ทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
ตะวันตก,ผจญภัย,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,ดยุก,สวมร่าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Please help me ช่วยฉันทีฉันไม่อยากอยู่ในโลกนิยายทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
เมื่อหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันได้ทะลุเข้ามาในโลกนิยายแฟนตาซีในร่างของ "นางร้าย" ที่โชคชะตากำหนดให้ถูกตัวร้ายชายฆ่าตาย เธอจึงต้องหาทางรอดพ้นจากจุดจบอันโหดร้ายนี้ แต่แทนที่เธอจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เธอกลับพบว่าเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ต่างพากันหันมาสนใจและเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่คาดฝัน การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา และค้นหาความลับเบื้องหลังโลกใบนี้ เธอจะสามารถพลิกชะตาของนางร้ายและเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งนี้ได้หรือไม่?
ฝากกดถูกใจ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยค่ะ
แววตาสีมรกตกะพริบราวกำลังทบทวนสิ่งที่ผ่านมา เธอคิดแล้วว่าการแต่งงานนั้นช่างแปลก มิกาเอลที่เอาแต่วิ่งไล่ไขว่คว้าเซลีนอย่าง คลุ้มคลั่งนะหรือจะมาสนใจสตรีที่หยิ่งยโสอย่างนาเซีย ร่างบางเก็บจดหมายลงในลิ้นชักก่อนจะดึงเอากุญแจเก็บใส่ถุงผ้าไหมเล็ก ๆ ‘ฉันจะไม่ยอมรีรอที่จะกลับหรอกนะ’ นาเซียเดินกลับมายังห้องนอนก่อนจะสั่งให้อันเอาชุดขี่ม้ามาให้
“ดัชเชสจะออกไปข้างนอกหรือคะ” อันถามขึ้น นางมองร่างบางที่กำลังรวบเส้นผมสีดำสลวยขึ้นสูงเผยลำคอระหง นาเซียเอียงตัวมอง
“เราจะออกไปเพียงผู้เดียว” นาเซียกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันกลับไปคว้ามีดสั้นอีกเล่มเหน็บชายเอวไว้ อย่างน้อยการที่เธอออกไปข้างนอกเพียงผู้เดียวก็ควรที่จะมีอาวุธติดตัวไปด้วย เธอคิดไม่ผิดที่ให้วิลเลี่ยมสอนการขี่ม้าฟันดาบให้ อย่างน้อยเธอก็จะสามารถใช้มันได้หากต้องใช้ชีวิตอยู่ที่แห่งนี้
สายลมเย็นปะทะใบหน้าในขณะที่เธอกำลังพุ่งตัวไปบนหลังม้า จนชา แต่ความมุ่งมั่นกลับไม่ได้ลดน้อยลงในแววตาเธอเลย นาเซียกำลังที่จะออกไปยังเหมืองหินเวท สถานที่ที่มีหินเวทมากมาย ในที่นี้ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ใด หากไม่ใช่มิกาเอล แต่สำหรับเธอนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เนื้อหาบอกไว้ว่าอยู่ทางใต้ของดินแดนกาบริเอล นั่นก็คือส่วนที่อยู่ติดเขตสัตว์ปีศาจ นาเซียใช้เวลาพักใหญ่จนคิดว่าสถานที่ตรงหน้าน่าจะเป็นทางเข้าเหมือง อุโมงค์ขนาดใหญ่ถูกปิดด้วยพลังมานาขั้นสูง ราวกับเป็นชั้นกระจก แก้วหนา เธอยกมือลูบจุดที่คิดว่าสามารถเปิดออก ในความจริงคนที่รู้เรื่องการเปิดประตูอุโมงค์นี่คือเซลีน ในตอนที่นางถูกมิกาเอลนำตัวมากักขัง และนั่นทำให้ลาฟาซใช้โอกาสนี้ในการครอบครองเหมืองหินเวทจนเอาชนะมิกาเอลได้ นาเซียลูบคลำหาอยู่พักใหญ่ก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์นอกจากจะหาไม่เจอแล้ว บรรยากาศรอบด้านก็ดูมืดลง นาเซียจำใจที่จะตัดความหวังไว้เพียงเท่านี้ เพราะหากค่ำกว่านี้เธออาจหลงทางก็เป็นได้ นาเซียยอมที่จะกลับมาตั้งหลักที่ปราสาทอีกครั้ง ทันทีที่เธอมาถึงหน้าปราสาทเส้นผมที่ถูกรวบรัดไว้ก็ถูกปล่อยสลาย มันดูเปียกชื้นเพราะสายหิมะโปรยปรายด้านนอก ร่างบางก้าวเดินตรงมายังห้องทำงานตนเอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมิกาเอลกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเธอ
“เจ้าออกไปไหนมา” ดยุกกาบริเอลวางสีหน้าเรียบเฉยแฝงไว้ด้วยความเย็นชาขณะเอ่ยถาม
“ทำไมต้องสนใจด้วยคะ” นาเซียเดินไปหยิบใบส่งเสบียงอย่างไม่ใส่ใจ ระหว่างนี้เธอคิดเพียงแค่หน้าที่ที่ควรทำ กับการอยู่ให้ห่างจากเขาก็เท่านั้น
“แต่เจ้าเป็นดัชเชส การออกไปไหนมาไหนมันอันตรายนะเซีย” เขาลุกยืนก่อนจะเดินเข้ามาที่เธอ
“วิลเลี่ยมสอนวิชาดาบให้ฉันแล้วค่ะ ท่านดยุกไม่ต้องห่วง”
“ดูเหมือนเจ้าจะสนิทสนมกับไอ้อัศวินนั่นเป็นพิเศษสินะ ถึงเอ่ยเรียกราวกับคนสนิท” น้ำเสียงดูประชดประชัน ทั้งยังยืนจ้องหน้าเธออย่างไม่วางตา
“วิลเลี่ยมคือสหายของฉันค่ะ ฉันขอตัวเพราะจะรีบไปตรวจสินค้าที่ห้องครัว”
“แล้วข้าละ ทำไมเจ้าไม่เอ่ยเรียกชื่อข้าบ้าง”
“....” นาเซียหรี่ตามอง เขาต้องการสิ่งใดจากเธอกันแน่
“มิกาเอล ท่านอยู่นี่เอง” เสียงหนึ่งเรียกดังพร้อมร่างสตรีที่ดูสง่างาม ดูนางคงจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธออยู่ด้วยกับเขาตรงนี้
“เรียกท่านดยุกนะดีแล้วค่ะ” นาเซียตอบก่อนจะเดินสวนสตรีผู้นั้นไป
นาเซียนอนคิด เธอน่าจะผลักหรือแกล้งเดินชนเลดี้อีวอนเสียหน่อย เพราะถึงอย่างไรชื่อเสียงของนาเซียก็ร้ายกาจอยู่แล้ว แต่ไม่ได้เธอจะไปชนผู้หญิงคนนั้นล้มได้ยังไงกัน เพราะดูนางน่าจะแข็งแรงกว่าเธออยู่มากโข นาเซียแกว่งแขนไปมากลางที่นอนกว้าง ก่อนเสียงประตูห้องนอนจะถูกเปิดออก ‘อะไรกันไม่ได้จะนอนที่ห้องทำงานหรอกเหรอ’ นาเซียพลิกตัวทำท่าว่าตนนั้นกำลังหลับ เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ที่กำลังเดินตรงมาที่เตียงนอน สัมผัสของที่นอนที่ยุบตัวตามน้ำหนักของใครบางคน นาเซียพยายามสงบสติตนเองให้ดูเหมือนคนที่หลับอยู่ แต่มือหนึ่งกลับคว้าตัวเธอพลิกกลับก่อนร่างสูงจะคร่อมอยู่บนตัวเธอ กลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ‘นี่เขาดื่มไปเหรอ’ นาเซียจ้องมองแววตานั่นพลางสงสัย ใบหน้าขาวซีดสะท้อนผ่านแสงของดวงจันทร์ แววตาสีฟ้าครามดูสั่นไหวมองมาที่เธอ นาเซียเดาความคิดเขาในตอนนี้ไม่ออกว่าเขากำลังจะทำอะไรเธอแน่ หรือว่าอาการป่วยของเขากำลังกำเริบ เขากำลังจะฆ่าเธอหรือ นาเซียขบเม้มริมฝีปากอย่างเคยตัวก่อนที่เขาจะหยุดการกระทำที่ชอบกัดริมฝีปากตัวเองด้วยริมฝีปากอุ่น ๆ ของเขา ลมหายใจอุ่นส่งผ่านริมฝีปากที่กำลังบดคลึง เรียวลิ้นร้อนค่อย ๆ แทรกผ่านโพรงปากเล็ก ๆ ของเธอ ไม่รู้ว่าเพราะร่างกายของเธอ หรือความคุ้นชินกัน เธอถึงยินยอมตอบสนองเขาทันที นาเซียจ้องแววตาคมที่กำลังมองเธอราวของหวานตรงหน้า เขาบดจูบอย่างอ่อนโยนก่อนค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าลงมาตามลำคอ ปลายสัมผัสของลิ้นที่ค่อย ๆ ลากไล้ลงต่ำ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกำลังบินวนอยู่ในช่องท้อง ชุดนอนบางถูกปลดออกอย่างง่ายดาย เพียงแค่จูบสัมผัสของเขาก็ทำให้เธอใจเต้นแรงจนเรียวแรงเหือดหายไม่สามารถต่อต้านการกระทำใด ๆ ของเขาได้
“ม่ะ...ไม่” นาเซียร้องห้ามเมื่อใบหน้างดงามของเขาเคลื่อนย้ายลงมายังพื้นที่ไวสัมผัสด้านล่างของเธอ เรียวขาสวยถูกยกขึ้นอย่างน่าอาย แม้จะเอามือปัดป้องแต่ก็ถูกปัดออก เรียวลิ้นสากลากไล้ไปมาทำให้สติของเธอไม่สามารถจดจ่อสิ่งอื่นใดได้ เธอเพียงคิดว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป
“อร๊ะ..” ร่างบางสั่นสะท้านเมื่อปลายลิ้นของเขาสอดแทรกผ่านกลีบกลางกายนาเซียพยายามใช้สองมือดันศีรษะทุย ๆ ของเขาให้หยุด แต่ร่างกายกับสนองแอ่นรับอย่างเต็มใจ ยิ่งเรียวลิ้นแทรกลึกความเสียวซ่านที่พุงตรงทำให้เธอบิดส่ายสะโพกเร้า
“เรียกข้า เซีย” ใบหน้าคมละบอกแต่นิ้วมือยังคงเขี่ยเมล็ดทับทิมสีสวยของเธอไปมาจนเธอไม่สามารถควบคุมสติได้
“ท่านดยุก อ๊ะ” นาเซียเอ่ยเรียกตามที่เขาสั่ง แต่กลับถูกบดคลึงที่แรงขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เรียกนามข้าว่ามิกาเอล” เขายังคงดื้อดึงอย่างไม่ลดละ
“มิ...กาเอล อึ๊กกก” นาเซียเอ่ยเรียกชื่อของเขา ก่อนที่แท่งเนื้อท่อนใหญ่จะกดลงจนแนบสนิท
“เซีย เรียกนามข้า”
“มิกาเอล อร๊าง” สะโพกสอบขยับเร็วขึ้นตามจังหวะที่เธอเอ่ยเรียก ร่างบางถูกจับรั้งราวดิ้นไม่หลุด แรงกดที่คอย ๆ เพิ่มความหนักหน่วง นาเซียร้องครางอย่างอดไม่อยู่ เสียงเนื้อที่ตีกันดังไปทั่วห้องดูน่าอาย คราบน้ำเหนียวข้นที่ค่อย ๆ ไหลไปตามเรียวขาของเธอจนเหนอะหนะ มิกาเอลจับเธอคว่ำตัวลงก่อนจะโน้มทับตามมาอีกครั้ง ดูเหมือนสติของเขาเองก็คงไม่อาจควบคุมได้ เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขายอมปล่อยให้เธอได้หลับ
นาเซียพลิกตัวมองใบหน้าที่กำลังหลับตาพริม ขนตาแพรหนาดูงอนงาม สันจมูกที่โด่งลับกับใบหน้าจนอดชื่นชมความงดงามไม่ได้ นาเซียพลิกตัวที่จะเดินออกไปแต่กลับถูกเขาคว้ากอดเอวไว้ ร่างสูงยังคงหลับตา แต่แขนเขากลับคว้าตัวเธอทัน
“เจ้าจะไปไหนเซีย” เขาถามขณะที่ยังคงหลับตาไว้ ไม่ผิดแน่เขาเรียกชื่อเธอ นาเซียมองไปที่คนกอดตัวเธอไว้อย่างหงุดหงิดเล็กน้อย เขาเพิ่งจะปล่อยให้เธอได้พักเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้วยังจะรั้งเธอไว้อีก
“ฉันอยากชำระตัวค่ะ” นาเซียตอบ เธออยากจะชำระร่างเหนียว ๆ ของเธอเสียเต็มที เธอมองเตียงนอนที่เต็มไปด้วยคราบขุ่นของเธอและเขา ‘มันเป็นเรื่องธรรมดาของสามีภรรยาสินะ’ เธออดคิดแบบนั้นไม่ได้ ต่อให้ไม่ได้รักใคร่ชอบพอ เรื่องเช่นนี้ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดาของสามีภรรยา เธอยังนึกถึงในตอนที่ยังไม่ได้มาอยู่ร่างนี้ พ่อกับแม่เธอมักจะทะเลาะกันรุนแรง แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเหนื่อยหอบออกมาอยู่ดี ทั้งที่ตอนเช้าอีกวันทั้งสองแทบจะไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ นาเซียคิดที่กำลังจะลุกแต่ทำไมภายใต้ผ้าห่มนั้นกลับดูชูขึ้น มิกาเอลจับร่างเธอกดลงก่อนจะซุกไซ้ปลายจมูกโด่งลงลำคอของเธอ มันช่างเป็นยามเช้าที่เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน นอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอชำระร่างตัวแล้ว น้ำขุ่นเหนียวยังเพิ่มขึ้นอีก ดีหน่อยที่เขาเป็นผู้อุ้มเธอไปชำระตัวเอง เพราะเรียวแรงทั้งหมดของเธอถูกเขาดูดกลืนไปเสียหมดจนแข้งขาเธอแทบจะไม่มีแรงจะก้าว นาเซียนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โซฟากลางห้องก่อนที่อันจะยกมื้อเช้าของวันมาเสิร์ฟ เขาสั่งให้คนเตรียมอาหารมาให้เธอก่อนจะสั่งให้เธอรอเขาอยู่แต่เพียงในห้อง ‘แล้วจะทำไมฉันต้องฟังนายด้วย’ นาเซียพลางคิดเธอคงไม่ล้มเลิกเรื่องหาหินเวทอย่างง่าย ๆ หรอกนะ ตราบใดที่เธอยังไม่ได้เปิดหินเวทนั้นจริง ๆ