เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ - ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม โดย มู่จิ่น 木槿 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา

แท็คที่เกี่ยวข้อง

เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส

รายละเอียด

เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น

ผู้แต่ง

มู่จิ่น 木槿

เรื่องย่อ

ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน

 

หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ

 

กติกาการลงนิยาย

ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ

สารบัญ

ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 1 แน่ใจหรือว่าเจ้าคือดาวนำโชค,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 2 เรื่องราวแต่เก่าก่อน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 3 แต่งงานล้างซวย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 4 การแต่งงาน,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 5 ดูท่าว่าปากก็ต้องกัดตีนก็ต้องถีบ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 6 พายุหิมะ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 7 การเอาชีวิตรอด,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 8 เรื่องมหัศจรรย์,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 9 มิติร้านชำ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 10 ความวุ่นวายในเรือนสกุลต้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 11 ตามหาเรือนหลังใหม่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 13 เตรียมการเพื่อร้านค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 14 พี่น้องสกุลหลิว,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 15 บ้านเล็กในส่วนใหญ่,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 16 เริ่มสร้างตัวทีละเล็กทีละน้อย,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 17 ทำมาค้าขึ้น,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 18 กรรมใดใครก่อ,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 19 กลยุทธ์ทางการค้า,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 20 สกุลไป๋เกิดเรื่อง,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 21 เจ้าอยากไปเที่ยวเมืองหลวงบ้างไหม,ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำ-ตอนที่ 22 มาเยือนเมืองหลวง

เนื้อหา

ตอนที่ 12 มองหาร้านค้าที่เหมาะสม

การพาคุณชายไป๋เข้าไปในตัวอำเภอออกจะวุ่นวายและทุลักทุเลบ้างเล็กน้อยแต่เพราะความช่วยเหลือของท่านน้าต้วนจวินเจ้าของเกวียนรับจ้างเจ้าประจำที่พอหลิวซินหวาส่งข่าวไปแจ้งว่าตนเองและสามีต้องการที่จะเข้าอำเภอไปตรวจร่างกายและหาซื้อร้านค้าวันรุ่งขึ้นท่านน้าก็มาจอดเกวียนรอที่หน้าบ้านอีกทั้งยังช่วยแบกรถเข็นและคุณชายไป๋ป๋อชุนขึ้นบนเกวียนอย่างไม่รังเกียจ

“พายุหิมะครั้งนี้ดูท่าจะทำให้พวกเจ้าลำบากมิใช่น้อยก่อนหน้านี้ในตัวอำเภอก็ค่อนข้างลำบากมีเรื่องของการขาดแคลนอาหารบ้างแต่ทางการก็ยังเปิดคลังเสบียงแจกโจ๊กให้ชาวบ้านได้พอประทังความหิว” ระหว่างการเดินทางก็เป็นท่านน้าต้วนจวินที่ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบของคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้พบเจอกันมาเป็นเวลานานอีกทั้งยังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอำเภอให้ฟังอีกด้วย

“เมื่อวันก่อนทางการก็มาที่หมู่บ้านพร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือและข้าวของที่จำเป็นให้จำนวนหนึ่งเจ้าค่ะผู้อาวุโสหันวั่งซูผู้นำหมู่บ้านเขาเขียวเป็นตัวแทนรับเอาไว้ให้แล้วจะแจกจ่ายให้แต่ละครัวเรือนตามความเหมาะสมอีกครั้ง” เนื่องจากแต่ละหลังคาเรือนนั้นได้รับความเสียหายมากน้อยต่างกันอีกทั้งยังมีผู้อยู่อาศัยจำนวนไม่เท่ากันเพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินหรือว่าสิ่งของต่างๆ ผู้นำหมู่บ้านจึงต้องจัดสรรให้ตามความเหมาะสมเพื่อกระจายความช่วยเหลือไปบรรเทาความเดือดร้อนให้มากและทั่วถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ข้าได้ยินชาวบ้านพูดคุยกันว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเราสั่งการเรื่องบรรเทาความเดือดร้อนจากพายุหิมะครั้งนี้มากับท่านนายอำเภอโดยตรงความช่วยเหลือจึงมาถึงมือชาวบ้านได้รวดเร็วเช่นนี้”

คุยกันได้ไม่นานก็เดินทางมาถึงตัวอำเภอโดยสถานที่แรกที่ต้วนจวินไปจอดเกวียนส่งหลิวซินหวาและไป๋ป๋อชุนคือโรงหมอขนาดกลางที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในอำเภอแห่งนี้และผลการตรวจร่างกายก็เป็นที่น่าพึงพอใจท่านหมอบอกว่าทั้งพิษและอาการบาดเจ็บที่เส้นเอ็นของไป๋ป๋อชุนหายเป็นปกติแล้วหลังจากนี้ไปไม่จำเป็นต้องดื่มยาตามเทียบยาเดิมอีกแล้วแต่สามารถดื่มยาบำรุงร่างกายได้เป็นครั้งคราว

“ข้าอยากสั่งทำรถเข็นใหม่ให้ท่านพี่เหลือเกินเจ้าค่ะ รถเข็นคันนี้มันใหญ่และเทอะทะมีน้ำหนักค่อนข้างมากไปสักหน่อย” จะเรียกว่ารถเข็นก็คงไม่ค่อยจะถูกต้องนักเพราะสิ่งที่ไป๋ป๋อชุนใช้เป็นพาหนะในการเคลื่อนที่ไปยังที่ต่างๆ ก็คือเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ดัดแปลงให้มีล้อติดอยู่

“ถ้าเช่นนั้นเราก็น่าจะแวะหาช่างไม้เสียก่อนจะดีกว่าเรามีเวลาทั้งวันอยู่แล้ว” แม้จะแสร้งทำเป็นว่ายังอ่อนแรงและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ต่อหน้าคนอื่นเพื่อปกปิดความจริงจากคนสกุลไป๋แต่ไป๋ป๋อชุนก็ไม่ได้ต้องการให้หลิวซินหวาต้องเหนื่อยกับการปกปิดของเขามากจนเกินไปในเมื่อนางต้องการเครื่องทุ่นแรงเขาก็ยินดีพร้อมจะจ่าย

ร้านของช่างไม้นั้นมีให้เลือกหลายร้านซึ่งแน่นอนว่าหลิวซินหวาย่อมเลือกนายช่างที่ท่านน้าต้วนจวินแนะนำให้โดยทันทีที่นางแจ้งความประสงค์เถ้าแก่เจ้าของร้านก็ร่างแบบรถเข็นคันใหม่ให้ในทันทีโดยอิงจากแบบของรถเข็นคันเดิมที่คุณชายไป๋ใช้อยู่

“ข้าจะเลือกไม้ที่มีเนื้อเบาแต่ทนทานให้เจ้าเองรับรองว่าแม่หนูนี่จะไม่ต้องออกแรงเข็นรถของเจ้าจนหน้าดำหน้าแดงอีกต่อไปแล้วนะพ่อหนุ่ม หลังจากนี้อีกเจ็ดวันข้าจะนำไปส่งเจ้าที่หมู่บ้านเขาเขียวเองเพราะมีชาวบ้านมาสั่งทำเครื่องเรือนอยู่เหมือนกัน” นายช่างใหญ่ที่เป็นชายร่างใหญ่ไว้หนวดเคราดูน่ากลัวแต่กลับเป็นคนอารมณ์ดีกว่าภาพลักษณ์ที่เห็น

“ขอบคุณท่านลุงเจ้าค่ะ ข้ากับสามีกำลังมองหาร้านค้าสำหรับเปิดขายของไม่ทราบว่าท่านพอจะให้คำแนะนำได้หรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะ ถัดจากตรงนี้ไปไม่ไกลที่ถนนสายรองของตลาดมีร้านค้ากำลังประกาศขายอยู่แต่เดิมนั้นร้านนี้เป็นร้านขายข้าวสารอาหารแห้งสร้างมาได้ไม่ถึงสองปีแต่ที่ต้องขายเพราะสองสามีภรรยาเจ้าของร้านต้องย้ายกลับไปบ้านเกิดเพื่อไปดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราหากเจ้าสองคนสนใจข้าจะพาไปดูเอง” นายช่างใหญ่บอกอย่างใจกว้างเพราะค่อนข้างถูกชะตากับสองสามีภรรยาคู่นี้มิใช่น้อย

“ถ้าเช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านลุงแล้วขอรับ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นนายช่างใหญ่ก็อาสาเข็นรถเข็นของไป๋ป๋อชุนด้วยตนเองโดยให้หลิวซินหวาเดินตามโดยไม่ต้องออกแรงอะไรซึ่งจากร้านเครื่องเรือนนั้นเดินไปตามถนนสายรองยังไม่ถึงหนึ่งเค่อก็พบกับร้านค้าชั้นเดียวขนาดกลางๆ ที่ประกาศขายอยู่ดูจากสภาพภายนอกแล้วยังดูดีเหมือนใหม่ถ้าหากตกลงซื้อแล้วคาดว่าจะทำความสะอาดแล้วเข้ามาจัดร้านขายของได้เลยด้วยซ้ำ

นายช่างใหญ่เดินไปสอบถามร้านค้าใกล้เคียงเพียงไม่นานก็มีท่านตาคนหนึ่งจากร้านขายบะหมี่เดินมาเปิดกุญแจร้านให้ชมซึ่งทั้งไป๋ป๋อชุนและหลิวซินหวาดูจะประทับใจร้านค้าแห่งนี้อยู่มากพอสมควรดูจากสายตาที่เป็นประกายวิบวับของทั้งคู่

“ด้านหลังมีเรือนเล็กๆ สามารถอาศัยอยู่ได้สบายๆ อันที่จริงร้านค้านี้เป็นของหลานชายของข้าเองที่ต้องขายเพราะต้องกลับไปบ้านเดิมเพื่อดูแลน้องชายของข้าและภรรยาที่แก่ชรามีโรคภัยรุมเร้าหากพวกเจ้าชอบใจข้าก็จะสามารถลดราคาได้อีกนิดหน่อยจากที่ประกาศขายเอาไว้” ท่านตาเถ้าแก่ร้านบะหมี่พูดด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจเพราะการขายร้านค้าหลังจากที่พายุหิมะเพิ่งผ่านพ้นไปเช่นนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลำบากอยู่ไม่น้อยต่อให้ตั้งราคาต่ำจนแทบจะขาดทุนแล้วก็ตามเพราะชาวบ้านต่างก็หมดเงินทองไปกับการซ่อมแซมบ้านเรือนและหาเสบียงเข้าบ้านกันทั้งนั้น

“ท่านตาขายตามราคาที่ประกาศไว้ได้เลยขอรับพวกข้าไม่ติดขัดในเรื่องนั้นและเข้าใจว่าเจ้าของร้านย่อมต้องการใช้เงินเพื่อกลับไปดูแลครอบครัวพอสมควร” เป็นไป๋ป๋อชุนที่ตอบกลับชายชราหลังจากส่งสายตาถามภรรยาแล้วและเห็นว่านางพึงพอใจในร้านค้าแห่งนี้ไม่น้อย

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของการค้าร้านแห่งนี้นับว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่แย่มากนักแม้จะเป็นถนนสายรองของตลาดแต่ทว่าผู้คนก็พลุกพล่านอีกทั้งยังมีร้านค้าเปิดให้บริการกันอย่างคึกคักที่สำคัญคือด้านข้างฝั่งหนึ่งของร้านนั้นยังเป็นที่ว่างหากต้องการขยับขยายในอนาคตก็ย่อมได้และด้วยความตั้งใจแรกของภรรยาที่ตั้งใจจะทำการค้าเพื่อให้ครอบครัวได้พอมีพอกินไม่ได้หวังร่ำรวยอะไรเพราะฉะนั้นซื้อร้านค้าขนาดกลางๆ ที่ดูแลได้ง่ายก็นับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

ใช้เวลาเพียงครึ่งวันทั้งสัญญาการซื้อขายร้านค้า การสั่งทำรถเข็นรวมไปถึงการสั่งซื้อสิ่งของจำเป็นก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วในวันนี้ทั้งไป๋ป๋อชุนและหลิวซินหวาจึงตั้งใจว่าจะยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านเขาเขียวแต่จะค้างคืนที่ร้านค้าใหม่เพื่อจัดการเปลี่ยนถ่ายบรรจุหีบห่อของสินค้าต่างๆ ที่ตั้งใจจะนำมาวางขายแต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมคิดหาแผนการเรื่องการขนของเข้าร้านไปด้วยเพราะอยู่ๆ จะมีสินค้ามาขายเลยมันก็จะดูมีพิรุธจนเกินไป

“พี่เขยซื้อร้านค้าแห่งนี้ให้พี่รองของข้าจริงๆ หรือขอรับ” ห่าวเอ๋อร์ตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อตนเองออกมาจากมิติร้านชำหนนี้แล้วบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปจากเดิมไม่ใช่เรือนเก่าผุพังอย่างที่คุ้นเคยอีกต่อไปแล้วและเมื่อได้ยินคำอธิบายจากคุณชายไป๋ก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจมากกว่าเดิมอีกไม่รู้ตั้งกี่เท่าตัว ส่วนทางเสี่ยวอ้ายนั้นแม้จะเก็บอาการได้มากกว่าน้องชายแต่สีหน้าท่าทางที่ตื่นเต้นดีใจก็ทำให้รับรู้ได้ว่าตัวนางเองก็พึงพอใจไม่ต่างกัน

“ร้านนี้เป็นของพี่สาวพวกเจ้าแล้วจริงๆ ต่อไปนี้เด็กๆ คงต้องมีหน้าที่เพิ่มขึ้นคือต้องช่วยพี่สาวดูแลกิจการด้วยเข้าใจหรือไม่แต่คงต้องหลังจากที่พี่เขยสร้างสถานการณ์ว่าเจ้าทั้งสองเดินทางมาหาเสียก่อนถึงจะออกมาปรากฏตัวกันได้”

“ข้าเข้าใจและก็ขอสัญญาเลยว่าจะตั้งใจช่วยเหลืองานพี่รองขอรับพี่เขย”

“เรือนหลังนี้และร้านค้าดูสะอาดสะอ้านยิ่งนักเจ้าค่ะพวกท่านทำความสะอาดกันเองหรือเจ้าคะเหตุใดจึงไม่รอให้เสี่ยวอ้ายกับห่าวเอ๋อร์ออกมาช่วย” เมื่อสำรวจด้วยสายตาแล้วทั้งเรือนหลังเล็กและร้านค้าดูสะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นผงเด็กหญิงวัยสิบสี่หนาวก็เริ่มทำหน้ายู่เพราะเข้าใจไปเองว่าพี่สาวของนางคงต้องเหนื่อยกับการทำความสะอาดมากเป็นแน่

“พี่รองมิได้เหนื่อยอะไรเลยเสี่ยวอ้ายเพราะเจ้าของร้านเพิ่งย้ายไปไม่นานอีกทั้งยังมีท่านตาเถ้าแก่ร้านบะหมี่ที่เป็นญาติกันดูแลให้ตลอดทั้งเรือนและร้านค้าจึงสะอาดเช่นนี้ วันนี้พี่รองได้ทำเพียงแค่ไปซื้อเครื่องนอน เสื้อผ้าบางส่วนและอาหารแห้งต่างๆ มาเตรียมเอาไว้เท่านั้นเอง” การเข้ามาค้างอ้างแรมในเมืองโดยไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนย่อมต้องมีการตระเตรียมข้าวของมากมายหลายอย่างและหลิวซินหวาก็สามารถทำมันได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด

“ถ้าเช่นนั้นมื้อเย็นนี้ให้เสี่ยวอ้ายช่วยพี่รองทำกับข้าวนะเจ้าคะข้าอยากไปดูในครัวของเรือนใหม่แล้วเจ้าค่ะ” เมื่อน้องสาวเอ่ยปากขนาดนี้หลิวซินหวาก็พานางไปสำรวจครัวเล็กๆ ของเรือนในทันทีโดยที่ปล่อยให้สองบุรุษนั้นช่วยกันตระเตรียมจัดโต๊ะอาหารรอและไม่ลืมที่จะจัดอุปกรณ์ต่างๆ ที่หญิงสาวนำออกมาจากมิติร้านชำเข้าที่ให้เรียบร้อยกลมกลืนกับบรรยากาศภายในเรือน

“ข้าชอบใจตะเกียงของพี่สาวเจ้ามากมันสามารถให้แสงสว่างได้โดยที่ไม่ต้องจุดไฟใช้ความร้อนเลยสักนิด” ไป๋ป๋อชุนถูกใจตะเกียงที่ภรรยานำออกมาให้ใช้ยิ่งนักเพราะนอกจากมันจะไม่ต้องใช้น้ำมันหรือฟืนเป็นเชื้อเพลิงแล้วยังให้แสงสว่างได้หลายโทนสีอีกด้วย

“พี่รองเคยบอกว่ามันใส่สิ่งที่เรียกว่าถ่านขอรับเป็นก้อนที่บรรจุพลังงานเอาไว้ข้างในแต่ไม่ใช่ถ่านที่เราใช้หุงข้าวกัน” ว่าแล้วหลิวลู่ห่าวก็แกะที่ฐานของตะเกียงอันหนึ่งออกมาจากนั้นก็หยิบเจ้าก้อนทรงกระบอกออกมาเพื่อแสดงให้พี่เขยรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าถ่าน

“ในยุคสมัยที่พี่รองเจ้าเคยมีชีวิตอยู่ช่างเจริญรุ่งเรืองยิ่งนักแต่ในตอนนี้นางกลับต้องมาอาศัยอยู่ในชนบทดูท่าแล้วคงจะต้องลำบากมิใช่น้อย” เรื่องนี้ไป๋ป๋อชุนนั้นออกจะเห็นใจภรรยาอยู่มากยิ่งก่อนหน้านี้ในยามที่ต้องเห็นมือเล็กๆ ของนางทำงานอย่างหนักแล้วก็ปวดใจที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนางได้เลยแม้แต่น้อยเพราะลำพังจะยืนด้วยขาตัวเองยังทำได้ครั้งละไม่ถึงชั่วจิบชา

“พี่รองเคยบอกว่านางชินแล้วขอรับเพราะนางได้เกิดอีกทั้งยังเติบโตมาในชนบทตั้งแต่แรกและนางก็แยกแยะออกว่ามันเป็นคนละชีวิตกันแต่การที่นางมีมิติร้านชำก็นับว่าสวรรค์เมตตามากแล้ว ไม่ใช่เมตตาเพียงแค่นางแต่เมตตาทั้งข้าและพี่สามด้วยขอรับ” หลิวลู่ห่าวจดจำสิ่งที่พี่สาวเคยสอนเคยบอกเอาไว้ได้ขึ้นใจเพราะที่ผ่านมาเด็กชายก็เคยคิดในสิ่งที่พี่เขยคิดอยู่เหมือนกันอีกทั้งยังคิดว่าตนเองนั้นเป็นภาระให้นางเสียด้วยซ้ำไป

“พี่รองของเจ้าช่างเป็นสตรีที่มีจิตใจงดงามยิ่งนักก็นับว่าเป็นข้าที่สวรรค์ก็เมตตาด้วยอีกหนึ่งคนหลังจากนี้พี่เขยสัญญานะว่าครอบครัวของเราจะไม่มีทางต้องตกระกำลำบากกันเช่นในครั้งอดีต ต่อไปนี้จะต้องมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”