เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ - ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ

สารบัญ

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 2 เรื่องราวแต่เก่าก่อน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 4 การแต่งงาน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 5 ดูท่าว่าปากก็ต้องกัดตีนก็ต้องถีบ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 6 พายุหิมะ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 7 การเอาชีวิตรอด,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 8 เรื่องมหัศจรรย์,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 9 มิติร้านชำ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 10 ความวุ่นวายในเรือนสกุลต้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 11 ตามหาเรือนหลังใหม่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 13 เตรียมการเพื่อร้านค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 14 พี่น้องสกุลหลิว,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 15 บ้านเล็กในส่วนใหญ่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 16 เริ่มสร้างตัวทีละเล็กทีละน้อย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 17 ทำมาค้าขึ้น,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 18 กรรมใดใครก่อ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 19 กลยุทธ์ทางการค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 20 สกุลไป๋เกิดเรื่อง,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 21 เจ้าอยากไปเที่ยวเมืองหลวงบ้างไหม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 22 มาเยือนเมืองหลวง

เนื้อหา

ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค

“ข้าวยังไม่เสร็จอีกเหรอข้าหิวจะตายอยู่แล้วนะซินหวา เจ้ามีเวลาอยู่บ้านทั้งวันมัวแต่ไปทำอะไรอยู่คอยดูนะข้าจะไปฟ้องท่านแม่” เสียงแหลมๆ ที่มาก่อนตัวเช่นนี้ไม่มีใครไปได้นอกจากลูกติดแม่เลี้ยงของหลิวซินหวาผู้มีนามว่าอี๋ลิ่วเสียนที่วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่กินแล้วก็นอนพร้อมกับชี้นิ้วสั่งให้คนอื่นทำงานแทนตนเอง

“ข้าให้โอกาสเจ้าพูดใหม่แล้วช่วยไปแหกตาดูที่หลังบ้านด้วยว่าที่ข้าทำกับข้าวช้ามันเพราะอะไรถ้าไม่ใช่ว่าต้องซักผ้าให้เจ้ากับท่านแม่หรอกหรือถ้าอยากจะกินเร็วๆ ก็มาช่วยกันถ้ามัวแต่มายืนแหกปากเช่นนั้นก็ไม่ทำให้กับข้าวมันเสร็จเร็วขึ้นหรอกนะ หัดดูอย่างน้องๆ ของเจ้าบ้างตัวพวกเขาก็เท่านั้นแต่ก็ยังออกไปช่วยทำนาไปช่วยเก็บผักป่ามาทำอาหาร เจ้าเป็นพี่แท้ๆ เหตุใดจึงเอาแต่นั่งกินนอนกินดั่งคนง่อยเปลี้ยเสียขา” หลิวซินหวาโยนตะหลิวที่ถืออยู่ในมือกลับลงไปในกระทะด้วยท่าทางฉุนเฉียวจากนั้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เพิ่งจะลุกออกจากห้องนอนมาในช่วงกลางยามอู่ซึ่งดูท่าหน้าตานางคงยังไม่ได้ล้างเลยด้วยซ้ำไป

“นังดาวอับโชคเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครจึงได้มาตีฝีปากใส่ข้าเยี่ยงนี้” อี๋ลิ่วเสียนที่ถูกต่อว่าเป็นชุดแหวใส่น้องสาวต่างบิดามารดา

“ข้าก็เป็นข้าหรือว่าเจ้านอนนานจนความจำเสื่อมถ้าไม่คิดจะช่วยอะไรก็ออกไปให้พ้นๆ เลยอย่ามาเกะกะกันแบบนี้” เมื่อเห็นว่าอีกคนสู้ไม่ได้และตั้งท่าจะฟื้นฝอยเรื่องราวแต่เก่าก่อนมาทำให้ใจของตนเองต้องเจ็บปวดหลิวซินหวาจึงไม่รีรอเลยที่จะไล่อีกคนไปให้พ้นๆ จะได้กลับมาทำกับข้าวเสียทีเพราะตอนนี้ก็ใกล้เวลาที่น้องๆ ของนางจะกลับมาที่บ้านเพื่อเอาอาหารกลางวันไปให้ท่านพ่อละท่านแม่ที่นาแล้ว

ถึงปากจะเรียกคนพวกนั้นว่าท่านพ่อท่านแม่แต่ใจของหลิวซินหวาหาได้มีความเคารพนับถือพวกเขามากนักที่ต้องเรียกว่าแม่เพราะหญิงคนนี้ก็เป็นแม่เลี้ยงที่แต่งงานกับบิดามาตอนที่นางอายุได้เพียงสามหนาวด้วยการจัดการของท่านย่าผู้ล่วงลับที่เห็นว่ามารดาของหลิวซินหวาตายจากไปนานแล้วบิดาควรมีภรรยาใหม่มาดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนเสียที

แม่เลี้ยงเป็นแม่ม่ายในหมู่บ้านเดียวกันโดยนางมีลูกติดมาหนึ่งคนหลังจากแต่งงานกับบิดาของหลิวซินหวาก็มีน้องๆ ที่น่ารักให้นางถึงสองคนซึ่งหญิงสาวออกจะดีใจที่ทั้งคู่ไม่ได้ติดนิสัยของมารดาหรือพี่สาวอีกคนมาเลยสักนิดนับว่าเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายแม้จะซุกซนไปบ้างตามประสาเด็กแต่ก็ไม่นับว่าดื้อด้านอะไร

ส่วนพ่อคนนี้หลิวซินหวาก็เพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่ปีก่อนเหตุเพราะบิดาขึ้นเขาไปหาของป่าในยามที่พักจากฤดูกาลทำนาแต่โชคร้ายไปพบเข้ากับหมีจนโดนมันตะปบเข้าและถึงแม้จะรอดมาได้แต่ก็ต้องรักษาอยู่แรมเดือนจนสุดท้ายแล้วก็ตายจากนางไปอีกคนและสองปีต่อมาหลังจากบิดาเสียแม่เลี้ยงก็แต่งงานใหม่อีกครั้งกับพ่อม่ายลูกติดต่างหมู่บ้านและหอบครอบครัวที่มีถึงห้าชีวิตมาตั้งรกรากอยู่ด้วยกันที่นี่โดยขายสมบัติของบิดาของนางไปเสียหมดด้วยเหตุผลที่ว่าเก็บไว้ก็ไม่มีใครดูแลอีกทั้งหมดเงินมากมายไปกับการรักษาตัวบิดาในครั้งนั้นซึ่งแน่นอนว่าหลิวซินหวาก็เถียงสุดชีวิตแต่ลำพังเสียงนางคนเดียวจะไปสู้อะไรสองแม่ลูกนั่นได้

ที่บ้านของพ่อเลี้ยงคนใหม่นั้นมีอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับที่บ้านเดิมของหลิวซินหวาซึ่งแน่นอนว่าแรงงานหลักของบ้านจะเป็นบิดากับบุตรชายที่แก่กว่านางแต่ยังไม่ออกเรือนซึ่งแรกๆ หลิวซินหวาก็ออกจะแปลกใจแต่พออยู่ๆ ไปได้เห็นนิสัยใจคอว่าผู้ชายที่มีนิสัยเรื่องมากและจู้จี้จุกจิกเช่นนี้คงไม่มีสตรีที่ไหนอยากจะแต่งเข้ามาใช้ชีวิตคู่ด้วยนอกจากนั้นแรงงานอื่นๆ ก็อาศัยการจ้างคนในหมู่บ้านเพราะสกุลต้าก็นับว่ามีฐานะที่ดีพอสมควร

หลังจากอี๋ลิ่วเสียนฟึดฟัดจากไปแล้วหลิวซินหวาก็หันกลับมาตั้งใจทำหน้าที่ของนางต่อ ข้าวที่หุงเอาไว้ก่อนหน้านี้สุกได้ที่แล้วและน้ำแกงไก่ใส่หัวไชเท้าก็กำลังอุ่นอยู่บนเตาฟืนอีกเตาตอนนี้นางกำลังผัดผักป่าใส่ชิ้นหมูเค็มเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติกลมกล่อมที่และนางไม่ลืมต้มไข่เตรียมไว้ให้น้องๆ ของนางด้วยเพราะทั้งคู่กำลังอยู่ในวัยเติบโตต้องได้กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่นางจะหาให้พวกเขากินได้

“พี่รองข้ามาแล้วขอรับ หอมจังวันนี้มีกับข้าวอะไรให้พวกข้ากินบ้าง” คนที่วิ่งเข้ามาในครัวก่อนเป็นคนแรกคือน้องชายคนเล็กหลิวลู่ห่าววัยสิบสามหนาวที่ร่างกายสูงใหญ่ต่างจากเด็กวัยเดียวกันซึ่งมันน่าจะเป็นเพราะเขาเหมือนบิดาของนางมากและการที่เป็นบุตรชายคนเล็กจึงมักได้กินแต่อาหารดีๆ อยู่เสมอก็เป็นได้ รวมไปถึงนางนี่แหละที่ตั้งใจให้น้องชายและน้องสาวได้กินอาหารที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่เสมอจึงขุนกันมาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเจ้าก้อนแป้งน้อย

“วันนี้มีน้ำแกงไก่ใส่หัวไชเท้ากับผัดผักป่าใส่เนื้อหมูเค็ม ที่สำคัญมีไข่ต้มของพวกเจ้าสองคนด้วยกินให้หมดร่างกายจะได้แข็งแรงรู้หรือไม่ ช่วยกันยกไประวังอย่าทำหกเสี่ยวอ้ายเจ้าดูน้องด้วยอย่าให้เขาวิ่งเร็วนัก” ระหว่างส่งตะกร้าใส่อาหารให้น้องๆ หลิวซินหวาไม่ลืมที่จะกำชับให้เด็กน้อยระมัดระวังให้มากเพราะเวลานี้แม่เลี้ยงของนางน่าจะกำลังหิวและเหนื่อยจากการทำงานในที่นาหากกับข้าวหกเสียหายก็จะมาลงโทษน้องๆ ของนางอีก

“ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะเอาข้าวไปส่งเสร็จแล้วพวกข้าจะกลับมาช่วยงานพี่รองนะเจ้าคะเพราะท่านพ่อบอกว่าหลังจากนี้เป็นงานของผู้ใหญ่แล้ว” ได้ยินน้องสาวบอกเช่นนั้นหลิวซินหวาก็เข้าใจแต่ไม่คิดว่าจะให้น้องๆ ช่วยอะไรมากคงปล่อยให้พวกเขาไปซักผ้าของตัวเองเพราะงานอื่นๆ ที่เหลือในวันนี้คือการทำอาหารมื้อเย็นเท่านั้น

หลิวซินหวาไม่มีปัญหากับการที่ต้องดูแลน้องๆ ต่างมารดาส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้ดื้อด้านหรือว่ามีนิสัยเช่นพี่สาวคนโตสอนไปดุไปก็พอจะรู้เรื่องอยู่บ้างเผลอๆ จะรู้ความกว่าอี๋ลิ่วเสียนเสียด้วยซ้ำไป

หลังจากส่งน้องๆ กลับไปที่นาแล้วหลิวซินหวาก็กลับเข้าครัวมากินข้าวที่ซุกซ่อนเอาไว้ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้กินเหตุเพราะลูกติดของมารดาจะกินหมดเพราะนางไม่เคยมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ใครแม้กระทั่งมารดาของตนเองบางครั้งจะกินจะอยู่หรือว่าได้รับสิ่งของอะไรมาจากพ่อเลี้ยงนางและน้องๆ ก็ต้องซ่อนมันเอาไว้ก่อนเพราะหากว่าอี๋ลิ่วเสียนหาเจอนางก็จะยึดไปเป็นของตัวเองอย่างหน้าไม่อายและไม่มีใครว่ากล่าวตักเตือนนางได้ด้วย

น้องๆ กลับมาบ้านหลังจากหายไปที่นาราวๆ หนึ่งชั่วยามพร้อมกับหิ้วปลาตัวโตและคำสั่งของมารดาเลี้ยงที่อยากจะกินปลาผัดเปรี้ยวหวานหลิวซินหวาจึงได้แต่เอาปลาตัวนั้นไปขังไว้ในถังเสียก่อนเพราะยังมีงานบ้านที่ยังรอให้ทำอยู่อีกนิดหน่อยเป็นงานทำความสะอาดทั่วไปเพราะงานใหญ่ๆ อย่างซักผ้าของแม่เลี้ยงและพี่สาวต่างสายเลือดนั้นนางเร่งทำไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วเพื่อให้ทันแดด

“พวกเจ้าสองคนเอาผ้าไปซักที่หลังบ้านนะแต่ก่อนจะซักผ้าเอาผ้าห่มและที่นอนของพวกเราออกมาตากแดดสักหน่อยก่อนมันจะได้ไม่มีเชื้อโรคสะสมมากนัก” การซักที่นอนและผ้าห่มนั้นออกจะเป็นเรื่องใหญ่เพราะนอกจากจะต้องเอาไปซักที่แม่น้ำแล้วยังต้องเลือกวันที่มีแดดจ้าไม่เช่นนั้นผ้าจะไม่แห้งสนิททำให้เกิดกลิ่นอับและเชื้อราและนั่นมันจะเลวร้ายกว่าที่นอนที่ไม่ได้ผ่านการซักเสียอีก

“เจ้าค่ะพี่รอง ห่าวเอ๋อร์เจ้ายกตะกร้าผ้าของตัวเองออกมานะพี่จะจัดการที่นอนเอง” แม้จะตัวเล็กกว่าน้องชายแต่หลิวอ้ายเยี่ยนก็เป็นพี่สาวที่มีใจเป็นห่วงน้องคนเล็กของตัวเองอยู่เสมอ หลิวลู่ห่าวที่เข้าใจดีจึงรีบคว้าตะกร้าผ้าของตัวเองและพี่สาวออกมาจากห้องนอนไปวางที่ข้างบ่อน้ำจากนั้นก็วิ่งกลับเข้าไปในบ้านช่วยกันยกผ้าห่มและที่นอนออกมาอีกรอบหนึ่งเพื่อจัดการตากแดดตามคำสั่งของพี่รองของบ้าน

ในระหว่างที่น้องๆ ช่วยกันซักผ้านั้นหลิวซินหวาก็เข้าไปจัดการทำความสะอาดบ้านเก็บกวาดซากสิ่งสกปรกที่อี๋ลิ่วเสียนได้ทำทิ้งเอาไว้เพราะในเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านอย่าหวังว่าลูกติดของแม่เลี้ยงจะเก็บจานที่นางใช้กินข้าว กินตรงไหนนางจะวางไว้ตรงนั้นช่างเป็นสตรีที่สกปรกจนน่ารังเกียจ

“ซินหวาเจ้าไม่มีชุดใหม่ๆ บ้างเลยเหรอ” จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมๆ ดังออกมาจากห้องนอนที่สามพี่น้องสกุลหลิวใช้ร่วมกันเหตุที่ต้องเป็นเช่นนั้นก็เพราะบ้านหลังนี้มีห้องนอนจำกัดและหลิวซินหวาก็ไม่ได้เป็นคนเรื่องมากในบ้านเก่านางได้นอนที่ห้องเก็บฟืนด้วยซ้ำไปหลังจากที่น้องๆ เริ่มโต

“ชุดใหม่ที่ข้าได้เป็นของขวัญมาจากท่านพ่อเมื่อปีใหม่เจ้าก็เอาไปแล้วยังไงล่ะจะเอาที่ไหนมาใหม่อีก ใจคอจะเจ้าจะหยิบแต่ข้าวของของคนอื่นไปทั้งปีทั้งชาติเลยหรือลิ่วเสียน” หลิวซินหวาตอกกลับด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างจะรุนแรงทั้งที่จริงแล้วนิสัยส่วนตัวของนางไม่ใช่คนปากร้ายอะไรเพียงแต่บางครั้งมันก็ต้องพูดออกมาบ้างไม่เช่นนั้นก็จะถูกเอาเปรียบได้ตลอด

“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีชุดสีชมพูอีกหนึ่งชุดนี่นา เจ้าเอามันไปซ่อนที่ไหน” สายตาของอีกคนจ้องมองมาแบบจับผิดแต่มีหรือที่หลิวซินหวาจะสนใจจ้องมานางก็จ้องกลับไปด้วยสายตาแบบเดียวกัน

“ห้องก็มีแค่นั้นข้าจะไปซ่อนที่ไหนได้เล่า ถ้าหาเจอก็เอาไปเลยแต่อย่ารื้อจนห้องข้าเลอะเทอะไม่เช่นนั้นข้าจะเอาไม้กวาดนี่ฟาดหัวเจ้า ข้าไม่ได้ขู่เจ้าก็รู้ว่าคนอย่างข้าหลิวซินหวาทำได้เช่นที่พูดจริงๆ”

“กล้าดียิ่งนักมาพูดกับข้าเช่นนี้เจ้ามันก็แค่ดาวอับโชคยังคิดว่าตัวเองเป็นดาวนำโชคอีกหรือไรทุกวันนี้ที่แม่ข้าเลี้ยงเจ้าเอาไว้ก็เพราะตั้งใจจะขายให้เศรษฐีมีเงินต่างหากเล่า” เมื่อสู้ไม่ได้ก็ขุดเรื่องเก่ามาพูดอีกครั้งซึ่งเรื่องดาวอับโชคนั้นหลิวซินหวาได้ยินมาตั้งแต่นางเริ่มจำความได้แล้วและนางก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่นิดเดียวแต่ถ้าหากได้พูดออกมาแล้วทำให้อี๋ลิ่วเสียนมีความสุขนางก็จะยอมใจดีฟังให้ก็ได้

“แต่ข้าก็ยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ถูกขายไปที่ไหนนี่นาไม่แน่นะข้าอาจจะเป็นดาวอับโชคของคนอื่นแต่เป็นดาวนำโชคของตัวข้าเองก็เป็นได้ไม่เช่นนั้นข้าจะอยู่รอดปลอดภัยจากเรื่องชั่วร้ายที่เจ้ากับมารดาทำไม่รู้กี่ครั้งกี่หนหรืออี๋ลิ่วเสียน” เรื่องที่อีกคนบอกว่าตั้งใจจะขายนางให้เศรษฐีนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแต่ที่หลิวซินหวายังเอาตัวรอดอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่านางเองก็มีตัวช่วยที่เป็นความลับอยู่เหมือนกันแล้วมันก็เป็นสิ่งที่ปริปากบอกใครไม่ได้อย่างเด็ดขาดแม้แต่น้องๆ ที่นอนอยู่ด้วยกันทุกวันทุกคืน

“เฮอะ แค่เจ้าเกิดวันดีปีดีฤกษ์ยามมงคลแล้วอย่างคิดว่าเจ้าจะมีดีเหนือคนอื่นนะหลิวซินหวาถึงเจ้าจะไม่ได้ถูกขายออกไปเป็นบ่าวของเรือนเศรษฐีในวันนี้พรุ่งนี้แต่อย่างไรแล้ววันนี้เจ้าก็ไม่ต่างจากบ่าวในเรือนสกุลต้าต้องคอยรับใช้ข้ากับแม่อยู่ดีแต่อย่าได้ลำพองใจไปเลยเพราะมารดาข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่แล้วถ้าหากครั้งหน้าเจ้าดื้อด้านไม่แน่พวกเราอาจจะเปลี่ยนใจไปขายน้องๆ ของเจ้าก็เป็นได้”

“ใครจะสนฤกษ์ยามนั่นข้าเองที่เป็นคนเกิดมาแท้ๆ ยังไม่เคยใส่ใจเจ้าและมารดาก็ไม่ต้องมาใส่ใจเรื่องของข้าขนาดนั้นก็ได้กระมัง” ฤกษ์มงคลแล้วอย่างไรในเมื่อคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตายตกไปในสักวันหนึ่งไม่ได้หมายความว่าการถือกำเนิดเกิดมาในยามดีนั้นจะช่วยให้มีอายุยืนอยู่ค้ำฟ้าเสียเมื่อไร