ทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
ตะวันตก,ผจญภัย,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,ดยุก,สวมร่าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Please help me ช่วยฉันทีฉันไม่อยากอยู่ในโลกนิยายทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
เมื่อหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันได้ทะลุเข้ามาในโลกนิยายแฟนตาซีในร่างของ "นางร้าย" ที่โชคชะตากำหนดให้ถูกตัวร้ายชายฆ่าตาย เธอจึงต้องหาทางรอดพ้นจากจุดจบอันโหดร้ายนี้ แต่แทนที่เธอจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เธอกลับพบว่าเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ต่างพากันหันมาสนใจและเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่คาดฝัน การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา และค้นหาความลับเบื้องหลังโลกใบนี้ เธอจะสามารถพลิกชะตาของนางร้ายและเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งนี้ได้หรือไม่?
ฝากกดถูกใจ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยค่ะ
นาเซียใช้ข้ออ้างเมื่องานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาองค์รัชทายาทในการไม่ออกไปพบปะสังคม ก่อนที่เธอจะใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับห้องหนังสือของตระกูล เธอต้องการที่จะรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้ต้องมาอยู่ในที่นี้ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ แล้วตอนนี้ร่างที่แท้จริงของเธอเป็นเช่นไร
“คุณหนูดิฉันนำน้ำชามาแล้วค่ะ” มีร่าสาวใช้คนสนิทเธอเข็นรถชาเข้ามาเหมือนทุก ๆ วันในช่วงยามบ่าย แต่ก่อนหน้านี้นาเซียจะเพิ่งสังเกตุเห็นว่าพี่ชายของนาเซียเพิ่งจะได้หยุดพักหลังจากที่เข้าวังไปเกือบแรมปี อานิชโตมักจะไม่ค่อยได้กลับคฤหาสน์ดาร์เรลเท่าไหร่นัก เพราะงานของเขามักอยู่กับองค์จักรพรรดิ แต่ถึงจะกลับมาอานิชโตก็ไม่เคยที่จะเข้ามาพูดคุยกับนาเซียเลย นั่นทำให้เธอค่อนข้างพอใจ เพราะต่อให้เธอมาอยู่ในร่างนี้ได้เกือบสองเดือนแต่การที่จะพูดคุยกับคนในครอบครัวก็ยังค่อนข้างลำบากเกินไป นาเซียพยายามหาหนังสือเกี่ยวกับเวทมนต์ เพื่ออาจจะได้พบวิธีที่จะพาเธอกลับไปยังโลกเดิมของเธอได้ ตอนนี้ตัวละครหลักก็คงกำลังดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง
“คุณหนูนาเซีย มีจดหมายจากราชวังส่งมาให้ท่านค่ะ” มีร่ายื่นซองสีครีมที่มีตราประทับเป็นตราสัญลักษณ์ของราชสำนักส่วนพระองค์ราชินีมาเรน่า นาเซียคลี่มันออกอย่างช้า ๆ เธอคาดหวังว่าคงจะไม่เรียกตัวเธอให้ไปนั่งเฝ้าบุตรชายของนาง แต่เหมือนคำอธิฐานของเธอจะไม่เป็นผลเมื่อเนื้อความนั้นขอให้เธอไปร่วมงานเต้นรำทางเหนือของอาณาเขตกาบริเอล
“เชี่....แล้ว!!” นาเซียหลุดคำอุทานอย่างเคยตัว ไม่เพียงที่ราชินีจะให้เธอไปเป็นคู่เต้นรำให้กับองค์รัชทายาทลาฟาซแล้ว ยังส่งให้เธอไปยังอาณาเขตของมิกาเอล ตัวร้ายที่เธออยากจะหลบหลีกมากที่สุด
“ข้าไม่ไป บอกไปว่าข้าป่วย” นาเซียบฉีกจดหมายเชิญทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่.....คุณหนู” นีร่าทำเสียงหลุบหายไปในลำคอเมื่ออีกคนบ่ายเบี่ยง
“ข้าอับอายมากแค่ไหนที่ชุดข้าขาดกลางงานเต้นรำนั่น” เธอพยายามแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นอับอายมากจริง ๆ แต่ในความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก เพราะถึงอย่างไรร่างกายนั้นก็เป็นของนาเซียอยู่ดี
“คือตอนนี้องค์รัชทายาทแคลบอร์นกำลังรอคุณหนูอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” นีร่าโพล่งขึ้น เมื่อเธออ้างเหตุผล แต่ทันทีที่นาเซียได้ยินคำว่าองค์รัชทายาท แววตากลมกลับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
“ทำไม....ทำไมต้องมาถึงนี่ด้วย” นาเซียสบถกับตัวเองเบา ๆ เธอคิดไว้แล้วว่าจะไม่ไปวุ่นวายชีวิตตัวละครหลัก แต่ทำไมเขาถึงต้องมาหาเธอด้วย
“คุณหนูนาเซีย ท่านต้องรีบเปลี่ยนชุดนะคะ” นีร่ายังคงเรียกเตือนเธอ
“ไม่..เราจะไปชุดนี้แหละ” พูดจบนาเซียก็เดินออกจากห้องสมุดไป แม้สาวใช้ของเธอจะวิ่งร้องขออย่างไรเธอก็ไม่ฟัง เธอมองว่าชุดของเธอก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเสียเมื่อไหร่ แต่หากความจริงในที่นี้แล้ว การที่เลดี้ของตระกูลไม่เปลี่ยนชุด และยังสวมชุดธรรมดาจะถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติแก่ราชวงศ์
“ถวายพระพรแด่อาทิตย์ดวงน้อยแห่งแคลบอร์นเพคะ” นาเซียยอตัวยกกระโปรงขึ้นตามธรรมเนียม แววตาของเขาจับจ้องมายังเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“เลดี้ดาร์เรล นี่เจ้ากล้า”
“ฝ่าบาทมาถึงนี่เพราะองค์ราชินีส่งจดหมายมาให้หม่อมฉันหรือเพคะ” นาเซียรีบแทรกขึ้น เธอรู้ว่าลาฟาซคงกำลังจะตำหนิชุดที่เธอสวมใส่อยู่ แต่ในเมื่อเธอไม่ใช่นาเซียคนก่อนหน้านั้นแล้ว ทำไมเธอจะต้องสนใจเขากัน สิ่งที่เธอสนใจมีเพียงสิ่งเดียวนั่นก็คือการหาทางกลับไปยังโลกเดิมเท่านั้น
“ข้ากำลังจะบอกเจ้าว่าไม่จำเป็น เลดี้บอร์นเนอร์จะเป็นผู้ไปร่วมงานกับข้าในครั้งนี้” ลาฟาซตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขามองดูท่าทางหยิ่งยโสของนาเซียแล้วอดรู้สึกสมเพชไม่ได้ ต่อให้ไม่มีทางเลือกจริงเขาก็จะให้เพียงตำแหน่งราชินีตามที่นางต้องการ แต่หัวใจเขาไม่อาจมอบให้ได้
“หม่อมฉันก็ไม่อยากไปเสียเท่าไหร่ หากหมดธุระฝ่าบาทแล้วหม่อมฉันขอตัว” นาเซียยกตัวลุก แต่กลับถูกลาฟาซรั้งแขนไว้
“เดี๋ยว!! เจ้ากำลังจะมีแผนอะไรอยู่” อยู่ ๆ ลาฟาซก็เอ่ยถามเธอขึ้นมาพร้อมสายตาไม่พอใจที่เธอปฏิเสธการร่วมงานเต้นรำครั้งนี้
“แผนการ? ..หม่อมฉันไม่มีหรอกเพคะ ในเมื่อฝ่าบาทเอ่ยว่าเลดี้บอร์นเนอร์จะเป็นคู่เต้นรำให้แก่พระองค์ หม่อมฉันก็ไม่คัดค้าน หม่อมฉันกำลังเกียจค้านอยู่พอดี เกียจค้านที่จะเอาอกเอาใจพระองค์ยังไงเพคะ” นาเซียตอบพร้อมกับเหยียดยิ้มเหน็บแนมให้แก่เขา
ลาฟาซได้แต่ทำท่าโมโหนาเซียก่อนออกจากคฤหาสน์ดาร์เรลไป นาเซียถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอคิดว่าเธอเกือบหยุดหายใจ เมื่อต้องโต้เถียงลาฟาซ แม้เธอจะบอกกับตัวเองว่าจะไม่สนใจเขา แต่ร่างกายนี้กับตอบสนองแก่ลาฟาซเป็นที่สุด
“เซีย!!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้เธอรีบหันมอง อานิชโตกำลังยืนตรงถือบัตรเชิญในของเธอในมือ หัวใจของเธอแทบหยุดเต้นเพราะเป็นเธอที่ฉีกจดหมายนั้นออกเป็นสองส่วน นาเซียจ้องมองเมื่ออานิชโตขยับเข้ามาใกล้ เธอไม่รู้ว่าสองพี่น้องนี้มีสัมพันธ์เช่นไร เพราะเนื้อหาหลักแทบไม่ค่อยได้เอ่ยถึงอานิชโตเสียเท่าไหร่
“น้องพี่ หากเจ้าไม่อยากไปเจ้าก็ไม่ควรฉีกจดหมายขององค์ราชินีเช่นนี้” อานิชโตยกมือกุมไหล่เธอพร้อมสายตาที่ดูเป็นห่วง นาเซียนิ่งอึ้งเพียงครู่ก่อนเอ่ย
“ท่านพี่ แต่ข้าอับอายเกินไป ข้าไม่อาจสู้หน้าใครได้” นาเซียเครือน้ำเสียงเศร้าสร้อย ก่อนแสดงละครว่าตนนั้นเป็นน้องสาวที่ผู้น่าสงสาร
“เซีย เจ้าบอกพี่มาว่าใครกันที่ทำให้ร่างกายเจ้าเป็นเช่นนั้น พี่จะไปสั่งสอนมันเอง” อานิชโตเอ่ยถึงรอยจ้ำแดงบนแผ่นหลังของเธอ แต่เธอจะตอบเขาได้อย่างไรว่าแท้จริงแล้ว เป็นเธอต่างหากที่ขอร้องดยุกกาบริเอลเอง
“ท่านพี่โปรดวางใจ เพราะข้าสวมชุดที่รัดเกิดไปจึงเกิดรอยพวกนั้น” เธอแก้ตัวโดยไม่ได้คาดหวังว่าอานิชโตจะเชื่อ แต่ผิดคาดอานิชโตกับพยักหน้าราวเข้าใจ พร้อมลูบศีรษะของเธออย่างเอ็นดู
“หากเจ้าไม่อยากทำก็ไม่มีใครบังคับได้ จำไว้เซีย เจ้าคือสตรีงดงามเพียงผู้เดียวแห่งตระกูลดาร์เรล เจ้าไม่จำเป็นต้องนอบน้อมผู้ใด หากเจ้าไม่ชอบที่จะทำมัน” อานิชโตบอกน้องสาวที่รักของเขา แม้เขาจะไม่ค่อยมีเวลาให้กับนางมากนัก แต่นางก็คือนางฟ้าตัวน้อยสำหรับเขาเสมอ
ดูเหมือนเรื่องงานเต้นรำเธอก็ปฏิเสธและลาฟาซก็รับรู้แล้ว แต่ทำไมขบวนรถม้าของพระราชวังถึงหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์ดาร์เรลกัน นาเซียยืนมองจากห้องนอนที่อยู่ชั้นที่สามของคฤหาสน์ ก่อนจะมีร่าวิ่งเข้ามาแจ้งข้อสงสัยของเธอ
“คุณหนูนาเซียคะ องค์รัชทายาทกำลังรอท่านที่ห้องรับแขก” นาเซียขมวดคิ้วอย่างสงสัย หรือที่เธอปฏิเสธไปจะไม่เป็นผล นาเซียเดินลงมายังห้องรับแขก เธอมองเหล่าบุรุษอีกสามสี่คนที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าห้อง คงเป็นอัศวินรักษาพระองค์ นาเซียมองคนที่กำลังนั่งอยู่ ลาฟาซสวมชุดเต็มยศมันช่างขับให้เขาดูงดงามสมกับเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่สำหรับเธอแล้วตอนนี้เธอไม่ได้สนใจว่าเขาจะสวมชุดหรือทำอะไร ที่เธอสงสัยคือเรื่องอะไรกันที่เขามาที่คฤหาสน์ของเธออีกครั้งกันแน่
“เจ้าจะต้องเป็นผู้เดินทางไปร่วมงานกับข้า” ยังไม่ทันที่เธอจะยอบตัวลง ลาฟาซก็รีบเอ่ยจุดประสงค์ของเขาขึ้น
“แต่หม่อมฉันบอกฝ่าบาทไปแล้ว”
“ข้าไม่อาจขัดคำสั่งเสด็จแม่ได้ หากเจ้าคิดปฏิเสธข้า ข้าจะถือว่าเจ้ากำลังคิดขัดอำนาจราชวงศ์อยู่นะเลดี้ดาร์เรล” นาเซียแทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปต่อยหน้าเขาสักครั้ง เป็นเพราะเขาเองก่อนหน้านี้ได้บอกกับเธอเองว่าจะให้เซลีนเป็นคู่เต้นรำ แต่ตอนนี้กำลังกล่าวหาว่าเธอคิดขัดอำนาจราชวงศ์
“เพคะ” แม้ใจจะขัดแย้งแต่เธอทำได้เพียงตอบรับไปเท่านั้น เพียงไม่นานเธอก็ถูกจับเปลี่ยนชุดและออกจากตระกูลพร้อมรถม้าของราชวัง การเดินทางครั้งนี้คือการเดินทางไปยังอาณาเขตกาบริเอล เป็นครั้งแรกของเธอและยังเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในเนื้อหาหลักของเรื่อง
อาณาเขตกาบริเอลเป็นเขตทางเหนือของจักรวรรดิแคลบอร์น ตลอดทั้งปีจะมีหิมะปกคลุม สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นแร่หินเวท แต่ช่วงกลางปีจะเป็นช่วงที่อากาศอบอุ่นขึ้น ดยุกกาบริเอลจึงฉลองจัดงานเทศกาลเต้นรำให้กับชาวเมืองของเขา เพื่อพักผ่อน และจักรพรรดิแคลบอร์นก็จะต้องไปร่วมงานเต้นรำนี้เสมอ แต่สำหรับในปีนี้ร่างกายพระองค์ไม่ค่อยดีนัก จึงมอบหน้าที่นี้ให้แก่องค์รัชทายาทเป็นผู้รักษาธรรมเนียม
นาเซียถูกเชิญขึ้นรถม้า แต่ทันทีที่ประตูรถม้าเปิดออกเธอก็เห็นสตรีอีกคน เซลีนนั่งรออยู่ด้านในรถม้าอย่างเงียบ ๆ เธอไม่มีทีท่าจะขยับกายใด ๆ แม้นาเซียจะขึ้นมานั่งบนรถม้าแล้วก็ตาม ลาฟาซที่ขึ้นตามมาก็ขยับไปนั่งอยู่ข้าง ๆ เซลีน แม้จะไม่อยากมองภาพตรงหน้า แต่ภายในรถม้าก็คับแคบเกินไป นาเซียได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่าง โชคดีที่รถม้า ราชวังได้อภิสิทธิ์ในการใช้หินเวทเคลื่อนย้าย สามารถส่งรถม้าไปยังหน้าปราสาทดยุกกาบริเอลได้ในเพียงไม่ถึงชั่วโมง
ปราสาทสีขาวกลืนไปกับหิมะสีขาว นาเซียจ้องมองอย่างสนใจเธอคิดว่าปราสาทของดยุกกาบริเอลจะดูทมึงทึงราวกับนิสัยของเขาเสียอีก รถม้าค่อย ๆ ชะลอตัวเธอรู้สึกเหมือนกับมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตัวเธอ นั่นก็คือการเมามานาที่ขับเคลื่อนให้รถมาทะลุมายังหน้าปราสาทนี้ นาเซียยกมือขึ้นปิดปากตนเองเพราะเกรงว่าจะอาเจียนออกมา ไม่ใช่เพียงเธอผู้เดียวที่มีอาการเช่นนี้ เซลีนก็เช่นเดียวกัน แต่ลาฟาซช่วยประคองเซลีนอย่างทะนุทะนอม ส่วนเธองั้นเหรอ เธอต้องยืนด้วยขาของตัวเองอย่างยากลำบาก นาเซียพยายามสูดอากาศเข้าปอดลึก ๆ เพื่อให้อาการเมา มานานั้นหายไป ‘ก็ไหนว่ามีพลังเยียวยาไง ทำไมไม่เอามารักษาตัวเองล่ะ’ นาเซียนึกสงสัยเมื่อเซลีนดูจะเพลียมากกว่าเธอ
“ถวายพระพรอาทิตย์ดวงน้อยแห่งแคลบอร์น” ดยุกกาบริเอลยืนรอรับด้านหน้าทางเข้าปราสาท แววตาของเขายังคงจับจ้องอยู่เพียงเซลีน นาเซียมองแววตานั้นอย่างก้นด่า ดูแววตาของเขาคงกำลังเป็นห่วงเซลีนไม่ต่างกับลาฟาซ
“ข้าเดินทางมาเหนื่อยแล้ว ช่วยพาข้าไปที่ห้องพักทีลอร์ดเฮนรี่” นาเซียถือวิสาสะ เธอไม่สนใจว่าใครจะมองเธออย่างไร เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นนางร้ายของเรื่องนี้อยู่แล้ว เช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องกว่าว่าใครจะต่อว่าเธอได้
ลอร์ดเฮนรี่พานาเซียมายังห้องหนึ่ง ดูท่าน่าจะเป็นห้องนอนสำหรับช่วงเวลาที่อยู่ในปราสาทนี้ ทันทีที่เฮนรี่เดินออกไป เธอก็กระโดดโยนตัวเองลงที่นอนนุ่ม ๆ
“อ้า...สบายจัง” นาเซียอุทานออกมาเมื่อตัวเธอได้สัมผัสกับที่นอนนุ่ม ๆ แสนกว้างนี้ เธอไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน เพราะตลอดสิบวันที่อยู่ที่แห่งนี้เธอจะขออยู่แต่ในห้องนอนแสนกว้างขวางนี้ไม่ออกไปไหนเลย งานเทศกาลจะสำคัญกับเธอได้เช่นไร ในเมื่อคู่เต้นรำของลาฟาซตอนนี้ก็มีแล้ว เธอเพียงแค่เป็นผู้ค่อยกันไม่ให้องค์ราชินีต้องตำหนิหรือต่อว่าบุตรชายนางก็เท่านั้นเอง