินไปนั่งข้าง ๆ เขาชะงักมองร่างสูงใหญ่ของลูเซียสกำลังเดินคุยบางอย่างกับบาทหลวงข้าง ๆ โบสถ์ ใจบีบรัดหันไปหาไบรอันเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิด
“เรื่องที่คุณแมทธีโอนีพูดเมื่อคืนนี้...ผมทำงานอยู่ที่ร้านเบียร์ของคุณจูเลียจริง ๆ ครับ ร้านที่เบียร์หมักรสชาติดีที่สุดในย่านอาร์คาเนีย และเป็นร้านที่มีชายหนุ่มคอยให้บริการ...เรื่องอย่างว่า”
ไบรอันมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังไม่พบเจอร่องรอยความรังเกียจ เหมือนว่าเป็นเรื่องไม่คาดคิดและเขาพูดไม่ออก
“อ่า...สงสัยคงต้องไปลองดื่มเบียร์บ้างแล้วล่ะ”
“แต่คุณไบรอันครับ ผมเป็นเพียงเด็กเสิร์ฟภายในร้าน ผมเข้างานเที่ยงคืนและเสร็จงานตอนตีห้า ผมทำเพียงแค่นั้นจริง ๆ ซึ่งมันอาจขัดแย้งกับสิ่งที่คนอื่นในเมืองลือกัน ผมไม่คาดหวังให้คุณไบรอันเชื่อ แต่ผมไม่สบายใจหากคุณเข้าใจผิดครับ”
“พูดอะไรน่ะจินนี่”
คนที่แก้ตัวด้วยความสัตย์จริงเป็นวรรคเป็นเวรได้แต่หันไปสบตาสีน้ำตาลแก่ ไบรอันส่งยิ้มเจิดจ้าและส่งมือมาขยี้หัวของจินจนยุ่งเหยิง จู่ ๆ น้ำตาก็คลอเบ้าของเขา เม้มปากรออีกคนพูดต่อ
“ฉันไม่ใส่ใจคำพูดคนอื่นหรอกนะ”
แม้จะรู้จักกันเพียงสั้น ๆ ในวัยเด็ก ไบรอันก็พอรู้ว่าจินดริชเป็นคนที่ซื่อตรงเกินกว่าจะโกหกหน้าตาย ยามที่อธิบายมือก็กำกันแน่นสั่นไหว ทุกถ้อยคำมีจุดประสงค์เพื่ออธิบาย ไม่ใช่ขอให้เชื่อใจ
“คุณไบรอัน...เชื่อผม?”
“แน่นอนอยู่แล้วสิ ก็นะ...งานในบาร์ดึก ๆ ดื่น ๆ คงได้เงินดีใช่ไหมล่ะ? แถมลูกค้าก็คงไม่เยอะและไม่เหนื่อยมาก เป็นฉันก็คงเลือกทำงานแบบนั้น”
นัยน์ตาจินดริชสั่นไหวพร่าเบลอจนต้องยกมือขยี้แรง
ไบรอันเชื่อเขา...
“ครับ เยอะกว่าค่าแรงจากหอสมุดตั้งสองเท่า”
“ขี้งกจริง ๆ เลย”
เมื่อเรื่องที่กังวลถูกคลี่คลาย จินดริชนึกบางอย่างขึ้นได้
“อะ จริงสิครับ จักรยานของผมอยู่ที่คฤหาสน์แมทธีโอนี”
“นายปั่นจักรยานมางั้นเหรอ?”
“ครับ ผมไม่สามารถเดินไปได้”
“ไกลขนาดนั้นทำไมไม่จ้างรถม้าล่ะ”
“มันสิ้นเปลืองเกินไปสำหรับผมน่ะครับ”
ไบรอันเลิกคิ้วทำหน้านึก “อืม...ฉันไม่มั่นใจว่าเห็นนะจิน งั้นเดี๋ยวลองถามลูเซียสดู เขาอาจจะตอบได้”
“เอ่อ-”
“ลูเซียส!”
ไม่ทันปฏิเสธความหวังดีอันท่วมท้นของไบรอัน จินดริชได้แต่ยิ้มฝืดค้างราวกับถูกแช่แข็ง เสียงฝีเท้าหนักเดินมาหยุดด้านหลัง น้ำหอมคุ้นจมูกบางเบาทว่ากระจายกว้างให้ได้กลิ่น จินดริชใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งเพื่อที่จะหันไปทักทายโดยไม่เงยหน้ามอง
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณแมทธีโอนี”
จู่ ๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูก จินเม้มปากเล็กน้อย ไม่นานเสียงทุ้มก็ทักทายกลับมา “อรุณสวัสดิ์ครับคุณออสวาล์ด”
“เห็นจักรยานของจินนี่ไหมครับ”
ลูเซียสหันมองหัวทุยที่เอาแต่หลบเลี่ยงไม่จ้องตอบ
“จักรยานแบบไหนงั้นเหรอครับคุณออสวาล์ด?”
เมื่อถูกถามตรง ๆ เช่นนั้น จินดริชก็ไม่อาจหลบหน้าได้อีก เขาลุกขึ้นและสบตากับอีกฝ่าย เหมือนเห็นนัยน์ตาคมนั้นสั่นเล็กน้อยจนคิดว่าตาฝาด
“จักรยานคันเก่าขึ้นสนิมครับ คันเดียวกันกับวันนั้น” ที่เขาตัดหน้ารถม้าของลูเซียส...
เสียงทุ้มตอบรับในลำคอเล็กน้อย ลูเซียสตอบเขาใบหน้ายังคงเรียบเฉย ยังดีที่ไร้ความรู้สึกด้านลบ
“คนสวนนำไปทิ้งแล้วครับ”
จินดริชตัวแข็งปากเผยอค้าง ประโยคนั้นก้องในหัวกระทั่งหูดับไป
“เขาเข้าใจว่าเป็นเศษเหล็ก ผมรั้งเอาไว้ไม่ทันครับ”
ทิ้ง...ไปแล้ว
“จินนี่ ได้ยินไหม? จิน...” ไบรอันโบกมือผ่านใบหน้าไปมา
ทิ้ง...
ลูเซียสยิ้มมุมปากมองดูคนที่เหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว ตัวสั่นตามแรงเขย่าของไบรอัน ลูเซียสนึกขำในใจก่อนจะล้วงถุงเงินออกมาจากด้านในเสื้อสูทหนา เป็นเงินที่เจ้าตัวคืนเขามาเมื่อคืนนี้และเขาสอดธนบัตรเพิ่มให้สามใบ รวมแล้วหลายปอนด์ทีเดียว ทำไปเพราะรู้สึกถูกหยามเกียรติจากการโดนปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง ยื่นไปให้แบบไม่เร่งรัดให้รับไป
“เป็นความผิดของผมที่ไม่ห้ามคนของตนเอง นี่น่าจะเพียงพอสำหรับค่าจักรยานคันใหม่นะครับ คุณออสวาล์ด”
สติที่หลุดลอยกลับมาอีกครั้ง นัยน์ฟ้าประกายหลุบมองถุงเงินคุ้นตาเฉยเมยไม่ยอมรับ “ไม่เป็นไรครับคุณแมทธีโอนี ยังไงเมื่อก่อนผมก็เดินเป็นปกติอยู่แล้ว ขาดจักรยานไปไม่เป็นปัญหาเลยสักนิดครับ”
นัยน์ตาสีเข้มราวกับมีประกายแดง เขาจับจ้องขี้แมลงวันใต้ตาซ้ายแล้วนึกอย่างจะใช้ปลายนิ้วขยี้ลงไป “รับไปครับ”
จินดริชยังคงยืนกรานไม่รับเพราะเกรงใจ จนไบรอันที่มองทั้งคู่สลับกันเป็นฝ่ายรับมาแทน จินดริชถึงได้ตกใจหน้าเหวอ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกจินนี่ เงินเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของลูเซียสร่วงสักเส้นเดียว ฉันจะพาไปเลือกจักรยานคันใหม่ดีไหม?”
“แต่ว่า-”
“ผมคงไม่ได้ไปพบมาร์ควิสวัตสันกับพี่นะครับ อยากจะไปเที่ยวเล่นกับจินนี่น่ะ” ไม่พูดเปล่า เขาทำการยึดข้อมือของจินดริชไม่ให้หนี
ลูเซียสหลุบตามองตามนิ่ง ๆ กล่าวกับน้องชายเสียงเข้ม
“อายุยี่สิบหกไม่ควรจะเที่ยวเล่นแล้วนะครับคุณไบรอัน อีกอย่าง...คุณออสวาล์ดก็โตพอจะไปทำธุระได้ด้วยตนเอง” นัยน์ตาคมปลาบหันจ้องจินดริชติดกดดัน ถึงอย่างนั้นเป็นน้องชายเขาเองที่เอาแต่ใจ
“คงต้องขัดใจครับคุณลูเซียส เพราะผมพักร้อนจากงานอยู่ครับ”
คนกลางหนักใจเพราะลูเซียสมองจินดริชอย่างทิ่มแทง
“ผมไปเองได้ครับคุณไบรอัน อีกอย่างผมต้องไปเฝ้าสุสานบ่ายวันนี้”
“น่าสนใจดีนี่จิน เราจะไปซื้อจักรยานและปั่นไปสุสานด้วยกัน แวะซื้อผ้าปูและชุดอาการปิกนิกด้วยดีกว่า” ไบรอันตาวาว
“ปะ ปิกนิกเหรอครับ? ข้างสุสานเนี่ยนะครับ!?”
ไบรอันขำแผ่ว “ขอตัวก่อนนะครับพี่ชาย ทำงานให้สนุกล่ะ”
สองร่างเดินเร็วผ่านร่างของลูเซียสไปจนเส้นผมปัดผ่านใบหน้า ลูเซียสยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและจับจ้องเศษใบไม้แห้งที่พื้น
ปิกนิก...
มองตามสองคนที่เดินเคียงข้างมุ่งหน้าเข้าเมือง พวกเขาพูดคุยกัน เสียงไบรอันหัวเราะลั่นไร้ความเรียบร้อย และอีกคนที่ใบหน้าแช่มชื่นผิดวิสัย
ลูเซียสไม่อาจอธิบายความรู้สึกที่สะกิดใจเขาในตอนนี้...