เสียใจด้วยนะครับ สายธาร หรือ น้ำที่คุณตามหา เขาตายไปแล้ว เขาได้ตายไปเมื่อห้าปีก่อน ตายไปพร้อมกับคำลวงที่คุณให้ไว้ เขาตายไปแล้วครับ
รัก,ชาย-ชาย,ไทย,ยุคปัจจุบัน,ดราม่า,Mpreg,ผู้ชายท้องได้,แฟนเก่า,รัก,ดราม่า,นิยายวาย,Yaoi,YAOI,นิยายบีแอล,นิยายรัก,นิยายเกย์,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
อดีตรักยังหวานเสียใจด้วยนะครับ สายธาร หรือ น้ำที่คุณตามหา เขาตายไปแล้ว เขาได้ตายไปเมื่อห้าปีก่อน ตายไปพร้อมกับคำลวงที่คุณให้ไว้ เขาตายไปแล้วครับ
นีน นีนธารา นราธร (25 ปี) ดารานักแสดง
X
ทัพ จอมทัพ ก้องวณิชกุล (30 ปี) นักธุรกิจอสังหาฯ
นีนธารา นราธร ดารานายแบบชื่อดัง ที่มีประวัติลึกลับ น่าค้นหา
แต่ทุกอย่างกำลังจะสั่นคลอน เมื่อ จอมทัพ ก้องวณิชกุล ปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นไฮโซหนุ่มผู้นำตระกูลก้องวณิช
การปรากฏตัวของจอมทัพเป็นดั่งเงาตามตัว ความหลังครั้งอดีตที่ดาราดังพยามฝังกลบไว้กำลังตามหลอกหลอนเขาไปในทุกที่ สายตาเกลียดชังที่ต่างฝ่ายต่างมองกันเป็นเรื่องจริงหรือสิ่งที่ทั้งสองคนพยายามแสดงกันแน่ แล้วอดีตของนีนธาราที่พยายามปกปิดไว้คืออะไร?
“คนหลอกลวง! คุณกลับมาทำไม คุณทำแบบนี้กับผมทำไม? ผมเกลียดคุณ ได้ยินไหม? ไปให้พ้นหน้าผม ลงนรกไปเลยยิ่งดี!”
คนตัวเล็กหอบโยนเอ่ยคำด่าที่เคยอยากพูดใส่หน้าคนใจร้ายออกไปจนหมด แต่จอมทัพกลับทำเพียงแสยะยิ้มและหัวเราะเสียงกระด้าง
“จะมากไปแล้ว คุณมีสิทธิ์อะไรมาเกลียดผม มาด่าผมปาวๆ คนที่ควรจะพูดคำเหล่านั้นมันคือผมต่างหาก และคนที่สมควรต้องลงนรกก็คือคุณ คุณนั่นแหละไม่ใช่ผม!”
คุยกับนักเขียน
สวัสดีค่ะทุกโค้นนนนน วันนี้ LhongPrauk มาเปิดเรื่องใหม่ ขอฝากน้องนีนกับพี่จอมทัพด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ลงในน้องแพนด้าแดง ขอฝากเนื้อฝากตัวกับนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ และหากมีข้อติชมหรือสามารถทักทายกันผ่านคอมเม้นต์ได้เลยนะคะ แล้วจะทยอยอัพนิยายเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมเรื่อยๆ
ขอบพระคุณค่ะ
*** Warming ***
เรื่องนี้เป็นแนว Mpreg คือ ผู้ชายท้องได้ มีการกระทำที่ไม่สามารถทำในชีวิตจริงได้
เรื่องนี้ไม่มีการข่มขืน การกระทำทารุณทางเพศ ใดๆ นะคะสบายใจได้
ย้ำ!!!!
ในโลกความจริง ผู้ชายท้องไม่ได้นะคะ ทุกคน ย้ำ!!! ไม่ได้เด็ดขาดนะคะ
*** คำเตือน ***
เหตุการณ์และตัวละครในเรื่องล้วนมาจากจินตนาการของผู้แต่งทั้งสิ้น ไม่ได้จงใจพาดพิง อ้างอิง หรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด เนื้อหาบางส่วนมีการใช้ความรุนแรง คำหยาบ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากเนื้อหาทำให้ผู้อ่านไม่พึงใจ ขอความกรุณาช่วยกดปิดนะคะ
การคอมเมนท์ขอเป็นคอมเมนเพื่อให้กำลังใจ ติชมตัวผลงานด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่ขอรับคอมเมนท์ที่ทำร้ายจิตใจกันนะคะ และอาจจะมีการลบหากคอมเม้นนั้นส่งผลต่ออารมณืของคนหมู่มาก หากมีข้อผิดพลาดประการใด นักเขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“พี่สิทธิ์ครับ!!”
นีนธารายืนขึ้นทันทีที่ปรากฏร่างสูงของผู้จัดการส่วนตัวที่เปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว
“ทำไมไม่เตือนนีนครับ ว่าเขาก็มางานนี้”
ไม่ต้องเอ่ยชื่อสิทธาก็รู้ได้ทันทีว่านีนธาราหมายถึงใคร เพราะเขารู้ว่านีนธาราไม่อยากเจอหน้าใครมากที่สุดในงานนี้
“ที่ไม่เตือนก็เพราะรู้ดีว่านีนจะแจ้นกลับบ้านทันทีนะสิ ความจริงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้ไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงทุ้มเย็นของสิทธาดูเหมือนจะไม่ได้เดือดร้อนไปด้วยกับเขา แต่นีนธารารู้ดีว่าลึกๆ แล้วสิทธาก็รุ่มร้อนกระวนกระวายใจไม่น้อย
“ไม่เลวร้ายอะไรกันล่ะครับ นีนเกือบเป็นลมกลางเวที”
“จริงเหรอ? พี่ดูจากหน้าเวทีดูไม่ออกเลย” อีกคนว่าพลางก้าวเข้ามาใกล้ จับเขาหันซ้ายหันขวามองสำรวจอย่างร้อนใจ
“จริงสิครับ แต่ไม่เป็นอะไรมาก พี่ลิตากับคนอื่นๆ ช่วยไว้”
“โทษทีนะนีน พี่ไม่อยากให้เราทิ้งงาน ไม่คิดว่าจะทำให้นีนตกใจขนาดนั้น”
“พี่สิทธิ์ก็รู้ว่านีนไม่อยากเจอเขาอีก ข่าวคราวเกี่ยวกับเขานีนก็ไม่อยากรู้ ไม่อยากได้ยินแม้แต่ชื่อเขาด้วยซ้ำ แล้วนี่กลับประจันหน้าจังๆ”
นีนธาราพูดเสียงข่ม สิทธาเข้าใจดีเขามองสบตาที่ยังคงฉายแววเจ็บปวด ก่อนจะยื่นมือไปจับจูงให้เดินตามออกนอกประตูห้องแต่งตัวเพื่อไปยังลานจอดรถ
“เอาเถอะ เอาเป็นว่าพี่ขอโทษแล้วกัน พี่ก็ดูรายชื่อแขกแล้วไม่เห็นจะมีชื่อเขาเลย แล้วมาโผล่หน้าสุดได้ไงกัน แปลกมาก”
“นีนไม่โทษพี่หรอก แต่นีนแค่...”
“รู้แล้ว ไม่ต้องทำหน้าเศร้าได้ไหม เรื่องนั้นพี่รู้ดี รู้ว่านีนพยายามมากแค่ไหนที่จะปิดตายอดีต แต่นีนก็ทำได้ดีมากแล้วนะ นีนทำได้มาตลอดห้าปี แต่ครั้งนี้มันสุดวิสัยจริงๆ”
“นีนอยากทำให้ดีกว่านี้ นีนไม่อยากเจอเขาอีกเลย”
“มันยากมากนะนีน เพราะจอมทัพเขายังเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ว่าล้มหายตายจากไปจากโลกนี้แล้วเสียเมื่อไหร่”
“แต่เขาตายไปแล้ว อย่างน้อยก็สำหรับนีน” ร่างเล็กเน้นเสียง แม้จะไม่ได้พูดดังเพราะกลัวจะมีใครผ่านไปผ่านมาได้ยิน แต่ก็หนักแน่นจนสิทธาเผลอขำออกมา
“พูดน่ะง่าย แต่ในความเป็นจริง โลกนี้ยังมีเขาอยู่ และวงการบันเทิงกับไฮโซหมื่นล้านแบบเขาก็เป็นโลกที่แทบจะเป็นดวงเดียวกันเลยแหละ ผลประโยชน์มันทับซ้อนวุ่นวาย”
“แต่ในโลกของนีน ไม่มีชื่อ ไม่มีตัวตนของผู้ชายคนนี้ครับ” ร่างบางยังคงย้ำเสียงแข็ง ดวงตากลมมองไปที่ผู้จัดการอย่างแน่วแน่
“ยาก” สิทธาตอกย้ำเสียงหนัก
“นีนทำได้ พี่สิทธิ์อย่ามาพูดอย่างนั้นอย่างนี้นะ” เสียงหวานขึ้นจมูกบ่งบอกว่าคนพูดกำลังมีอารมณ์พาล สิทธายักไหล่พูดเสียงเรียบปกติอย่างไม่ถือสา
“ทำได้ไหม มันก็ทำได้นั่นแหละ แต่ขนาดเห็นไกลๆ ยังลมใส่เลยเหรอ?” น้ำเสียงทุ้มเปลี่ยนเป็นล้อเลียนท้ายประโยค
“พี่สิทธิ์!! ไม่ไกลสักหน่อย เขานั่งหน้าเลยนะ”
“ไม่เอา ไม่ก้าวร้าวนะครับคุณน้องชายบังเกิดเกล้า ถ้าอย่างนั้นเดินลงบันไดไปเรียกลิฟต์ชั้นล่างดีกว่า ก่อนหน้าพี่เห็นนักข่าววนเวียนแถวหน้าลิฟต์ชั้นนี้อยู่เลย”
“ก็ได้ครับ”
“ถ้าบังเอิญเจอ พี่กลัวจะได้อุ้มเรากลับบ้าน”
“พี่สิทธิ์!! อีกแล้วนะ”
แม้จะงอนสิทธามากอยู่ แต่นีนธาราก็เดินตามไปแต่โดยดี เพราะหากเจอนักข่าวแล้วต้องเสียเวลาสัมภาษณ์ เขาอาจจะเจอเข้ากับจอมทัพที่อาจจะเดินออกจากงานมาได้ทุกเมื่อ
แต่คนมันจะเจอ แค่แวบเดียวก็ต้องเจอ...
นีนธาราขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงยืนอยู่สุดปลายโถงทางเดิน ที่เขากับสิทธาต้องเดินตัดผ่านไปยังบันไดหนีไฟ และคนเจ้าเสน่ห์อย่างเขามีหรือที่จะต้องโดดเดี่ยว
นีนธาราเบะปาก ก่อนจะสะบัดหน้าหนีภาพของจอมทัพที่กำลังยืนคุยกับปวินทร์ดาราหนุ่มรุ่นน้องที่เขาเพิ่งปะทะฝีปากไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
ขนาดมองไกลๆ ยังขี้เก๊กไม่เปลี่ยน...
แต่ก็นั่นล่ะ เสน่ห์ของเขา
ร่างบางสลัดศีรษะไล่ความคิดที่ไปไกล เลือกที่จะเดินตัดผ่านโถงนั้นไปยังบันไดหนีไฟที่อยู่ตรงข้ามทันทีจนเกือบจะเป็นวิ่ง
“นี่แน่ะนีน พี่ถามจริงๆ คิดจริงหรือว่าจะหลบหน้าจอมทัพไปได้ตลอดชีวิต ในเมื่อเมืองนี้มันก็แค่นี้เอง ยิ่งนีนเป็นดารา เป็นคนของประชาชนแบบนี้แล้วด้วย” สิทธาที่มองไม่เห็นจอมทัพหันมาถามนีนธาราที่เดินแกมวิ่งตามหลังมา
“ทำไมจะไม่ได้ครับ ห้าปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วนี่”
“แต่เวลาที่ยังเหลือมันมากกว่าห้าปีนะนีน”
นีนธาราอึ้ง เสียงรองเท้าที่กระทบกับขั้นบันไดที่ดังต่อเนื่องก่อนหน้าพลันหยุดลง
จริงอย่างสิทธาบอก...
เพราะเมื่อกี้ก็เพิ่งเจอ...
“แต่นีนต้องทำให้ได้ครับ” นีนธาราสลัดศีรษะจนผมปลิว เขาทำสีหน้ามุ่งมั่นจนสิทธาอ่อนใจ
“ก็...ตามนั้น”
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันมากกว่านั้น ทำเพียงเดินต่อไปจนถึงชั้นด้านล่าง
“พี่สิทธิ์เห็นเขาตอนไหนครับ?” นีนธาราไม่วายถามขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่ยืนกอดอกรอลิฟต์ที่ชั้นถัดลงมาจากชั้นจัดงาน
“ตอนเขาเดินเข้างานมา พี่เลยรีบลากเรากลับไปหลังเวทีนั่นแหละ โทษทีนะ งานนี้เป็นงานใหญ่ถ้านีนทิ้งงานเป็นข่าวดังแน่ อีกอย่างปวินทร์ก็มา ไม่มีทางเลยจะไม่เป็นข่าว”
“นั่นซิ นีนก็คิดอย่างนั้น พี่สิทธิ์ครับ”
“ว่าไง?”
“เขา...” เสียงหวานติดสั่น แววตาส่อความรู้สึกหวั่นวิตก ซึ่งสิทธาไม่ได้เห็นมานานเหลือเกิน
“นีนกลัวครับ กลัวว่าเขาจะจำนีนได้ กลัวว่าเขาจะรู้ว่าแท้จริงแล้วนีนก็คือเด็กหนุ่มหน้าโง่ที่เคยโดนเขาหลอกจน...”
“ไม่หรอกนีน เขาหรือใครๆ ที่นีนเคยรู้จัก จะไม่มีวันจำนีนได้ หากว่านีนไม่ประกาศตัว” สิทธาเอ่ยสร้างความมั่นใจ
แขนแกร่งโอบรอบไหล่บาง รั้งให้ร่างเพรียวสูงแต่ก็ยังเตี้ยกว่าตนเข้าประชิดตัวด้วยเจตนาปลอบประโลมเช่นพี่น้องมากว่าจะมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ใจ
“ยังจำได้ไหม ขนาดนีนกลับบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากที่พี่จับนีนแปลงโฉมใหม่ๆ ครอบครัวของนีนยังจำนีนไม่ได้เลยสักคน จะมีก็แต่เจ้าแฝดที่จำนีนได้ อาจจะเพราะสัญชาตญาณเด็กดีกว่าผู้ใหญ่”
นีนธาราพยักหน้า แต่เนื้อตัวยังคงสั่นไหว สิทธารู้ว่านี่เป็นอาการช็อกหลังจากเจอเรื่องไม่คาดคิดมากกว่า จึงกระชับวงแขนแน่นขึ้นอีกนิด กดศีรษะทุยให้ซบลงบนบ่าแล้วลูบเบาๆ
“อย่ากลัวไปเลย ไม่มีใครทำอะไรนีนของพี่ได้หรอก”
สิทธาเอ่ยปลอบคนที่เขารักอย่างน้องชายเสียงอ่อนโยน เพราะมัวแต่พูดกัน ทั้งสองคนจึงไม่มีใครได้สังเกตว่าลิฟต์มาจากชั้นบนหรือจากชั้นล่าง รู้ตัวอีกทีเสียงลิฟต์ก็ดังขึ้นแล้ว
ติ้ง!!!
“ลิฟต์มาแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะ” สิทธาบอกนีนธาราพลางลดมือที่โอบไหล่มนลงแตะแผ่นหลัง รุนให้ร่างระหงนำเข้าลิฟต์ที่เปิดออกไปก่อนแล้วค่อยเดินตามหลังเข้าไป
แต่สิทธาก็เกือบสะดุดเท้าตัวเอง เมื่อกวาดสายตาไปพบบุรุษที่โดยสารมากับลิฟต์ สิทธารู้ว่านีนธารายังไม่ทันได้มอง เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเพื่อซุกซ่อนแววตาที่กำลังฉายความรู้สึกหวาดหวั่น
“ชั้นไหนครับ?”
เสียงนุ่มลึกเต็มไปด้วยกังวานที่นีนธาราจำได้ไม่เคยลืม เรียกให้ใบหน้าหวานเงยขึ้นแล้วหันขวับไปมองทันที
สิทธาเกร็งมือบีบมือนุ่มที่ยังสอดอยู่ในอุ้งมือของเขาแน่นขึ้น คล้ายจะเตือนในที ขณะเอ่ยตอบคำถามฝ่ายตรงข้ามเสียงเรียบ
“ชั้นสองครับ ขอบคุณ”
นีนธาราได้สติ เขาใช้ทักษะการแสดงที่ได้เคยร่ำเรียนมากลบเกลื่อนสีหน้าและแววตาให้นิ่งที่สุด เขาปั้นหน้าเฉยเหมือนตอนที่เดินแบบ ไม่บึ้งตึงและไม่ได้ยิ้ม
หากแต่ใครจะรู้ดีไปกว่าตัวเขาเองว่า ณ นาทีนี้ เข่าของเขาแทบจะทรุดลงไปกับที่อยู่แล้ว ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายราวกับถูกมือล่องหนบีบเคล้นอย่างหนัก ลมหายใจราวกับถูกอีกคนช่วงชิงไปจนหมด
บาดแผลที่เคยคิดว่าหายไปแล้วกลับปริแตก เขารู้สึกราวกับสายตาของอีกคนคือมีดปลายแหลมชั้นดีที่กรีดซ้ำๆ ลงไปที่อกข้างซ้าย
แค่เอื้อม...
คือผู้ชายคนที่เคยกกกอดเขาไว้อย่างแนบชิด แต่ตอนนี้ทั้งสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าที่สบกันเพียงชั่วอึดใจ คือสีหน้าแววตาของคนแปลกหน้า
ดวงตาคมไร้แววหวาน...
ริมฝีปากหนาไร้รอยยิ้มเอาใจ
ร่างสูงไม่มีทีท่าว่าจะจำเขาได้ ไม่สะดุดใจสักนิดว่าเคยพบกันมาก่อน ไม่ฉุกใจเลยสักนิดว่าเคยสนิทสนมกันมากแค่ไหน
นีนธาราควรดีใจ ที่ความกังวลนี่ถูกยืนยันด้วยความจริงตรงหน้า แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด
นี่สินะ ที่เขาเรียกว่าหัวใจไม่รักดี