เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ - ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ

สารบัญ

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 2 เรื่องราวแต่เก่าก่อน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 4 การแต่งงาน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 5 ดูท่าว่าปากก็ต้องกัดตีนก็ต้องถีบ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 6 พายุหิมะ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 7 การเอาชีวิตรอด,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 8 เรื่องมหัศจรรย์,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 9 มิติร้านชำ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 10 ความวุ่นวายในเรือนสกุลต้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 11 ตามหาเรือนหลังใหม่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 13 เตรียมการเพื่อร้านค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 14 พี่น้องสกุลหลิว,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 15 บ้านเล็กในส่วนใหญ่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 16 เริ่มสร้างตัวทีละเล็กทีละน้อย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 17 ทำมาค้าขึ้น,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 18 กรรมใดใครก่อ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 19 กลยุทธ์ทางการค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 20 สกุลไป๋เกิดเรื่อง,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 21 เจ้าอยากไปเที่ยวเมืองหลวงบ้างไหม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 22 มาเยือนเมืองหลวง

เนื้อหา

ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย

สามพี่น้องสกุลหลิวใช้ชีวิตกันไปตามปกติเพียงแต่เพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นอีกหลายส่วนได้เกือบจะหนึ่งเดือนข่าวเรื่องมีคนมาตามหาหญิงสาวที่เกิดในฤกษ์ยามมงคลก็มาถึงหมู่บ้านจนได้ จากข่าวเล่าลือที่ชาวบ้านพูดกันปากต่อปากนั้นหลิวซินหวาก็พอจะจับใจความได้ว่ามีสกุลใหญ่ในเมืองหลวงต้องการสตรีผู้ที่เกิดในฤกษ์ยามมงคลเพื่อไปแต่งงานกับบุตรชายคนโตที่ป่วยหนักเพื่อเป็นการแก้เคล็ดลบล้างอาถรรพ์หรือที่ภาษาชาวบ้านพูดกันว่าเป็นการแต่งงานล้างซวย

“ที่นี่บ้านสกุลต้าใช่หรือไม่” ยังไม่ทันจะได้หาวิธีรับมือกับเรื่องนี้หลิวซินหวาก็ต้องมาต้อนรับแขกผู้มาเยือนที่หน้าเรือนในวันที่คนทั้งบ้านออกไปทำงานในที่นากันตามปกติ

“ท่านมาหาใครหรือเจ้าคะ” ท่าทางระแวดระวังของหญิงสาวตรงหน้าทำให้พ่อบ้านจากสกุลไป๋ที่รับหน้าที่มาตามหาสตรีที่ถือกำเนิดในฤกษ์ยามมงคลรู้สึกสบายใจขึ้นหน่อยที่หมู่บ้านชนบทแห่งนี้มิได้มีแต่สตรีที่โง่เขลา

“ข้ามาพบแม่นางอี๋เมี่ยวจินไม่ทราบว่านางอยู่หรือไม่” เมื่ออีกฝ่ายระบุตัวตนของคนที่ต้องการมาพบแล้วหลิวซินหวาก็เข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้ามาเพื่อเหตุผลอะไรแต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยอะไรออกมาแม่เลี้ยงก็วิ่งกระหืดกระหอบมาจากที่นาประดุจว่ามีใครไปกระซิบบอกข่าว

“ซินหวารีบเชิญนายท่านเข้าไปในบ้านเร็วๆ สิแล้วไปเตรียมน้ำชามาด้วย ต้องขออภัยนะเจ้าคะที่ซินหวาของเรานั้นไม่รู้ความแต่นางยังคงสั่งสอนได้เจ้าค่ะไม่ใช่เด็กดื้อด้านอะไร เชิญนายท่านเข้าไปในเรือนก่อนนะเจ้าคะอาจจะคับแคบไปสักหน่อยหวังว่านายท่านคงไม่ถือสา” หลังจากส่งสายตาไล่ลูกเลี้ยงกลับเข้าไปในเรือนแล้วอี๋เมี่ยวจินก็เริ่มทำการประจบประแจงชายชราทันทีโดยไม่สนใจสีหน้ารังเกียจของคนจากฝั่งเมืองหลวงเลยสักนิด

“ข้ามีเวลาไม่มากอย่างไรแล้วก็ขอดูหลักฐานการเกิดของคนที่เจ้าว่าเลยเถิดจะได้ไม่เป็นการเสียเวลา” ชายชราเดินทางรอนแรมมาหลายเดือนพบเจอทั้งผู้คนมากเล่ห์และพบเจอทั้งคนโง่ที่อวดฉลาดจึงไม่อยากเสียเวลาที่มีค่าไปอีกแม้เพียงชั่วจิบชาเดียวก็ตาม

“ได้เลยเจ้าค่ะ ซินหวา หลิวซินหวา เดี๋ยวข้าไปตามนางแล้วจะกลับมาพร้อมใบเกิดนะเจ้าคะ” เนื่องจากเมื่อครั้งที่ย้ายบ้านมาสกุลต้าอี๋เมี่ยวจินรำคาญและไม่อยากจะยุ่งยากเรื่องการเก็บใบเกิดของลูกๆ นางจึงมอบให้เจ้าตัวเก็บรักษาของตัวเองเอาไว้ให้ดีๆ

“ซินหวาออกไปข้างนอกพร้อมข้าแล้วอย่าลืมเอาใบเกิดของเจ้าไปด้วย เร็วๆ เข้าล่ะอย่าชักช้าอืดอาด” เมื่อได้ยินแม่เลี้ยงเอ่ยเช่นนั้นหลิวซินหวาก็คิดแล้วว่าถึงเวลาของนางและน้องๆ แล้วจึงแสร้งทำท่าไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวจากนั้นก็เดินไปปฏิบัติตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

ฤกษ์มงคลที่ว่านั้นเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงสุกสว่างไปทั้งคืนซึ่งวันดีๆ เช่นนี้ร้อยปีจึงจะมีสักหนึ่งหนผู้คนจึงเชื่อว่าเด็กที่เกิดในวันนี้โดยเฉพาะถ้าหากเป็นสตรีนางจะนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาให้ช่วยล้างอาถรรพ์และสิ่งเลวร้ายออกไปจากชีวิตของผู้ที่อยู่ใกล้ชิดดังนั้นสกุลไป๋จึงต้องการตัวของนางเป็นอย่างมาก

หลังจากนั่งพิจารณาใบเกิดกับลักษณะท่าทางของสตรีตรงหน้าอยู่พักใหญ่พ่อบ้านชราจึงพยักหน้าว่าพึงพอใจก่อนจะกล่าวถ้อยคำสั้นๆ และออกจากบ้านหลังเล็กไปทิ้งให้หลิวซินหวายืนงงอยู่ตรงนั้นและแน่นอนว่าแม่เลี้ยงต้องรีบเดินไปส่งพร้อมประจบสอพลอแน่นอนอยู่แล้ว

“ค่าตัวของนางตามที่ตกลงพรุ่งนี้เช้าช่วยเตรียมตัวให้พร้อมด้วยข้าไม่อยากเสียเวลา”

วันรุ่งขึ้นหลิวซินหวาถูกปลุกขึ้นมาให้อาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ช่วยต้นยามอิ๋นโดยแม่เลี้ยงสั่งให้อาบน้ำสระผมให้สะอาดหมดจดทั้งๆ ที่นางก็ไม่ได้เป็นคนที่สกปรกอะไรเพียงแต่ที่มันมอมแมมก็เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่มันเก่าเสียจนต้องปะแล้วปะอีกถึงมีชุดดีๆ ก็ถูกบุตรสาวของแม่เลี้ยงแย่งชิงไปจนหมดแล้วเช่นนี้หลิวซินหวาจะไปมีชุดสวยๆ เหมือนใครเขาได้

“สวมชุดนี้แล้วก็ใช้ปิ่นปักผมนี่ซะ” สิ่งที่แม่เลี้ยงยื่นให้เป็นชุดผ้าฝ้ายเนื้อดีที่หลิวซินหวาจำได้ว่าครั้งหนึ่งนั้นมันเคยเป็นชุดของตัวเองที่ถูกอี๋ลิ่วเสียนแย่งชิงไปส่วนปิ่นปักผมก็เป็นปิ่นไม้ที่มีพู่ห้อยรูปผีเสื้อแม้จะไม่มีราคาอะไรแต่นางก็จำได้อีกว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้นั้นเป็นของมารดาผู้ล่วงลับ

ฟ้ายังไม่ทันสางก็มีเสียงกีบเท้าม้ามาหยุดลงที่หน้าบ้านและผู้ที่มายืนรออยู่คือชายชราคนเมื่อวานแถมด้านข้างยังมีหญิงวัยกลางคนร่างท้วมตามติดมาด้วยอีกหนึ่งคนซึ่งดูจากสายตาที่กวาดมองหลิวซินหวาตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้หญิงสาวรู้ตัวได้ทันทีว่าป้าคนนี้ไม่ได้มาอย่างเป็นมิตร

“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่หรือไม่ระหว่างการเดินทางแม่นมหม่าจะเป็นผู้คอยดูแลเจ้าขาดเหลืออะไรก็บอกนางได้ตลอด” พ่อบ้านฉางยังคงไม่พูดอะไรมากเพราะเหนื่อยล้าเกินจะกล่าวสิ่งใดออกมาได้ในเมื่อเวลานี้ได้คนที่มีคุณสมบัติตามต้องการมาแล้วก็ถือว่าใกล้หมดหน้าที่ที่แสนจะยุ่งยากลำบากลำบนนี้เสียที

ให้ทำเพื่อคุณชายใหญ่นั้นก็พอเข้าใจอยู่แต่บ่าวชราอย่างฉางสุ่ยก็ยอมรับว่ามันรีดพลังชีวิตของเขาไปเสียจนเกือบหมดบ่าวชราได้แต่หวังว่ากลับไปถึงจวนสกุลไป๋แล้วจะได้นั่งจิบชาดีๆ อยู่เงียบๆ ในเรือนพักสักวันสองวันพอให้ได้ฟื้นกำลังกายกำลังใจขึ้นมาบ้าง

“พี่รองอย่าไป” ยังไม่ทันที่หลิวซินหวาจะก้าวขาขึ้นรถม้าก็มีร่างผอมบางของน้องๆ มารั้งนางเอาไว้ทั้งหลิวอ้ายเยี่ยนและหลิวลู่ห่าวต่างก็ร้องห่มร้องไห้ปิ่มจะขาดใจเมื่อรู้ว่าพี่สาวต่างมารดาจะไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อีก

เมื่อวานหลังอาหารมื้อเย็นมารดาเป็นคนบอกเองว่าพี่รองจะต้องไปจากที่นี่เพราะว่าเกิดในฤกษ์มงคลนางเป็นดวงดาวนำโชคจึงต้องเดินทางไปตามลิขิตของสวรรค์ซึ่งแม้ทั้งคู่จะยังเด็กแต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีลิขิตสวรรค์อะไรทั้งนั้นมีแต่ลิขิตของมารดาที่ขายพี่รองให้กับเศรษฐีเพราะไม่ทันที่นางจะออกไปพ้นบ้านพี่ใหญ่ก็ร่ายรายการของสวยงามที่นางอยากได้ออกมาเสียยาวเหยียดจนท่านแม่เองยังต้องบอกให้หุบปากเสียบ้าง

“เสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์ ต่อไปนี้อยู่บ้านต้องเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่านพ่อท่านแม่ ช่วยทำงานอย่างอมืองอเท้าให้เป็นภาระของผู้อื่นหากช่วยงานอะไรท่านพ่อท่านแม่ได้ก็ควรจะทำโดยที่ไม่ต้องรอคำสั่ง” หลิวซินหวาตั้งใจพูดกระทบถึงคนที่ปกติต้องรอให้ตะวันขึ้นตรงหัวแล้วจึงจะออกมาจากห้องนอนแต่วันนี้กลับตื่นแต่เช้ามาผัดแป้งแต้มชาดจนแก้มแดงเป็นลูกท้อเพื่อรอส่งหลิวซินหวา

“ท่านพี่ ท่านพี่ไม่ไปได้ไหมเจ้าคะ

“พี่ต้องไปเพราะแม่เจ้ารับเงินของนายท่านมาแล้วจากนี้ต่อไปจะได้พบกันอีกหรือไม่ก็คงต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม” หลิวซินหวาปลอบน้องทั้งสองเพียงเท่านั้นก็หันหลังขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ส่วนเด็กทั้งสองเมื่อเห็นว่าพี่สาวไม่สนใจก็ยิ่งแผดเสียงร้องไห้พร้อมกับจูงมือกันวิ่งเข้าไปในป่าท้ายหมู่บ้านช่างเป็นภาพที่น่าอนาถใจแก่ผู้พบเห็นเสียเหลือเกิน

“เอาล่ะชักช้ากันมามากแล้วรีบขึ้นรถม้าเสียเราจะได้ออกเดินทางกันสักที” เมื่อแม่นมหม่าว่าเช่นนั้นหลิวซินหวาก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้าโดยทันทีและนางก็ใจเด็ดพอที่จะไม่หันไปอาลัยอาวรณ์หญิงใจร้ายที่ขายลูกกินแม้นางจะไม่ใช่บุตรสาวในอุทรแต่อย่างน้อยๆ เมื่อตอนที่บิดากำลังจะสิ้นใจอี๋เมี่ยวจินก็รับปากเอาไว้เป็นดิบดีว่าจะดูแลนางและน้องๆ ไม่มีทางทอดทิ้งแต่มาคิดดูอีกทีนางก็ทำไม่ผิดนางไม่ได้ทอดทิ้งเพียงแต่ขายลูกของสามีเก่ากินต่างหาก

“แม่นมหม่าเจ้าคะข้าอยากขออะไรท่านสักอย่างหนึ่งได้หรือไม่ หลิวซินหวาจากบ้านไปไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือเปล่าข้าจึงอยากจะขอยืนมองทางเข้าหมู่บ้านสักนิดแค่เพียงหนึ่งจิบชาก็พอแล้ว” เด็กสาวนั่งทำหน้าเศร้าโศกอยู่ภายใต้แสงเรืองรองของตะเกียงในรถม้าขนาดแม่นมหม่าที่เป็นคนของฮูหยินเอกคนใหม่ยังเผลอรู้สึกสะเทือนใจไปกับความเศร้าโศกของนาง

“ได้ๆ แต่อย่าช้านักนะรีบลงไปแล้วรีบกลับมาข้าให้เวลาแค่ประเดี๋ยวเดียว” ว่าแล้วแม่นมหม่าก็ตะโกนสั่งให้คนขับรถม้าจอดรอตรงปากทางเข้าหมู่บ้านให้หลิวซินหวาได้มองหมู่บ้านที่นางอาศัยอยู่เป็นครั้งสุดท้าย

“เสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์ พี่รองมาแล้ว” โชคดีที่รถม้าจอดห่างจากทางเข้าหมู่บ้านพอสมควรหลิวซินหวาจึงกล้าส่งเสียงเรียกน้องๆ ได้ แล้วเด็กๆ พวกนี้ก็ไม่ทำให้นางผิดหวังเพราะทั้งสองคนส่งสัญญาณให้พี่สาวรู้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงจุดไหนก่อนที่นางจะเดินไปทำท่าคล้ายจะเก็บดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ข้างทางแต่ที่จริงแล้วเป็นการรับน้องทั้งสองคนมาไว้ในมิติร้านชำของตัวเอง

“ข้างในนั้นพี่หุงข้าวกับทำอาหารไว้ให้แล้วพวกเจ้ากินแล้วก็หาอะไรทำไปก่อนนะหากว่ามีโอกาสพี่จะรีบเข้าไปหา” หลิวซินหวาบอกกับน้องๆ เพียงแค่นั้นและหลังจากรับน้องๆ เข้าไปในมิติร้านชำเรียบร้อยแล้วนางก็ก้มเก็บดอกไม้ป่าติดมือมาด้วยก่อนจะกลับขึ้นรถม้าไปในเวลาอันรวดเร็ว

แม้นางจะรู้ว่าไม่สามารถเก็บน้องชายและน้องสาวเอาไว้ในมิติตลอดไปได้อีกทั้งเมื่อไปพบกับคุณชายสกุลไป๋แล้วชีวิตนางจะมีแสงสว่างหรือดับมืดไปมากกว่านี้ก็ไม่มีใครสามารถจะให้คำตอบได้เพราะมันยังไม่ถึงเวลาแต่ที่นางกล้าที่จะเอาชีวิตน้อยๆ มาเสี่ยงไปด้วยเพราะไม่อาจทนได้ถ้าหากเสี่ยวอ้ายและห่าวเอ๋อร์ต้องถูกขายออกไปเหมือนเช่นที่ผู้หญิงคนนั้นทำกับตัวเอง

“รู้แล้วใช่ไหมว่าเจ้าต้องเดินทางเพื่อไปแต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลไป๋เพื่อล้างอาถรรพ์ ไปอยู่ที่นั่นก็ทำตัวดีๆ ด้วยล่ะคุณชายท่านจะได้เอ็นดูแล้วนี่เจ้าทำกับข้าวกับปลาได้หรือไม่” แม่นมหม่าถือโอกาสสอบถามว่าที่สะใภ้ใหญ่แสนอาภัพของจวนสกุลไป๋สักเล็กน้อยเพื่อเก็บไปรายงานเจ้านายของตนเองแต่ส่วนหนึ่งก็เพียงอยากจะรู้ว่าหญิงสาวจากชนบทพอจะดูแลคุณชายใหญ่ได้หรือไม่ก็เท่านั้น

“ข้าทำกับข้าวได้เจ้าค่ะแต่ก็เป็นอาหารธรรมดาที่ชาวบ้านกินกันอาจจะไม่สามารถทำอาหารหรูหราดั่งที่ขายในเหลาอาหารได้” งานนี้อย่างไรแล้วหลิวซินหวาก็ต้องถ่อมตัวเอาไว้ก่อนเพราะยังไม่รู้ว่าคนตรงหน้านางนั้นเป็นคนเช่นไรจะอยู่ฝ่ายคนร้ายหรือว่าฝ่ายคนดีเพราะเท่าที่ได้ยินข่าวเล่าลือมานั้นจวนสกุลไป๋นั้นมีฮูหยินถึงสองคน

“แค่นั้นก็พอแล้วคุณชายของเราไม่ใช่คนกินยากอยู่ยากอะไรหรอกเอาเป็นว่าถ้าข้านึกอะไรออกจะบอกเจ้าเพิ่มก็แล้วกัน” จะว่าไปแล้วคำว่ากินยากอาจจะไม่ถูกต้องนักเอาเป็นว่าในยามนี้คุณชายใหญ่เรียกว่ากินอะไรไม่ค่อยได้เลยจะดีกว่า