ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 17
"Story of a child"
แสงแดดอ่อนสาดส่องทั่วอาร์คาเนียหวังสู้อุณหภูมิราวยี่สิบห้าองศา ลมพัดเอื่อยอ่อนพอให้ใบไม้โยกไหว เสื้อผ้าบนราวตากขึงรับไออุ่นจากดวงอาทิตย์รอเวลาแห้ง ห่างจากใจกลางเมืองหลายไมล์ ดูเหมือนฤดูร้อนจะแพ้คฤหาสน์หลังโตอันเป็นเคหสถานส่วนบุคคลของลอร์ดจาเร็ตแห่งอาร์คาเนีย คล้ายมีไฟแผดเผาลุกโชนเพราะสองแม่ลูกตระกูลจาเร็ต
น้ำชาเอิร์ลเกรย์ไม่ช่วยดับอารมณ์ที่ขุ่นข้องของกุลสตรีสองท่าน ผู้เป็นมารดาโบกพัดรุนแรงใต้คางหวังให้ใจที่ร้อนเย็นลง ขณะที่บุตรสาวนั่งหน้าเครียดไม่แพ้กัน เธออดใจไม่ไหวเอ็ดลูกสาว
"โอลิเวีย ลูกควรเอาเวลาปักผ้าไปหาเดินเล่นกับคุณชายแมทธีโอนี"
มือบางใต้ถุงมือลูกไม้จับสะดึงขึงผ้าเช็ดหน้าชะงักกึก ดวงตากลมโตมีแววไม่พอใจจับจ้องตรงกลางผ้าเช็ดหน้า ลวดลายนกขมิ้นที่ยังปักไม่แล้วเสร็จ เข็มเล่มเล็กปักคาไว้ตรงกลางสะดึงกลม
"นั่นเพราะคุณลูเซียสไม่เห็นจะมีทีท่ามาขอพบตระกูลจาเร็ตตามที่คุณแม่ทำนายไว้" และการไปมาหาสู่กับผู้ชายมันเป็นเรื่องไม่ควร
ฝั่งมารดามีสีหน้าคิดหนัก
"ลูกได้ทำตามที่แม่บอกหรือเปล่า? โอลิเวีย"
"เจอกันที่โบสถ์พูดคุยเรื่องการกุศล หนูมอบผ้าเช็ดหน้าและเขารับไว้ด้วยรอยยิ้มสุภาพบุรุษ"
"แล้ววันที่เขามาพบพ่อของลูกล่ะ?"
"หนูสวมชุดที่แม่เลือกให้ ยิ้มตามที่ฝึกหน้ากระจก แสดงความสนใจในงานของคุณลูเซียสและเอ่ยชื่นชม รวมถึงทำให้เขารู้ว่าหนูน่าทะนุถนอมตามลักษณะของสตรีในอุดมคติ"
มารดายิ่งหนักใจ
"คุณลูเซียสยังส่งยิ้มราวกับว่าสนใจในตัวของหนู"
"งั้นทำไมเขาถึงไม่มาสู่ขอลูกสักทีล่ะ?"
"..."
"แม่เห็นชายนักบุญแมทธีโอนีนั่งรถไปมาทั่วอาร์คาเนีย และวันนี้ยังพาน้องชายไปเข้าพบท่านมาร์ควิสวัตสันแต่ไม่มาพบเราสักครั้งเดียว ขณะที่เราแต่งตัวนั่งคอยเขาที่คฤหาสน์ทุกวันจนรู้สึกน่าเวทนา โอลิเวีย"
"แล้วจะให้หนูทำยังไงคะ ไปขอเขาแทนงั้นเหรอ?"
"บัดสี! เป็นกุลสตรีจะทำเรื่องน่าเกลียดแบบนั้นได้ยังไงกัน!"
แม้ว่าแผนที่วางเอาไว้จะดูน่าอายเกินขั้นนั้นไปมาก แต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้เปิดเผยกับใครต่อใคร เพราะฉะนั้นจึงถือว่ามองข้ามได้ ลูกไม้ปลายพัดสั่นไหวหนักกว่าเดิมตามแรงโบก
"คุณไบรอัน แมทธีโอนียังดูเข้าถึงง่ายกว่า และเขาอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงเกรซอันศิวิไล ไม่ใช่ชนบทบ้านนอกอย่างอาร์คาเนีย"
โอลิเวียกล่าวถึงสุภาพบุรุษที่เพิ่งเข้าอาร์คาเนียมาไม่กี่วันก่อน เขาค่อนข้างตรงรสนิยมของเธอมากกว่าลูเซียสที่มักจะไม่เปิดเผยความรู้สึกและประหยัดคำพูดจนเกินไป ทว่ามารดาไม่คล้อยตาม
"ติดที่เขาไม่ใช่บุตรชายคนโต เขาจะได้รับมรดกกิจการน้อยกว่าลูเซียสตามธรรมเนียมปฏิบัติ"
โอลิเวียทำหน้างงกับคำศัพท์ไม่คุ้นหู แต่เธอพอเข้าใจความนัยได้
"หากลูกกลายเป็นภรรยาของลูเซียส คิว แมทธีโอนีเมื่อไหร่ ลูกจะไปอยู่เกรซหรือเมืองที่เฟื่องฟูกว่านี้ย่อมได้ โอลิเวีย"
ที่มารดากล่าวมาก็ถูกต้องทุกประการ โอลิเวียเริ่มเห็นลู่ทางไปสู่จุดหมายที่คาดหวัง สามีร่ำรวยและยังหน้าตาดี มีทรัพย์ซื้อเสื้อผ้าหรูหรา เครื่องประดับราคาแพง เมืองใหญ่ไฮโซ สิ่งที่หญิงสาวทุกคนต่างต้องการ
"งั้น...งั้นทำยังไงดีคะคุณแม่"
ลูกสาวร่างอวบอัดอายุสิบแปดย่างสิบเก้าแล้ว หากแต่งงานช้ากว่านี้คงขายหน้าคนทั้งเมือง แต่เธอก็ไม่สามารถให้ลูกสาวแต่งงานสุ่มสี่สุ่มห้าได้ หากไปคบหาผู้ชายที่ไร้เกียรติหรือชาวบ้านเข้าชื่อเสียงคงย่อยยับ
"อะไร ๆ คงง่ายกว่านี้หากคุณผู้ชายและคุณนายแมทธีโอนีไม่อยู่เมืองเกรซ ลูกลองเข้าหาอีกสักหน หากยังไม่สำเร็จแม่คงต้องใช้วิธีที่ทำกับพ่อของลูก"
"ร้านนี้ขายจักรยานหลายรูปแบบและดูแข็งแรง คิดว่ายังไงจินนี่?"
จักรยานหลากหลายสีจอดเรียงรายหน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่กลางเมือง จินดริชไม่ได้มีความสนใจมากนักเพราะเขากำลังอึดอัดกับสายตานับสิบรอบด้าน ผู้คนชาวเมืองจับจ้องมาทางจินและคุณชายไบรอัน มือป้องปากทำท่านินทา แววตาของพวกเขามีทั้งมาดร้ายและเดียดฉันท์คิดไม่ดีโดยที่ไบรอันไม่รับรู้ จินดริชชี้นิ้วสุ่มไปที่จักรยานคันหนึ่งที่ติดป้ายราคาไว้ 11 ปอนด์ ซึ่งถูกที่สุดในร้าน
"คันนี้ครับ"
ไบรอันมีสีหน้าไม่เห็นด้วยชัดเจน
"คันผอมแห้งแบบนี้จะปั่นได้ถึงหนึ่งปีหรือเปล่า?"
"ผมจะใช้อย่างทะนุถนอมครับ อีกอย่างมันราคาถูก"
กล่าวเหตุผลมากเท่าใดเหมือนไบรอันก็ไม่ได้ใส่ใจฟัง เขาเดินเลือกจักรยานด้วยตนเอง บางครั้งก็ลองนั่งและขย่มดูเพื่อทดสอบความแข็งแรงของโครงล้อ ระหว่างนั้นจินดริชก็ได้แต่เม้มปากฝืนทนกับสายตาโดยรอบ
"คันนี้ดีกว่านะจินนี่"
จักรยานคันสีน้ำตาลอ่อนแขวนตะกร้าขนาดใหญ่ด้านหน้ามือจับ ที่นั่งบุนวมหุ้มหนัง ไม่ใช้แกนเหล็กดัดเปล่า ๆ เหมือนคันเก่าที่ทำเจ็บก้นหากนั่งนาน ๆ ดูมั่นคงแข็งแรง พอดูราคาแล้วจินดริชก็แทบลมจับ ของมีคุณภาพย่อมมีราคาสูงถึง 20 ปอนด์ และมันเป็นเงินของลูเซียสที่จินดริชไม่อยากใช้สักเหรียญเดียว
"คือว่า-"
จินดริชยกมือค้างเพราะไบรอันส่งเงินถุงจ่ายให้แก่เจ้าของร้านพร้อมรอยยิ้มกว้าง ขณะที่จินอ้าปากเหวอพูดไม่ออก...เงินทั้งถุง
"ขอบคุณมากครับคุณชายไบรอัน"
"ไปกันเถอะจิน"
ร่างโปร่งลอยหวือไปนั่งซ้อนท้ายด้วยความงุนงง ปากพึมพำไม่อยากเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้น "เมื่อครู่เพิ่งจ่าย..."
"อะไรนะจินนี่?"
"ยี่สิบปอนด์..."
"ฮะ! อะไรนะ"
"ตั้งยี่สิบ...ปอนด์"
"บ่นอะไรงึมงำน่ะ"
คนเฝ้าสุสานหนักใจเรื่องจำนวนเงินที่เสียไปมากอยู่แล้ว เขายังรู้สึกเครียดที่พาคุณชายไบรอันมานั่งมองป้ายหลุมศพเป็นเพื่อนเขา ถึงแม้ว่าพี่ชายสมัยเด็กที่แก่กว่าหกปีจะร่าเริงและเปิดใจยอมรับได้อย่างรวดเร็ว ซ้ำยังนั่งเหยียดขารับประทานแซนด์วิชไก่อย่างไม่คิดเยอะอะไร
“เมนูถัดไปฉันลองทำแซนด์วิชดูดีไหม?”
“คุณไบรอันทำได้อยู่แล้วครับ ในเมืองมีร้านขายขนมปังให้เลือกเยอะเลยล่ะครับ”
ตอบเสียงอู้อี้ทั้งที่มีแซนด์วิชคาอยู่ในปาก ไบรอันยกแขนเสื้อขยี้ปากเช็ดคราบซอสซาวครีมออกให้อย่างรู้สึกขัดตา
“จะซื้อทำไมกัน ฉันจะลองอบขนมปังด้วยตนเอง”
“จริงด้วย”
“อยากกินไส้อะไรงั้นเหรอจิน?”
“เอาเป็นเนื้อปลาดีไหมครับ?”
“น่าสนใจ อาร์คาเนียน่าจะมีปลาเนื้อแดงชุกชุม ไว้ฉันจะให้พ่อบ้านออกไปจับมาให้”
อีกคนได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย เขายกน้ำขึ้นดื่มหลังจากทานแซนด์วิชคำสุดท้ายหมด เงยหน้ามองก้อนเมฆที่ลอยเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า หลับตารับลมอย่างสบายใจ
ไบรอันเปิดตามองภาพป้ายหลุมศพปักดินนับไม่ถ้วน บรรยากาศเงียบสงบไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว สมกับเป็นสถานที่พักผ่อน
“ทำไมต้องมาเฝ้าร่างของคนที่ตายไปแล้วด้วยล่ะจิน?”
“ป้องกันไม่ให้โจรมาขโมยทรัพย์สินมีค่าที่อยู่กับตัวศพน่ะครับ อย่างเช่นคุณวิลเลียม” จินดริชชี้นิ้วไปยังหลุมศพหนึ่งที่มีช่อดอกไม้วางอยู่มากกว่าหลุมอื่น “สมัยยังมีชีวิตเขาเป็นนักแสดงที่เกรซครับ พอเสียชีวิตศพของเขาก็ถูกนำมาทำพิธีและฝังที่อาร์คาเนียอันเป็นบ้านเกิด”
“คุ้นชื่ออยู่บ้าง มิสเตอร์วิลเลียมที่เป็นนักแสดงตลกอันรุ่งโรจน์และเสียชีวิตเมื่อห้าปีก่อน?”
“ใช่ครับ ที่ศพของเขามีสร้อย แหวนเพชรและเครื่องทองที่ได้รับพระราชทานจากราชินี”
“มีค่าแค่ไหนเขาก็เอาไปไม่ได้สินะ”
จินดริชเงียบไปขณะมองป้ายหลุมศพอย่างเหม่อลอยชั่วขณะ
“ครับ แต่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าคือร่างกายที่กำลังเปื่อยเน่าของเขา ไม่เพียงแค่ทรัพย์สินในหลุม ผมต้องเฝ้าไม่ให้มีคนมาขุดขโมยร่างศพไป”
บางคนตายไปแล้วยังเป็นที่ต้องการ
กับบางคนที่มีชีวิตอยู่กลับถูกแช่งให้ตายอยู่ทุกวี่วัน...
ไบรอันยิ้มบาง “งานของจินก็ไม่แย่เท่าไหร่ สบายใจทีเดียว”
“เป็นงานที่ไม่ต้องใช้แรงหรือความคิดอะไร แต่ก็ได้ค่าตอบแทนที่น้อยไม่ต่างกันครับ”
ไบรอันนิ่งเงียบไปอย่างเห็นด้วย
“บางทีฉันก็อยากสัมผัสอะไรแบบนี้บ้างเหมือนกัน”
“งานของคุณไบรอันเหนื่อยมากเหรอครับ?”
“เหนื่อยกายไม่เท่าเหนื่อยใจหรอกนะจินนี่ ฉันรู้ตัวเองว่าไม่เหมาะกับการรับคำสั่งตอนที่ทำงานโรงแรมได้สามปี แต่เพราะเป็นธุรกิจครอบครัวมันจึงต้องทำต่อไป”
“ถึงอย่างนั้นก็ยังดีกว่าการรับฟังคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวไม่ใช่หรือครับ? งานของผมสบายใจ แต่ก็ต้องรอคำสั่งและเงินบริจาคจากคนอื่น”
ไบรอันเงียบไปและมองหน้าจินดริชที่มีความคิดว่าที่คาดเอาไว้ เขายกมือลูบศีรษะทุยเบา ๆ
“การได้ทำตามสิ่งที่ตนเองรักมันดียิ่งกว่าเงินทองหรือสิ่งอื่นใด จินดริช”
คนเด็กกว่านั่งฟังอย่างตั้งใจ
“บางคนชอบบริการ บางคนชอบออกคำสั่ง ขณะที่บางคนเกลียดการถูกออกคำสั่ง ความจริงแล้วทางเลือกมันมีอยู่มากทีเดียว”
หากแต่จินดริชไม่ได้อยู่ในจุดที่เลือกได้...
“ครับ”
จินยิ้มบางโดยหลบเลี่ยงนัยน์ตาเศร้าสร้อยของตนเอง ไบรอันชวนคุยอย่างต่อเนื่องขณะที่จินขานรับในบางครั้งเท่านั้น
ห่างไปไม่ไกลจากลานสุสาน รถยนต์สีดำขัดเงาจอดแน่นิ่งอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว คนในรถคอยจ้องมองทั้งสองที่สนทนาอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ สนิทชิดเชื้อหัวเราะร่าเริง แต่คนในรถไม่อาจได้ยินเรื่องราวที่พวกเขาพูดคุยกันได้จากระยะห่างเท่านี้ ทำเพียงเฝ้าดูด้วยสีหน้าเรียบเฉยและไม่เปิดเผยตัวตน
ลูเซียสนั่งไขว่ห้างใช้ฝ่ามือลูบหัวเข่าตนเองเบา ๆ พ่อบ้านคนสนิทนั่งด้านข้างคนขับก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น เจสันเอ่ยเสียงเครียด
“ตั้งแต่กลับมาอาร์คาเนียคุณไบรอันก็อยู่กับจินดริชบ่อยครั้ง ผมคิดว่าคุณชายลูเซียสควรห้ามปรามสักหน่อยดีไหมครับ”
นัยน์ตาสีเข้มจับจ้องทั้งคู่ไม่ลดละขณะฟังไปด้วย
“ตอนนี้คนในเมืองเริ่มพูดกันหนาหูว่าคุณชายไบรอันถูกจินดริชทำการปอกลอกโดยใช้เสน่หา เด็กคนนั้นเริ่มทำให้คุณชายเสียหาย”
“...”
“และจินดริชเองก็มีประวัติที่ไม่น่าคบหา คุณชายลูเซียสก็ทราบอยู่แล้วใช่ไหมครับ? แต่เหมือนคุณไบรอันจะไม่ทราบ”
“ประวัติอะไรล่ะครับ...” ลูเซียสมองใบหน้าขาวผ่องของจินดริชที่ยิ้มบางให้กับน้องชายของเขา “เพราะคุณออสวาลด์ดูจะมีประวัติหลายเรื่องทีเดียว...น่าสนใจทั้งนั้น”
“จะอะไรได้ล่ะครับ ก็เรื่องที่คนอาร์คาเนียทราบกันดี...”
นัยน์ตาของลูเซียสเริ่มหรี่เล็กลงเมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของจินดริช ขณะที่พ่อบ้านเจสันยังคงเอ่ยต่อไม่ให้ขาดประโยค
“ก็เรื่องที่เขาสังหารบิดาเมื่อตอนสิบขวบน่ะสิครับ”