ทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
ตะวันตก,ผจญภัย,แฟนตาซี,ชาย-หญิง,ย้อนยุค,แฟนตาซี,พล็อตสร้างกระแส,ดยุก,สวมร่าง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Please help me ช่วยฉันทีฉันไม่อยากอยู่ในโลกนิยายทันทีที่ลืมตาเธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
เมื่อหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในโลกปัจจุบันได้ทะลุเข้ามาในโลกนิยายแฟนตาซีในร่างของ "นางร้าย" ที่โชคชะตากำหนดให้ถูกตัวร้ายชายฆ่าตาย เธอจึงต้องหาทางรอดพ้นจากจุดจบอันโหดร้ายนี้ แต่แทนที่เธอจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เธอกลับพบว่าเหล่าตัวละครหลักทั้งหลาย ต่างพากันหันมาสนใจและเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่คาดฝัน การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตา และค้นหาความลับเบื้องหลังโลกใบนี้ เธอจะสามารถพลิกชะตาของนางร้ายและเปิดเผยความจริงที่ซ่อนอยู่ในโลกแห่งนี้ได้หรือไม่?
ฝากกดถูกใจ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยค่ะ
“องค์ราชินีเพคะ ผ้าเช็ดหน้าที่พระองค์ให้หม่อมฉันปักเพื่อมอบให้แก่องค์ชายการุส แห่งซายาเสร็จแล้วเพคะ” บารอนเนสเบนเนทซ่า สาวใช้ข้างกายจักรพรรดินี นางดูแลรับใช้อยู่ข้างกายพระองค์ตั้งแต่ยังทรงไม่กำเนิด นาเซียนั่งฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าการมอบผ้าเช็ดหน้าคือการสนับสนุนให้กำลังใจ และหากเป็นหนุ่มสาวพวกเขาจะมอบให้แก่ที่รักคนรัก แต่สำหรับเธอ เธอไม่ได้สนใจที่ยากจะผูกสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อมิกาเอลอยู่แล้ว เธอคิดว่าเธอจะอยู่ที่นี่เพียงไม่นาน
“นาเซีย เจ้ามอบผ้าเช็ดหน้าแก่ดยุกแล้วหรือ” จักรพรรดินีหันมองมาที่ นาเซีย
“คือ …หม่อมฉันเตรียมไว้แต่เพราะท่านดยุกรีบเกินไป หม่อมฉันจึงไม่ได้นำมาด้วยเพคะ” เอ่ยไปก็น่าอายมือเรียวเขี่ยมือตนเองไปมา ใครจะเชื่อว่าเธอนั้นลืมผ้าเช็ดหน้าที่เป็นของคู่กายบุรุษและสตรีทั้งหลายในยุคนี้กัน ราชินีมองหน้าก็พลางอมยิ้มอย่างรู้ทัน
“ฝีมือเจ้าเรารู้ดี เราให้รูน่าเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว” กล่าวจบนางก็หันไปหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดปักลายดอกไม้สวยงาม ด้านชายผ้ายังมีชื่อเธอปักอยู่ ดูเหมือนราชินีจะรักนาเซียเอามาก ๆ
“พระองค์รู้ใจหม่อมฉันเป็นที่สุดเพคะ” แววตาจ้องมองแต่ก็ยังไม่ทันที่จะรับ
“เพราะเราก็เป็นเหมือนมารดาเจ้า นาเซียแม่เจ้าน่าสงสารนักที่รีบจากลูกสาวที่งดงามเช่นเจ้าไป” นาเซียก้มหน้าลงเล็กน้อยมือเรียวเย็นเฉียบลูบใบหน้าเธอเบา ๆ
“แต่หม่อมฉันเห็นว่าไม่ดีกว่าเพคะ” นาเซียรีบปฏิเสธ เพราะอย่างที่เธอกล่าวเธอไม่ได้อยากจะผูกสัมพันธ์กับดยุกกาบริเอลนัก หากวันใดที่เธอจากไปอย่างน้อยจะมีเพียงชื่อที่จะคงจาลึกไว้เพียงให้หน้าหนังสือ นาเซีย ผู้หยิ่งยโส และร้ายกาจ จักรพรรดินีหันมองบารอเนสเบนเนทซ่า อย่างงุนงง แต่ก็ไม่ได้สักถามเธอมากนัก
นาเซียขอตัวออกมาระหว่างที่ลาฟาซเดินสวนเข้าไป แม้สีหน้าเขาดูจะไม่พออกพอใจเธอนัก แต่ใช่ว่าเธอจะสนใจ ‘คนอะไรงี่เง่าชะมัด’ นาเซียเดินมายังลานประลอง ลานกว้างขนาดสนามฟุตบอลสี่สนาม ชั้นที่นั่งที่มีผู้คนมาเฝ้ารอการประลองจนแน่เต็ม ‘คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่สวมชุดนี้มา’ นาเซียยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจเซ้นส์การเลือกชุดของเธอ เรียวขายาวสวยก้าวฉับไปยังชั้นเหล่าบุตรสาวขุนนาง เซลีนนั่งอยู่แถวด้านหน้าสุด มันมีที่ว่างหนึ่งดูเหมือนจะพอดีกับเธอ นาเซียเดินไปก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างถือวิสาสะ เธอไม่จำเป็นต้องกล่าวทักทายเซลีน ในเมื่อท่าทางนางเองก็ดูเหมือนจะไม่อยากพบเธอนัก ‘คงโกรธมากสินะที่ฉันไม่ได้เป็นโล่กำบังให้แก่พวกเขา’ นาเซียมองไปยังกลางสนาม เหล่าทหารอัศวินต่างกำลังฟาดฟันกันอย่างหั่มหั่น
มิกาเอลเพิ่งเดินออกจากสนามมาทางด้านนอกหลังเอาชนะการต่อสู้ไปได้นับสิบคน ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เขาแหงนมองไปยังชั้นที่นั่ง เธอดูโดดเด่นกว่าใคร ๆ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้คนเช่นนางมาเป็นภรรยา แม้จะรู้สึกน้อยใจอยู่นิดหน่อยแต่ก็คิดว่านั่นเป็นเพราะนิสัยที่ตรงไปตรงมาของนาง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้คาดหวังที่จะได้ผ้าเช็ดหน้าจากนางอยู่ก่อนแล้ว มิกาเอลก้มลงคว้าขวดน้ำดื่มอย่างไม่ใส่ใจ
“ดูเหมือนท่านยังไม่ค่อยได้ออกแรงเต็มที่เลยซินะ” ลาฟาซเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยทักเขาขึ้น ลาฟาซยืนกอดอกมองไปยังชั้นที่นั่งด้านบนเช่นเดียวกับเขา
“ฝ่าบาทเองเท่านี้ก็คงไม่ต้องใช้กำลังทั้งหมดเช่นกัน” มิกาเอลย้อน
“ก็คงเป็นเช่นนั้นแหละ” ลาฟาซเอ่ยก่อนจะยกดาบขึ้นมาทำท่าราวกำลังฟาดฟัน มิกาเอลไม่คิดที่จะสนใจท่าทางของเขาสักนิด เพราะลาฟาซก็เป็นเช่นนั้นเสมอเที่ยวอวดดีไปทั่ว แต่ที่เขาอดสนใจไม่ได้ก็คือ ผ้าเช็ดหน้าที่ผูกอยู่บนด้ามจับของลาฟาซต่างหาก เขาจะไม่สนใจมันเลยถ้าผ้านั้นไม่ได้ปักชื่อภรรยาของเขาอยู่
“นั่นเจ้าไปเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาจากไหน” เขาสิ้นสุดการเคารพก่อนจะคว้าดาบในมือของลาฟาซมาอยู่ที่มือตนเอง
“นางมอบให้ข้าแล้วจะทำไม” ลาฟาซตอบก่อนคว้าดาบตนคืน มิกาเอลแหงนมองไปยังนาเซีย ใบหน้าที่เรียบนิ่งไร้อารมณ์กำลังมองมาที่เขา แต่พอลาฟาซโบกไม้โบกมือให้หน่อยนางกลับยกยิ้มให้ซะงั้น
นาเซียมองท่าทางตลกของลาฟาซที่กำลังโบกไม้โบกมือให้กับ เซลีน ‘นี่นะหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นพระเอกของเรื่อง ดูท่าทางเขาเหมือนเจ้าทึ่มชะมัด’ นาเซียแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ก่อนจะเหลือบไปเห็นเซอร์อาร์เซลยืนอยู่อีกทาง ‘อ่า…สหายเพียงผู้เดียวของฉัน สู้เข้านะฉันเอาใจช่วย’ นาเซียยกกำปั้นชูขึ้นก่อนทำท่าส่งให้กับวิลเลี่ยม
และผลการแข่งขันก็สรุปออกมาไม่น่าเชื่อว่าดยุกกาบริเอลที่แข็งแกร่งเช่นเขาจะแพ้ให้กับลาฟาซ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อเพราะในเนื้อหาบอกว่ากำลังการต่อสู้ของมิกาเอลนั้นเหนือกว่าลาฟาซเป็นอย่างมาก แต่เพราะเซลีนใช้หินเวทกับพลังเยียวยาของเธอช่วยเหลือเขาทำให้ลาฟาซเอาชนะสงครามจากมิกาเอลได้ ยังไม่ทันที่เธอได้จะไปพบเขาก็ต้องมาเตรียมตัวที่ปราสาทรับรอง มันคือปราสาทหลังแรกที่เธอได้ก้าวเหยียบในวันแรกที่มาอยู่ในร่างนี้ นาเซียมองสาวใช้มากมายที่กำลังยืนรอต้อนรับเธอ แม้จะรู้สึกประหม่าไปบ้าง แต่เธอก็วางท่าทางได้ดี
ชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มประดับสร้อยที่จักรพรรดินีมอบให้ช่างดูเหมาะสมเป็นอย่างมาก นาเซียมองคนที่เพิ่งเข้ามา มิกาเอลยืนกอดอกพิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องด้วยชุดสูทสีเดียวกับเธอ สายคาดไหล่ที่ประดับด้วยเครื่องชุดสีทองดูงดงามขึ้นเมื่อมันอยู่บนตัวเขา
“เจ้าไม่คิดที่จะมอบผ้าเช็ดหน้าให้สามีหน่อยหรือ” อยู่ ๆ เขาก็กล่าวขึ้น เรียวคิ้วโกงขมวดอย่างงุนงง ‘หรือเขาต้องการผ้าเช็ดหน้ากัน’ นาเซียคิดประเมินเขาในใจ เป็นไปไม่ได้แค่เล็กน้อยเพียงเท่านี้หรือที่ทำให้ใบหน้าเขาดูง่ำง้อราวกับเด็กน้อยเอาแต่ใจ
“ท่านดยุกอยากได้หรือคะ” นาเซียก้มสำรวจชุดเดรสตัวเองและกล่าวถามเขาอย่างไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตนัก ถ้าหากเขาต้องการเธอก็มอบให้เขาได้เช่นกัน แต่ทำไมจะต้องทำสีหน้าโกรธขนาดนั้นใส่เธอด้วย มิกาเอลหมุนตัวหันหลังกลับพร้อมยกแขนขึ้นเป็นฉากให้เธอคล้องจับ มันช่างดูเป็นภาพคู่รักที่สมบูรณ์ หากแต่เพียงแววตาของเขาเท่านั้นที่ยังคงดูเย็นชา
มิกาเอลยประคองเธอเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ลานกว้างชั้นล่างของปราสาท เหล่าขุนนาง บุตรสาว และภรรยายืนคุยโอ้อวดกันมากมาย นาเซียกวาดสายตามองดูอย่างไม่ได้ใส่ใจนักก่อนจะหยุดสายตาเล็กน้อย
“ท่านพี่” นาเซียเอ่ยเรียกอานิชโตเสียงดังด้วยความตื่นเต้น จะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้อย่างไร ในเมื่อเขาก็เป็นเหมือนพี่ชายของเธอ อานิชโตที่กำลังพูดคุยอยู่กับขุนนางเขาหันมาที่เธอพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง รอยยิ้มอบอุ่น ว่าแต่ไอ้เด็กตัวเล็ก ๆ นั่นทำไมทำหน้าเหมือนไม่ชอบเธอเลย ‘เดี๋ยวนะ….นั่นอารอนน้องชายนาเซียงั้นเหรอ’ นาเซียจ้องแววตาสีเดียวกับเธอ มันดูแข็งกระด้างราวกับไม่ได้มองเธอเป็นครอบครัวเลยสักนิด
“อารอนก็มางั้นเหรอ” น้ำเสียงที่ขาดหายไปของเธอ มันดูประหม่าจนน่าตลก
“ก็ใครกันบอกว่าจะไปรับข้าที่อคาเดมี่” เจ้าเด็กกระเปี๊ยกนี่โวยวายเสียงดัง ดูท่านาเซียคงไปสัญญาอะไรบางอย่างกับเขาไว้ซินะ
“คือ..ข้า…”
“ท่านพี่ไม่รู้หรอกหรือว่าข้าคิดถึงท่านแค่ไหน” เอ่ยจบเด็กน้อยก็รวบตัวเธอกอดเอว แต่…มิกาเอลกลับรั้งดึงตัวเธอจนเซหลุดออก
“คุณชายอารอนคงคิดถึงดัชเชสมากสินะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอดูเย็นชาเล็กน้อย พร้อมมือหนาที่โอบไหล่เธอ อารอนพ้นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ
“ท่านพี่ คืนนี้ข้าจะอยู่กับท่าน ชดเชยที่ท่านไม่ไปรับข้าที่อคาเดมี่” อารอนเอ่ยเงื่อนไขอย่างเอาแต่ใจ
“เห็นทีจะไม่ได้ ดัชเชสแต่งงานกับข้าแล้วเห็นทีคุณชายคงต้องนอนคนเดียวแล้ว” มิกาเอลตัดปฏิเสธแทนเธอ
“อารอน เจ้าโตแล้วทำตัวเป็นเด็กไปได้ ขออภัยท่านดยุกน้องชายข้าเขาคงไม่คุ้นชินที่มีคนมาแย่งพี่สาวของเขาไป”
'แย่งเหรอ ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้นกัน' นาเซียมองใบหน้าอารอน สลับกับ มิกาเอล ราวกับกำลังปะทะกันด้วยแสงไฟสีน้ำเงิน และสีส้ม
“ท่านพี่เอ่ยมาเลยว่าท่านจะเลือกใครกัน” อารอนโพรงดูเหมือนเขาจะไม่ยอมสำหรับเรื่องนี้ นาเซียได้แต่มอง ไม่คิดว่าน้องชายของนาเซียจะรักพี่สาวเช่นนางได้ขนาดนี้