วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ - บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย โดย นฤชกร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม,หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า

รายละเอียด

วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

ผู้แต่ง

นฤชกร

เรื่องย่อ

เมื่อหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น ต้องเผชิญหน้ากับความรักที่ไม่คาดคิด

‘ต้นธาร’ ชายหนุ่มผู้ที่เฝ้าสะสมความเกลียดชังที่เขามีต่อพ่อมาตลอดชีวิต 

ต้องกลับมาที่เมืองไทยเพื่อจัดการเรื่องพินัยกรรมหลังการตายของ ‘ไพลิน’ ผู้เป็นพ่อ

ทำให้เขาได้พบกับ ‘พลอยมุก’ หญิงสาวปริศนาที่มักจะมายืนที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวและเธอนั้นมีน้ำตาร่วงลงมาในทุก ๆ ครั้ง ที่เขาพบเธอ

แต่แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่? ทำไมเธอจึงร้องไห้กับการสูญเสียครั้งนี้ 

และทำไมเธอถึงสำคัญกับพ่อของเขามากขนาดนี้?

ในระหว่างที่ต้นธารเฝ้ามองและจ้องจะจับผิด

 พลอยมุกกลับเผยให้เขาได้เห็นความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดและมันส่งผลต่อความเชื่อของเขาที่เคยมีมาตลอด

ความจริงที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาเริ่มสั่นไหวและความแค้นที่เคยหล่อเลี้ยงหัวใจ

ที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนี้ กลับค่อย ๆ จางหายไปในความอบอุ่นที่พลอยมุกมอบมาให้

ต้นธารจะยอมให้หัวใจที่คั่งแค้นถูกพิทักษ์ไว้ด้วยความรัก หรือจะปล่อยให้มันทำลายทั้งตัวเขาและคนที่เขาเพิ่งเริ่มต้นที่จะรัก?

 

********************

นางเอก

พลอยมุก ปราเมศ / พลอย (21)

นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ รักศิลปะพอ ๆ กับที่รักแมว มีพลังบวกที่ไม่ว่าใครต้องยอมแพ้ 

สดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในวันที่อากาศดี เป็นคนที่พร้อมจะยิ้มและหัวเราะ แม้ในวันที่โลกกำลังแตกสลาย

 สาวน้อยที่อบอุ่น คนที่มีความสามารถที่จะทำให้คนอื่นอารมณ์ดี และอ่อนลงได้ราวกับมีเวทมนตร์

ถึงจะดูเหมือนมองโลกในแง่ดีเกินไป และคิดบวกกับทุกอย่างแต่คนอย่างพลอยมุกก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

 

“คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างในโลกรึไงคะ? ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าขอโทษต้องสะกดยังไง”

 

พระเอก

ต้นธาร (เพทาย) รัตนากร / ต้นธาร,ต้น (28)

เชฟและนักธุรกิจสุดฮอต ที่หมายถึงเหมือนกับกำลังอยู่ในนรก มีเสน่ห์ ดึงดูดคนมาก แต่ก็เข้มงวดเบอร์หนึ่ง 

จริงจังกับชีวิต ชอบวางแผนทุกอย่างเป๊ะ เหมือนโลกจะล่มสลายถ้าเขาไม่ได้ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ 

เป็นเสือยิ้มยาก เงียบขรึม แต่พอด่าใครด่าเอาตาย กัดเจ็บจนเลือดสาด คนโดนกัดจะเจ็บเหมือนโดนหมาซอมบี้กัด 

ปากแซ่บธงแดงแปร๊ดดดดดดดด  ไว้ใจคนยากและกลัวความรักชนิดที่เห็นจากระยะ 800 เมตร ก็พร้อมจะปิดประตูใส่

 

“การที่เธอชอบฝันกลางวันก็มีข้อดีนะ เพราะเธอจะได้ไม่รู้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา โลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด”

 

********************

 

Trigger Warning :  Physical abuse-การทำร้ายร่างกาย, Mental Abuse-การทำร้ายจิตใจ, Attempted murder-การพยายามฆ่า

การเตือนด้านบนไม่ใช่สิ่งที่พระเอกทำกับนางเอกค่ะ และถ้ามีนอกจากนี้ จะเตือนไว้ในบทแต่ละบทค่ะ

 

นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่ง เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น 

สถานที่ องค์กร ฉาก บุคคล ฉาก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้มีอยู่จริง

สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเรื่องสมมติ

มิได้มีเจตนาพาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด ๆ 

 

ช่องทางติดต่อดำเกิง : Twitter(X)

 

สารบัญ

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 2 เพลิงแค้นท่ามกลางลิลลี่แห่งรัก,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม

เนื้อหา

บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย

คอนโดมิเนียมหรู ที่ตั้งตระหง่านอยู่ติดกับทะเลสาบออนแทรีโอ ในย่าน Harbourfront ของโตรอนโต ประเทศแคนาดา แสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาผ่านกระจกใสบานใหญ่สะท้อนบนโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้สักขัดมัน ทำให้ทุกอย่างดูเปล่งประกายราวกับฉากในภาพยนตร์ ต้นธาร นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ความมุ่งมั่นสะท้อนผ่านท่าทางการนั่ง และแววตาของเขาคมกริบกำลังตรวจดูเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจในมือ แม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว เขาก็ยังรักษาท่าทีเคร่งขรึมไว้ได้อย่างน่าประทับใจ แผ่นหลังตั้งตรงและเท้าที่วางบนพื้นอย่างมั่นคง แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความมีระเบียบและวินัยในตัวเอง เพราะเขาจากมาไกลแล้ว จากที่ที่เขาเคยเรียกว่า “บ้าน” ในช่วงวัยเด็ก นี่ก็เป็นเวลากว่า 21 ปีที่เขาได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่แคนาดา และเขาไม่นึกถึงอดีตที่เขาทิ้งไว้อีกแล้ว

ขณะนั้นเอง ในเสี้ยววินาทีที่ความมั่นคงและการควบคุมตัวเองของเขายังไม่ได้แปรเปลี่ยน ต้นธารไม่คิดเลยว่าในใจเขาจะถูกคุกคามด้วยความรู้สึกที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเผชิญอีกครั้ง เมื่อโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ บนโต๊ะทำงานดังขึ้น พร้อมกับชื่อของ ‘วราลี’ ที่ปรากฏบนหน้าจอ ดวงตาของต้นธารเลื่อนขึ้นจากเอกสาร จ้องไปที่หน้าจอ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาและกดรับสายทันที

 

“สวัสดีครับแม่ มีอะไรหรือเปล่าครับถึงได้โทร.หาผมตั้งแต่เช้าแบบนี้?” น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับวราลี ผู้เป็นแม่ถึงได้โทรมาก่อนเวลาที่เขาจะเดินทางออกไปทำงาน ซึ่งมันยังเช้ามาก ๆ อยู่เลย

 

‘ต้นธาร..’ ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วทว่าหนักแน่น ‘ไพลิน พ่อของลูก เขาเสียชีวิตแล้ว..ทนายกรโทร.มาบอกแม่เมื่อกี้นี้’

 

ความเงียบเข้ามาปกคลุมในห้องทำงานทันที ในขณะที่เสียงของผู้เป็นแม่เมื่อครู่ยังคงดังก้องซ้ำไปมาในหู ความเคร่งขรึมในใบหน้าของต้นธารแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไร แต่ความรู้สึกหลากหลายกำลังถาโถมเข้ามาในจิตใจ ทั้งตกใจ สับสน เศร้า แต่ก็ยังคงโกรธและเกลียด ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อม ๆ กัน จนเขาคิดว่าตัวเองเสียการควบคุมไปแล้ว และคิดว่าคงไม่สามารถจัดการกับมันได้

 

‘ต้นธาร..ฟังแม่อยู่หรือเปล่าลูก?’

 

“แล้วยังไงล่ะครับแม่?” ต้นธารตอบเสียงเรียบที่แฝงไปด้วยความขมขื่น เขาหายใจลึกพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงไปเพียงครั้งเดียว ก่อนจะพูดตอบกลับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง “มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ไม่ว่าพ่อจะอยู่หรือจะตายก็ตาม”

 

วราลีถอนหายใจออกมาเสียจนเสียงลากยาว รู้อยู่เต็มอกว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยังคงโกรธเกลียดไพลิน และไม่สามารถลืมเลือนสิ่งที่ไพลินเคยทำกับเธอได้ และเธอดูออกว่าแม้จะต้องเผชิญกับข่าวร้าย ต้นธารก็ยังคงแสดงออกอย่างนิ่งเฉย ไม่แสดงความอ่อนแอหรือวิตกกังวลออกมา แต่เธอยังคงต้องบอกเขาในสิ่งที่อิทธิกรร้องขอมา

 

‘แม่รู้ว่าลูกลำบากใจ’ วราลีพูดเสียงเบาแต่จริงจัง ‘แม่รู้ว่าลูกไม่อยากกลับไป ไม่อยากต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แต่ต้นธารฟังแม่นะ ลูกเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขา ลูกต้องไปจัดการเรื่องการตายของไพลินให้จบ มันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ลูกจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเขา แม่รู้ดีกว่าใครว่าลูกเจ็บปวด แต่ได้โปรดนะต้นธาร..จัดการเรื่องนี้ให้จบ เพื่อแม่ เพื่อเราสองคน เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมองย้อนกลับไปอีก’

 

ต้นธารนั่งนิ่ง ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ภายในใจเขารู้สึกเหมือนถูกบีบให้ทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำเลยแม้แต่น้อย

 

‘ไม่ต้องห่วงเรื่องร้าน กับเรื่องห้างทางนี้ แม่จะช่วยดูให้เอง’

 

“ได้ครับแม่ ผมจะไปจัดการให้มันจบ… ให้มันจบ ๆ ไปสักที” เพราะเขารักแม่ เขาจึงต้องยอมจำนนและตัดสินใจยอมทำตามที่วราลีบอก ก็แค่กลับไปที่ประเทศไทยเพื่อสะสางเรื่องทั้งหมดให้จบลง ให้มันจบสิ้นและตามมารังควานเขาไม่ได้อีกในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของไพลิน

 

เมื่อเสร็จสิ้นการคุยกับวราลี ต้นธารก็เดินทางไปยังร้าน TP Restaurant ของเขาในย่าน Financial District ที่เป็นร้านอาหารชั้นนำระดับไฮเอนด์ชื่อดังในแคนาดา ต้นธารเปลี่ยนชุดจากสูทสีเทาเข้มเป็นชุดของเชฟเพื่อความเรียบร้อย แม้เขาจะมาจัดการเรื่องที่ร้านแค่สั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวหรูที่ตกแต่งอย่างทันสมัย คิ้วของต้นธารขมวดเล็กน้อย เขาจัดการความกังวลและรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะเดินทาง

“Make sure everything is exactly as I designed it, and report to me daily on sales and customer satisfaction. If anything goes wrong, I’ll be calling in to fix it myself (ตรวจสอบทุกอย่างให้แน่ใจว่าทุกเมนูถูกต้องตามที่ผมออกแบบไว้ และอย่าลืมรายงานผมทุกวันเกี่ยวกับยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า ถ้ามีอะไรผิดพลาด ผมจะโทรกลับมาแก้ไขให้เอง)”

เขาสั่งเชฟและพนักงานคนอื่น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด ความเป็นมืออาชีพในตัวเขายังมีชัดเจน แม้ว่าภายในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างก็ตาม จริง ๆ ต้นธารสามารถสั่งงานผ่านผู้ช่วยเขาได้ แต่เขาไม่สามารถทิ้งทุกอย่างไว้โดยสั่งไม่ได้สั่งงานไว้อย่างละเอียด

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดี ต้นธารก็เดินทางไปยังสนามบินโตรอนโต เพียร์สัน โดยมีเควิน เพื่อนสนิทของเขาที่ขับรถไปส่ง ทันทีที่ถึงสนามบินต้นธารก็รีบเข้าเช็คอินโดยผ่านขั้นตอนทุกอย่างแบบรวดเร็ว ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ เขามองไปรอบ ๆ โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร ราวกับว่าเขากำลังพยายามเก็บความรู้สึกไม่ให้แสดงออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปยังประตูขึ้นเครื่อง ยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้กับพนักงานสายการบิน ก่อนจะก้าวขึ้นเครื่องบิน เมื่อเขานั่งลงบนที่นั่งในชั้นธุรกิจ ต้นธารเอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้และหลับตาลง เขาหายใจเข้าลึก และปล่อยลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เพื่อพยายามสะกดความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายใน เขาหวังเพียงว่าการเดินทางและระยะเวลาที่ยาวนานนี้จะทำให้เขาทิ้งความหนักอึ้งในหัวใจของเขาในยามนี้ให้ออกไปได้ และต้นธารก็เข้าสู่ห้วงนิทรา

เป็นระยะเวลาราว 22 ชั่วโมงกับการเดินทาง ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลาเก้าโมงเช้า ต้นธารเดินออกมาจากประตูทางออกขาเข้าด้วยท่าทางที่เย็นชา ด้วยรูปร่างที่สูงสง่า การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นไปอย่างมาดมั่น ทุกก้าวย่างของเขาเสมือนมีการคำนวณมาอย่างดี ไม่มีอะไรที่เขาทำโดยไม่ตั้งใจ จึงแสดงถึงบุคลิกภาพที่ทรงพลัง เสื้อผ้าที่สวมใส่ตัดเย็บอย่างประณีต สูทสีเทาเข้มเข้ารูปพอดีกับร่างกาย เสื้อเชิ้ตขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในที่ดูเหมือนถูกรีดเรียบจนไม่มีรอยยับ และเนกไทสีเงินที่ผูกอย่างบรรจง รวมกับใบหน้าคมเข้มที่สะท้อนถึงความเฉลียวฉลาด มั่นใจในตัวเอง สายตาเฉียบคมที่ทั้งน่ากลัวและมีเสน่ห์ในคราวเดียวกัน ทำให้ต้นธารได้รับสายตาจากผู้คนรอบข้างทันทีที่เขาปรากฏตัว อิทธิกรที่ยืนรออยู่เองก็เห็นต้นธารได้ง่าย ๆ จากบุคลิกที่โดดเด่นนี้ ต้นธารเองก็พบว่าอิทธิกร ทนายที่ดูแลทรัพย์สิน ธุรกิจ กฎหมาย และเป็นมือขวาของไพลิน ยืนรอเขาพร้อมกับรถยนต์ Audi Q3 คันหรูสีดำ

อิทธิกรสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตากับกางเกงสแล็คสีเข้ม มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าต้นธารเล็กน้อยและท่าทางสุขุม มั่นใจ เขายิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นต้นธารเดินออกมา แม้ว่าใบหน้าของเขาจะพยายามแสดงออกว่ายินดีที่ได้เจอต้นธาร แต่อิทธิกรก็ซ่อนความเครียดและความกังวลไว้ได้ไม่มิด เขาเปิดประตูรถให้ต้นธารอย่างสุภาพ ก่อนที่เดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับเพื่อรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านของไพลิน

“คุณต้นธารครับ มีหลายเรื่องที่คุณต้องจัดการทางกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินและมรดกของคุณไพลิน อีกทั้งยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเกี่ยวกับเอกสารต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินการให้เรียบร้อยนะครับ และเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ผมจะเปิดพินัยกรรมนะครับ ซึ่งคุณวราลีและคุณพชระบอกว่าให้เปิดต่อหน้าคุณต้นธารคนเดียวก็ได้” อิทธิกรกล่าวบอกต้นธารคร่าว ๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบและนอบน้อม

ต้นธารฟังคำพูดของอิทธิกรโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร เขาพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขาเข้าใจ แต่ก็ยังคงนิ่งเฉย อิทธิกรเห็นแบบนั้นก็มีความคิดบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัว ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต้นธารด้วยความระมัดระวัง อย่างไม่มั่นใจนัก

“คุณต้นธารอยากไปเยี่ยมคุณไพลินที่หลุมฝังศพไหมครับ?”

 

ต้นธารได้ยินดังนั้นก็หันมองหน้าอิทธิกรด้วยสายตาที่เย็นชาและแข็งกร้าว คิ้วขมวดแน่น ราวกับไม่พอใจที่ได้ยินคำถามนี้ เขาอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมา นัยน์ตาสีนิลหรี่เล็กลง ลึกลงไปในดวงตาคล้ายมีกองไฟลุกโชนขึ้นมา ทำเอาอิทธิกรดีใจที่เขาอาสามาขับรถให้ต้นธาร เพราะเขาไม่กล้าสบตากับต้นธารในตอนนี้เลย

“ไม่จำเป็น ผมไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานอยู่แล้ว แค่จัดการเรื่องที่ต้องทำให้จบเถอะครับคุณกร” ต้นธารพูดแบบกดเสียงต่ำ แถมตั้งใจพูดเน้นทุกคำให้อิทธิกรได้ยินชัด ๆ “ผมมีอะไรที่ต้องกลับไปรับผิดชอบเยอะ ไม่อยากเสียเวลาไปอาลัยอาวรณ์กับพ่อที่สร้างภาพให้คนอื่นเห็นว่าเป็นพ่อและสามีที่ดี แต่ลับหลังคนอื่นก็นอกใจภรรยาตัวเอง เอาผู้หญิงคนอื่นมานอนด้วยกันในบ้าน และทอดทิ้งผม ทั้งที่ผมเป็นลูกของเขา”

คำพูดของต้นธารทำให้อิทธิกรสะอึก เขารีบเบนหน้าหนีไปมองถนนข้างหน้าอย่างอึดอัดและไม่กล้าเถียงอะไร ความเงียบจึงเข้ามาปกคลุมในรถ ต้นธารจึงอาศัยจังหวะนี้ใช้โอกาสในการเก็บความรู้สึกหลากหลายที่ซ่อนอยู่ในใจของเขา แม้ภายนอกจะสงบนิ่งและเย็นชาเพียงใด แต่ภายในใจเขากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสับสนที่ต้นธารจะไม่มีวันยอมให้ใครได้เห็นมัน

 

เมื่อรถของอิทธิกรมาถึงบ้านของไพลิน บ้านหลังใหญ่ท่ามกลางสวนไม้ที่เขียวชอุ่มแห่งนี้ ทุกอย่างเหมือนดูสงบนิ่งในยามสายของฤดูหนาวที่แสนสงบเงียบ อากาศที่เย็นสบายในตอนเช้าค่อย ๆ เริ่มร้อนขึ้นตามเวลา บรรยากาศที่แสนสงบกลับไม่ได้สะท้อนความรู้สึกของผู้คนในที่แห่งนี้ ทุกคนรู้ดีว่ามาถึงวันสุดท้ายที่ต้องบอกลาชายที่เคยเป็นเจ้าของบ้าน ชายที่เคยมีชีวิตชีวา ยืนหยัดในความคิดตัวเอง และมักจะสร้างแต่สิ่งดี ๆ ให้กับคนรอบข้างเสมอ แม่บ้านหลายคนรีบเดินออกมารับต้นธารด้วยท่าทางที่ทั้งดีใจ สุภาพนอบน้อม พวกเขาโค้งศีรษะกับต้นธาร และช่วยพากันยกสัมภาระเขาไปเก็บ

“คุณหนูคะ ถ้าคุณอยากนอนห้องนอนที่คุณหนูเคยใช้ตอนเด็ก ๆ เราจัดเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ เชิญไปพักผ่อนก่อนได้เลยนะคะ” นาง แม่บ้านคนเก่าแก่ของบ้านหลังนี้ วัย57 ที่เคยดูแลเขาเมื่อตอนเด็กพูดกับต้นธารอย่างอ่อนโยน ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม

ต้นธารที่เดินตามเข้ามาในห้องนั่งเล่นหยุดชะงัก เขามองนางด้วยสายตาที่เฉียบคม ใบหน้าไร้อารมณ์ แต่ดวงตาบ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่พอใจอย่างมาก

“อย่าเรียกผมว่าคุณหนูครับ คุณท่านก็ห้ามเรียก เรียกชื่อผมก็พอ ผมไม่ได้ต้องยิ่งใหญ่ให้พวกคุณเทิดทูนตลอดเวลาเหมือนพ่อกับอาเพชรนะครับ” เขาพูดเสียงนิ่ง “แล้วก็ ผมขอนอนห้องเดิมของแม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากนอนในห้องนั้น”

นางรับคำของต้นธารอย่างนอบน้อม และก้มศีรษะให้กับเขา ก่อนจะนำต้นธารไปยังห้องนอนของวราลีอย่างที่ต้นธารขอ แทนที่จะเป็นห้องนอนเดิมของเขาเอง จริงอย่างที่ไพลินเคยบอกกับเธอ ว่ายังไงต้นธารก็ไม่เข้าไปในห้องนั้น แต่นางไม่คิดว่าต้นธารจะปฏิเสธอย่างน่ากลัวแบบนี้ เด็กที่เคยน่ารักสดใสเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน

ขณะเดินขึ้นชั้นบนและตรงไปยังห้องนอนของวราลี ต้นธารก็ต้องผ่านห้องนอนของเขาเมื่อสมัยเด็ก ที่อยู่ติดกับห้องนอนของไพลิน ต้นธารมองไปยังประตูบานที่ปิดสนิท เหมือนกับมันเป็นประตูที่ปิดกั้นความทรงจำและความเจ็บปวดทั้งหมดที่เขาพยายามจะลืมเลือนมันไป

 

มันก็แค่ห้องหนึ่ง .. แค่สถานที่หนึ่ง ไม่มีอะไรต้องไปจดจำ

 

ต้นธารสะบัดความคิดเหล่านั้นทิ้ง หันหน้าหนีและเดินตามนางไปยังห้องของผู้เป็นแม่ โดยไม่หันกลับมามองห้องนั้นอีก ถ้าเขาใช้ความเงียบและเย็นชาทำให้คนรอบข้างต้องจำนน และให้เขาทำตามที่ต้องการ จนกว่าจะจัดการสะสางเรื่องทุกอย่างหมด เขาก็จะผ่านมันไปได้ โดยจะทำให้เขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่ยังหลอกหลอนเขา อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะต้องจบลง แล้วต้นธารก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับแม่ของเขา ผู้หญิงที่เขาอยากจะปกป้อง และเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา เธอคนนั้นโดนไพลินทำร้าย และเขาจะไม่ยอมให้ตัวเองกับวราลีต้องเจ็บปวดอีกหนแน่นอน

เป็นเวลาช่วงบ่ายของวัน พลอยมุก ได้เดินทางมาถึงบ้านของไพลินด้วยรถแท็กซี่ เธอมาพร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม สดใส ผิวขาวอมชมพู แก้มที่เปล่งปลั่งอย่างสุขภาพดี ดวงตากลมโตเป็นประกาย ผมสีน้ำตาลยาวสลวย สวมเดรสยาวสีพาสเทลที่เรียบง่าย เธอเดินลงจากรถพร้อมของฝากเต็มไม้เต็มมือ โชคดีที่ถึงจะร้อนแต่เพราะเป็นหน้าหนาว และที่นี่มีต้นไม้เยอะอากาศเลยแจ่มใส ทำให้เธอรู้สึกสบายใจหลังจากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่กินเวลาของเธอไปมากมาย เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน พลอยมุกกดกริ่งและเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มยังคงฉายชัด ความสุขในใจเธอถูกเติมเต็มด้วยความคิดถึง หลังจากไม่ได้เจอกับไพลินเพราะเธอยุ่งกับกิจกรรมของมหาวิทยาลัย  เธอถือขนมโปรดของไพลินด้วยมือข้างหนึ่ง และมืออีกข้างก็ซื้อขนมและผลไม้มาแจก พี่ ๆ เหล่าแม่บ้านในบ้าน เตรียมจะเข้าไปพูดคุยกับไพลินและดูแลเขาเหมือนอย่างเคย เป็นการไถ่โทษที่เธอไม่ได้มาหาเขาเลย ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา

ในที่สุดประตูบ้านก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออก เป็นนาง ที่เดินออกมาต้อนรับ ในชุดสีดำสุภาพและสีหน้าที่เศร้าหมอง พลอยมุกชะงักกับสิ่งที่เห็น หัวใจเริ่มเต้นแรงและเธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย รู้สึกว่าแค่เธอหายใจโลกก็สามารถจะถล่มเอาตอนนี้ได้เลย

“ป้านาง..เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” พลอยมุกถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ภาวนาในใจว่าขอให้มันไม่เป็นอย่างที่เธอกำลังคิด

“คุณพลอย คุณไพลิน.. ท่านเสียแล้วค่ะ เมื่อวานนี้” นางเงยหน้ามองพลอยมุกด้วยดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา พูดด้วยเสียงแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความเสียใจ

พลอยมุกหยุดนิ่งไปราวกับโลกหยุดหมุน ร่างกายของเธอเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยคำพูดจากนาง เธอรู้สึกราวกับหัวใจกำลังแหลกสลายเป็นหมื่น ๆ ชิ้น น้ำตาเริ่มคลอเบ้าโดยไม่ทันรู้ตัว พลอยมุกรู้สึกเหมือนลมหายใจถูกถอดออกจากร่าง

 

ไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

 

น้ำตาหยดใสค่อย ๆ ไหลลงอาบแก้มของเธอ พลอยมุกขยับปากราวกับจะพูดอะไร แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา นางช่วยหยิบถุงในมือของพลอยมุกมาถือไว้ ก่อนจะส่งสัญญาณเรียกน้อย แม่บ้านอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมารับของไป นางเดินเข้าไปใกล้พลอยมุก ก่อนจะหยิบจดหมายจากกระเป๋าเสื้อของตน และส่งให้พลอยมุก

“ก่อนที่คุณไพลินท่านจะจากไป ท่านได้ฝากจดหมายนี้ไว้ให้คุณค่ะ”

พลอยมุกยกมือไหว้ขอบคุณและรับจดหมายมาจากมือนางอย่างช้า ๆ จดหมายที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของไพลินที่ยังคงติดอยู่ กระดาษที่พับมาอย่างเรียบร้อยและอบอุ่น ทำให้พลอยมุกรู้สึกได้ถึงการสัมผัสครั้งสุดท้ายจากเขา เหมือนกับว่าเขากำลังลูบหัวของเธออยู่ เธอไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นความจริง

เธอคิดถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทุกบทสนทนา ทุกสิ่งที่ไพลินทำเพื่อเธอ ยังคงชัดเจนในใจ เล่นวนซ้ำในหัวสมองของพลอยมุกอย่างห้ามไม่ได้ จดหมายในมือเธอสั่นน้อย ๆ เมื่อเปิดจดหมายอ่าน และได้เห็นลายมือที่คุ้นเคยบรรจงเขียน น้ำตาหยดน้อยก็หยดลงบนกระดาษโดยที่ไม่รู้ตัว

.

.

.

 

ถึงพลอยมุก,

ไม่ต้องเสียใจนะ และอย่าได้สงสารฉันเลย ชีวิตน่ะ เป็นสิ่งที่สวยงามและเราควรใช้มันให้คุ้มค่าที่สุด ฉันอยากจะขอบคุณจากใจจริง ที่เธอเข้ามาในชีวิตของฉัน เธอคือแสงสว่างที่ส่องทาง คือความสดใส ที่ทำให้ฉันได้มีชีวิตชีวาอีกครั้งในช่วงเวลาที่ฉันเหลืออยู่ ฉันมีความสุขมาก ทั้งในการที่ฉันได้คอยดูแลเธอ และได้เห็นเธอเติบโต กลายเป็นคนที่เข้มแข็ง กล้าหาญ และจิตใจดี ท่ามกลางโลกที่โหดร้ายใบนี้

ฉันรู้ว่าเธอจะต้องเสียใจ และต้องโทษตัวเองแน่ ที่ฉันต้องไปโดยไม่ได้ลาเธอแบบนี้ และคงต้องคิดแน่ว่าทำไมฉันไม่บอกเธอเรื่องที่ฉันกำลังจะตาย แต่ขอร้องนะพลอยมุก เธออย่าได้โทษตัวเองเลยนะ สาวน้อย.. ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปตามวิถีของชีวิต และฉันก็พร้อมที่จะรับมัน เธอเป็นเด็กดี แล้วก็ทำดีที่สุดแล้วสำหรับฉัน เธอได้มีชีวิตของตัวเอง และแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน

จากนี้ไป ขอให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ได้ทำในสิ่งที่รัก เธอเป็นเด็กที่งดงามและมีศักยภาพมาก ฉันเชื่อนะ ว่าเธอจะสามารถมีชีวิตที่ดี และจะประสบความสำเร็จตามที่เธอตั้งใจไว้

ลาก่อนนะ เด็กน้อยของฉัน

 

รักเสมอ, ไพลิน’

.

.

.

พลอยมุกอ่านจดหมายจนจบ จดหมายในมือหลุดร่วงลงไปนอนแน่นิ่งที่พื้น น้ำตาเธอหลั่งรินแบบที่ไม่สามารถหยุดได้ ทั้งความรู้สึกผิด ทั้งความเศร้าสะเทือนใจนั้นท่วมท้นอยู่ในใจเธอ พลอยมุกทรุดตัวลงกับพื้น หยาดน้ำอุ่น ๆ เอ่อล้นในตาจนทัศนวิสัยพร่ามัว ร่างบางสั่นสะท้านราวถูกล้อมไว้ด้วยน้ำแข็งเย็นยะเยือก น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลทะลักลงมาอย่างไม่ขาดสาย เธอปล่อยความเศร้าโศกครอบงำชั่วขณะ พลอยมุกหวนคิดถึงทุกช่วงเวลาที่ผ่านมา ความรักและความอบอุ่นที่ไพลินมอบให้ ความหมายของชีวิตที่เธอไม่สามารถตอบแทนเขาได้อีกแล้ว และในตอนนี้ไพลินได้จากไปแล้วตลอดกาล

นางค่อย ๆ เดินมาใกล้ คุกเข่านั่งลงข้างพลอยมุกและหยิบจดหมายที่หล่นลงข้างตัวพลอยมุกขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและลูบแผ่นหลังของพลอยมุกเบา ๆ

“คุณพลอยคะ คุณต้องเข้มแข็งนะคะ คุณไพลินท่านคงไม่อยากเห็นคุณต้องเป็นแบบนี้”

พลอยมุกพยายามสูดลมหายใจลึก แต่ความเศร้ายังคงท่วมท้น เธอเอื้อมมือไปจับมือของนาง “หนูแค่.. หนูไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ หนูยังไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลย” 

“ท่านรู้ค่ะ คุณไพลินท่านรู้ว่าคุณพลอยรักท่านมากแค่ไหน ท่านไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ท่านมีความสุขทุกวันที่ท่านได้อยู่กับคุณค่ะ”

พลอยมุกพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ความรู้สึกผิดค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นที่มาจากจดหมายไพลิน เธอร้องไห้ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นการร้องไห้ที่มาพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งต่อทุกอย่างที่ไพลินได้มอบให้กับเธอ เธอรับรู้ว่าไพลินจะยังคงเป็นนิรันดร์ อยู่ในใจของเธอตลอดไป

ทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในสายตาของต้นธาร ที่ยืนอยู่ตรงระเบียงห้องนอนของวราลี เขามองตรงไปยังพลอยมุกที่ทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายของเธอสั่นเทาด้วยความโศกเสร้า แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่นางและพลอยมุกคุยกัน แต่เสียงสะอื้นของพลอยมุกก็ดังพอให้เขาได้ยิน แม้จะอยู่ในระยะที่ไกลพอสมควร

แสงแดดอ่อน ๆ ยามบ่ายส่องผ่านต้นไม้ใหญ่มากระทบใบหน้าของเขา เผยให้เห็นความคมชัดของโครงหน้าที่เรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความคิดลึกซึ้ง ต้นธารอยู่ในชุดสบาย ๆ เขาสวมเสื้อยืดสีขาวเรียบง่ายกับกางเกง ทว่าในใจเขาไม่ได้สงบและสบายเหมือนการแต่งตัว ต้นธารยืนนิ่ง เต็มไปด้วยความสงสัยและเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังพลอยมุกอย่างพินิจพิเคราะห์ ราวกับพยายามหาคำตอบให้กับความคิดที่วิ่งวนในหัวของเขา

 

เธอเป็นใครกันแน่? เสียใจกับการตายของคุณพ่องั้นเหรอ? ทำไมเธอต้องเสียใจถึงเพียงนี้?

ในขณะที่ฉันเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา กลับไม่มีน้ำตาให้เขาสักหยด

คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัวของต้นธาร เมื่อเขาเห็นว่านาง แม่บ้านคนสนิทเข้าไปประคองและปลอบโยนพลอยมุกด้วยความอาทร ราวกับว่าสนิทสนมและเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเป็นคนในครอบครัวของบ้านหลังนี้ ท่าทีที่รักและห่วงใยของนาง ทำให้ต้นธารใช้สายตาคมเพ่งมองอย่างใจจดใจจ่อ กลิ่นอายของความตึงเครียดอึดอัดพลันแผ่ออกมารอบกายเขา

นึกย้อนกลับไปถึงอดีตที่เขาและวราลีต้องเจ็บปวดกับการกระทำของไพลิน รอยแผลจากการถูกหักหลังและทอดทิ้งมันยังคงเด่นชัดไม่หายไป พลอยมุก ผู้หญิงคนนี้ หากเธอเป็นใครสักคน คนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของไพลิน หากเธอคือคนสำคัญของไพลินจริง ๆ –ความคิดที่ว่าไพลินต้องดูแลเธอและรักเธอในแบบไหนเธอถึงได้เสียใจขนาดนี้—ความคิดที่ว่าไพลินให้ความสำคัญกับเธอมากกว่าวราลีที่เป็นภรรยา และมากกว่าลูกแท้ ๆ อย่างเขา ยิ่งทำให้หัวใจของต้นธารเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเคียดแค้น

 

ถ้าเธอสำคัญกับพ่อฉันขนาดนี้

ฉันจะใช้เธอเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นสิ่งที่พ่อฉันทำกับแม่และฉันดีไหมนะ?

เพื่อชดใช้ความผิดทั้งหมดที่คุณพ่อเคยทำ

 

ความคิดเหล่านี้ทำให้ต้นธารรู้สึกหนักอึ้งในใจ ความโกรธแค้นและความเจ็บปวดที่เคยถูกฝังลึกและตั้งใจกลบมันไว้วกกลับมารุมเร้า เขาไม่ต้องการให้อภัยผู้เป็นพ่อ แม้ว่าไพลินจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ความเคียดแค้นในหัวใจของต้นธารยังคงไม่จางหาย และตอนนี้ พลอยมุก—ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะแตกสลาย—เธออาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ต้นธารกำลังรอคอยมาตลอด

 

TBC

/

 

Talk Talk 

แล้วใครมันจะไปตึงเท่าพี่คนนี้ พระเอกธงแดงแปร๊ด ต้องย้ำและเตือนแล้วเตือนอีก

ดำเกิงอยากบอกว่า ร่วมด้วยช่วยกันหยุมได้นะคะ ถ้าแกแตะต้องหรือทำอะไรน้องพลอยแกโดนชั้นแน่ ไอ้แก่!!!!!