เมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น
จีน,ครอบครัว,รัก,ปลูกผัก,ข้ามเวลา,เจ่เจ้ร้านชำ,นิยายรักจีนโบราณ,มิติวิเศษ,ปลูกผัก,ทำสวน,พล็อตสร้างกระแส,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ชีวิตที่สองของเจ่เจ้ร้านขายของชำเมื่อบังเอิญได้มีชีวิตใหม่ภารกิจหนีตายจากชีวิตบัดซบจึงได้เริ่มต้น
ในชีวิตก่อนต้องอยู่แบบปากกัดตีนถีบเพื่อครอบครัวจนสุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะครอบครัวอีกเช่นกันพอมามีชีวิตใหม่แทนที่อะไรๆ จะดีขึ้นแต่วังวนชีวิตก็ยังคงตีนถีบปากกัดไม่ต่างจากเดิมและเหมือนชีวิตดีๆ จะยังไม่ลงตัวมากพอสวรรค์จึงได้ประทานน้องๆ และสามีพิการมาให้ดูแลงานนี้แทนที่จะเอาชีวิตรอดด้วยตัวคนเดียวก็ต้องมาสู้ตายเพื่อน้องร่วมสายเลือดและเพื่อผู้ชายอีกหนึ่งคน
หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้ไม่อิงประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะ สถานที่ เหตุการณ์ หรือตัวบุคคลในเรื่องล้วนเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้นค่ะ
กติกาการลงนิยาย
ลงเนื้อหาให้อ่านฟรีครึ่งเรื่องหลังจากนั้นจะติดเหรียญไปจนถึงตอนจบ หลังอีบุ๊กวางจำหน่ายครึ่งถึงหนึ่งเดือนจะย้อนติดเหรียญตอนก่อนหน้าโดยจะเหลือให้อ่านฟรีเฉพาะตัวอย่างประมาณ 10 ตอนค่ะ
หลังจากค้างคืนที่ร้านค้าใหม่ได้หนึ่งคืนวันรุ่งขึ้นหลิวซินหวาก็นำสมุดจดและปากกาออกมาจากมิติร้านชำจากนั้นจึงเริ่มเขียนแผนการต่างๆ ที่ต้องการทำลงไปซึ่งไม่รู้ว่ามันเป็นความสามารถที่ยังคงติดตัวมาหรือความเคยชินเพราะสิ่งที่นางเขียนนั้นล้วนเป็นตัวอักษรในชีวิตก่อนทั้งสิ้น
“พี่รองเขียนอะไรหรือเจ้าคะทำไมข้าจึงอ่านไม่ออกเลยสักตัว” เมื่อน้องสาวมาเห็นเข้าจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ นางไม่ติดใจเพราะตนเองเคยได้ใช้กระดาษสมุดเหล่านี้เรียนเขียนอ่านกับพี่เขยมาแล้วและก็พบว่ามันเขียนอักษรได้ง่ายกว่าการใช้พู่กันมากนัก
“มันเป็นตัวอักษรในชีวิตก่อนของพี่รองสงสัยว่าเป็นเพราะชีวิตนี้พี่ยังมีความรู้เรื่องเขียนอ่านไม่มากนักเวลาที่คิดอะไรออกจึงเผลอเขียนอักษรในชีวิตเก่าที่เชี่ยวชาญมากกว่าออกมา แต่ก็ดีเหมือนกันนะเสี่ยวอ้ายเพราะไม่ต้องกลัวว่าใครจะขโมยความคิดของพี่ไปได้เลย” หลิวซินหวาอธิบายข้อสันนิษฐานของตัวเองออกไปเพราะชีวิตนี้นางเพียงแค่อ่านออกเขียนได้ตามที่บิดาเคยสอนมาเท่านั้นหลังจากที่ท่านพ่อตายจากก็ไม่เคยได้เล่าเรียนอะไรต่ออีกเลยเช่นเดียวกันกับน้องๆ ที่แต่เดิมนางสอนแค่ความรู้เท่าที่ตนเองมีอยู่เด็กทั้งสองคนได้มีโอกาสศึกษาเพิ่มก็ตอนที่มาพบกับคุณชายไป๋ผู้เป็นพี่เขย
“แล้วพี่รองเขียนอะไรเจ้าคะ เป็นความลับหรือไม่”
“ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกเสี่ยวอ้ายมันเป็นสิ่งที่พี่เขียนเอาไว้ว่าหลังจากนี้ต้องเตรียมการอะไรบ้างก่อนที่ร้านค้าจะเปิดสิ่งแรกที่ต้องทำเลยก็คือการเริ่มนำข้าวของจากมิติร้านชำออกมาเก็บไว้ในบ้านเก่าที่หมู่บ้านเขาเขียวก่อนเพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัยว่าเรานำของจากที่ไหนมาขายกัน
พี่ว่าจะเริ่มจากขายเครื่องปรุงอาหารก่อนเป็นอันดับแรกทั้งเต้าเจี้ยว ซีอิ๊วหมักและน้ำปลาพี่จะนำของจากมิติออกมาแล้วเทใส่ลงไปในไหที่มีอยู่ในบ้านจากนั้นก็จะจ้างท่านน้าต้วนจวินขนพวกมันมาที่นี่ส่วนข้าวของอื่นๆ หลังจากนี้ค่อยคิดวิธีการขนย้ายอีกครั้งหนึ่งซึ่งตอนนี้พี่ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะขนมาอย่างไรดี” นอกจากจะเล่าให้หลิวอ้ายเยี่ยนฟังแล้วหลิวซินหวายังพูดให้เสียงดังพอที่บุรุษอีกสองคนที่ช่วยกันถอนหญ้าอยู่ไม่ไกลได้ยินไปด้วยพร้อมๆ กัน
“อย่างไรแล้วที่ร้านค้าก็ไม่มีอะไรที่ต้องทำวันนี้พวกเราก็กลับไปที่บ้านเก่าเพื่อเตรียมการดีหรือไม่หลังจากนี้อีกสามวันก็นัดแนะให้ท่านน้าขับเกวียนไปรับพวกเรากลับมาที่ร้านค้าอีกครั้งหนึ่ง” แม้มือจะทำงานถอนหญ้าแต่หูของไป๋ป๋อชุนก็ยังคงตั้งใจฟังเสียงหวานๆ ของหลิวซินหวาจนเข้าใจชัดแจ้งทุกถ้อยคำ
“ดียิ่งนักเจ้าค่ะท่านพี่ถ้าเช่นนั้นยามซื่อข้าจะไปตามท่านน้าต้วนจวินมาพาพวกเรากลับบ้านและจะแวะไปที่ร้านเครื่องเรือนเพื่อแจ้งให้นายช่างใหญ่ทราบว่าให้ขนรถเข็นของท่านมาส่งที่ร้านค้าแทนนะเจ้าคะ” เมื่อไม่มีใครโต้แย้งหลิวซินหวาก็รีบจัดแจงทำงานบ้านที่มีอยู่เล็กน้อยให้เสร็จและเริ่มเดินปิดหน้าต่างและประตูทุกบานในบ้านเล็กขนาดสามห้องนอนนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไม่ได้กลับมาอยู่อีกหลายวัน
เมื่อเดินทางกลับมาถึงบ้านเก่าในหมู่บ้านเขาเขียวไป๋ป๋อชุนที่ยังดูเป็นคนขี้โรคอ่อนแรงก็ยืนขึ้นทันทีที่ประตูเรือนปิดลงโดยสิ่งแรกที่ทำคือการเข็นรถเข็นที่ทั้งใหญ่ทั้งหนักของตัวเองไปเก็บไว้ในห้องครัวที่ใช้เป็นห้องนอนชั่วคราวจากนั้นก็มาช่วยหลิวซินหวาและน้องๆ เข็นไหผักดองใบใหญ่มาจากหลังบ้านเพื่อล้างทำความสะอาดซึ่งก็เป็นโชคดีมากที่มีไหขนาดต่างๆ ทั้งเล็กใหญ่เก็บไว้รวมกันถึงห้าสิบกว่าใบ
“เราต้องล้างทำความสะอาดไหทั้งนอกและในรวมไปถึงฝาปิดด้วยและหลังจากผึ่งให้แห้งก็ต้องนำมาฆ่าเชื้อโรคอีกครั้งด้วยน้ำร้อนก่อนที่จะปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งสนิทหลังจากนั้นจึงนำมาบรรจุอาหารได้ แต่พวกเจ้าช่วยกันล้างให้สะอาดและตากเอาไว้ให้แห้งก็พอแล้วพี่รองจะนำมาลวกน้ำร้อนแค่หกเจ็ดใบให้พอใช้ไปก่อน” น้องๆ ของนางชอบนักเรื่องล้างจานชามเหตุเพราะน้ำยาที่นางนำออกมาให้ใช้มีกลิ่นหอมและสามารถล้างทำความสะอาดได้หมดจดต่างจากน้ำขี้เถ้าที่เคยใช้อยู่เป็นประจำมากนัก
“ส่วนท่านพี่ต้องเข้าไปในมิติร้านชำกับข้าเพื่อขนสินค้าออกมานะเจ้าคะและหลังจากเราเอาขวดเครื่องปรุงรสต่างๆ ออกมาใช้แล้วก็ต้องเก็บกลับเข้าไปที่เดิมให้เรียบร้อย” เรื่องการนำสิ่งของมาใช้นั้นหลิวซินหวาไม่กลัวเลยว่าพวกมันจะหมดไปเหตุเพราะนางพิสูจน์ด้วยตนเองมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่าชั้นวางสินค้าจะเติมเต็มได้ในช่วงเวลาเพียงข้ามคืนส่วนขวดบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้หมดแล้วก็จะหายไปเมื่อนำกลับไปวางในบริเวณที่เป็นที่ทิ้งขยะของร้านซึ่งไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารหรือห่อขนมต่างๆ มันก็จะหายไปเช่นเดียวกันหากว่านำไปวางไว้ให้ถูกที่ถูกทาง
ภายในเย็นวันนั้นหลังจากที่ช่วยกันถ่ายเทเครื่องปรุงต่างๆ ลงไหเรียบร้อยแล้วท่านผู้นำหมู่บ้านก็มาหาถึงเรือนเพื่อนำโฉนดที่ดินที่ยังไม่มีผู้คนจับจองมาให้เลือก
“ข้าสนใจที่ดินติดเชิงเขาขอรับไม่ทราบว่าหากรวมทั้งหมดแล้วเป็นที่ดินประมาณกี่หมู่” ไป๋ป๋อชุนเลือกหยิบโฉนดที่ดินติดเชิงเขาหลายใบขึ้นมาอย่างไม่มีความลังเลเลยสักนิด
“ที่ดินติดเชิงเขาถัดจากบ้านหลังนี้ไปมีทั้งสิ้นสี่แปลงรวมแล้วก็มากกว่าสามร้อยห้าสิบหมู่เชียวนะพวกเจ้ามั่นใจแล้วหรือว่าต้องการที่ดินผืนใหญ่ขนาดนั้น อย่าคิดว่าข้าจะดูถูกอะไรพวกเจ้าสองสามีภรรยาเลยแต่คุณชายไป๋ก็ยังป่วยอีกทั้งฮูหยินเจ้าก็เป็นเพียงสตรีตัวแค่นี้จะเอาแรงกำลังมากมายที่ไหนไปจัดการกับที่ดินตั้งมากมาย” เรื่องเงินนั้นหันวั่งซูไม่ได้เป็นห่วงแต่ที่ห่วงคือเรื่องของการดูแลที่ดินมากมายขนาดนั้นเกรงว่าหลิวซินหวาจะดูแลได้ไม่ทั่วถึง
“บอกตามตรงเลยนะเจ้าคะข้ามีน้องสาวกับน้องชายที่กำลังจะเดินทางมาอาศัยอยู่ด้วยซึ่งพวกเขาจะสามารถเป็นหูเป็นตาและเป็นแรงกำลังให้ข้าได้และอีกอย่างอาการของท่านพี่ก็ดีขึ้นมากแล้วแม้จะยังไม่แข็งแรงเช่นคนปกติแต่ท่านหมอก็บอกว่าดีขึ้นมามากหลายส่วนอีกไม่นานก็จะกลับมาเดินได้แล้วเจ้าค่ะ” หลิวซินหวาแอบเอานิ้วไขว้กันเพราะต้องพูดเรื่องโกหกออกมาเป็นตุเป็นตะเพื่อสร้างเรื่องราวและสร้างความน่าเชื่อถือให้ครอบครัวของตนเอง
“อ้อ ข้าเข้าใจแล้วในเมื่อมีคนมาช่วยข้าก็จะได้วางใจ” ผู้อาวุโสโล่งใจที่อย่างน้อยสองสามีภรรยาก็ยังมิได้ไร้ญาติขาดมิตรอย่างที่เคยกังวล
“ถ้าเช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านผู้นำหมู่บ้านช่วยดำเนินการเรื่องที่ดินทั้งหมดนี้ให้ด้วยนะขอรับอันที่จริงข้าต้องการช่างมาล้อมรั้วที่ดินทั้งหมดเอาไว้ก่อนจากนั้นจึงจะปลูกเรือนหนึ่งหลังเอาไว้อยู่อาศัยส่วนที่ดินที่เหลือข้าปรึกษากับหลิวซินหวาแล้วว่าจะทำการเกษตรปลูกข้าว ปลูกผัก
อันที่จริงที่พวกข้าเข้าไปในอำเภอเมื่อวันก่อนก็เพื่อหาซื้อร้านค้าเอาไว้ทำกิจการเล็กๆ น้อยๆ ในครอบครัวขอรับท่านผู้นำหมู่บ้าน พอดีว่าหลิวซินหวานั้นมีฝีมือในเรื่องการหมักเครื่องปรุงต่างๆ และช่วงก่อนที่พายุหิมะจะมานางก็หมักทั้งเต้าเจี้ยวและซีอิ๊วเก็บเอาไว้เมื่อข้าได้ชิมแล้วรู้สึกว่ามันอร่อยจึงอยากให้ภรรยาทำขายให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างไรแล้วผู้อาวุโสลองรับไปชิมดูนะขอรับถือว่าเป็นของเล็กๆ น้อยๆ แทนคำของคุณจากข้าและภรรยา”
ไหนๆ ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้มีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในหมู่บ้านเขาเขียวแล้วไป๋ป๋อชุนจึงไม่รีรอที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ออกมาให้ผู้อาวุโสได้รับฟังเพราะหลังจากนี้เขายังต้องอาศัยพึ่งพาทั้งผู้อาวุโสและชาวบ้านในหมู่บ้านอีกหลายสิ่งหลายอย่างเนื่องจากสิ่งที่ต้องการทำไม่สามารถทำกันเองตามลำพังสองคนสามีภรรยาได้
“ดี ดี ดียิ่งนักที่เจ้าสองคนมองการณ์ไกลเอาเป็นว่าข้าขอบใจสำหรับเครื่องปรุงเหล่านี้และจะรีบจัดการเรื่องการซื้อขายที่ดินให้เร็วที่สุดจากนั้นก็จะว่าจ้างคนมาล้อมรั้วให้คุณชายไป๋และฮูหยินไม่ต้องกังวลใจไป” หันวั่งซูโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับรู้ว่าสองสามีภรรยาสกุลไป๋นั้นมีช่องทางในการทำมาหากินเลี้ยงชีพเพราะก่อนที่ภรรยาของคุณชายผู้นี้จะแต่งเข้ามาเจ้าตัวคล้ายกับคนที่มีแต่ร่างไร้วิญญาณมีลมหายใจอยู่ไปให้พ้นแต่ละวันคล้ายเป็นคุณชายตกอับที่ถูกครอบครัวทอดทิ้งมากกว่าจนคิดเป็นห่วงว่าต่อไปจะอยู่จะกินอย่างไร
หลังจากส่งผู้อาวุโสกลับไปแล้วหลิวซินหวาก็พาคุณชายไป๋กลับเข้าไปในมิติร้านชำเพื่อรับประทานอาหารเย็นที่น้องๆ ตั้งใจเตรียมเอาไว้รอและทุกคนยังต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพราะในวันพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปยังมีงานอีกหลายอย่างให้ต้องช่วยกันทำก่อนที่ร้านขายของชำในอำเภอจะเปิดให้บริการ
“ท่านพี่เจ้าคะ ระยะนี้ท่านจ่ายเงินไปไม่น้อยเลยแม้ตอนนี้ข้าจะยังไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนให้แต่ต่อไปเมื่อข้าสามารถทำงานหาเงินเองได้แล้วข้าจะพยายามเก็บสะสมมาคืนให้นะเจ้าคะ” ก่อนนอนของทุกวันเป็นช่วงเวลาที่จะได้พูดคุยกันเล็กๆ น้อยๆ วันนี้หลิวซินหวาจึงเลือกที่จะพูดเรื่องเงินที่คุณชายไป๋จ่ายออกไปในช่วงหลายวันมานี้โดยที่นางไม่ได้รับผิดชอบเลยสักอีแปะเดียวทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่นางต้องการเสียส่วนใหญ่
“ถ้าเจ้าพูดผิดพี่อยากขอให้เจ้าคิดทบทวนและพูดออกมาใหม่เรื่องเงินเรื่องทองของสามีภรรยามันไม่มีคำว่าของข้าหรือว่าของเจ้าแต่ถ้าอยากให้พี่รู้สึกว่าการจ่ายเงินพวกนั้นออกไปไม่เป็นการสูญเปล่าก็ขอให้เจ้าตั้งใจดูแลการค้าให้กิจการมั่นคงเสียจะดีกว่า ต่อไปเมื่อน้องๆ ทั้งสองคนเติบโตขึ้นพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาลำบาก”
เงินไม่กี่ร้อยตำลึงทองสำหรับคุณชายไป๋นั้นมันเป็นเรื่องเล็กน้อยแม้ว่าหน้าที่การงานในราชสำนักจะทำเงินได้ไม่มากแต่เพราะคุณชายท่านนี้มีหลายอาชีพสำรองอีกหลายอย่างจึงทำให้มีเงินใช้ไม่ขาดมือต่อได้ไม่ได้เข้าไปจัดการด้วยตัวเองแต่สหายผู้เป็นหุ้นส่วนอย่างองค์รัชทายาทและสหายอีกหลายคนก็ยังสามารถดูแลจัดการให้ได้แล้วในวันหนึ่งไป๋ป๋อชุนตั้งใจว่าจะพาหลิวซินหวาไปดูกิจการต่างๆ ด้วยตาของนางเอง
“ขอบคุณที่ท่านพี่มีใจคิดถึงอนาคตของเสี่ยวอ้าย ห่าวเอ๋อร์นะเจ้าคะ ซินหวาเข้าใจแล้วและต่อไปจะตั้งใจทำงานเพื่อไม่ให้ความตั้งใจของท่านสูญเปล่าเจ้าค่ะ” แม้หลิวซินหวาจะยังไม่ชินยามที่คุณชายไป๋เอ่ยคำว่าสามีภรรยาออกมาได้หน้าตาเฉยแต่นางก็เข้าใจและพยายามทำใจให้ชินอยู่เพราะอย่างไรแล้วนางก็ได้กราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากับชายผู้นี้ไปแล้วจริงๆ แม้จะยังทำพิธีได้ไม่ครบตามขั้นตอนก็ตาม
“น้องของเจ้าก็เหมือนน้องของพี่ที่สำคัญเด็กทั้งสองคนต่างไม่มีใครเกียจคร้านพวกเขาทั้งรักและเป็นห่วงเจ้ายิ่งนักมีสิ่งใดที่พี่สามารถทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ในอนาคตพี่ก็พร้อมและเต็มใจที่ปูรากฐานเอาไว้ให้” ในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาไป๋ป๋อชุนได้สังเกตและศึกษาใจคอของพี่น้องสกุลหลิวมามากพอสมควรและสิ่งที่เขาพบนั้นมันก็ทำให้พึงพอใจและสามารถสนับสนุนน้องๆ ของภรรยาต่อไปได้โดยไม่มีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยแม้แต่น้อย