เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ - ตอนที่ 9 มิติร้านชำ โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ

สารบัญ

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 2 เรื่องราวแต่เก่าก่อน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 4 การแต่งงาน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 5 ดูท่าว่าปากก็ต้องกัดตีนก็ต้องถีบ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 6 พายุหิมะ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 7 การเอาชีวิตรอด,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 8 เรื่องมหัศจรรย์,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 9 มิติร้านชำ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 10 ความวุ่นวายในเรือนสกุลต้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 11 ตามหาเรือนหลังใหม่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 13 เตรียมการเพื่อร้านค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 14 พี่น้องสกุลหลิว,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 15 บ้านเล็กในส่วนใหญ่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 16 เริ่มสร้างตัวทีละเล็กทีละน้อย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 17 ทำมาค้าขึ้น,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 18 กรรมใดใครก่อ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 19 กลยุทธ์ทางการค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 20 สกุลไป๋เกิดเรื่อง,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 21 เจ้าอยากไปเที่ยวเมืองหลวงบ้างไหม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 22 มาเยือนเมืองหลวง

เนื้อหา

ตอนที่ 9 มิติร้านชำ

 เป็นภาพที่น่าสยดสยองเมื่อน้ำใสๆ ในอ่างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเหนียวข้นจากพิษที่ขับออกมาจากร่างกายของคุณชายไป๋และเพราะไม่กล้าให้น้องๆ สัมผัสน้ำที่อยู่ในอ่างเพราะกลัวจะเป็นอันตรายหลิวซินหวาจึงเป็นคนจัดการถ่ายน้ำในอ่างออกไปด้วยตัวเองโดยการนำถุงมือยางยาวถึงข้อศอกมาใช้เป็นตัวช่วยส่วนน้องๆ ก็ทำหน้าที่ตักน้ำมาส่งให้นางถังแล้วถังเล่าจนกระทั่งเปลี่ยนน้ำในอ่างเป็นครั้งที่สี่ร่างกายของคุณชายไป๋จึงไม่มีเหงื่อพิษสีดำขับออกมาแล้ว

“หลิวซินหวาเกิดอะไรขึ้นกับข้า” ร่างกายที่เบาโหวงและเลือดลมที่เดินสะดวกขึ้นทำให้คุณชายไป๋ประหลาดใจจนต้องกัดฟันประคองสติเพื่อถามออกมา

“ข้าก็ไม่รู้เจ้าค่ะแต่ถ้าให้เดาร่างกายของคุณชายน่าจะขับพิษออกมาจนหมดแล้วนี่ท่านยืนไหวไหมข้าจะให้น้องชายหลิวลู่ห่าวช่วยพยุงท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” หลิวซินหวาช่วยพยุงคุณชายไป๋ขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำและจากนั้นก็ให้น้องชายเข้ามารับช่วงต่อท่ามกลางความสงสัยของคุณชายไป๋ป๋อชุนที่แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

“เดี๋ยวข้าจะตอบคำถามของคุณชายนะเจ้าคะตอนนี้ไปทำร่างกายให้อบอุ่นเสียก่อนเถิดไม่อย่างนั้นท่านจะเป็นไข้อีกได้” เมื่อนางว่าออกมาเช่นนั้นชายหนุ่มจึงไม่ดื้อดึงยอมให้เด็กชายตัวโตช่วยเหลือตัวเองในการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างว่าง่ายและเพราะว่าร่างกายยังคงอ่อนเพลียอยู่มากหลังจากที่ได้นั่งพักดื่มซุปไก่สกัดอุ่นๆ ไปหนึ่งชามตามด้วยยาแก้ปวดลดไข้แล้วเขาก็นอนหลับไปอีกครั้งเท่ากับว่าหลิวซินหวาได้ยื้อเวลาตอบคำถามออกไปอีกหน่อยแล้ว

วันรุ่งขึ้นทันทีที่ฟ้าสางคุณชายไป๋ก็ตื่นขึ้นมานั่งงุนงงอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นตาแถมเมื่อสำรวจตัวเองแล้วก็พบว่าเขากำลังสวมเสื้อผ้าที่หน้าตาแปลกประหลาดยิ่งนักรวมถึงคนที่นอนหลับเรียงกันอยู่อีกสามคนที่มุมห้องอีกฝั่งหนึ่งก็สวมชุดที่ไม่คุ้นตาเช่นเดียวกันด้วย

ในตอนนี้ร่างกายของไป๋ป๋อชุนรู้สึกโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาตลอดหลายปีอีกทั้งเลือดลมก็เดินสะดวกดีไม่มีติดขัดและที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนักคืออาการบาดเจ็บที่บริเวณเส้นเอ็นข้อเท้าข้างซ้ายแทบจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วคงเหลือแต่อาการตึงๆ ขัดๆ อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“อรุณสวัสดิ์ขอรับคุณชายไป๋ ข้าน้อยหลิวลู่ห่าวเป็นน้องชายคนเล็กของพี่รองหลิวซินหวาข้ารู้ว่าท่านคงมีคำถามแต่โปรดรอให้พี่รองของข้าตื่นขึ้นมาตอบเถิดนะขอรับ วันนี้นางอาจจะตื่นช้าหน่อยเพราะหลายวันมานี้นางดูแลท่านจนแทบไม่ได้หลับได้นอน” หลิวลู่ห่าวแค่ตั้งใจจะบอกเล่าไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวโทษคนตรงหน้าว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้พี่สาวของตนเองต้องเหนื่อยแต่สีหน้าของคุณชายไป๋ที่เปลี่ยนไปก็ทำให้รู้ว่าอีกคนเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว

“คุณชายไป๋ขอรับ ข้าไม่ได้...”

“ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือว่าเมื่อวานก็เป็นนางที่ดูแลข้ามาตลอด ข้าทำให้พี่สาวเจ้าต้องลำบากแล้วห่าวเอ๋อร์” ชายหนุ่มไม่ได้คิดโกรธเด็กน้อยเลยเพราะสิ่งที่หลิวลู่ห่าวพูดมานั้นมันก็ถูกต้องทุกอย่าง

“ข้าจะออกไปหุงข้าวเตรียมไว้ท่านอยากไปด้วยกันหรือไม่ด้านนอกร้านชำเป็นภูเขาที่สวยงามน่าจะทำให้ท่านรู้สึกดีมากกว่าที่จะมาอุดอู้อยู่ในห้องนะขอรับ” เมื่อเด็กชายว่าเช่นนั้นไป๋ป๋อชุนจึงไม่ขัดและเดินตามคนอ่อนวัยกว่าไปอย่างว่าง่ายแต่เพราะภายในเรือนหลังนี้มีแต่สิ่งของที่เขาไม่คุ้นเคยคุณชายจากตระกูลใหญ่จึงได้แต่ยืนตัวลีบระหว่างที่รอเด็กชายทำภารกิจของตนเองให้แล้วเสร็จเท่านั้น

หลิวลู่ห่าวพาคุณชายไป๋ไปล้างหน้าแปรงฟันจากนั้นจึงไปหุงข้าวทิ้งไว้แล้วก็พากันเดินออกมานอกร้านชำที่เป็นวิวภูเขาสวยงามอย่างที่เจ้าตัวพูดเอาไว้ อากาศรอบตัวทำให้ไป๋ป๋อชุนรู้สึกสบายตัวและสบายใจเป็นอย่างมากจนอดไม่ได้ที่จะบริหารร่างกายเล็กน้อยเพื่อเดินลมปราณภายในร่างกายของตนเอง

“พวกเจ้าคือคนที่เข้าไปนอนในเรือนของข้าในช่วงเวลาที่หลิวซินหวามาถึงแรกๆ ใช่หรือไม่” เมื่อเด็กน้อยดูเหมือนจะให้คำตอบในเรื่องของที่นี่ไม่ได้ไป๋ป๋อชุนจึงเลือกที่จะถามถึงเรื่องที่เกิดในเรือนผุพังหลังนั้นแทน

“คุณชายไป๋รู้ได้อย่างไรขอรับหรือว่าข้ากับพี่สามทำเสียงดังเกินไป” หลิวลู่ห่าวออกจะตกใจที่ถูกถามเช่นนั้นเขาถึงกับพยายามคิดทบทวนอยู่ในหัวว่าตนเองและพี่สาวทำผิดพลาดกันที่ตรงไหนบ้าง

“แม้ข้าจะสูญเสียกำลังภายในไปบางส่วนแต่ประสาทสัมผัสของข้านั้นยังดีอยู่มากแค่ผนังห้องบางๆ ที่กั้นอยู่ไม่สามารถปิดบังอะไรข้าได้หรอกยิ่งเป็นลมหายใจของคนถึงสามคนด้วยแล้วมันจึงยากที่จะปิดบัง นี่พี่สาวทั้งสองของเจ้าก็ตื่นนอนแล้วพวกนางกำลังจะเดินมาหาพวกเราที่ตรงนี้” ทันทีที่คุณชายไป๋กล่าวจบหลิวซินหวาก็เปิดประตูเรือนสีเขียวหลังเล็กออกมาตามติดมาด้วยหลิวอ้ายเยี่ยนที่ทำหน้าคล้ายจะร้องไห้จนเมื่อสายตาทั้งสี่คู่ของพวกนางมองเห็นคนที่กำลังตามหาอยู่สตรีทั้งสองคนก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยท่าทางที่แสดงออกถึงความโล่งใจ

“มาอยู่ตรงนี้กันเองหรือเจ้าคะพวกข้าก็วุ่นวายตามหาในร้านชำอยู่เสียนานสองนาน”

“ร้านชำอย่างนั้นหรือ” เมื่อคุณชายไป๋เลือกที่จะถามกลับแทนการตอบคำถามของนางหลิวซินหวาก็รู้ตัวแล้วว่าจะต้องรีบอธิบายให้เขาฟังเรื่องราวทั้งหมดในทันที

“เอาเป็นว่าหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จข้าจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟังเจ้าค่ะ เอาล่ะเสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์ เจ้าสองคนอยู่เป็นเพื่อนคุณชายไป๋ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวพี่จะรีบไปทำกับข้าวเสร็จแล้วจะรีบมาเรียก” และเพราะว่าน้องชายหุงข้าวเอาไว้ให้แล้วกับข้าวง่ายๆ อันได้แก่ผัดถั่วงอกใส่เต้าหู้ ต้มบ๊วยหมูสับและผัดผักน้ำมันงาก็พร้อมรับประทานในเวลาไม่ถึงสองเค่อและเมื่ออิ่มแล้วน้องๆ ก็อาสาทำความสะอาดจานชามปล่อยให้ไป๋ป๋อชุนได้พูดคุยกับหลิวซินหวาตามลำพัง

“ที่นี่เป็นมิติร้านชำของข้าเจ้าค่ะคุณชาย ข้าก็เพิ่งรู้ตัวว่ามีมันตอนอายุได้สิบสามขวบปีหลังจากที่แตะตรงปานนี้” ที่ท้องแขนของหลิวซินหวามีปานแดงจางๆ ที่มองไม่ออกว่ามีรูปร่างเป็นอะไรจากนั้นนางก็เล่าเรื่อยไปเช่นที่เคยเล่าให้น้องๆ ฟังรวมไปถึงเรื่องของการเคยเกิดมาในชาติก่อนของตัวเองแบบคร่าวๆ อีกด้วย

“ไม่น่าเชื่อว่าโลกที่เจ้าเคยใช้ชีวิตอยู่จะมีสิ่งมหัศจรรย์มากมายนักจะหุงข้าวก็ไม่ต้องก่อฟืนจุดไฟ จะใช้น้ำก็ไม่ต้องตักเอาในแม่น้ำอีกทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ยังคล่องตัวเป็นอย่างมาก” แม้เรื่องที่ได้ฟังจะค่อนข้างที่จะเหลือเชื่อแต่สำหรับคนที่เฉียดตายแต่กลับรอดมาได้อย่างไป๋ป๋อชุนกลับเชื่อว่าสิ่งนี้นั้นมีอยู่จริงอีกทั้งสตรีตรงหน้าเขานี่แหละที่เป็นดวงดาวนำโชคตามที่สวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้

“คุณชายไม่สงสัยอะไรเลยหรือเจ้าคะ”

“ข้ามิบังอาจสงสัยสตรีกับน้องๆ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้หรอกนะให้คุกเข่าโขกหัวขอบคุณสักพันครั้งยังไม่รู้ว่าจะเพียงพอหรือไม่” ไม่พูดเปล่าแต่ไป๋ป๋อชุนทำท่าว่าจะคุกเข่าลงไปกับพื้นจริงๆ ทำเอาหญิงสาวรีบกระโดดถอยหลังหนีไปถึงสองก้าว

“อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะคุกเข่าโขกหัวให้ข้าเลยนะเจ้าคะ ร่างกายท่านเพิ่งฟื้นตัวขอคุณชายอย่าเพิ่งทำร้ายร่างกายของตัวเองเพิ่มอีกโดยเด็ดขาด” สีหน้าที่จริงจังของชายหนุ่มที่ยังคงซีดเซียวทำให้หลิวซินหวารู้สึกว่าเขาจะทำในสิ่งที่พูดออกมาจริงๆ จึงต้องร้องห้ามดักคอออกมาก่อน

“ไม่ทำก็ได้ว่าแต่ที่เจ้าลักพาน้องๆ มาเช่นนี้ที่บ้านจะไม่วุ่นวายกันหรอกหรือ” จากการที่ได้สังเกตและพูดคุยกับเด็กทั้งสองคนในเวลาสั้นๆ ทำให้ไป๋ป๋อชุนรู้ว่าน้องๆ ของหลิวซินหวานั้นต่างก็เป็นคนที่มีจิตใจดีเช่นเดียวกับนางและการที่เด็กๆ ถึงสองคนหายตัวออกไปจากบ้านเช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องที่ดีเป็นแน่

“ปล่อยให้วุ่นวายไปเลยเจ้าค่ะมีอย่างที่ไหนพูดออกมาอย่างไม่อายว่าหลังจากที่ขายข้าแล้วก็อาจจะขายน้องๆ ของข้าด้วย อี๋เมี่ยวจินนางเป็นมารดาแท้ๆ ของเสี่ยวอ้ายกับห่าวเอ๋อร์เหตุใดจึงมีความคิดต่ำช้าถึงเพียงนั้นก็ไม่รู้ถ้าอยากจะขายเหตุใดจึงไม่ขายบุตรสาวของตนเองกันเล่า” พอได้พูดถึงน้องๆ ที่ตนเองได้เลี้ยงมากับมือหญิงสาวก็มีสีหน้าเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาในทันทีทันใด

“ต่อจากนี้ไม่มีใครจะมาทำอะไรพวกเจ้าและน้องๆ ได้อีกแล้วล่ะถึงเวลานี้ข้าจะยังไม่มีอำนาจเช่นครั้งเก่าก่อนแต่อีกไม่นานข้าจะทำให้รู้ว่าใครหน้าไหนก็จะมาหยามเหยียดพวกเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” เมื่อมั่นใจว่าอาการป่วยของตนเองดีขึ้นจนสามารถเรียกได้ว่าหายขาดแล้วในหัวของไป๋ป๋อชุนก็เริ่มคิดแผนจะคิดบัญชีกับคนที่เป็นต้นเหตุในทันทีทั้งนางจิ้งจอกพันหน้าคนนั้นและบิดาผู้โง่เขลาของตนเองด้วย

“ข้าได้กลับไปดูที่เรือนมาแล้วนะเจ้าคะพายุหิมะยังไม่สงบลงเลยและเรือนก็พังลงมาแทบจะทั้งเรือนแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบรายงานถึงสภาพเรือนเก่าผุพังที่เคยได้อาศัยซุกหัวนอนกันมาหลายเดือน

“พายุหิมะที่เกิดในแถบนี้ส่วนมากจะกินระยะเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนและการที่เรือนมันพังเพราะเป็นเรือนเก่าที่สร้างมาแล้วเกินห้าสิบปีหากเป็นเรือนใหม่ๆ ที่มีอายุต่ำกว่าสามสิบปีจะมีการสร้างกำแพงไฟและเตียงเตาเอาไว้เพื่อให้ความอบอุ่น เจ้าคงโดนแม่นมหม่าหลอกว่าเรือนนี้เป็นเรือนตากอากาศของสกุลไป๋ใช่หรือไม่หากข้าได้ยินมาไม่ผิดแต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยนางเพิ่งมาหาเช่าเรือนให้ข้าพักอาศัยก่อนเจ้าจะเดินทางมาไม่นาน

ไม่ต้องกลัวเรื่องที่อยู่หากพายุสงบแล้วข้าจะไปหาซื้อเรือนใหม่ให้ ว่าแต่เจ้าอยากอยู่ที่หมู่บ้านเขาเขียวต่อไปหรืออยากย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเล่า” ดูจากแววตาก็รู้ว่าหลิวซินหวานั้นเป็นกังวลอย่างมากในเรื่องของเรือนพักอาศัยแต่เรื่องแค่นี้ไป๋ป๋อชุนสามารถจัดการได้ด้วยเงินที่ซุกซ่อนไว้และเงินอีกมากมายที่อยู่ในร้านรับฝากเงินร้านใหญ่ที่มีสาขามากมายหลายอำเภอทั่วแคว้น

“ข้าคิดว่าอยู่ที่หมู่บ้านเขาเขียวต่อไปก็ไม่เลวนะเจ้าคะถ้าไม่นับเรื่องอากาศหนาวผืนดินที่นี่ก็นับว่าอุดมสมบูรณ์สามารถเพาะปลูกพืชผักได้งอกงามขนาดข้าลองปลูกผักเล็กๆ น้อยๆ ตอนที่อยู่ในเรือนยังพอได้เก็บกินเลยเจ้าค่ะ และอีกอย่างข้าตั้งใจที่จะเอาสินค้าในร้านชำออกไปขายที่ในเมืองเพราะฉะนั้นการมีเรือนอยู่ห่างไกลผู้คนสักหน่อยย่อมเป็นเรื่องดีไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ” เรื่องแผนการใช้ชีวิตนั้นหลิวซินหวาคิดมาพักหนึ่งแล้วโดยก่อนหน้านี้ที่นางคิดว่าคุณชายไป๋คงไม่สามารถทำมาหากินได้อีกแล้วนางก็ตั้งใจเอาสินค้าในมิติไปเร่ขายเพราะมันไม่ต้องลงทุนอะไรอย่างมากก็แค่เปลี่ยนขวดเปลี่ยนหีบห่อเสียใหม่ให้มันเข้ากับยุคสมัยก็เพียงพอแล้ว

“ในช่วงแรกข้าอาจต้องพึ่งพาเจ้ามากหน่อยเพราะยังต้องตบตาคนสกุลไป๋ว่าตัวเองยังเป็นคนป่วยที่ไร้เรี่ยวแรงและหลังจากข้าจัดการสะสางปัญหาส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจะมาช่วยเจ้าทำมาหากินอย่างเต็มที่แน่นอน

และอีกอย่างที่เจ้าควรรู้ไว้ต่อแต่นี้ไปเจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่มิใช่คุณชายไป๋ส่วนเด็กๆ ก็ต้องเรียกข้าว่าพี่เขยเข้าใจหรือไม่น้องหญิงเจ้าลืมมิได้นะว่าเรากราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยาอย่างถูกต้องแล้ว” อยู่ดีๆ คุณชายไป๋ก็วกกลับเข้ามาหาเรื่องส่วนตัวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาคนที่สมองยังคิดเกี่ยวกับเรื่องของการทำมาหากินปรับตามไม่ทันแต่เมื่อรู้ตัวแล้วก็ได้แต่หน้าแดงเนื่องจากทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง