เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น
จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำเมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น
ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ
ในทุกครั้งที่ตีฝีปากปะทะคารมกับบุตรสาวของแม่เลี้ยงไม่มีครั้งไหนเลยที่หลิวซินหวาจะเป็นกังวลเท่ากับครั้งนี้เหตุเพราะอี๋ลิ่วเสียนพูดว่าจะขายน้องๆ ของนางทั้งๆ เด็กทั้งสองคนก็มีสายเลือดของสกุลหลิวและสกุลอี๋รวมกันอย่างละครึ่งหากว่าสองแม่ลูกกล้าขายหลิวอ้ายเยี่ยนและหลิวลู่ห่าวก็นับว่าโหดร้ายผิดมนุษย์เกินไปแล้ว
แล้วเรื่องราวเลยร้ายก็มาไวแบบไม่ทันให้ได้ตั้งตัวหลังจากวันที่เถียงกับพี่สาวคนละสายเลือดไม่นานอี๋เมี่ยวจินมารดาเลี้ยงของหลิวซินหวาก็เข้ามาพูดตรงๆ เลยว่ามีคนจากเมืองหลวงมาถามหาสตรีที่เกิดในฤกษ์ยามมงคลซึ่งแน่นอนว่ามันต้องตรงกับเวลาตกฟากของบุตรสาวคนโตของสกุลหลิวและเท่าที่ได้ยินมาฤกษ์มงคลนั้นก็มีแต่หลิวซินหวาเพียงคนเดียวที่ได้เกิดมาพอดี
“เจ้าจะไม่ช่วยก็ได้แต่คิดดูดีๆ นะว่าถ้าหากขายเจ้าไปคนเดียวคนทั้งบ้านจะได้อยู่สบายแต่หากว่าเจ้าไม่ยอมข้าก็คงต้องตัดใจขายเด็กสองคนนั้นออกไป หลายปีมาแล้วที่บ้านเราทำไร่ทำนาได้ผลผลิตไม่ค่อยจะดีบิดาเจ้าก็กลุ้มใจมากข้าจึงอยากจะช่วยเหลือ” แม่เลี้ยงเข้ามาพูดกับหลิวซินหวาอยู่นานสองนานแต่ฟังแล้วก็จับใจความอะไรมิได้นอกจากว่านางต้องการเงินถึงขนาดที่จะยอมขายลูกในไส้ของตนเอง
“ทำไมท่านแม่ไม่ลองขายลิ่วเสียนดูล่ะเจ้าคะทุกวันนี้ทั้งบ้านดูเหมือนว่านางจะใช้เงินเปลืองอยู่คนเดียวทั้งค่าเสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประทินผิวมากมายถ้าหากตัดส่วนนี้ออกไปข้าเชื่อว่าจะมีเงินเหลืออีกมากนะเจ้าคะอีกทั้งข้าก็ยังเป็นแรงกำลังสำคัญในการดูแลบ้านทั้งทำอาหารและทำความสะอาดถ้าเกิดขาดข้าไปท่านแม่จะลำบากเอาได้” กล้าพูดว่าจะขายน้องๆ ของหลิวซินหวานางก็กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาเหมือนกัน
“ลูกสาวข้านางจำเป็นต้องใช้ของดีมีราคาไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือของใช้นางยังมีอนาคตอีกกว้างไกลไม่ใช่เป็นแค่มดปลวกอย่างพวกเจ้า แต่ก็เอาเถอะหากมีปัญหาเยอะนักข้าจะขายพวกเจ้าไปให้หมดเลยทั้งสามพี่น้องจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป” พูดจบอี๋เมี่ยวจินก็เดินตึงตังออกจากห้องนอนของหลิวซินหวาทิ้งให้หญิงสาวนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงคนเดียวว่าจากนี้ไปจะทำอย่างไรต่อดูท่าแล้วมารดาเลี้ยงไม่มีทางที่จะหยุดขายเพียงแค่นางแน่นอนน้องๆ ก็ต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายไม่ต่างกันแน่เผลอๆ ก็อาจจะเลยร้ายกว่าด้วยซ้ำไป
มีบางครั้งที่หลิวซินหวานึกเกลียดเวลาตกฟากของตนเองนักแถมยังเกลียดคำว่าดาวนำโชคที่ผู้คนใช้เรียกแทนตัวเองเหตุเพราะนางไม่เชื่อว่าชีวิตของคนหนึ่งคนจะถูกกำหนดได้เพียงแค่เวลาเกิดสิ่งนั้นมันอาจจะเป็นแค่ส่วนเล็กๆ แต่สิ่งที่คนเราควรจะใช้กำหนดเส้นทางชีวิตของตนคือการกระทำเสียมากกว่า
“เสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์พี่รองมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพวกเจ้าสัญญาได้หรือไม่ว่าเรื่องนี้จะไม่นำไปบอกใครอย่างเด็ดขาด” ในเมื่อแม่เลี้ยงกับพี่สาวของนางเผยเจตนามาเช่นนี้หลิวซินหวาจึงไม่ลังเลเลยที่จะบอกเล่าความลับที่นางเก็บไว้กับตัวเองมากว่าห้าปีให้ทุกคนได้รู้เพื่อจะหาทางหนีทีไล่และวางแผนในการใช้ชีวิตต่อไปหลังจากนี้
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหมว่ามารดาของพวกเจ้าจะขายพี่ให้เศรษฐีและไม่แน่อาจจะขายพวกเจ้าทั้งสองคนด้วย” หลิวซินหวารู้ว่าน้องๆ ย่อมต้องได้ยินการสนทนาเมื่อหัวค่ำเพราะทั้งนางและแม่เลี้ยงต่างก็ไม่ยอมเบาเสียงกันเลยสักคน
“ข้าได้ยินแล้วเจ้าค่ะ น้องเล็กก็ได้ยินด้วยเช่นกัน” หลิวอ้ายเยี่ยนให้คำตอบพี่สาวส่วนน้องชายคนเล็กได้แต่นั่งกำหมัดของตนเองเอาไว้แบบนั้น
“ถ้าหากพี่รองบอกว่ามีทางที่จะช่วยพวกเจ้าทั้งสองคนพวกเจ้าจะเชื่อฟังพี่หรือไม่”
เรื่องนี้หลิวซินหวาเดิมพันทั้งชีวิตของตนเองกับการกระทำที่เสี่ยงมากขนาดนี้เพราะถ้าหากน้องๆ ของนางไม่เห็นด้วยแต่ได้รู้ความลับของตัวเองไปแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างมากแต่ในเมื่อนางไม่มีอะไรจะเสียแล้วหลิวซินหวาจึงยอมทำ
“พี่รองจะทำอย่างไรหรือขอรับ”
“ถ้าพี่ให้เจ้าดูอะไรอย่างหนึ่งสัญญาได้ไหมว่าจะเก็บเป็นความลับไม่แพร่งพรายออกไปให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาดเพราะถ้าหากมีคนอื่นรู้พี่รองจะไม่ปลอดภัย” เด็กทั้งสองต่างพยักหน้ากันหงึกหงักแววตาใสแจ๋วที่ไม่มีประกายเจ้าเล่ห์ดังเช่นมารดาและพี่สาวร่วมสายเลือดของพวกเขาทำให้หลิวซินหวาวางใจก่อนจะยกมือข้างหนึ่งของนางออกมาไว้ระดับสายตาของน้องๆ จากนั้นก็หยิบส้มออกมาจากอากาศ หนึ่งผล สองผล สามผล จากนั้นก็เก็บกลับคืนไปทีละผลอย่างช้าๆ
“พี่มีที่ที่จะซ่อนตัวพวกเจ้าเอาไว้ได้หากว่าพี่ถูกขายออกไปจะพาเจ้าสองคนไปด้วย เราจะหนีไปใช้ชีวิตใหม่ด้วยกัน เจ้าทั้งสองคนยินดีที่จะไปกับพี่หรือเปล่า” นางฉวยโอกาสที่น้องๆ กำลังตะลึงอยู่กับผลส้มในมือรีบถามความคิดเห็นของทั้งสองคนในทันที
“เสี่ยวอ้ายไปเจ้าค่ะ”
“ข้าก็ไปด้วยขอรับพี่รอง” เด็กสองคนตอบพี่สาวอย่างไม่มีลังเลเพราะที่ผ่านมาแม้จะมีมารดาก็เหมือนว่าไม่มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวสองพี่น้องพี่รองผู้นี้ล้วนเป็นคนดูแลเอาใจใส่มาตลอดการหนีไปตายเอาดาบหน้ากับนางย่อมดีกว่าที่จะอยู่ต่อไปแบบไร้อนาคต
“เอาไว้พรุ่งนี้ตอนที่ไม่มีคนอยู่ที่บ้านพี่จะพาพวกเจ้าเข้าไปดูที่หลบซ่อนระหว่างนี้ก็ช่วยกันคิดแผนก่อนว่าพวกเราจะพาเจ้าซุกซ่อนหลบหนีไปอย่างไรดี”
ความลับที่หลิวซินหวาปกปิดมาหลายปีนั้นก็เป็นเรื่องที่นางเพิ่งจะได้รับรู้เมื่อตอนที่ตัวเองมีอายุได้สิบสามขวบปีครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงสิ่งวิเศษนี้เป็นตอนที่นางนอนหลับอยู่คนเดียวในห้องนอนของบ้านเก่าและเป็นไข้จากการที่โดนแม่เลี้ยงและบุตรสาวของนางทำร้ายทุบตีเนื่องจากทำกับข้าวเสร็จไม่ทันใจ
แต่ก่อนหน้านั้นหลิวซินหวามักจะฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บ่อยๆ โดยคนผู้นั้นมีหน้าตาเหมือนกับนางไม่ผิดเพี้ยนราวกับเป็นคนคนเดียวกันเพียงแต่ดูจะมีอายุมากกว่า การแต่งตัวรวมไปถึงสถานที่ต่างๆ ที่นางใช้ชีวิตอยู่ก็ต่างกับชีวิตของนางโดยสิ้นเชิงจนกระทั่งหลิวซินหวาได้บังเอิญแตะนิ้วลงบนปานของตัวเองที่ท้องแขนนางจึงได้พบกับมิติพิเศษที่ซ่อนไว้ในจิตวิญญาณของตัวเอง
ในมิตินั้นมีบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งซึ่งสภาพมันก็ไม่ได้ต่างจากโรงเก็บฟืนที่บ้านเก่าเลยสักนิดแต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์คือเมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วข้างในนั้นกลับเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ มากมายที่นางไม่เคยได้รู้จักมาก่อนแต่มันกลับคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
หลิวซินหวาใช้เวลาเรียนรู้สิ่งของในบ้านหลังนั้นและตัวตนของผู้หญิงที่ฝันถึงอยู่หลายปีจนกระทั่งอายุได้สิบห้าปีข้อสงสัยทุกอย่างจึงกระจ่างแจ้งว่าหลิวซินหวากับผู้หญิงที่อยู่ในฝันเป็นคนเดียวกันแต่อยู่กันคนละมิติเวลาและในตอนนี้หว่าหวาหรือเจ่เจ้คนนั้นได้สิ้นอายุขัยไปแล้วคงเหลือแต่หลิวซินหวาที่ยังต้องใช้ชีวิตต่อไปแล้วบ้านหลังเล็กนี้ก็คือร้านขายของชำที่เป็นทั้งชีวิตของหว่าหวาและเป็นกิจการที่เธอรักและอุทิศชีวิตให้จนตัวตาย
จากการศึกษาเรียนรู้มาเป็นเวลาหลายปีในที่สุดความทรงจำของหว่าหวาและหลิวซินหวาก็รวมกันเป็นเนื้อเดียวความทรงจำสองสายต่างช่วงเวลาได้ร้อยเรียงถักทอจนตอนนี้ในหัวของหลิวซินหวามีความรู้ทั้งอีกโลกหนึ่งและในโลกนี้อัดอยู่เต็มแน่นและนางก็สาวมารถเอาตัวรอดจากการถูกขายหลายครั้งหลายหนมาด้วยมิติวิเศษอันนี้และในเวลาอันใกล้นางก็จะใช้มันเพื่อช่วยน้องทั้งสองคนของตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยอีกด้วย
“ลืมตาได้แล้วล่ะเสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์”
“ที่นี่ที่ไหนกันพี่รอง” เสียงสั่นๆ ด้วยความหวาดกลัวและมือสองข้างของหลิวซินหวาที่น้องๆ จับอยู่คนละข้างถูกบีบเข้าหากันจนแน่นแสดงให้เห็นว่าเด็กทั้งสองคนกำลังหวาดหวั่นเป็นอย่างมากเมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย
“ที่นี่คือที่ปลอดภัยที่พี่เคยบอกพวกเจ้าไว้อย่างไรเล่าอยู่ในนี้จะไม่มีใครสามารถเข้ามาพบเห็นพวกเจ้าได้เลยถ้าพี่ไม่ได้เป็นคนที่พาเข้ามา” จากตำราที่หลิวซินหวาพบในร้านขายของชำในมิตินั้นบอกว่าคนที่สามารถเข้ามาในมิติแห่งนี้ได้แน่นอนว่าตัวนางผู้เป็นเจ้าของต้องเป็นฝ่ายอนุญาตและเป็นผู้ที่นำคนเหล่านั้นเข้ามาด้วยความเต็มใจแต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาได้ทุกคนตามเงื่อนไขของมิติร้านชำที่แน่ๆ คนที่เป็นสายเลือดเดียวกันหรือคนที่ไม่ได้คิดร้ายต่อหลิวซินหวาสามารถเข้ามาได้อย่างแน่นอน
“เบื้องหน้าของเจ้าเป็นร้านขายของชำของพี่ในอีกโลกหนึ่งก่อนที่พี่รองจะมาเกิดเป็นพี่สาวหลิวซินหวาคนนี้เคยเกิดมาแล้วครั้งหนึ่งเป็นสตรีชื่อว่าเจ่เจ้หว่าหวานางเป็นคนทำอาชีพค้าขายแต่ต้องมาตายตกไปเพราะพี่น้องที่มีใจริษยาและมีแต่ความโลภเข้าครอบงำ แต่ตายแล้วก็ตายไปอย่างไรเสียก็ไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้แล้วสิ่งที่ต้องทำคือรักษาชีวิตนี้เอาไว้และใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุดต่างหาก”
หลิวซินหวาเล่าให้น้องๆ ฟังเพียงคร่าวๆ ไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดจากนั้นก็พาทั้งคู่เข้าไปเดินเที่ยวชมภายในร้านที่มีพร้อมสรรพทั้งของกินของใช้เพราะก่อนที่นางจะตายไปนั้นร้านขายของชำเล็กๆ ของหว่าหวากำลังพัฒนาเป็นร้านค้าชุมชนขนาดย่อมไม่ต่างจากร้านสะดวกซื้อที่ขายของทุกอย่างไม่ว่าจะของอุปโภคหรือบริโภคทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านของตนเองหรือแม้แต่หมู่บ้านใกล้เคียงก็สามารถจับจ่ายซื้อของได้โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางเข้าเมืองไปเป็นวันครึ่งวัน
“พี่ปลูกผักรวมถึงเลี้ยงไก่เอาไว้ด้วยไก่ป่าที่เราเคยจับมาได้พี่แอบเอามาปล่อยไว้ในนี้ไม่นานมันก็ออกลูกออกหลานอย่างที่พวกเจ้าเห็นส่วนเรื่องที่หลับที่นอนและอาหารการกินไม่ต้องห่วงภายในร้านมีอาหารสำเร็จรูปแค่เปิดกระป๋องเราก็สามารถกินได้เลยเอาไว้พี่จะสอนพวกเจ้าทีหลังนะ
ยามค่ำคืนถ้าเกิดหิวก็บอกได้พี่จะนำอาหารออกมาให้เจ้ากินกันพี่รองขอโทษพวกเจ้าที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เอาอาหารจากมิติออกมาช่วยเหลือเลย”
แม้ว่าน้องๆ ของหลิวซินหวาจะไม่เคยต้องทนหิวเหมือนกับนางแต่ใช่ว่าเด็กๆ จะมีกินอิ่มท้องในทุกวันและด้วยความที่ก่อนหน้านั้นตัวนางเองยังไม่มีหนทางที่จะเปิดเผยเรื่องมิตินี้จึงไม่อาจทำอะไรที่เป็นพิรุธได้จะมีก็แต่แอบเอาข้าวออกมาจากมิติเพื่อผสมเข้ากับข้าวที่มีอยู่ในเรือนเพื่อให้น้องๆ ได้กินเพิ่มอีกนิดเท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะพี่รองเสี่ยวอ้ายกับห่าวเอ๋อร์เข้าใจดีต่อจากนี้ไปพวกเราจะช่วยพี่รองเก็บความลับและจะไม่ทำตัวให้เป็นพิรุธเจ้าค่ะ” แม้จะถูกเลี้ยงดูมาดีกว่าหลิวซินหวาผู้เป็นพี่สาวเล็กน้อยแต่ในสายตาของมารดาหลิวอ้ายเยี่ยนก็ยังไม่มีค่าเท่าลูกรักของนางอี๋อยู่ดีเด็กน้อยจึงเข้าอกเข้าใจพี่สาวร่วมบิดาคนนี้อยู่หลายส่วนและที่ผ่านมาทั้งนางและน้องก็ได้พี่ซินหวาเลี้ยงดูมาจนโตแล้วเหตุใดจึงต้องไปโกรธนางด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อยแค่นี้กัน