ทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
ตะวันตก,ผจญภัย,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,ดยุก,สวมร่าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Please help me ช่วยฉันทีฉันไม่อยากอยู่ในโลกนิยายทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
เมื่อหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันได้ทะลุเข้ามาในโลกนิยายแฟนตาซีในร่างของ "นางร้าย" ที่โชคชะตากำหนดให้ถูกตัวร้ายชายฆ่าตาย เธอจึงต้องหาทางรอดพ้นจากจุดจบอันโหดร้ายนี้ แต่แทนที่เธอจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เธอกลับพบว่าเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ต่างพากันหันมาสนใจและเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่คาดฝัน การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา และค้นหาความลับเบื้องหลังโลกใบนี้ เธอจะสามารถพลิกชะตาของนางร้ายและเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งนี้ได้หรือไม่?
ฝากกดถูกใจ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยค่ะ
นาเซียเดินออกมาจากปราสาท บัตเลอร์ของปราสาทจัดรถม้าไว้ให้เธอโดยผ่านการบอกแจ้งจากสาวใช้ที่เข้ามาแต่งตัว ให้ว่าเธอกำลังจะออกไปที่จัตุรัส นาเซียมองรถม้าด้านหน้าประตูด้านนอก แม้จะไม่ใหญ่มากแต่สัญลักษณ์ของดยุกกาบริเอลคงทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เธอได้ อันสาวใช้คนใหม่หยิบหมวกปีกกว้างที่ประดับด้วยริบบินมากมายส่งให้เธอสวมใส่ ก่อนจะวิ่งนำหน้าเธอไปรอข้างประตูรถม้า นาเซียมองเด็กสาวที่ดูกระตือรือร้น ดูอันจะทำตัวสบายขึ้นเมื่อเธอเอ่ยเช่นนั้นออกไป
“นั่นเจ้าจะไปไหนนาเซีย” ลาฟาซที่กำลังเดินเข้ามาจากสวนด้านนอก เธอไม่รู้ว่าเขาออกไปทำอะไรมาแต่ดูเหมือนว่าเขาน่าจะออกไปด้านนอกมาได้สักพัก เพราะดูจากขากางเกงที่เปียกชื่นด้วยหิมะ
“หม่อมฉันเพียงจะออกไปเที่ยวชมที่จัตุรัส หากฝ่าบาทไม่ว่าอะไรงานเต้นรำคืนนี้หม่อมฉันไม่ขอเข้าร่วมนะเพคะ” นาเซียกล่าวจบก็ยอตัวขอลา ลาฟาซยืนมองใบหน้าหยิ่งยโสที่เชิดมองเขา หลังจากคืนงานฉลองนั่น นาเซียก็แทบไม่มาวุ่นวายทั้งเขา และเซลีนเลย แต่ทำไมจิตใจเขารู้สึกอดสงสัยอยากรู้เรื่องของนาเซียในตอนนี้นัก ลาฟาซเดินเข้ามายังห้องทำงานของมิกาเอลก่อนจะวางเสื้อคลุมลงบนโซฟา
“ถ้ายังไม่รีบจัดการ เห็นทีเทศกาลงานเต้นรำก็คงจัดไม่ถึงสิบวันแน่” ลาฟาซบ่นเมื่ออีกคนเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่แต่กับกองเอกสารที่กองจนท่วมศีรษะเขา มิกาเอลละสายตามองเสียงบ่นก่อนจะยื่นซองเอกสารหนึ่งให้กับเฮนรี่
“เฮนรี่จะรีบส่งหนังสือแจ้งนี้ไปยังพระราชวัง ไม่ช้าหน่วยอัศวินหลวงก็คงมาทันการ” มิกาเอลตอบน้ำเสียงเรียบนิ่งราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
นาเซียกวาดสายตามองรอบ ๆ จัตุรัสเธอสังเกตมองตามร้านค้าต่าง ๆ อัญมณีมากมายหลายร้านต่างก็ดูเชิญชวนให้เธออยากจะเร่งเข้าไป ไม่ใช่ว่าเธออยากจะชื่นชมความสวยงามเหล่านั้น เพียงแต่เธออยากจะรีบหาสิ่งที่เธอต้องการให้ได้อย่างรวดเร็วในเวลานี้
คลื่ดด เสียงร้องดังข้าง ๆ นาเซียมองหน้าสาวใช้ อันหลุบสายตาลงพื้นร่างผอมกำลังสั่นกลัวเธออีกครั้ง
“นั่นเสียงท้องเจ้าหรืออัน” นาเซียถามเพราะเห็นมือเล็ก ๆ กำลังกอบกุมหน้าท้องของตนเอง นางคงไม่ได้ทานอะไรก่อนที่จะออกมา นาเซียยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะคว้าจูงมือผอม ๆ ของสาวใช้
“ละ...เลดี้” อันร้องเสียงติดขัดเมื่อนาเซียกำลังลากนางไปยังร้านเบเกอรี่ตรงข้ามฝั่นถนน
“ทานซะ” นาเซียวางคัพเค้กหลายชิ้นบนโต๊ะ พร้อมกับน้ำชาอีกชุด อันมองมันราวกับไม่คิดว่าจะเกิดสิ่งนี้ได้ เลดี้สูงศักดิ์กำลังนั่งโต๊ะร่วมกับเธอ นาเซียเอียงศีรษะมองเมื่อเห็นว่าอันยังไม่หยิบขนมชิ้นไหนขึ้นเลยสักชิ้น
“เจ้าหิวไม่ใช่เหรอ” นาเซียถาม
“แต่...ดิฉันว่าไม่เหมาะสมค่ะ”
“ไม่เหมาะสมอะไร นี่อยู่นอกปราสาท ดยุกไม่ต่อว่าเจ้าหรอกกินเข้าซิอัน ข้าอยากจะรีบเดินชมหินสวยงามนั่นแล้ว” นาเซียไม่บอกเปล่า เธอยังยื่นเค้กใส่มืออันพร้อมกับรินน้ำชาอย่างคล่องแคล่ว อันยิ้มรับพร้อมกับกัดก้อนขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากที่พวกเธอทานขนมอิ่มแล้ว เป้าหมายต่อไปคือการเดินหาหินเวทย์ที่มีพลังมานาสูง แต่ไม่ว่าจะเดินเข้าไปดูกี่ร้านล้วนเป็นเพียงหินเวทย์ที่มีมานาเพียงแค่ช่วยให้แสงสว่างกับความอบอุ่นเท่านั้น
“อัน...ที่นี่ไม่มีหินเวทย์เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายงั้นเหรอ” นาเซียถามอันอย่างสงสัย เพราะเธอเดินดูทุกร้านแล้ว เธอแน่ใจว่าคงไม่มีหินเวทย์เคลื่อนย้ายอย่างแน่นอน เพราะหินเวทแต่ละชนิดนั้นจะมีสีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้แยกจำพวกได้อย่างง่ายดาย
“หินเวทย์เคลื่อนย้าย เป็นหินเวทย์เฉพาะ ท่านดยุกสั่งห้ามซื้อขายในเขตกาบริเอล มีเพียงท่านดยุก และจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถใช้ได้” อันตอบอย่างฉาดฉาน นาเซียพยักหน้าอย่างเขาใจ ไม่แปลกที่จะมีการสั่งห้ามใช้หินเวทย์เคลื่อนย้าย เพราะนั้นมีเพียงแค่กลุ่มบุคคลชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถใช้ได้
“แต่หากเลดี้ต้องการ ท่านลองขอท่านดยุกดูซิคะ หากท่านจำเป็นจริง ๆ ดิฉันมั่นใจว่าท่านดยุกต้องมอบให้ท่านอย่างแน่นอน” นาเซียขมวดคิ้วมอง อันคงไม่รู้ว่าดยุกของนางนั้นเป็นเช่นไร ถ้าเธอเอ่ยถึงเรื่องหินเคลื่อนย้ายมีหวังเขาคงจับเธอขังไว้เป็นแน่ แล้วถ้าหากเธอแอบลองหาหินเวทย์นั้นที่ไหนสักแห่งในปราสาทนั่นละ ไม่แน่หินเวทย์นั่นอาจจะถูกเก็บไว้ในปราสาท กาบริเอลอย่างมากมายที่ใดที่หนึ่งก็ได้
“นั่นซิ ขอบคุณนะอัน” นาเซียตบไหล่พร้อมขอบคุณอัน เด็กสาวยิ้มกว้างให้กับความฉลาดของตนเอง
แม้จะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ แต่นาเซียก็ต้องแต่งตัวรอก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอก รถม้าถูกจัดเตรียมไว้เธอให้อันติดตามไปด้วยเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอย่างครั้งก่อน รถม้าหยุดตรงจัตุรัสอีกครั้ง ทุกค่ำคืนเทศกาลงานเต้นรำจะมีดนตรีบรรเลงให้หนุ่มสาวชาวเมืองได้ออกมาเต้นรำกัน นาเซียมองเซลีนในชุดสีชมพูอ่อน ดูเข้ากับสีผมของเธอ ตั้งแต่คราวก่อนที่เธอไปขอบคุณเซลีน นางก็เอาแต่หลบเลี่ยงเธอมาตลอด แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่อยากจะสนิทสนมกับนางอยู่แล้วเช่นกัน เพราะเมื่อไหร่ที่เธอเข้าใกล้เซลีน สายตาของลาฟาซมักจะขู่ไล่เธอเสมอราวกับว่ากลัวเธอจะทำร้ายเซลีนยังไงยังงั้น ลาฟาซค่อย ๆ ประคองจูงแขนเซลีนก่อนที่จะร่วมสนุกสนานในงานเต้นรำ ส่วนเธอก็เหมือนแค่ผู้ที่ไว้ใช้กล่าวอ้างต่อองค์ราชินีเท่านั้น
“ถ้ารู้ว่าจะมาเต้นรำกันสองคนจะลากฉันมาทำไมกัน” นาเซียอดบ่นไม่ได้ เธอมองดูพวกเขาราวกับเจ้าหญิงเจ้าชายในนิทาน ก่อนที่จะเลี่ยงไปนั่งเก้าอี้ไม่ไกลนัก ก่อนจะเห็นว่าวิลเลี่ยมก็ยืนมองพวกเขาไม่ไกลเช่นกัน
นาเซียมองแววตาของวิลเลี่ยมที่กำลังจับจ้องมองพวกแววตาของวิลเลี่ยมดูเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากที่เคยมองมาที่เธอ แววตาที่ดูอบอุ่นและดูห่วงใย เธออยากรู้นักว่าเป็นเพราะลาฟาซอย่างงั้นเหรอที่เป็นคนสั่งให้เขามาบอกให้เธอกลับคฤหาสน์เอิร์ล
“พบกันอีกแล้วนะคะเซอร์อาร์เซล” นาเซียเดินเข้าไปทักเขาด้วยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“เลดี้ดาร์เรล” วิลเลี่ยมโน้มศีรษะแสดงความเคารพต่อเธอเล็กน้อย ผิดจากคราวที่แล้ว
“เซอร์เต้นรำเป็นหรือไม่คะ” นาเซียลอบถาม เธออยากหาข้ออ้างที่จะพูดคุยเรื่องที่เธอสงสัยกับเขานาน ๆ
“หากเลดี้ไม่รังเกียจจะเต้นรำกับกระผมสักบทเพลงได้หรือไม่” วิลเลี่ยมโน้มศีรษะพร้อมยกมือขึ้นรอ ผู้ชายที่นี่เหมือนกันทุกคนหากเลดี้ออกปากเอ่ยถามถึงการเต้นรำแล้วละก็ เหมือนพวกเขาจะรู้ดีว่าควรต้องทำเช่นไร
“ยินดีค่ะ” นาเซียวางมือลงพร้อมส่งยิ้มอย่างยินดี เพราะเธอจะใช้โอกาสนี้ไล่เค้นถามเขาไม่ให้หลุดไปเลยแม้สักแต่ข้อสงสัยเดียว
“ลาฟาซต้องการให้เซอร์ส่งฉันกลับอย่างนั้นหรือคะ” นาเซียเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อเริ่มเต้นรำ
“ทำไมเลดี้ถึงคิดอย่างนั้น”
“ถ้าไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นเซอร์เองหรือคะ ที่อยากให้ฉันกลับไป”
“แล้วถ้าผมบอกว่าใช่ล่ะ” นาเซียหยุดสายตาไม่ให้จ้องเขาไม่ได้ อะไรกันทำให้เขาดูหน้าแดงแบบนั้น
“ทำไมกันคะ”
“เลดี้ลืมไปแล้วหรือครับ เลดี้บอกเองว่าจะให้ผมปกป้องเลดี้” นาเซียขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสับสน เธอจำไม่ได้ว่าตอนไหนกันที่ตัวร้ายอย่างนาเซียไปเอ่ยคุยกับอัศวินผู้นี้ เธอนิ่งเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะต้องตอบเขาแบบไหน
“เลดี้คงจำไม่ได้ เด็กชายตัวเล็ก ๆ เนื้อตัวมอมแมมตอนนั้นจะเป็นกระผมซินะ” วิลเลี่ยมทบทวนความทรงจำ ในตอนนั้นภาพความทรงจำบางอย่างในสมองของนาเซียก็วูบเข้ามา เด็กผู้ชายรูปร่างผอมเนื้อตัวดูขาวซีดมือ เล็ก ๆ ยังคงสั่นเทานั่งหลบอยู่ข้างกำแพงพระราชวังราวกับหลบซ่อนตัวภายใต้เงานั่น นาเซียในตอนนั้นเพิ่งจะได้สิบขวบเธอเข้ามากับบิดา เธอที่เดินเข้าไปหาเขาทันทีที่เธอเหลือบไปเห็นร่างซูบผอมดวงตาคมกำลังมองมาที่เธอ
‘กำลังทำอะไรนะ’ เสียงเล็ก ๆ เอ่ยขึ้น เด็กชายตัวน้อยรีบหลุบตาหลบเมื่อถูกเธอจับได้ ก่อนจะลังเลที่จะตอบออกมา
‘เราอยากกลับบ้าน’ เด็กชายตอบ
‘แล้วทำไมเจ้าไม่กลับไปละ’
‘ท่านพ่อกับท่านแม่เราตายในสนามรบแล้ว เราเองก็กำลังเข้ามาฝึกกับกองทัพ’ เด็กชายอธิบาย ทั้งที่คราบน้ำตายังคงแห้งติดแก้มตอบของเขา
‘งั้นก็ฝึกซิ ฝึกเก่ง ๆ แล้วเจ้าก็มาปกป้องเราด้วยนะ ท่านพ่อของเรามีเงินมากเลยละ ถ้าเจ้าดูแลเราเป็นอย่างดี รับรองว่าท่านพ่อจะต้องจ่ายเงินให้เจ้ามากแน่ ๆ’ นาเซียในวันเด็กยังคงยิ้มแย้มร่าเริง
กลับมาในตอนนี้ นาเซียจ้องมองวิลเลี่ยมอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเด็กชายตัวน้อยผู้นั้นจะเป็นเขาได้ แต่สีผมที่โดดเด่นในตอนนั้นกลับตอนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย นาเซียยิ้มแห้ง ๆ
“แล้วที่เซอร์จะให้ฉันกลับไป ไม่รู้หรือคะว่ามันอันตราย” นาเซียถามเพราะเธอไม่รู้ว่าเขารู้หรือไม่ว่าอาณาเขตกาบริเอลเป็นเขตที่อยู่ติดกับที่อยู่ของสัตว์ปีศาจ
“ไม่ต้องห่วงเพราะผมจะปกป้องเลดี้เป็นอย่างดีครับ”
“งั้นที่เซอร์บอกให้ฉันกลับ หมายความว่าเซอร์จะเป็นคนพาฉันไปเองอย่างนั้นหรือคะ”
“ครับ” วิลเลี่ยมตอบอย่างชัดเจน นาเซียไม่คิดว่าจะได้รู้เรื่องเหล่านี้เลย แต่อย่างน้อยเธอก็ได้รู้แล้วว่านาเซียผู้ร้ายกาจใช่จะไม่มีใครคิดปกป้องเธอเลย ทั้งที่คิดว่าไม่มีแล้วแท้ ๆ