ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,ยุคกลาง,ดาร์ค,รัก,พระเอกค่าตัวแพง,พระเอกปากหมา ,พระเอกธงแดง,พระเอกรวย,พระเอกร้าย,พระเอกคลั่งรัก,พระเอกขี้หึง,พระเอกขี้หวง,นายเอกจน,ดยุก,พีเรียดยุโรป,พีเรียดตะวันตก,ลูซิเฟอร์,ซาตาน,ดราม่า,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์ผู้มัวหมองล่อลวงนักบุญทำสามี ถูกครหาเหยียบย่ำจนจมธรณี... “เพื่ออิสรภาพ” เขาขายวิญญาณสามีให้แก่ซาตาน ❝จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ และเป็นของข้า❞
𝕳𝖚𝖘𝖇𝖆𝖓𝖉'𝖘 𝖇𝖔𝖉𝖞 𝖚𝖓𝖉𝖊𝖗 𝖙𝖍𝖊 𝕵𝖚𝖓𝖎𝖕𝖊𝖗 𝖙𝖗𝖊𝖊
𝕵𝖚𝖍𝖆𝖗𝖆𝖍
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
...มันคือความผิดพลาด....
ขอเพียงแค่ 'จินดริชผู้น่ารังเกียจ' ได้หลุดพ้นจากสามีนักบุญอย่าง 'ลูเซียส คิว แมทธีโอนี' ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงไม่รับฟังคำขอ ทว่าผู้มอบข้อเสนอกลับเป็นปรปักษ์ของพระเจ้า...
วิญญาณของสามีไร้รัก เขาจะมอบให้...ซาตาน
❝ จงฝังร่างเขาใต้ต้นจูนิเปอร์ ❞
แต่จินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วที่ซาตานต้องการ...ไม่ใช่สามี
•• <<──≪•◦⚜◦•≫──>> ••
TWITTER X: @juha_rah | FACEBOOK: Juharah
แท็ก #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Story: Juharah | Cover: WP Seazebra
FACEBOOK: Juharah
TWITTER X: @juha_rah
Tag: #หลุมศพสามีใต้ต้นจูนิเปอร์
Chapter 18
"The Abandoned Rambert"
เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ ไบรอัน แมทธีโอนี กลับมาพักร้อนที่คฤหาสน์ของพี่ชายคนโตในชนบทอาร์คาเนีย แต่อยู่ติดบ้านแค่ช่วงเย็นถึงกลางคืนเท่านั้น ชายผมทองใจดีขลุกตัวอยู่ในห้องครัวทำขนมเสียงดังถึงห้าทุ่ม จากนั้นก็เข้านอนและตื่นออกไปเที่ยวเล่นตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้ก็เช่นกัน
ร่างสูงเดินลงมาจากชั้นสามอันเป็นห้องนอนส่วนตัวจนถึงโถงสำหรับรับแขกและนั่งพักผ่อน เขากวาดตาไปรอบ ๆ จนถึงห้องครัวก็เห็นเพียงสาวใช้ที่เดินไปมา เจสันเดินเข้ามาหาอย่างรู้งาน
“คุณไบรอันออกไปพบจินดริชตั้งแต่หกโมงเช้าแล้วครับ”
“อีกแล้วงั้นเหรอ”
“ครับ”
“ได้บอกเขาหรือเปล่าว่าวันนี้ตระกูลจาเร็ตจะเข้ามาพบ?”
“ผมแจ้งให้ทราบแล้วครับ” ถึงสามรอบ...ประโยคท้ายนั้นเจสันได้แต่คิดอยู่ในใจ เขาส่งยิ้มเจื่อนกลับไปให้ลูเซียส
บุตรชายนักบุญตระกูลแมทธีโอนีไม่อาจจะทำอะไรต่อได้ อีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดแล้ว ยังไงเขาก็ไม่อาจตามน้องชายผู้เอาแต่ใจกลับมาคฤหาสน์ได้ทัน ช่างหัวรั้นและต่อกรด้วยยาก
เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ปวดหัว...
“เตรียมรับแขกอย่างดีด้วยครับ”
“รับทราบครับคุณชายลูเซียส”
ว่าจบลูเซียสก็ไปนั่งพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงชั้นหนึ่ง ปล่อยให้สาวใช้จัดเตรียมห้องโถงสำหรับรับแขก นัยน์ตาของเขากวาดมองหัวดอกทิวลิปมากมายนับไม่ถ้วนบนที่ดินของตนเอง ตอนนี้มันถูกลงดินไปกว่าร้อยละหกสิบของพื้นที่ อีกไม่นานคงเต็มและเริ่มผลิบานสะพรั่ง
ลมหายใจสูดเข้าปอดลึกอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อรู้ว่าวันนี้ก็ยังเป็นอีกวันที่เขาจะต้องทำงานพบปะผู้คน พลันทำให้นึกถึงภาพชายสองคนที่นั่งพักผ่อนสบายใจ พวกเขายิ้มแย้มแจ่มใสแม้เบื้องหน้าจะเป็นสุสานไม่ใช่ลานทิวลิปเช่นตรงหน้าลูเซียสในตอนนี้
“ขออนุญาตค่ะคุณชายแมทธีโอนี”
ความคิดฟุ้งซ่านถูกหยุดเอาไว้โดยสาวใช้ในคฤหาสน์ ลูเซียสเงยหน้ามองเธอและพบว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ที่มีนามว่าเอ็มม่า เธอบดบังสวนทิวลิปตรงหน้าเขาด้วยเรือนร่างนาฬิกาทราย โน้มตัวลงเพื่อรินชาคู่กับขนมปังทาแยมเบอร์รี หน้าอกเกินตัวทิ้งลงตามแรงโน้มถ่วง ใหญ่เสียจนกระดุมปริไปหมด
ดวงตาคมกริบมองเนินอกขาวผ่านช่องเสื้อที่เปิดออกก่อนจะสบตาเธอที่ช้อนมอง ใบหน้าเอ็มม่าขึ้นริ้วแดงเล็กน้อย สาวใช้อวบอัดเดินออกไปจากระเบียงหลังรินชาและเสิร์ฟมื้อสายเสร็จ
ลูเซียสยิ้มมุมปากก่อนจะเริ่มยกชาขึ้นจิบไม่รีบร้อน
เขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการรับประทานมื้อสายอย่างไม่รีบเร่ง จิบชาพร้อมกับอ่านหนังสือที่เช่ายืมมาจากหอสมุด จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงรถม้าบ่งบอกว่าแขกได้มาถึงตามเวลานัดหมายแล้ว
ที่คั่นหนังสือจากกระดาษสาถูกเหน็บเอาไว้หน้าล่าสุดที่เปิดอ่าน ลูเซียสจ้องมองมันเล็กน้อยและปิดลงอย่างไม่สนใจอีกต่อไป
แขกที่มาในวันนี้มีสามคนด้วยกันคือบารอนจาเร็ตกับภรรยา และลูกสาวของพวกเขาอย่างคุณหนูโอลิเวีย ลูเซียสยิ้มอ่อนโยนจูบหลังมือแผ่วเบาเป็นการทักทาย
“ยินดีต้อนรับครับท่านลอร์ด คุณผู้หญิงจาเร็ตและคุณหนูโอลิเวีย”
ภรรยาบารอนระบายยิ้มผ่านริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีสด
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ทักทายคุณแมทธีโอนีสิ โอลิเวีย”
หญิงสาวชนชั้นสูงร่างบางส่งยิ้มสวยให้แต่บุรุษผมสีสว่าง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ...คุณลูเซียส”
ลูเซียสสบตาเธอหลายวินาทีก่อนจะยิ้มตอบกลับไป
“วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน เข้าไปด้านในก่อนดีกว่าครับ”
“ต้อนรับดีเช่นเคยนะครับ นักบุญลูเซียส” บารอนเอ่ยชม
“บอกแล้วไงครับว่าอย่าเรียกผมแบบนั้นเลย” เขาไม่ได้เป็นนักบุญอะไรอย่างที่ชาวบ้านลือกัน การถูกเรียกเช่นนั้นบ่อย ๆ ก็กดดันไม่น้อย
“อย่าถ่อมตัวไปเลย อีกไม่นานคุณจะถูกสถาปนา เพราะพระสันตะปาปาจะเดินทางมาถ่ายทอดเรื่องราวในพระคัมภีร์กับเหล่าคริสตจักรเมืองอาร์คาเนีย”
เรื่องนั้นถูกกล่าวขานมาได้สักระยะใหญ่แล้วว่านักบุญลูเซียสจะไม่เป็นเพียงแค่การเรียกขาน แต่เขาจะมีคำว่า ‘นักบุญ’ นำหน้าชื่อ [1] จริง ๆ เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลแมทธีโอนีที่กระทำคุณงามความดีมากหลายต่อหลายรุ่น
ลอร์ดจาเร็ตได้รับเพียงรอยยิ้มบางเบาจากลูเซียส เขามองรอบนอกของคฤหาสน์เลยไปที่สวนดอกไม้และแนวภูเขาปลูกไม้ยืนต้นไกล ๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในและนั่งลงที่โซฟาอย่างคุ้นชิน เป็นเพราะเขาเข้าออกบ้านหลังนี้บ่อยโดยใช้สิทธิ์แขกคนสนิท รอให้เหล่าสาวใช้เสิร์ฟชาครบถ้วนจึงเข้าประเด็น มอบตะกร้าของฝากที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือขนมที่เป็นกระแสนิยมในช่วงนี้
“ครั้งก่อนที่คุณลูเซียสมาเยี่ยมไข้ผมก็ไม่ได้มาพบเพื่อเป็นการตอบแทน ช่วงนี้งานยุ่งมากจากการเตรียมรับเหล่าขุนนางจากหัวเมืองอื่น”
“ไม่เห็นต้องตอบแทนอะไรเลยครับท่านลอร์ด ผมไปเยี่ยมเพราะเป็นห่วงจากใจจริง เกรงว่าจะเหงาหากไม่มีท่านลอร์ดไปร่วมงานการกุศล”
ภรรยาจาเร็ตได้ยินเช่นนั้นก็ยกพัดขึ้นปิดปากและขำอย่างมีจริตตามภาพลักษณ์กุลสตรีชนชั้นสูง “ตายจริง ช่างพูดช่างจาจริง ๆ เลย”
“นักบุญท่านนี้ก็พูดเอาใจเก่งมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วล่ะคุณหญิง”
บารอนเอ่ยแซวขำขันกับภรรยา ลูเซียสยิ้มบางก่อนจะเบนไปสบตากับโอลิเวียที่นั่งอยู่เงียบ ๆ เธอหลบตาเขาก่อนจะยกมือทัดหูอย่างเขินอาย
“ผมก็หายป่วยสักพักแล้ว แต่ทำไมไม่เห็นคุณลูเซียสไปร่วมงานบุญสักเท่าไหร่เลย” บารอนถามในอารมณ์ไม่ตึงเครียด
“ต้นฤดูกาลงานเกษตรจะค่อนข้างยุ่งน่ะครับ และยังมีเรื่องงานเลี้ยงในเดือนหน้าอีก”
“โอ้ ช่วงนี้เนื้อหอมมากสินะครับ จริงสิ...” บารอนกวาดสายตามองไปทั่วโถง “ได้ยินว่าคุณชายไบรอันได้มาพักร้อนที่อาร์คาเนีย?”
ชื่อของน้องชายถึงเอ่ยถึงในที่สุด ลูเซียสส่งยิ้มไปให้และแก้ต่างแทนไบรอันที่ออกไปเที่ยวเล่น “ผมให้เขาไปติดต่องานเร่งด่วนที่ตัวเมืองน่ะครับ หากมีเวลาจะพาเขาเข้าไปทักทาย ขออภัยจริง ๆ”
“โอ้ ไม่ต้องกังวลใจไปหรอกครับ ผมแค่ถามไปอย่างนั้นเอง” บารอนจาเร็ตวกกลับมาเรื่องผลผลิต “แล้วคิดว่าฤดูกาลนี้จะไปได้สวยหรือเปล่าครับ?”
“ครับ คาดว่าผลผลิตจะมากกว่าเดิมถึงสามเท่าตัวโดยเฉพาะดอกทิวลิป มีพ่อค้าจากเขตตะวันออกสั่งซื้อเข้ามามากตามจำนวนนักท่องเที่ยว”
“โอ้ เป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ”
“ได้ยินว่าเริ่มลงหัวดอกทิวลิปแล้วใช่ไหมคะ? ได้ยินว่าโอลิเวียชื่นชอบดอกทิวลิปมาก ก่อนกลับหากคุณแมทธีโอนีพาไปเดินชมคงจะดีไม่น้อย”
ภรรยาบารอนจับไหล่เล็กของลูกสาวเธอ ลูเซียสส่งยิ้มให้เช่นเดิม
“ด้วยความยินดีครับ”
เมื่อพูดคุยเรื่องหน้าท่าที่การงานได้สักพักใหญ่ ลอร์ดจาเร็ตและภรรยาก็ขอตัวเดินไปดูสวนและไร่ไม้ยืนต้นกับพ่อบ้านเจสัน ส่วนทางลูเซียสรับหน้าที่พาคุณหนูโอลิเวียมาเดินชมดอกทิวลิปที่รอวันเบ่งบาน
สวนถูกจัดแจงแยกตามสีอย่างเป็นระเบียบโดยการปักป้ายเอาไว้ เพราะว่าตอนนี้ดอกทิวลิปยังไม่โต กว้างใหญ่ละลานตาจนโอลิเวียเองก็ทึ่ง
“ดิฉันไม่เคยพบเจอสวนดอกไม้ที่กว้างขวางขนาดนี้เลยค่ะ”
“เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ต้องขายส่งออกต่างเมืองน่ะครับ ไม่ใช่ดอกไม้เพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว”
“ดูจากป้ายแล้วมีหลากสีมากเลยนะคะ”
“คุณหนูชอบดอกทิวลิปสีอะไรครับ?” ลูเซียสเอ่ยถาม
“สีแดงค่ะ อันที่จริงแล้วดิฉันชอบดอกกุหลาบมากกว่า”
“ด้านหลังยังมีเรือนกระจกสำหรับปลูกดอกกุหลาบ หากคุณหนูต้องการผมจะพาไปดูครับแต่จะเดินไกลหน่อย”
โอลิเวียมองตามปลายนิ้วเรียวยาว เธอเห็นยอดเรือนกระจกจากกลุ่มต้นไม้พลันปฏิเสธเพราะคาดเดาระยะทางได้
“ไม่เป็นไรค่ะ มองไปมองมาดอกทิวลิปก็งดงามกว่าจริง ๆ”
“เดือนหน้าดอกทิวลิปจะเริ่มตูม มันงดงามกว่านี้ครับ”
ตอนนี้มันเป็นเพียงหัวทิวลิปที่ฝังดิน ยังไม่อาจมองหาความงามได้ แต่พอให้เห็นยอดสีเขียวที่ผุดขึ้นมาเต็มไปหมดคล้ายทุ่งหญ้า ลูเซียสที่อยู่อาร์คาเนียมาหลายปีย่อมจำภาพวันที่มันบานสะพรั่งออก
“อะ!”
คุณหนูโอลิเวียเดินสะดุดก้อนหินจนตัวเซ ลูเซียสตอบรับโดยการยื่นมือไปดึงตัวเอาไว้ในทันที “ระวังครับ พื้นที่ตรงนี้ยังจัดการไม่เรียบร้อย”
โอลิเวียวางมือทับเบา ๆ ส่งยิ้มหวาน “ดิฉันจะระวังกว่านี้นะคะ”
ผู้เป็นเจ้าบ้านสบตาหวานของหญิงสาว ริมฝีปากเธอเคลือบลิปสติกมันวาวโดดเด่น ลูเซียสยิ้มก่อนจะปล่อยเธอให้เดินเล่นต่อ
“คุณลูเซียสคิดว่าดิฉันเหมาะกับทิวลิปสีอะไรเหรอคะ?”
“สีอะไรงั้นเหรอครับ...”
คำถามนั้นทำให้ลูเซียสมองทุ่งทิวลิปที่ปรากฏเพียงยอดต้นกล้า จินตนาการภาพตอนที่มันบานในหัว สีสันหลากหลายมีปริมาณตามความนิยม เขาไม่อาจหาสีที่เหมาะกับเธอได้
“คุณหนูเหมาะกับทุกสีเพราะคุณหนูสดใสครับ”
“แหม...จริงเหรอคะ”
“ครับ...”
คำถามของคุณหนูโอลิเวียช่างน่าสนใจ
ดอกไม้มีความหมายของมันแตกต่างไปตามแต่ละสายพันธุ์และสีสัน ใช้แทนคำพูด ใช้เปรียบเทียบกับคนแต่ละคน ในจินตนาการของลูเซียสยังมีอีกสีหนึ่งที่มีจำนวนน้อยจนเป็นจุดด่างในลานกว้างของเขา ไม่เป็นที่นิยม ใช้ในงานไว้อาลัย มันช่างคล้ายคลึงขี้แมลงวันใต้ตาสีฟ้าประกายและตัดกับสีผิวขาวผ่อง เด็กหนุ่มมืดมนทั้งอารมณ์และคำเลื่องลือ เสื้อผ้าครึ้มทึบโทนดำทั้งตัว เด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นทิวลิปสีอะไรหากเทียบกับสีทั้งหมดในหัวของเขา
ทิวลิปสีดำ
จินดริช ออสวาล์ด...เหมาะสมกับทิวลิปสีดำ
“ไว้รอบหน้าสัญญาว่าจะทำแซนด์วิชมาให้ทานจนได้!”
น้ำเสียงและสีหน้ามุ่งมั่นจนจินดริชนึกขำในใจ เขากล่าวกับชายร่างสูงที่เดี๋ยวนี้มีกลิ่นนมเนยติดตัวอยู่เป็นประจำ
“เอาใจช่วยนะครับคุณไบรอัน”
“ใครจะคาดคิดว่าการทำขนมปังยากกว่าคุกกี้ถึงขนาดนี้”
“ยังไงก็ต้องสำเร็จในสักวันแน่ ๆ ครับ”
“อืม แต่วันนี้ฉันคงต้องกลับแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจินนี่”
ถึงคราที่จินดริชต้องชะงักกับประโยคนั้น เขากล่าวกับชายหนุ่มก่อนที่อีกฝ่ายจะขึ้นรถม้าไป “ความจริงแล้วไม่ต้องมาพบผมทุกวันก็ได้นะครับ งานของผมออกจะน่าเบื่อและดูเหมือนว่าคุณชายเองก็ยุ่ง”
นั่นเป็นข้ออ้างที่จินดริชนอนคิดมาตลอดคืน ความจริงแล้วเขาเริ่มได้ยินข่าวคราวหนาหูเรื่องที่ไบรอันมาขลุกตัวอยู่กับเขาบุคคลอันเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน
“ทำไมถึงรู้ดีทั้ง ๆ ที่ฉันไม่คิดแบบนั้นสักนิด”
ไบรอันยิ้มบาง ในตอนนั้นเองที่จินดริชรู้สึกว่าอีกฝ่ายคล้ายกับคนพี่
“เพราะคุณไบรอันอยู่กับผมทั้งวันและยังกลับไปทำขนมต่อจนดึกดื่น ผมคิดว่าคุณควรจะได้พักผ่อนสักหน่อย-”
“จิน...”
คำกล่าวยืดยาวเงียบลง จินดริชเงยหน้าสบตาคนที่เดินมาลูบหัวเบา ๆ อีกฝ่ายยิ้มให้เขาแล้วพูดด้วยเสียงไม่ดังนัก
“นายไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันสนุกก็พอแล้วนี่”
“...”
“ทำใจให้สบาย ๆ เถอะนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้...จิน”
ร่างสูงผละไปขึ้นรถม้าและเคลื่อนตัวเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ ทิ้งให้จินดริชยืนประคองจักรยานอยู่ที่เดิม เขามองตามหลังจนลับสายตา
ไบรอันรับรู้มาตลอดงั้นเหรอ? แต่เขายังคงยิ้มและปฏิบัติดีเช่นเดิม...
ใจฟูฟ่องมีความสุขอย่างที่เกิดขึ้นได้น้อยครั้ง จินดริชยิ่งมั่นใจว่าการที่พี่ชายสมัยเด็กกลับมาอาร์คาเนียนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี
“ไม่ต้องสนใจคนอื่นงั้นเหรอ...”
รอยยิ้มเริ่มปรากฏ ดวงตาสีฟ้าทอประกายงดงาม ร่างโปร่งขึ้นคร่อมจักรยานคันใหม่และตรงบึ่งไปตามเส้นทาง รอยยิ้มของเขาเจิดจรัสจนคนทั้งเมืองมองด้วยความสงสัยติดหมั่นไส้
เขายังเหลือเวลาอยู่กับไบรอันอีกราว ๆ หนึ่งเดือนก่อนอีกฝ่ายจะกลับไปที่เกรซ จินดริชจะไม่สนใจคนอื่นที่กล่าวร้าย
จินดริชจะทำให้ได้...
พอรู้วิธีการปล่อยวางจินดริชก็เริ่มสัมผัสถึงความสุขจากการคิดในแง่บวก เขาปั่นไปยังจุดหมายปลายทางโดยคิดไปด้วยว่า บางทีพระเจ้าอาจจะมอบโอกาสให้เขาแล้วก็เป็นได้
ความสุข...
จินดริชจะได้สัมผัสกับสิ่งนั้นแล้ว แม้จะในระยะเวลาอันสั้น
[1] เมื่อถูกสถาปนาให้เป็นนักบุญ คำนำหน้าชื่อจะเปลี่ยนจาก ‘นายลูเซียส คิว แมทธีโอนี (Mr. Lucius Q. Matteony) ’ เป็น ‘นักบุญลูเซียส คิว แมทธีโอนี (Saint Lucius Q. Matteony) ’