เมื่อวิศวกรหนุ่มจากชลบุรีเกิดใหม่เป็นออร์กในต่างโลก! วาลองซ์ (นรินทร์) ต้องปรับตัวกับร่างใหม่ พลังวิเศษ และภารกิจไม่คาดฝัน พร้อมมิตรภาพจากเทพธิดาแสนงาม ไดรแอทผู้ทรงพลัง และมนุษย์สัตว์ปริศนา

เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก! - บทที่ 4 สร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ ตอนที่ 4 โดย JK.Smith @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,มิตรภาพ,พลังพิเศษ,สงคราม,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,เกิดใหม่ ,มิตรภาพ,พลังพิเศษ,สงคราม

รายละเอียด

เมื่อวิศวกรหนุ่มจากชลบุรีเกิดใหม่เป็นออร์กในต่างโลก! วาลองซ์ (นรินทร์) ต้องปรับตัวกับร่างใหม่ พลังวิเศษ และภารกิจไม่คาดฝัน พร้อมมิตรภาพจากเทพธิดาแสนงาม ไดรแอทผู้ทรงพลัง และมนุษย์สัตว์ปริศนา

ผู้แต่ง

JK.Smith

เรื่องย่อ

"เมื่อวิศวกรหนุ่มจากชลบุรีเกิดใหม่เป็นออร์กในดินแดนต่างโลก!

วาลองซ์ (นรินทร์) ต้องปรับตัวกับร่างใหม่ พลังวิเศษ และภารกิจไม่คาดฝัน พร้อมมิตรภาพจากเทพธิดาแสนงาม ไดรแอทผู้ทรงพลัง และมนุษย์สัตว์ปริศนา

เมื่อสงครามระหว่างยักษ์และเอลฟ์ปะทุ วาลองซ์จะใช้ความรู้จากโลกเก่าและพลังใหม่อย่างไร เพื่อยุติความขัดแย้งและพัฒนาดินแดนนี้?

ร่วมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่ผสานวัฒนธรรมไทยกับจินตนาการไร้ขีดจำกัด พบเรื่องราวแห่งมิตรภาพและการเติบโตที่จะทำให้คุณหัวเราะและลุ้นระทึก

'เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!' – การเดินทางของวิศวกรข้ามภพที่จะเปลี่ยนแปลงดินแดนแห่งออร์กและตัวเขาเอง... ตลอดกาล"

จากวิศวกรสู่ออร์กผู้พิทักษ์การผจญภัยข้ามภพที่จะเปลี่ยนโลกและหัวใจ

สารบัญ

เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 1 การเกิดใหม่ในดินแดนแห่งออร์ก ตอนที่ 1,เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 2 มิตรภาพในป่าศักดิ์สิทธิ์ ตอนที่ 2,เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 3 กองทัพราตรี ตอนที่ 3,เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 4 สร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ ตอนที่ 4,เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 5 เมืองลูน่า ตอนที่ 5,เกิดใหม่กลายเป็นออร์ก!-บทที่ 6 ภารกิจแรกบนเกาะลูน่า ตอนที่ 6

เนื้อหา

บทที่ 4 สร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ ตอนที่ 4

แสงอรุณเริ่มสาดส่องผ่านยอดไม้สูงของป่าเอลเดนกรอฟ วาลองซ์และเพื่อนๆ ตื่นแต่เช้าตรู่ เตรียมตัวสำหรับการทดสอบที่รออยู่เบื้องหน้า บรรยากาศในหมู่บ้านมนุษย์หมาป่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกังวล

 

เกรย์เฟงเดินเข้ามาหากลุ่มของวาลองซ์ "พร้อมแล้วหรือ นักเดินทาง?" เขาถาม สีหน้าจริงจัง

 

วาลองซ์พยักหน้า "พร้อมแล้วครับ" เขาตอบ แม้จะรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง

 

เกรย์เฟงพาพวกเขาไปยังทางเข้าหมู่บ้าน ที่นั่นมีมนุษย์หมาป่าหลายตนยืนรออยู่ รวมถึงผู้อาวุโสที่พวกเขาเจอเมื่อวาน

 

"ถ้ำอัลด์เวิร์ธอยู่ทางทิศตะวันออกของที่นี่" ผู้อาวุโสคนหนึ่งอธิบาย "มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา แต่ตอนนี้มันถูกยึดครองโดยกองทัพแห่งราตรี พวกเจ้าต้องเข้าไปในนั้น และนำสร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟของบรรพบุรุษเรากลับมา"

 

"สร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ?" ไอวี่ถามอย่างสงสัย

 

ผู้อาวุโสพยักหน้า "มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน มีพลังวิเศษที่ช่วยปกป้องป่าแห่งนี้ แต่มันถูกขโมยไป ทำให้ป่าอ่อนแอลง"

 

วาลองซ์รู้สึกถึงน้ำหนักของภารกิจที่พวกเขาต้องทำ "เราจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

เกรย์เฟงยื่นถุงหนังใบเล็กให้วาลองซ์ "นี่คือเมล็ดพันธุ์วิเศษ มันอาจจะช่วยพวกเจ้าได้ในยามคับขัน" 

 

วาลองซ์รับมันมาด้วยความขอบคุณ รู้สึกถึงพลังแปลกๆ ที่แผ่ออกมาจากเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น

 

ทั้งสี่เริ่มออกเดินทาง โดยมีสายตาของชาวหมู่บ้านจับจ้องมองตาม พวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า ต้นไม้ใหญ่ทอดเงายาวลงบนพื้น สร้างบรรยากาศลึกลับและน่าหวาดหวั่น

 

"ทุกคนระวังตัวด้วยนะ" คาริสาเตือน "เราไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง"

 

ขณะที่เดินไป วาลองซ์สังเกตเห็นว่าสภาพแวดล้อมเริ่มเปลี่ยนไป ต้นไม้ดูแปลกตามากขึ้น บางต้นมีใบสีม่วงเข้ม บางต้นมีเปลือกที่เรืองแสงอ่อนๆ ในเงามืด

 

"นี่มัน...ไม่ธรรมดาเลยนะ" ไอวี่พูดขึ้น ดวงตาเธอเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวปนกัน

 

ออเรียที่เดินนำหน้า จู่ๆ ก็ชูมือขึ้นให้ทุกคนหยุด เธอเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ "ข้างหน้า...มีอะไรบางอย่าง" เธอกระซิบ

 

ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้น ทำให้ทุกคนสะดุ้ง ร่างสีดำขนาดใหญ่กระโจนออกมาจากพุ่มไม้ มันมีลักษณะคล้ายเสือดำ แต่มีเขี้ยวยาวเกินธรรมชาติ และดวงตาสีแดงฉาน

 

"ระวัง!" วาลองซ์ตะโกน พร้อมกับใช้พลังควบคุมพืชของเขา สั่งให้เถาวัลย์งอกขึ้นมาจากพื้นดิน พันรัดขาของสัตว์ประหลาดนั้น

 

ไอวี่รีบชูไม้เท้าขึ้น ปล่อยพลังระเบิดใส่มัน แต่ด้วยความตื่นตระหนก ทำให้พลังนั้นพลาดเป้า ไปโดนต้นไม้ข้างๆ แทน

คาริสายืนนิ่ง หลับตา แล้วเริ่มร่ายคาถาบางอย่าง แสงสีทองอ่อนๆ เริ่มแผ่ออกมาจากร่างของเธอ

 

ออเรียใช้ความว่องไวของเธอ วิ่งเข้าไปใกล้สัตว์ร้าย แล้วโจมตีกลับ ทำให้สัตว์ร้ายบาดเจ็บ เคลื่อนไหวได้ช้าลงชั่วขณะ

 

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ทั้งสี่พยายามร่วมมือกันต่อกรกับสัตว์ประหลาดนั้น แต่มันก็แข็งแกร่งเกินคาด 

 

ท่ามกลางความวุ่นวาย วาลองซ์นึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่เกรย์เฟงให้มา เขารีบควานหามันในกระเป๋า แล้วโยนลงพื้น

 

ทันใดนั้น ต้นไม้ขนาดมหึมาก็งอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กิ่งก้านของมันพุ่งเข้าหาสัตว์ร้าย รัดมันไว้แน่น จนมันไม่สามารถขยับตัวได้

 

ทั้งสี่ยืนหอบ มองดูสัตว์ร้ายที่ถูกจับไว้ด้วยความโล่งอก

 

"เยี่ยมมาก วาลองซ์!" ไอวี่ร้องชม

 

วาลองซ์ยิ้มเหนื่อยๆ "ขอบคุณครับ แต่พวกเราทุกคนก็ช่วยกันนะ"

 

คาริสาเดินเข้ามาใกล้สัตว์ร้าย มองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ "นี่ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา" เธอพูด "มันถูกเสกคาถา ถูกควบคุมโดยพลังมืด"

 

ออเรียพยักหน้าเห็นด้วย "ฉันรู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้ายที่แผ่ออกมาจากมัน"

 

"นั่นหมายความว่า...เรากำลังเข้าใกล้จุดหมายแล้วใช่ไหม?" วาลองซ์ถาม

 

คาริสาพยักหน้า "ใช่ เราต้องระวังให้มากขึ้น ยิ่งเข้าใกล้ถ้ำ อันตรายก็จะยิ่งมากขึ้น"

 

ทั้งสี่มองหน้ากัน รู้ดีว่าการทดสอบที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาสูดหายใจลึก แล้วเริ่มออกเดินทางต่อ โดยไม่รู้เลยว่าอะไรรออยู่เบื้องหน้า แต่พวกเขารู้ว่าต้องเผชิญมันไปด้วยกัน

 

หลังจากเหตุการณ์กับสัตว์ร้าย ทั้งสี่เดินทางต่อด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ป่ายิ่งทวีความลึกลับ ต้นไม้ขนาดมหึมาบดบังแสงอาทิตย์ ทำให้บรรยากาศดูสลัวและน่าหวาดหวั่น เสียงแปลกๆ ดังแว่วมาเป็นระยะ ทำให้ทุกคนต้องคอยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา

 

"ข้างหน้านั่น..." ออเรียชี้ไปยังภูเขาหินขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า "ฉันคิดว่านั่นคือที่ตั้งของถ้ำอัลด์เวิร์ธ"

 

วาลองซ์พยักหน้า รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้น "เราต้องระวังให้มากขึ้นแล้วล่ะ"

 

ขณะที่พวกเขาเดินเข้าใกล้ภูเขา ไอวี่ก็สะดุดก้อนหินก้อนหนึ่ง เธอก้มลงมองด้วยความสงสัย "นี่มัน..."

 

คาริสาเข้ามาดูใกล้ๆ "โอ้..." เธออุทาน "นี่เป็นชิ้นส่วนของรูปปั้นสมมติ"

 

ทั้งสี่มองไปรอบๆ และพบว่าพื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างโบราณ เสาหินที่พังทลาย และชิ้นส่วนของรูปปั้นที่แตกหัก

 

"ดูเหมือนที่นี่เคยเป็นวิหารหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์" คาริสาอธิบาย "แต่มันถูกทำลายไปนานแล้ว"

 

วาลองซ์รู้สึกถึงความเศร้าที่แผ่ซ่านในอากาศ "มันคงเป็นสถานที่ที่สวยงามมากเลยสินะ"

 

ขณะที่กำลังสำรวจซากปรักหักพัง จู่ๆ ออเรียก็ชูมือขึ้นให้ทุกคนหยุด "ระวัง!" เธอกระซิบ "มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด"

 

ทุกคนหยุดนิ่ง เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะโผล่ออกมา ทันใดนั้น เงาดำขนาดใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกมาจากซอกหิน มันคือร่างของทหารในชุดเกราะสีดำสนิท ดวงตาสีแดงเรืองแสงอยู่ภายใต้หมวกเกราะ

 

"ทหารของกองทัพแห่งราตรี!" คาริสาร้อง

 

ทหารชุดดำยกดาบขึ้น พร้อมโจมตี วาลองซ์รีบใช้พลังควบคุมพืช สั่งให้เถาวัลย์งอกขึ้นมาพันขาของทหาร แต่เขาพบว่าพลังของเขาไม่มีผลอะไรกับร่างนั้นเลย

 

ไอวี่พยายามใช้พลังระเบิดของเธอ แต่ก็เช่นกัน มันไม่ส่งผลอะไรต่อทหารชุดดำ

 

"พวกมันถูกปกป้องด้วยเวทมนตร์มืด!" คาริสาตะโกน "พลังธรรมดาใช้ไม่ได้ผล!"

 

ออเรียพยายามใช้กำลังของเธอ แต่ทหารชุดดำก็ยังคงเดินเข้ามาใกล้ ไม่แสดงท่าทีว่าจะได้รับผลกระทบ จนต้องถอยมาตั้งหลัก

 

วาลองซ์รู้สึกถึงความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้น แต่เขาก็พยายามคิดหาทางออก "ถ้าพลังของเราใช้ไม่ได้ผล เราต้องหาวิธีอื่น!"

 

ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นเสาหินที่กำลังจะพังอยู่ใกล้ๆ ทหารชุดดำ "ทุกคน! ช่วยกันผลักเสาหินนั่น!"

 

ทั้งสี่รีบวิ่งไปที่เสาหิน พวกเขาออกแรงผลักด้วยกันสุดกำลัง ในที่สุดเสาหินก็เริ่มโอนเอน ก่อนจะล้มลงมาทับร่างของทหารชุดดำ

 

เสียงโลหะบิดเบี้ยวดังขึ้น ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลง

 

ทั้งสี่ยืนหอบ มองดูซากปรักหักพังตรงหน้า

 

"เราทำได้แล้ว" วาลองซ์พูดด้วยเสียงสั่น "แต่นี่คงเป็นแค่จุดเริ่มต้น"

 

คาริสาพยักหน้า "ใช่ เราต้องระวังให้มากขึ้น ทหารพวกนี้อาจจะมีอีกมาก"

 

ไอวี่มองไปยังปากถ้ำที่อยู่ไม่ไกล "เราต้องเข้าไปในนั้นใช่ไหม?"

 

ออเรียพยักหน้า สีหน้าของเธอดูจริงจัง "ใช่ แต่ฉันรู้สึกถึงพลังงานชั่วร้างที่แผ่ออกมาจากถ้ำ รู้สีกได้ถึงความอันตราย"

 

วาลองซ์สูดหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้า "เราไม่มีทางเลือก เราต้องเข้าไป เพื่อช่วยมนุษย์หมาป่าและทุกชีวิตในป่านี้"

 

ทั้งสี่มองหน้ากัน พยักหน้าเห็นพ้อง พวกเขารู้ว่าอันตรายที่แท้จริงรออยู่เบื้องหน้า แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญมันด้วยกัน

 

ด้วยความกล้าหาญและความหวาดกลัวปะปนกัน พวกเขาเริ่มก้าวเท้าเข้าสู่ความมืดของถ้ำอัลด์เวิร์ธ โดยไม่รู้เลยว่าอะไรรออยู่ข้างใน แต่พวกเขารู้ว่าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

 

ความมืดทึบของถ้ำอัลด์เวิร์ธห้อมล้อมวาลองซ์และเพื่อนๆ ทันทีที่ก้าวเข้ามา อากาศเย็นยะเยือกและชื้นแฉะ กลิ่นอับชื้นและกลิ่นประหลาดบางอย่างลอยอวลอยู่ในอากาศ เสียงน้ำหยดจากเพดานถ้ำดังเป็นจังหวะ สร้างบรรยากาศน่าขนลุก

 

คาริสาเสกแสงสว่างขึ้นมาที่ปลายนิ้ว ทำให้พอมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้บ้าง "ระวังฝีก้าวด้วย" เธอเตือน "พื้นถ้ำอาจจะลื่นและไม่เรียบ"

 

พวกเขาเดินลึกเข้าไปในถ้ำ ผนังหินชื้นแฉะเต็มไปด้วยมอสและเห็ดประหลาด บางชนิดเรืองแสงอ่อนๆ ในความมืด

 

"ดูนั่นสิ" ไอวี่ชี้ไปที่ผนังถ้ำ "มีภาพวาดโบราณ"

 

ทุกคนหยุดดู บนผนังถ้ำมีภาพวาดสีโบราณ แสดงให้เห็นถึงพิธีกรรมบางอย่าง มีภาพคนสวมหน้ากากสัตว์ยืนล้อมวงรอบวัตถุที่ส่องแสง

 

"จากชุดข้อมูลดวงดาวที่เรามี นี่คงเป็นพิธีกรรมของชนเผ่าโบราณ" คาริสาอธิบาย "อาจเกี่ยวข้องกับสร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟที่เรากำลังตามหา"

 

วาลองซ์สังเกตเห็นสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ปรากฏซ้ำๆ ในภาพ "สัญลักษณ์พวกนี้ดูคุ้นๆ นะ" เขาพูด "เหมือนกับที่เห็นในหมู่บ้านมนุษย์หมาป่า"

 

ออเรียพยักหน้า "ใช่ มันคงเป็นภาษาโบราณของพวกเขา"

 

ขณะที่กำลังศึกษาภาพวาด จู่ๆ ก็มีเสียงครางต่ำๆ ดังมาจากความมืด ทุกคนชะงัก หันไปมองทางต้นเสียงด้วยความตกใจ

 

"นั่นเสียงอะไร?" ไอวี่ถามเสียงสั่น

 

"ไม่รู้" วาลองซ์ตอบ พยายามมองหาต้นเสียงในความมืด "แต่ฟังดูไม่เป็นมิตรเลย"

 

เสียงครางดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ใกล้กว่าเดิม ตามมาด้วยเสียงโลหะครูดกับพื้นหิน

 

"มันกำลังเข้ามาใกล้" ออเรียกระซิบ "เตรียมพร้อมรับมือ"

 

ทุกคนยืนเรียงกันเป็นวงกลม หันหน้าออก เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะปรากฏตัว

 

ทันใดนั้น ร่างขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากความมืด มันมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่ศีรษะเป็นกะโหลกวัว ในมือถือขวานขนาดใหญ่ โซ่เหล็กพันรอบร่างของมัน ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อมันเคลื่อนไหว

 

"มิโนทอร์!" คาริสาร้องออกมา "ระวัง มันอันตรายมาก!"

 

มิโนทอร์คำรามออกมา ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มของพวกเขา วาลองซ์พยายามใช้พลังควบคุมพืช สั่งให้เถาวัลย์และรากไม้งอกขึ้นมาจากพื้นถ้ำ พันขาของมิโนทอร์ แต่มันก็แข็งแรงเกินไป ฉีกขาดเถาวัลย์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย

ออเรียพยายามใช้ความรวดเร็วของเธอ หลบหลีกการโจมตีของมิโนทอร์ และโจมตีกลับจากด้านหลังแต่ไม่ส่งผลอะไรมากนัก

 

ไอวี่ใช้ไม้เท้าของเธอปล่อยพลังระเบิดใส่มัน แต่มันก็เพียงแค่ทำให้มิโนทอร์เซถลาไปเล็กน้อยเท่านั้น

 

คาริสายืนนิ่ง หลับตา แล้วเริ่มร่ายคาถา แสงสีทองอ่อนๆ เริ่มแผ่ออกมาจากร่างของเธอ แต่มิโนทอร์ก็ไม่สนใจ มันมุ่งหน้าเข้าหาวาลองซ์ด้วยความโกรธแค้น

 

วาลองซ์พยายามหลบหลีก แต่ก็ไม่ทัน เขาถูกมิโนทอร์ปัดกระเด็นไปกระแทกกับผนังถ้ำ ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง

 

"วาลองซ์!" ไอวี่ร้องเสียงหลง

 

ขณะที่มิโนทอร์กำลังจะเข้าไปซ้ำ จู่ๆ วาลองซ์ก็รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่พุ่งขึ้นมาจากภายใน เขาลุกขึ้นยืน มือของเขาเรืองแสงสีเขียวอ่อน

 

"พอที!" เขาตะโกน เสียงของเขาก้องกังวานไปทั่วถ้ำ

 

ทันใดนั้น รากไม้ขนาดมหึมาก็งอกขึ้นมาจากพื้นถ้ำ พุ่งเข้าใส่มิโนทอร์ พันรัดร่างของมันไว้แน่น มันพยายามดิ้นรนหลุดออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จ

 

ทุกคนยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง มองดูวาลองซ์ที่กำลังควบคุมรากไม้ยักษ์ด้วยสายตาประหลาดใจ

 

"วาลองซ์..." คาริสาพูดเบาๆ "นาย...นายทำได้ยังไง?"

 

วาลองซ์มองมือตัวเองด้วยความงุนงง "ผม...ผมไม่รู้ มันแค่เกิดขึ้นมา..."

 

ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น มิโนทอร์ก็เริ่มสงบลง มันหยุดดิ้นรน และเริ่มส่งเสียงครางเบาๆ

 

ออเรียเดินเข้าไปใกล้มัน มองดูด้วยความสงสัย "ดูสิ" เธอชี้ไปที่คอของมัน "มันมีสร้อยคออยู่"

 

ทุกคนมองตาม บนคอของมิโนทอร์มีสร้อยคอทองคำประดับอัญมณีสีฟ้าเรืองแสง

 

"หรือว่า..." ไอวี่อุทาน "นี่คือสร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ!"

 

คาริสาพยักหน้า "ใช่ นี่คงเป็นสาเหตุที่มันคลุ้มคลั่ง คิดว่าสร้อยคอนั้นถูกใช้ควบคุมมัน"

 

วาลองซ์ค่อยๆ คลายการควบคุมรากไม้ลง แต่ยังคงระวังตัวอยู่ "เราต้องช่วยปลดปล่อยมันจากการควบคุม"

 

ทั้งสี่ช่วยกันถอดสร้อยคอออกจากคอของมิโนทอร์ ทันทีที่สร้อยคอหลุดออก มิโนทอร์ก็ส่งเสียงคำรามดังลั่น ก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆ เปลี่ยนกลับเป็นมนุษย์

 

ชายร่างใหญ่ล้มลงกับพื้น หมดสติไป ทิ้งให้วาลองซ์และเพื่อนๆ ยืนมองด้วยความประหลาดใจและโล่งอก

 

"รอดตัวไป" คาริสาพูดเบาๆ "แต่นี่ยังไม่จบ เรายังต้องหาทางออกจากถ้ำนี้ และคงต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งราตรี"

 

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ว่าการผจญภัยของพวกเขายังไม่จบ และอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่ากำลังรออยู่เบื้องหน้า แต่ด้วยพลังใหม่ของวาลองซ์และความสามัคคีของกลุ่ม พวกเขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่

 

หลังจากเหตุการณ์กับมิโนทอร์ วาลองซ์และเพื่อนๆ ต่างหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า พวกเขานั่งลงพักบนพื้นถ้ำเย็นเฉียบ สร้อยคอมรดกวางอยู่ตรงกลางวง เรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ในความมืด

 

"เราควรทำยังไงกับเขาดี?" ไอวี่ถาม มองไปที่ร่างของชายที่เคยเป็นมิโนทอร์ซึ่งยังคงสลบอยู่

 

คาริสาเดินเข้าไปใกล้ ตรวจสอบอาการของชายคนนั้น "เขายังมีชีวิตอยู่ แต่อ่อนแรงมาก เราควรพาเขาออกไปจากที่นี่"

 

วาลองซ์พยักหน้าเห็นด้วย แต่สายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่มือตัวเอง "ผม...ผมยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่"

 

ออเรียวางมือลงบนไหล่ของวาลองซ์ "บางทีนี่อาจเป็นพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวนายมาตลอด และเพิ่งถูกปลดปล่อยออกมาในยามคับขัน"

 

คาริสาพยักหน้า "ใช่ นายอาจจะมีศักยภาพมากกว่าที่คิด วาลองซ์ แต่ตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ"

 

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังมาจากทางเข้าถ้ำ ทุกคนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่กำลังจะมา

 

"กองทัพแห่งราตรี!" ไอวี่กระซิบ เสียงสั่นเครือ

 

วาลองซ์สูดหายใจลึก พยายามรวบรวมสมาธิ "ทุกคน เตรียมพร้อม เราต้องปกป้องสร้อยคอนี้และช่วยชายคนนี้ออกไป"

 

ทหารชุดเกราะดำหลายนายปรากฏตัวขึ้นที่ปากทางเข้าถ้ำ นำโดยชายร่างสูงในชุดคลุมสีดำ ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หมวกทรงสูง

 

"ดูสิ..." เสียงเย็นเยียบดังออกมาจากใต้หมวก "พวกหนูน้อยกล้าหาญพยายามขโมยของของเรา"

 

วาลองซ์ก้าวออกไปข้างหน้า ยืนขวางระหว่างเพื่อนๆ กับกองทัพแห่งราตรี "สร้อยคอนี้ไม่ใช่ของพวกคุณ มันเป็นของมนุษย์หมาป่า และเราจะเอามันกลับคืนให้พวกเขา"

 

ชายในชุดคลุมหัวเราะเสียงต่ำ "ช่างกล้าหาญจริงๆ แต่พวกเจ้าไม่รู้หรอกว่ากำลังยุ่งกับอะไร สร้อยคอนั่นมีพลังมากกว่าที่พวกเจ้าคิด และเราต้องการมัน"

 

คาริสาก้าวออกมายืนเคียงข้างวาลองซ์ "พวกนายไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้พลังของมันเพื่อทำร้ายผู้อื่น"


"งั้นหรือ?" ชายในชุดคลุมพูด ก่อนจะยกมือขึ้น "จับพวกมัน! เอาสร้อยคอมา!"

 

ทหารชุดเกราะดำพุ่งเข้าโจมตีกลุ่มของวาลองซ์ทันที การต่อสู้เริ่มขึ้นอย่างดุเดือด วาลองซ์ใช้พลังควบคุมพืชของเขา สั่งให้รากไม้และเถาวัลย์งอกขึ้นมาจากพื้นและผนังถ้ำ พันรัดทหารหลายนาย

 

ไอวี่ใช้ไม้เท้าของเธอปล่อยพลังระเบิดใส่ศัตรู ทำให้พวกเขากระเด็นไปคนละทิศละทาง ออเรียใช้ความรวดเร็วของเธอโจมตีกลับทหารบางส่วน ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวและล้มลง

 

คาริสายืนนิ่ง ร่ายคาถา สร้างอาณาเขตพลังงานล้อมรอบกลุ่มของพวกเขา ลดความเหนื่อยล้าลง

 

แต่ถึงแม้พวกเขาจะต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอ ทหารชุดเกราะดำมีจำนวนมากเกินไป และพวกเขาก็แข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทานได้

 

ขณะที่สถานการณ์ดูเหมือนจะสิ้นหวัง จู่ๆ วาลองซ์ก็รู้สึกถึงพลังแปลกๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากสร้อยคอแห่งเอลเดนกรอฟ มันเรืองแสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนสว่างจ้าไปทั่วทั้งถ้ำ

 

"วาลองซ์!" คาริสาตะโกน "ใช้พลังของสร้อยคอ! มันเลือกนายแล้ว!"

 

วาลองซ์ไม่เข้าใจว่าต้องทำอย่างไร แต่เขาก็รู้สึกถึงสัญชาตญาณบางอย่าง เขาคว้าสร้อยคอขึ้นมา แล้วสวมมันลงบนคอ

 

ทันใดนั้น พลังมหาศาลก็ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายของเขา เขารู้สึกถึงการเชื่อมโยงกับธรรมชาติรอบตัว ทั้งหิน ดิน และพืชพรรณ

 

วาลองซ์ยกมือขึ้น แล้วตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ก้องกังวานไปทั่วถ้ำ "พอได้แล้ว!"

พลังมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของเขา ทำให้ทหารชุดเกราะดำทั้งหมดกระเด็นไปชนผนังถ้ำ ส่วนชายในชุดคลุมถูกซัดกระเด็นไปไกล หมวกของเขาหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและโกรธแค้น

 

"เจ้า!" เขาตะโกนด้วยความโกรธ "เจ้าไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร! พลังนั้นควรเป็นของข้า!"

 

แต่ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ พื้นถ้ำก็เริ่มสั่นสะเทือน หินก้อนใหญ่เริ่มร่วงหล่นลงมาจากเพดาน

 

"ถ้ำกำลังถล่ม!" ไอวี่ร้องเสียงหลง "เราต้องออกไปจากที่นี่!"

 

วาลองซ์พยักหน้า เขาใช้พลังของสร้อยคอควบคุมรากไม้ให้มาช่วยอุ้มร่างของชายที่เคยเป็นมิโนทอร์ "ไปกันเถอะ!"

 

ทั้งห้าวิ่งออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว โดยมีวาลองซ์ใช้พลังของเขาแหวกทางให้ ขณะที่ด้านหลัง ถ้ำกำลังถล่มลงมา ฝังกองทัพแห่งราตรีไว้ภายใน

 

เมื่อพวกเขาวิ่งออกมาถึงปากถ้ำ ก็พบว่าแสงอาทิตย์กำลังสาดส่องลงมา บ่งบอกว่าพวกเขาอยู่ในถ้ำมาเป็นเวลานานแล้ว

 

ทั้งห้ายืนหอบหายใจ มองดูปากถ้ำที่พังทลายลงตรงหน้า ความโล่งอกและความเหนื่อยล้าเข้าครอบงำ

 

"เราทำได้แล้ว..." วาลองซ์พูดเบาๆ มองดูสร้อยคอที่ห้อยอยู่บนคอเขา "แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?"

 

คาริสายิ้มอ่อนๆ "เราคงต้องหาคำตอบกันอีกยาว วาลองซ์ แต่ตอนนี้ เรามีภารกิจที่ต้องทำให้สำเร็จก่อน"

 

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขารู้ว่าการผจญภัยของพวกเขายังไม่จบ และยังมีอีกหลายคำถามที่รอคำตอบ แต่สำหรับตอนนี้ พวกเขาก็พอใจที่ได้เอาชนะอุปสรรคแรกและได้สร้อยคอมรดกกลับคืนมา

 

ด้วยความหวังใหม่และพลังที่เพิ่มขึ้น พวกเขาเริ่มเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านมนุษย์หมาป่า เพื่อส่งมอบสร้อยคอและรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่รู้เลยว่า การผจญภัยที่แท้จริงเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น