วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ - บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ โดย นฤชกร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม,หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า

รายละเอียด

วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

ผู้แต่ง

นฤชกร

เรื่องย่อ

เมื่อหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น ต้องเผชิญหน้ากับความรักที่ไม่คาดคิด

‘ต้นธาร’ ชายหนุ่มผู้ที่เฝ้าสะสมความเกลียดชังที่เขามีต่อพ่อมาตลอดชีวิต 

ต้องกลับมาที่เมืองไทยเพื่อจัดการเรื่องพินัยกรรมหลังการตายของ ‘ไพลิน’ ผู้เป็นพ่อ

ทำให้เขาได้พบกับ ‘พลอยมุก’ หญิงสาวปริศนาที่มักจะมายืนที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวและเธอนั้นมีน้ำตาร่วงลงมาในทุก ๆ ครั้ง ที่เขาพบเธอ

แต่แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่? ทำไมเธอจึงร้องไห้กับการสูญเสียครั้งนี้ 

และทำไมเธอถึงสำคัญกับพ่อของเขามากขนาดนี้?

ในระหว่างที่ต้นธารเฝ้ามองและจ้องจะจับผิด

 พลอยมุกกลับเผยให้เขาได้เห็นความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดและมันส่งผลต่อความเชื่อของเขาที่เคยมีมาตลอด

ความจริงที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาเริ่มสั่นไหวและความแค้นที่เคยหล่อเลี้ยงหัวใจ

ที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนี้ กลับค่อย ๆ จางหายไปในความอบอุ่นที่พลอยมุกมอบมาให้

ต้นธารจะยอมให้หัวใจที่คั่งแค้นถูกพิทักษ์ไว้ด้วยความรัก หรือจะปล่อยให้มันทำลายทั้งตัวเขาและคนที่เขาเพิ่งเริ่มต้นที่จะรัก?

 

********************

นางเอก

พลอยมุก ปราเมศ / พลอย (21)

นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ รักศิลปะพอ ๆ กับที่รักแมว มีพลังบวกที่ไม่ว่าใครต้องยอมแพ้ 

สดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในวันที่อากาศดี เป็นคนที่พร้อมจะยิ้มและหัวเราะ แม้ในวันที่โลกกำลังแตกสลาย

 สาวน้อยที่อบอุ่น คนที่มีความสามารถที่จะทำให้คนอื่นอารมณ์ดี และอ่อนลงได้ราวกับมีเวทมนตร์

ถึงจะดูเหมือนมองโลกในแง่ดีเกินไป และคิดบวกกับทุกอย่างแต่คนอย่างพลอยมุกก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

 

“คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างในโลกรึไงคะ? ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าขอโทษต้องสะกดยังไง”

 

พระเอก

ต้นธาร (เพทาย) รัตนากร / ต้นธาร,ต้น (28)

เชฟและนักธุรกิจสุดฮอต ที่หมายถึงเหมือนกับกำลังอยู่ในนรก มีเสน่ห์ ดึงดูดคนมาก แต่ก็เข้มงวดเบอร์หนึ่ง 

จริงจังกับชีวิต ชอบวางแผนทุกอย่างเป๊ะ เหมือนโลกจะล่มสลายถ้าเขาไม่ได้ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ 

เป็นเสือยิ้มยาก เงียบขรึม แต่พอด่าใครด่าเอาตาย กัดเจ็บจนเลือดสาด คนโดนกัดจะเจ็บเหมือนโดนหมาซอมบี้กัด 

ปากแซ่บธงแดงแปร๊ดดดดดดดด  ไว้ใจคนยากและกลัวความรักชนิดที่เห็นจากระยะ 800 เมตร ก็พร้อมจะปิดประตูใส่

 

“การที่เธอชอบฝันกลางวันก็มีข้อดีนะ เพราะเธอจะได้ไม่รู้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา โลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด”

 

********************

 

Trigger Warning :  Physical abuse-การทำร้ายร่างกาย, Mental Abuse-การทำร้ายจิตใจ, Attempted murder-การพยายามฆ่า

การเตือนด้านบนไม่ใช่สิ่งที่พระเอกทำกับนางเอกค่ะ และถ้ามีนอกจากนี้ จะเตือนไว้ในบทแต่ละบทค่ะ

 

นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่ง เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น 

สถานที่ องค์กร ฉาก บุคคล ฉาก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้มีอยู่จริง

สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเรื่องสมมติ

มิได้มีเจตนาพาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด ๆ 

 

ช่องทางติดต่อดำเกิง : Twitter(X)

 

สารบัญ

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 2 เพลิงแค้นท่ามกลางลิลลี่แห่งรัก,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม

เนื้อหา

บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ

ไม่รู้ว่ามันมาจบที่ตรงนี้ได้ยังไง พลอยมุกไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมานั่งอยู่ในรถของต้นธาร ทั้งที่เมื่อยี่สิบนาทีก่อน เธอยังทะเลาะกับเขาจนเกือบคิดว่า นี่จะเป็นการทะเลาะครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้าย ที่เธอตั้งใจไว้ว่าหากครั้งนี้จบแย่แบบครั้งก่อน เห็นทีเธอจะต้องหนีไปให้ไกลและไม่เผาผีกับเขาเสียแล้ว และเพราะเธอไม่อยากอยู่ในมหาลัยกับต้นธารนาน เพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเข้า ต้องตอบคำถามมากมาย เธอจึงยอมมากับเขาแบบนี้ แต่เธออึดอัด ทว่าความอึดอัดที่ต้องนั่งข้างต้นธารในรถคันนี้ มันไม่น่าอึดอัดเท่าการที่ต้นธารเห็นว่าเธอใส่กระโปรงสั้น และเมื่อต้องขึ้นมานั่ง เขาก็เอื้อมไปหยิบแจ็คเก็ตผ้าลูกฟูกของเขามายื่นให้เธอคลุมขาไว้

เธอสังเกตตั้งแต่ที่เธอต่อว่าเขาไปก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องความไร้มารยาทของเขา และเขาก็แก้ไขมันให้ทันที แถมกล่าวขอโทษกับเธอด้วย พลอยมุกไม่รู้ว่าต้นธารทำดีกับเธอเพราะเรื่องที่เขาจะคุยกับเธอมันสำคัญหรือเปล่า แต่เมื่อดูจากท่าทีแสนธรรมชาติ สีหน้า การกระทำ มันไร้การปรุงแต่งใด ๆ ไม่ใช่เพราะมองโลกในแง่ดี แต่เธอสัมผัสมันได้จากชายคนนี้ 

 

ถ้าตัดเรื่องของไพลิน ที่ห้ามแตะต้อง และต้นธารจะแสดงท่าทีรุนแรงออกมาทันที

เรื่องอื่นเขาก็ดูเป็นคนปกติ ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่พอสมควร

 

“เดี๋ยวไปทานข้าวที่บ้านฉันแล้วค่อยคุยกันนะ ฉันต้องตั้งใจขับรถ..” เขากล่าวแต่แววตายังมองไปข้างหน้า “แล้วฉันก็อึดอัดเพราะเธอเอาแต่จ้องฉันแบบนั้นด้วย

 

 คำพูดที่ถูกส่งตามมาทำเอาแววตาคู่สวยของพลอยมุกเบิกกว้าง และทำให้เธอเบนหน้าหนีไปและมองออกไปนอกหน้าต่าง พลอยมุกก่นด่าตัวเองในใจให้กับความโก๊ะของตัวเอง แก้มเนียนสวยแดงเรื่อขึ้นมาเพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะจับได้ว่าเธอกำลังมองเขาอยู่ ก็เห็นตั้งใจขับรถขนาดนั้น และตอนนี้เธอทำได้เพียงมองวิวข้างนอกไป ไม่กล้าหันไปมองเขาอีก

 

เมื่อเห็นโดยหางตาว่ายัยแฮมสเตอร์น้อยตื่นตระหนกเพราะคำพูดของเขา และมันทำให้บรรยากาศในรถเงียบงันมากขึ้น ราวกับทุกเสียงถูกกลืนหายไปในความอึดอัดที่เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเดิม ต้นธารจับพวงมาลัยแน่น สีหน้าเคร่งขรึมของเขาส่งแรงกดดัน เขาไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย ถ้าเขาไม่ทำลายบรรยากาศหนาแน่นในรถนี้ ความเงียบนี้มันคล้ายกับจะคงอยู่ไปตลอดเส้นทางอย่างไรอย่างนั้น เขาต้องตัดสินใจทำลายมันเสียตอนนี้

 

“เรียนเป็นยังไงบ้าง?” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นการบังคับให้ตัวเองต้องพูดออกมา ทั้งที่ปกติเขาไม่สนใจที่จะถามอะไรกับใครแบบนี้ และคำถามที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งยังพูดเหมือนคนแก่ ทำให้พลอยมุกพยายามกลั้นขำกับอาการแบบนั้น

 

“ก็ดีค่ะ ช่วงนี้งานเยอะนิดหน่อย แต่สนุกดี” เธอตอบเสียงเบา

 

“วันนี้เธอดูแต่งตัวต่างจากเดิมนะ มีอะไรพิเศษไหม?”

 

“อ๋อ..พอดีทางคณะขอให้ไปเป็นนางแบบถ่ายภาพประชาสัมพันธ์คณะน่ะค่ะ”

 

ต้นธารพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้หันมามองเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาไม่รู้จะถามอะไรอีกน่ะสิ แม้จะพยายามอย่างมากแล้วที่จะทำลายความเงียบ แต่มันยากกว่าการพูดคุยกับคนในที่ทำงานเยอะ เพราะเขาแทบไม่ได้พูดคุยหรือทำความรู้จักกับใครเลย แต่ก่อนที่ความอึดอัดจะกลับมารายล้อมทั้งสองคนอีกครั้ง พลอยมุกจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเขาบ้าง

 

“ที่แคนาดา ชีวิตที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ?” น้ำเสียงใสของเธอนุ่มนวล และเป็นธรรมชาติ ทำให้ต้นธารที่กำลังขับรถอยู่เหลือบตาขึ้นมาเล็กน้อย

 

“ก็ดีนะ ที่นั่นเงียบสงบ แม้อากาศจะหนาวกว่าที่นี่หลายเท่า และฉันไม่ชอบอากาศหนาว แต่ที่นั่นก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดี” ต้นธารตอบ พลางคลายมือที่กำพวงมาลัยอยู่เล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูผ่อนคลายลง และเริ่มบอกเธอว่าเขาชอบและไม่ชอบอะไร

 

“เพราะสงบและเป็นระเบียบ คุณเลยชอบที่นั่นใช่ไหมคะ?” พลอยมุกถามอย่างสนใจ สายตาของเธอจับจ้องที่ใบหน้าของเขาอย่างรอคอยคำตอบ 

 

ต้นธารนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ก็ชอบนะ แต่บางทีก็รู้สึกเหงา เพราะไม่มีคนรู้จักหรือเพื่อน ๆ เยอะน่ะ มีแต่คนที่ทำงานร่วมกันทางธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะพบปะคนมากและงานจะยุ่ง แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปตลอด..” เขาเพิ่งรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป คำพูดที่จะออกมาตามหลังถูกกลืนหายไปโดยอัตโนมัติ

 

“ขอถามอย่างนี้ได้ไหมคะ? มีสักแว้บมั้ยคะที่คุณคิดจะกลับมาอยู่เมืองไทย?”

 

“ไม่” เขายิ้มบาง ๆ พลางส่ายหัว “ไม่เคยคิดเลยแม้แต่แว้บเดียว.. และที่ตอนนี้อยู่ที่นี่เพราะแม่ขอให้มาเท่านั้น ถ้าเรื่องของพ่อไม่เกิด ก็คงไม่มา”

 

พลอยมุกรู้ว่าในประโยคนั้นพยายามเก็บซ่อนอะไรบางอย่าง รู้ว่าต้นธารเริ่มพูดคุยกับเธออย่างสบายใจมากขึ้น และในที่สุด รถคันงามก็นำพาพลอยมุกกลับมาสู่บ้านหลังใหญ่ที่เธอคุ้นเคย บ้านที่เต็มไปด้วยความรักความอบอุ่นเสมอ บรรยากาศในบ้านดูแปลกไปเมื่อรถของต้นธารแล่นเข้ามาจอด ทันทีที่พลอยมุกก้าวลงจากรถพร้อมกับต้นธาร ทำให้แม่บ้านทุกคนที่ยืนอยู่ต่างจับจ้องมา นางก็เดินมาต้อนรับเธออย่างดีอกดีใจ และยังแสดงท่าทีประหลาดใจที่พลอยมุกมากับต้นธาร ทั้งที่การปะทะกันของทั้งสองก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะทำให้โลกล่มสลายเข้าให้แล้ว แต่ตอนนี้กลับดีขึ้น ต้นธารที่เย็นชา เงียบขรึม และมักจะมีท่าทีห่างเหิน กลับดูสบายใจมากขึ้น จนรู้สึกแปลก

 

“คุณพลอยมาพอดี ป้าให้คนเตรียมของโปรดคุณพลอยไว้มากเชียวค่ะ ผัดผงกะหรี่ทะเล ผักบุ้งไฟแดง พะแนงเนื้อ แล้วก็หมูทอดกระเทียม” นางพูดพร้อมทั้งมองพลอยมุกด้วยสายตาอบอุ่น เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู

 

“หูยยย จริงเหรอคะ? ถึงว่าทำไมท้องหนูมันร้องครวญครางแทบแย่ เพราะมันรู้ว่าป้านางคนสวยเตรียมแต่ของโปรดระดับท็อปของใจให้หนู ขอบคุณมาก ๆ นะคะ หนูดีใจมากเลยค่ะ!” พลอยมุกเบิกตากว้าง เธอแสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างน่ารัก ใบหน้าสวยหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มขณะเอื้อนเอ่ยอย่างกระตือรือร้น ราวกับมีประกายสีทองส่องออกมาจากตัวเธอ ใครมองอยู่ก็พากันยิ้มออกมา

 

“นู่น หนูต้องขอบคุณคุณต้นธารเขาบอกให้เตรียมของโปรดคุณพลอย ไม่ใช่ป้าหรอกค่ะ” แม่บ้านผู้ใจดีตอบพร้อมทั้งชี้ไปที่ร่างสูงที่ยืนกอดอกอยู่

 

พลอยมุกหันไปทางต้นธารทันที ดวงตาสดใสเปล่งประกายเต็มไปด้วยความขอบคุณถูกส่งไปให้พลันสบเข้ากับดวงตาสีดำสนิทที่มองเธออย่างนิ่ง ๆ “ขอบคุณมากเลยนะคะคุณต้นธาร!” เธอเอ่ยอย่างเป็นกันเองและฉีกยิ้มกว้างเพราะความซาบซึ้ง โดยที่ยัยแฮมสเตอร์น้อยไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ

 

โครกกกกก..

 

แต่ทันใดนั้นเสียงท้องร้องของพลอยมุกก็ดังขึ้นมา

 

“ท่าทางจะหิวจริงแฮะ คิดว่าเมื่อกี้แกล้งให้คนอื่นดีใจซะอีก” เขาที่พยายามจะนิ่งเฉยอดไม่ได้ที่จะพูดแซวออกมา และริมฝีปากยกขึ้นเพราะเขาขำพลอยมุกเสียจนพยายามเก็บไว้ไม้ให้เสียงหัวเราะหลุดออกมา แต่เขาก็รีบเก็บอาการไม่ให้เธอและคนอื่น ๆ เห็น ต้นธารรีบเดินนำพลอยมุกไปก่อน “รีบกินข้าวกันเถอะ บ่ายสองกว่าแล้ว เธอยังไม่กินมื้อเที่ยงนี่”

 

พลอยมุกยืนมองร่างสูงที่เดินนำไป เธอหน้าแดงก่ำ แววตาคู่สวยหลบสายตาแม่บ้านทุกคนที่มองมา พร้อมทั้งยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมแก้มไว้ บรรยากาศที่ดูเหมือนจะอึดอัดและเคร่งเครียดพลันหายไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของเหล่าแม่บ้านที่เอ็นดูพลอยมุก

เมื่อได้รับประทานมื้อเที่ยงแสนอร่อยเสร็จ พลอยมุกก็ได้กินชีสเค้กฝีมือต้นธารอย่างเอร็ดอร่อย แต่มีความสุขกับขนมหวานได้ไม่นาน ความสงบสุขชั่วคราวก็ถูกแทนที่ด้วยคำพูดที่จริงจังของต้นธาร

 

“ฉันต้องอยู่ที่นี่ต่ออีก 3 ปี” เสียงทุ้มต่ำพูดอย่างเอื่อย ๆ “เพราะในพินัยกรรม พ่อบอกว่าฉันต้องดูแลเธอจนจบปริญญาโท”

 

“ก็ดีนะค-” พลอยมุกที่เพิ่งประมวลผลได้ถึงกับตกใจ “อะไรนะคะ!?”

 

“เธอฟังไม่ผิดหรอก ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถ้าฉันไม่ทำตามสมบัติจะถูกเอาไปให้ไอ้ผีพนันนั่น ฉันไม่เข้าใจพ่อจริง ๆ คิดอะไรของเขาก็ไม่รู้” อาการเซ็งและเบื่อหน่ายของต้นธารที่แสดงออกมาทำเอาพลอยมุกที่กำลังช็อคไม่มีแรงกินชีสเค้กต่อ เธอวางส้อมลง แววตาคู่สวยจ้องต้นธารอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

“ผีพนัน?.. น้องชายคุณไพลินเหรอคะ?”

 

“ใช่ อาฉัน ชื่อเพชร.. พชระ รัตนากร เธอไม่รู้จักเหรอ?”

 

“เคยได้ยินชื่อนะคะ รู้แค่ว่าเป็นน้องชายคุณไพลิน แต่ไม่เคยเจอค่ะ แต่จำได้ว่าพวกพี่แม่บ้านชอบพูด เอ่อ ขอโทษนะคะ” พลอยมุกรู้ตัวว่าไม่ควรพูดออกไปเพราะมันเสียมารยาทอย่างมาก ก็มันเรื่องคนในครอบครัวต้นธารนี่นา

 

“ไม่เป็นไร พูดมาเถอะ ฉันเกลียดมันมากกว่าพ่ออีก ไอ้บ้านี่น่ะ” ต้นธารพูดกึ่งคำราม ทำเอาพลอยมุกรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่มาจากต้นธาร

 

“ก็ไม่มีไรมากหรอกค่ะ แค่เขาพูดกันว่าน้องชายคุณไพลินชอบเล่นการพนัน และนอกจากคุณที่เป็นทายาท คุณไพลินก็ไม่มีใครอีก” เธอพูดอย่างแผ่วเบา ราวกับไม่กล้าพูดออกมา “แต่คุณจะอยู่ต่อเพราะแค่ต้องดูแลฉันจริง ๆ เหรอคะ? คุณไม่ต้องดูแลฉันก็ได้นะคะ ฉันจะหาเงินเรียนจนจบปริญญาโทเอง แล้วค่อยติดต่อคุณมารับมรดกก็ได้ค่ะ” เสียงอ่อนหวานที่ฟังแล้วรู้สึกลื่นหู แผ่วเบาดุจกิ่งหลิวพลิ้วไหวถูกส่งออกมา พร้อมสีหน้าที่จริงจังของพลอยมุก แม้ต้นธารจะยังไม่ไว้ใจเธอ แต่เขาก็รู้สึกว่าเธอพูดมาอย่างจริงใจ ถึงเขามีอะไรหลายอย่างที่สงสัย และอยากพิสูจน์เธอก็ตาม

 

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ฉันก็มีศักดิ์ศรีนะ ถึงจะไม่อยากให้มรดกพ่อตกไปอยู่ในมือไอ้เลวนั่น แต่ถ้าจะให้ฉันชุบมือเปิบกับเรื่องนี้ได้ยังไง ที่สำคัญเธอ..” น้ำเสียงทุ้มแฝงความจริงจัง พร้อมทั้งสีหน้าเคร่งขรึมของต้นธารก็แสดงออกมา “ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอ จะดูแลตัวเองได้ยังไง? ถ้าพ่อห่วงเธอและฝากฝังให้ฉันเป็นผู้ปกครอง ฉันก็ต้องดูแลเธอสิ”

 

“คะ!? ผู้ปกครอง?” พลอยมุกแสดงความร้อนรนออกมาอย่างชัดเจน ว้าวุ่น คำเดียวที่วนในใจเธออยู่ตอนนี้ เธอไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริง ๆ 

 

“ฉันดูออกว่าพ่อให้ความสำคัญกับเธอมาก และดูจากที่เธอสนิทสนมกับคนในบ้านนี้ ฉันขอถามเธอจากใจจริงนะพลอยมุก ถึงฉันจะรู้ว่าเธอกำลังพยายามเรียนให้จบและต่อสู้อยู่ลำพัง แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องการให้ฉันดูแลเธอจนเธอเรียนจบ ฉันอยากได้ยินจากปากเธอ”

 

“…”

 

“พ่อของฉันกับเธอเป็นอะไรกันกันแน่? ความสัมพันธ์ของพวกเธอมันคืออะไร ถ้าเธอเป็นลูกของเขากับ-”

 

“ไม่ใช่ค่ะ!” พลอยมุกโพล่งออกมาแทรกจนทำให้ต้นธารสะดุ้งเล็กน้อย “ท่านช่วยเหลือฉันค่ะ ฉันเป็นเด็กที่มารับจ้างทำสวนที่นี่ตอนอายุ10 ขวบ พ่อของคุณเป็นครูที่คอยสอน ครูนอกโรงเรียน ที่เอ็นดูฉัน คอยให้ความรู้และแนะนำฉัน ฉันไม่ใช่ลูกเขา และเราไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวค่ะ”

 

ต้นธารเงียบ ตั้งใจฟังสิ่งที่พลอยมุกพูด เขาสังเกตว่าเธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเริ่มมีน้ำตาคลอที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ

 

“ท่านเมตตาฉันมากค่ะ คุณไพลินท่านอบอุ่นกับฉันที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ท่านเป็นคนที่ฉันเคารพจากใจอย่างสุดซึ้งค่ะ แค่ฉันได้ความเมตตาจากคุณไพลินมันก็มากพอสำหรับฉันแล้วค่ะ”

 

“เข้าใจแล้ว” ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองพลอยมุกอย่างจดจ่อ “ถ้าอย่างนั้นฉันจะได้ทำตามเงื่อนไขของเขา ทำตามที่เขาขอ แต่ฟังไว้นะพลอยมุก ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจ เธออย่าได้คิดจะไปไหน หรือหาเงินเรียนเอง เพราะฉันเป็นลูกผู้ชาย พูดแล้วไม่คืนคำ ถ้าเธอจริงใจกับฉัน ก็ยอมรับในสิ่งที่พ่อฉันขอ และสิ่งที่ฉันเลือกเถอะนะ”

 

“ฉันไม่อยากรบกวน..”

 

“ไม่รบกวน ฉันอยากทำ” ใบหน้าหล่อเหลาฉาบด้วยความล้ำลึก พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย “ฉันจะทำ.. เพราะงั้นในระยะเวลา 3 ปี จนกว่าเธอจะเรียนจบปริญญาโท เธอมาอยู่บ้านหลังนี้กับฉัน ฉันจะดูแลเธออย่างดีเอง”

 

พลอยมุกพูดไม่ออก เพราะเรื่องที่ต้นธารพูดถึงความจริงใจของเธอ แม้เธอจะรู้สึกสับสนกับสิ่งไพลินต้องการ แต่เรื่องราวมากมายมันวิ่งเข้าหาเธออย่างรวดเร็วเกินไป แววตาเธอไหวระริกด้วยควมรู้สึกนานัปการที่ถาโถมเข้ามา เธอสูดลมหายใจลึก ไม่กล้าสบสายตากับเขา เพราะเธออยากปฏิเสธเรื่องนี้ เธอรู้ว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเธอ และเธอก็รู้ว่าต้นธารต้องมาเสียเวลาอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาบอกเธอว่าเขาไม่เคยคิดอยากอยู่ที่เมืองไทย

 

“และฉันมีบางอย่างที่อยากพูดกับเธอด้วยพลอยมุก” เขามีสีหน้าหนักแน่น ราวกับกำลังรวบรวมความกล้า “เรื่องที่ฉันต่อว่าและดูถูกเธอวันแรกที่เราเจอกัน ฉันขอโทษ..เป็นผู้ใหญ่แท้ ๆ ฉันไม่ควรพูดจากับเธอแบบนั้นทั้งที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเธอด้วยซ้ำ”

 

พลอยมุกเงยหน้าขึ้นมามองต้นธาร สีหน้าของเธอประหลาดใจ แต่ก็ยิ้มอ่อน ๆ อย่างอบอุ่นให้กับเขา “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเข้าใจผิดนี่นา ถ้าฉันเป็นคุณแล้วต้องเห็นอะไรแบบนั้น ก็คงเข้าใจผิดเหมือนกัน” ท่าทีขำเบา ๆ และยิ้มอย่างจริงใจแบบนั้น ทั้งที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศอึดอัด และคนที่ไม่เป็นมิตรแบบเขา แต่พลอยมุกก็ยังคงสดใส “แล้วก็..”

 

“…” เมื่อเธอพูดและเงียบไป ทำให้ต้นธารอดไม่ได้ที่จะมองคนตรงหน้า พลอยมุกเอียงศีรษะเล็กน้อย และมองมาที่ต้นธารด้วยแววตาที่ซุกซนขบขัน

 

“ถ้าอยากขอโทษจริง ๆ ล่ะก็นะคะ..ขอโทษเรื่องขับรถมาเรียกฉันกลางมหา’ลัยแบบนั้นดีกว่าค่ะ เพื่อน ๆ คงเข้าใจผิดเรื่องฉันกับคุณหมดแล้วล่ะค่ะ ถ้าไปเรียน ฉันต้องตอบคำถามพวกเขาเรื่องคุณไม่หยุดไม่หย่อนแน่ ๆ”

 

ก็เล่นหล่อกระแทกตา แถมขับรถหรูขนาดนี้ คิดว่าเขาเป็นแฟนเธอกันหมดแล้วแหง

 

คำพูดของพลอยมุกที่จบลงด้วยน้ำเสียงหยอกล้อทำให้ต้นธารชะงักไปเล็กน้อย เขามองเธออย่างประหลาดใจ รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมุมปากของเขา มันเป็นรอยยิ้มแรกที่อ่อนโยนกว่าที่เคยมีมาในช่วงหลายวันมานี้ และมันทำให้พลอยมุกรู้ว่าคนยิ้มยากอย่างเขา เมื่อยิ้มขึ้นมาโลกใบนี้ก็สดใสขึ้นมาทันที

 

“งั้นฉันก็ขอโทษเรื่องนั้นด้วยนะ.. ขอโทษที ฉันไม่คิดว่ามันจะทำให้เธอลำบากใจขนาดนี้” เสียงทุ้มตำพูดอย่างแผ่วเบา “ฉันแค่อยากคุยกับเธอเรื่องนี้ให้จบไว ๆ”

 

พลอยมุกยิ้มและพยักหน้าตอบเบา ๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ..แล้วก็ ฉันจะย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้กับคุณค่ะ ฉันจะทำตามความต้องการของคุณไพลิน”

 

คำพูดของพลอยมุกทำให้ต้นธารรู้สึกดีขึ้นมา แผนแก้ปัญหาของเขาเสร็จไปอีกขั้น การเปิดใจของพลอยมุกครั้งนี้ ทำให้เขารู้สึกได้ว่านี่กำลังมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้น นอกจากเขาได้กระจ่างเรื่องเธอกับไพลินผู้เป็นพ่อ ถึงจะยังไม่มั่นใจและไม่ไว้ใจในตัวเธอมากนัก แต่ต้นธารจะลองดู เพราะในสายตาเขาตอนนี้พลอยมุกก็ไม่ได้มีท่าทีที่ดูเหมือนโกหก หรือต้องการอะไรมากกว่านี้ ความสัมพันธ์จากที่เกลียดขี้หน้ากันเริ่มพัฒนา และมันอาจทำให้เขาได้รู้มากขึ้น ว่าทำไมพลอยมุกถึงรักและเคารพไพลินมากขนาดนี้ ไพลินที่สร้างบาดแผลให้กับต้นธารอย่างหนัก เขาอยากรู้จริง ๆ

 

“ขอบคุณที่เข้าใจฉันนะพลอยมุก ฉันจะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ และจะรับผิดชอบเธออย่างดี ไม่สิ.. ให้ดีที่สุดต่างหาก” แม้จะมีท่าทีเงียบขรึม แต่ความนุ่มนวลของต้นธารก็ทำให้พลอยมุกเบาใจ

 

มันจบแล้วใช่ไหม? ความรู้สึกที่เขามองว่าเธอเป็นศัตรู? ถ้าเขาพยายาม เธอเองก็จะพยายาม

 

ครั้งนี้เกิดเรื่องที่น่าตกใจ แต่มันก็เป็นโอกาสสำหรับพลอยมุก โอกาสที่เธอจะได้ตอบแทนไพลิน โอกาสที่เธออาจจะเปลี่ยนใจให้ต้นธารมองไพลินเปลี่ยนไป และเธอจะเอาความรักความอ่อนโยนของไพลินมาให้ต้นธารเอง เธอเชื่อว่าเธอทำได้ เธอต้องทำได้ เพื่อที่สุดท้าย ต้นธารที่คือหัวใจของไพลินในสายตาเธอมาตลอด จะเข้าใจ และกลับมารักไพลินได้ อย่างที่เธอรักไพลิน

 

 

1 สัปดาห์ต่อมา

 

เชื่อจะว่าทำได้ แต่ทำได้กับผีน่ะสิ เธออึดอัดเพราะการตั้งใจจะดูแลของต้นธาร มันทำกับเธอเหมือนเป็นเด็ก จริง ๆ ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นเด็กลูกเจี๊ยบ นอกจากเขาจะไม่ยอมให้เธอนอนในห้องนอนแขกที่ไม่มีห้องน้ำในตัว เพราะเขาอ้างว่าอยากให้เธอนอนที่ดี ๆ และสะดวก และเขาจะไปนอนที่ห้องนอนแขกเอง แต่เธอไม่คิดว่าเธอจะได้มานอนในห้องของวราลี ถึงจะปฏิเสธไปแล้ว แต่ต้นธารบอกว่าหากไม่ทำแบบนี้ไพลินต้องโผล่จากหลุมมาเอาเขาตายไปด้วยอีกคน โทษฐานที่ดูแลเธอไม่ดี อีกทั้งต้นธารพยายามทำตัวกับเธอให้ดีขึ้นอย่างที่เขาเคยบอก แม้จะชอบตีหน้านิ่ง เงียบขรึม แต่ก็พยายามอ่อนโยนกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่าต้นธารไม่ต่างจากไพลินมากนัก เกลียดพ่อ แต่นิสัยเหมือนพ่อสุด ๆ –แต่ปัญหาคือหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอแทบไม่ได้คุยกับเขาเพื่อปรับทัศนคติที่เขามีต่อไพลินเลย นอกจากเจอกันเฉียดไปเฉียดมา เธอกับเขาก็ใช้ชีวิตของใครของมัน ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าใดนัก

 

ก็รายนั้นเล่นทำงานดึกดื่น เช้าก็มีประชุมออนไลน์ตลอด แถมเย็นก็ไปออกกำลังกาย บางทีก็ชอบไปไหนมาไหนกับอิทธิกร พลอยมุกจะมีจังหวะไหนให้ได้คุย หรือชวนเขาทำกิจกรรมที่ไพลินมักจะพาเธอทำเมื่อยังเด็ก ภารกิจนี้อาจจะหินและยากเย็นเกินไปสำหรับพลอยมุก

 

แต่ไม่ใช่ว่าเธออยากคุยกับเขามากขนาดนั้นหรอกนะ แต่ถึงไม่ได้คุยก็ช่างสิ ก็แค่อดทนให้ครบ 3 ปี และพยายามทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ต้นธารได้ซึมซับสิ่งที่ไพลินทำให้เธอก็แล้วกัน

 

ทางด้านต้นธาร เขาไม่รู้ว่าจะดูแลพลอยมุกให้ดีที่สุดได้อย่างไร เพราะตั้งแต่ย้ายไปอยู่แคนาดา วราลีต้องทำงานหนักเพื่อให้ตั้งหลักที่นั่นได้โดยไม่ใช้เงินของไพลิน ทำให้ต้นธารได้อยู่กับพี่เลี้ยงมากกว่าแม่ของตนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เพราะไม่ได้รับการดูแลจากพ่อและแม่เท่าที่ควรจะได้ ฉะนั้นไม่ว่าอะไร ที่ต้นธารได้รับการดูแลจากพี่เลี้ยง เขาจดจำมันมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับการต้องดูแลพลอยมุก ที่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 ที่ทั้งต้องเรียนที่มหาวิทยาลัยให้เต็มที่ มีโปรเจกต์ศิลปะมากมายที่เธอต้องทำ ไหนจะตอนเย็นที่เธอต้องไปสอนพิเศษ กลับบ้านมาก็ต้องทำงานหรือการบ้านต่อ ต้นธารผ่านมาก่อน และเขาเข้าใจดีว่าที่นี่โอกาสมันต่างจากแคนาดามาก และพลอยมุกต้องเหนื่อยกว่าเขามาก ทำให้เขารู้สึกว่าต้องดูแลและปกป้องเธออย่างดีเท่าที่เขาจะทำได้

 

ต้นธารเองก็ใช่ว่าจะไม่ต้องทำงาน เขาจึงไม่ค่อยว่าง เลยอาศัยการเป็นเชฟ ตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาเตรียมอาหารให้พลอยมุกทุกวันในตอนเช้าและตอนเย็น ที่เป็นอาหารที่ครบห้าหมู่ และมีประโยชน์ อย่างในเช้าวันนี้ วันที่พลอยมุกมีเรียนช่วงสาย และต้นธารไม่มีประชุมอะไรเป็นพิเศษ

 

บรรยากาศในบ้านหลังใหญ่ที่มีแค่คนทั้งสองอาศัยอยู่ร่วมกันเต็มไปด้วยความสงบและมีระเบียบ เป็นอีกวันที่ต้นธารตื่นขึ้นมาก่อนพลอยมุก เขาเตรียมตัวพร้อมด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นเล็กน้อย และกางเกงขายาวสบาย ๆ เหมาะกับการทำครัว เขาใช้ทักษะการเป็นเชฟระดับไฮเอนด์อย่างเต็มที่ในการเตรียมอาหารเช้าให้พลอยมุก และอาหารเช้าวันนี้เป็นขนมปังโฮลวีทไข่ดาวชีสแพะ ผักสด และซัลซ่าผลไม้ ไม่ว่าจะมื้อนี้ หรือมื้อไหน ๆ เขาก็ตั้งใจรังสรรค์ออกมาอย่างพิถีพิถัน เพราะนอกจากพลอยมุกจะได้ทานอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการก่อนไปเรียน ต้นธารก็ได้อยู่กับทำอาหารที่เขารัก

เมื่อทำอาหารเสร็จ ต้นธารได้ทำการจัดจานอย่างสวยงามไว้บนโต๊ะอาหาร และไม่ลืมที่จะเตรียมน้ำเปล่า และน้ำส้มมะนาวที่พลอยมุกชอบไว้ ต้นธารไม่เคยปลุกพลอยมุก แต่จะรอให้เธอเตรียมตัวเสร็จและลงมาจากห้องนอนเอง วันใดที่ไม่ว่างเขาก็จะไปทำงานต่อ แต่วันนี้เขาก็ว่างตลอดช่วงเช้า เขาจึงตั้งใจจะรอเธอที่โต๊ะอาหาร เพราะวันนี้เขาจะถามเธอว่าเธอต้องการค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมไหม 

 

ต้นธารนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร มือข้างหนึ่งวางบนโต๊ะ ขณะอีกข้างถือแก้วน้ำเปล่าขึ้นจิบด้วยท่าทีสงบ ไม่นานพลอยมุกก็ลงมา ทันทีที่เสียงฝีเท้าก้าวลงมาอย่างช้า ๆ ทำให้ต้นธารหันไปจับจ้องที่บันไดทันที พลอมุกมาในชุดไปรเวทธรรมดา เสื้อยืดสีขาวเรียบ ๆ ที่เข้ารูปเล็กน้อย และกางเกงยีนส์ขายาวทรงกระบอกเล็กสีฟ้าอ่อน

 

เขารู้ได้โดยทันทีว่าคาบเรียนตอนสายของเธอคงถูกงดไป เพราะเธอไม่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอย่างที่เขาเคยเห็นและจำได้ ดวงตาของเขาไล่มองตามเสื้อผ้าเรียบง่ายของเธอโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะสังเกตถึงรายละเอียดเล็ก ๆ ผมสีน้ำตาลยาวสลวยถูกรวบไว้เรียบร้อย แต่ปล่อยปอยผมลงมาเล็กน้อยดูเป็นธรรมชาติ เธอแต่งตัวง่าย ๆ แต่ดูสดชื่นตามสไตล์ของเธอ และแม้จะเป็นเช้าตรู่แต่เธอก็สดใสแม้จะไม่ได้นอนอย่างเต็มที่เท่าที่ควร เป็นคนที่สดใสเบิกบานแทบตลอดเวลาอย่างไม่น่าเชื่อจริง ๆ

 

“มากินข้าวสิ อาหารเรียบร้อยแล้ว ฉันขอคุยอะไรด้วยระหว่างเธอกินนะ”  ต้นธารพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นทางการ แต่ก็มีความใส่ใจ ใบหน้านิ่งเฉย ประกายตาที่จ้องมองไปที่พลอยมุกลึกล้ำสุดจะหยั่ง ภายใต้คิ้วดกหนาที่เหยียดตรง

 

“ได้เลยค่ะ” พลอยมุกยิ้มบาง ๆ ให้กับต้นธาร รู้สึกอบอุ่น ถึงจะเดาความรู้สึกของต้นธารไม่ได้ แต่นอกจากกลิ่นหอมของอาหารที่เขาทำให้เธอลอยมาแตะจมูกเธอที่ทำให้เธอรู้สึกดีทุกเช้า และต้นธารก็ยังดูใส่ใจเธอขนาดนี้ เธอรู้ว่าเขาพยายามดูแลเธออย่างสุดความสามารถ เพราะเธอปฏิเสธเขาเรื่องที่เขาเสนอไปรับ-ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย เพราะเขาดูงานยุ่ง แต่ก็แปลกใจที่เขามีเวลามาเตรียมอาหารที่ไม่เพียงแต่หน้าตาสวยงามแต่ยังอร่อยมากให้เธอแบบนี้ทุกมื้อ

 

พลอยมุกนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับต้นธารของโต๊ะอาหารที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เธอตาลุกวาวทันทีที่เห็นอาหารน่าตาน่ารับประทาน มือของเธอเริ่มตักอาหารเข้าปาก ความอร่อยที่ระเบิดในปากทันทีที่ลิ้นของเธอได้สัมผัสมัน ทำให้พลอยมุกแสดงออกมาทันที ดวงตาของเธอเป็นประกาย อดไม่ได้ที่จะชมเชยต้นธาร

 

“โห!! อร่อยมากกกกกกกกก!” น้ำเสียงของยัยแฮมสเตอร์น้อยเต็มไปด้วยความชื่นชม “ฉันไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ อร่อยจนอยากร้องไห้ ต้องทำบุญหรือกู้ชาติขนาดไหน ถึงจะได้คุณต้นธารมาเป็นเชฟประจำชีวิต ขอบคุณสำหรับอาหารอร่อย ๆ แบบนี้นะคะ!!” เสียงนุ่มนวลพูดเจื้อยแจ้ว  ทำให้ต้นธารฟังแล้วก็อดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ 

 

แม้กำลังพยายามทำตัวปกติและอยู่ร่วมกับเธออย่างเป็นธรรมชาติ ระหว่างการ ‘จับผิด’ ไปด้วย เพราะคำพูดของพลอยมุกที่บอกว่าเธอเป็นเพียงคนที่มารับจ้างไพลินในการช่วยทำสวนในบ้าน มันไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาได้มาจากนักสืบมากเท่าใดนัก อีกทั้งมันยังขัดกับความเชื่อของต้นธารอยู่ สิ่งที่เขาเชื่อคือเธอไม่ได้เป็นชู้ของไพลินจริง ๆ และจากที่อยู่ด้วยกันทั้งสัปดาห์ พลอยมุกไม่มีท่าทีอยากได้อะไรเลย เธออยู่กับเขาแบบเจียมตัว สงบ และระมัดระวังการต้องรบกวนเขา

และเมื่อได้รับคำชมของพลอยมุกในการทำอาหารของเขา การที่เขาถูกชมเกินจริงแบบนี้ทำให้ต้นธารเริ่มคิดว่าการเตรียมอาหารให้เธอทุกวันเป็นสิ่งคุ้มค่า และเป็นเรื่องที่น่าทำมากขึ้น เพราะพื้นฐานต้นธารเป็นคนชอบให้ผลงานของตนได้รับการยอมรับ และคำพูดของพลอยมุกก็เป็นการยกย่องที่ทำให้เขารู้สึกดีและพึงพอใจ 

 

“ขอบคุณนะ ถ้าเธอชอบ ฉันยินดีทำให้ทุกวัน” เขายิ้มเล็ก ๆ ด้วยความภูมิใจ “แค่เธอไม่เบื่อซะก่อน” หลังต้นธารพูด พลอยมุกก็หัวเราะเบา ๆ 

 

“ไม่เบื่อหรอกค่ะ อาหารแปลกใหม่ทุกวัน อร่อยด้วย.. ว่าแต่ คุณจะถามอะไรฉันเหรอคะ?”

 

“ฉันอยากรู้ว่าค่าใช้จ่ายที่ฉันให้เธอมันพอไหม? เธอต้องการเพิ่มไหม?”

 

สิ้นคำถามของต้นธาร พลอยมุกที่กำลังทานอาหาร รีบวางช้อนส้อมในมือ ก่อนจะโบกมือทั้งสองข้างปฏิเสธด้วยอาการลุกลน “ไม่ค่ะ พอแล้วค่ะ แค่ฉันได้วีคละหกพันบาทก็เกินพอแล้ว แค่นี้ฉันก็เกรงใจจะแย่แล้ว” พูดไปอย่างเกรงใจ และพลอยมุกก็ได้แต่คิดว่าต้นธารทำงานทำการอะไรกันแน่ ถึงมีเวลาเตรียมอาหารให้เธอทุกวัน แถมยังมีเงินมากมายขนาดนี้ ที่นอกเหนือจากมรดกของไพลินที่ต้นธารยังทำอะไรกับมันไม่ได้ แต่เธอก็มั่นใจว่าอย่างน้อยต้นธารไม่ได้สนใจสมบัติของไพลินหรอก ขนาดรถยังเลือกไปซื้อรถคันใหม่มาใช้ แทนที่จะใช้รถที่มีหลายคันในบ้าน เพราะต้นธารบอกเองว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับของของไพลิน

 

“ถ้าพอ..แล้วทำไมยังไปรับงานสอนพิเศษล่ะ?” ต้นธารแลมองดวงหน้างามน่ารักที่มองสบตาเขามา “เธออยู่ปีสูงแล้ว แถมมีโปรเจกต์ต้องทำ ถ้าใช้เงินเยอะก็บอกฉันได้ จะไปลำบากทำไม?”

 

พลอยมุกสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าสายตาแรงกล้าที่มองมานั้นกำลังฉายแววจริงจัง เธอเผลอกลืนน้ำลายอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ไม่กล้าเอ่ยอะไรขึ้นมาขัดต้นธารเสียเลยในตอนนี้ ดุเหมือนพ่อเลย

 

“ลองไปคิดดูนะ ฉันแค่ห่วงว่าเธอจะเรียนและพักผ่อนได้ไม่เต็มที่”

 

“ทราบค่ะ แต่ว่าฉันเรียนครู-”

 

“เดี๋ยวก็ต้องไปฝึกสอนแล้วนี่ ฉันรู้ว่าได้ไปสอนมันก็ได้ฝึกฝนตัวเองด้วย แค่แนะนำ ว่าเลิกสอนพิเศษน่าจะดีกับเธอมากกว่า พูดในฐานะคนที่คุณพ่อฝากฝังให้คอยดูแลเธอ” 

 

พลอยมุกพูดยังไม่ทันจบต้นธารก็พูดแทรกอย่างเขารู้ว่าเธอจะอธิบายกับเขายังไง ซึ่งเขาก็เดาถูก ทำให้พลอยมุกได้แต่ตีหน้าเศร้าพลางส่งสายตาอ้อนวอนให้ต้นธาร บอกเขาทางสายตาว่าเธอไม่อยากเบียดเบียนเขา เกรงใจเขา ทำให้ต้นธารปรายตามองสีหน้าของเธอตอนนี้อย่างขัน ๆ กับพลอยมุกที่กระอักกระอ่วนใจ

 

แล้วทำไมต้องยกไพลินมาอ้างในจังหวะแบบนี้ด้วยนะ ตาหน้าดุนี่

 

“ไม่ได้บังคับนะ แค่ให้ลองคิดดูเฉย ๆ ฉันต้องไปทำงานแล้ว” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกและเดินขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้พลอยมุกนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดไม่ตกอยู่คนเดียว แต่เพราะต้นธารบอกให้เธอลองคิดดู เธอคงต้องใช้เวลาก่อน เมื่อสรุปด้วยตัวเองได้พลอยมุกที่รับประทานอาหารเสร็จก็เก็บจานและแก้วของเธอไปล้างอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จนมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว

 

วันนี้เธอว่าง และต้นธารก็บอกว่าต้องไปทำงาน แต่การที่ไม่มีต้นธารที่ปกติจะเดินลอยหน้าลอยตาในบ้านให้เธอสงสัยว่านอกจากเช้ากับเย็น เขาไม่มีงานมีการให้ทำเลยหรือ แต่วันนี้เขากลับรีบหายไปช่วงที่เขาควรจะว่าง เธอจึงคิดได้ ถึงแม้จะไม่ได้คุยเรื่องไพลิน และทำให้พลอยมุกเสียดาย แต่เธอก็นึกออกถึงเรื่องที่ไพลินเคยฝากฝังเธอไว้ไม่นานก่อนไพลินจะเสียชีวิต เกี่ยวกับต้นธาร 

 

พลอยมุกรู้มาตลอด ว่าสิ่งเดียวในบ้านหลังนี้ที่ไพลินไม่ให้ใครก็ตามไปแตะต้อง คือห้องนอนวัยเด็กของต้นธาร ไพลินอนุญาตให้แค่นางเข้าไปทำความสะอาดในเวลาที่เขาขอเท่านั้น และไพลินเก็บกุญแจห้องของต้นธารไว้กับตัว แม้เขาจะปล่อยให้ห้องนอนของวราลีที่เป็นภรรยาเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ให้ใครเข้าออกก็ได้ หรือมานอนค้างนอกจากห้องแขกก็ได้ เพราะมั่นใจว่าวราลีจะไม่กลับมาอีก แต่กับห้องของต้นธารที่ต่างไป ทำให้พลอยมุกถาม และได้คำตอบที่เป็นลางจากไพลิน ว่าห้องของต้นธารเป็นของต้นธารเสมอ และบอกกับพลอยมุกไว้ว่าถ้าวันใดที่ต้นธารกลับมาที่นี่ และไพลินไม่อยู่ ขอให้พลอยมุกช่วยให้ต้นธารได้เข้าไปในห้องนั้น

 

มันเป็นเรื่องของคนในครอบครัว และพลอยมุกรู้ว่ามันคือสิ่งที่ไพลินต้องทำ ไม่ใช่คนนอกอย่างเธอ แต่ไพลินก็ยังยืนยันแม้เธอจะปฏิเสธ แต่ไพลินเชื่อมั่นในตัวพลอยมุกว่าเธอจะโน้มน้าวต้นธารได้ และพลอยมุกรู้จากไพลินว่าเขาซ่อนกุญแจห้องของต้นธารไว้ตรงไหน เพราะไพลินคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าหากให้นางเสนอให้ต้นธารไปนอนในห้องนั้น ต้นธารก็จะไม่ไป แต่เขาเชื่อว่าพลอยมุกทำได้

 

แม้จะเป็นยามสายแล้ว แต่บรรยากาศภายในบ้านยังคงเงียบสงบ มีเพียงแสงแดดอ่อน ทอประกายสีทอง ลอดผ้าม่านหน้าต่างลงมากระทบพื้นบ้านอย่างนุ่มนวล เมื่อสังเกตว่าต้นธารเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอยกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และน่าจะทำงานอีกยาว จึงเป็นโอกาสที่ดีของนาตาชาอย่างเธอ ที่จะไปหากุญแจห้องนอนของต้นธารที่ถูกซ่อนไว้ ซึ่งพลอยมุกรู้ดีว่าไพลินซ่อนมันไว้ในห้องสมุดของบ้านหลังนี้ 

พลอยมุกค่อย ๆ เดินไปยังห้องสมุดอย่างเงียบเชียบ แม้ในบ้านขนาดใหญ่เกือบเทียบเท่าคฤหาสน์ของตระกูลรัตนากรหลังนี้จะมีแค่เธอกับต้นธารอยู่กันแค่สองคน แต่เพราะเธอต้องทำมันอย่างเงียบเชียบ เพราะเธอตั้งใจจะเอากุญแจห้องมาเก็บไว้กับตัว และทำให้ต้นธารเปิดใจให้กับเรื่องของไพลิน เธอจึงค่อยจะโน้มน้าวต้นธารภายหลัง 

 

ห้องสมุดในบ้านของไพลินเป็นหนึ่งในห้องที่โดดเด่นที่สุดในบ้านหลังนี้ ออกแบบอย่างหรูหราและกว้างขวาง สะท้อนถึงฐานะและความสำเร็จของไพลินในฐานะนักธุรกิจและอาจารย์สอนดนตรีชื่อดัง พื้นห้องปูด้วยไม้โอ๊คสีเข้ม ตัดกับผนังที่ทาด้วยสีครีมอ่อนสบายตา และตัดด้วยขอบทองประดับลวดลายเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเรียบแต่หรู ผนังด้านหนึ่งของห้องเป็นชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน ทำจากไม้วอลนัทและมีหนังสือจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ จัดเรียงหนังสือไว้แต่ละชั้นในแนวเดียวกัน ทั้งดนตรี ประวัติศาสตร์ ศิลปะ รวมถึงวรรณกรรมคลาสสิค ชั้นหนังสือถูกตกแต่งด้วยรูปปั้นนักดนตรี และโน้ตเพลงเก่าอย่างพิถีพิถัน 

 

พลอยมุกเดินเข้าไปในห้องสมุดอย่างเงียบเชียบ เท้าของเธอเหยียบลงบนพื้นปูพรมทอลายละเอียดสีเบจที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบาย เธอหยุดยืนมองชั้นหนังสือสูงตระหง่านด้วยสีหน้าลังเล แววตาคู่สวยกวาดมองหาบันไดสำหรับปีนขึ้นไปเอากุญแจ เพราะเธอจำได้ว่าไพลินเคยบอกว่ากุญแจซ่อนอยู่ที่ชั้นสูงสุด ชั้นหนังสือดนตรี และแน่นอนว่าเธอเอื้อมไม่ถึง เธอจึงต้องหาบันได ไม่นานสายตาก็ไปสะดุดกับบันไดไม้ที่วางพิงไว้กับเสา โดยอยู่หลังผ้าม่านผ้าไหมสีทองที่เอาไว้ดึงปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ของห้องสมุด เพราะผ้าม่านบังอยู่ในตอนแรก เธอจึงมองไม่เห็นบันได

 

ในขณะเดียวกัน ต้นธารที่เพิ่งจะคุยกับทีมงานที่ห้างธุรกิจค้าปลีกของเขาเสร็จ เขาก็เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยความรู้สึกโล่งใจ แต่เป็นจังหวะที่เขาเห็นยัยแฮมสเตอร์น้อยทำท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ เขาจึงเดินตามพลอยมุกไป และเห็นว่าเธอเข้าไปในห้องสมุด ด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้น เขาตัดสินใจเดินเข้าหาเธอ และตามเธอมา ต้นธารตามอย่างเงียบเชียบกว่าพลอยมุกเสียอีก แม้จะตามมาช้า ๆ ไม่ให้เธอจับสังเกตเขาได้ แต่ต้นธารก็มาทันเมื่อเห็นเธอกกำลังปีนบันไดไม้ด้วยท่าทางที่ไม่มั่นคงนัก

 

ทำอะไรของเธอ มันสูงนะน่ะ 

 

ต้นธารเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ของพลอยมุก ทำให้เขากังวล และรู้สึกหวาดเสียวกับการกระทำแสนแปลกของเธอ ถ้าจะเอาหนังสือ ก็เรียกเขาช่วยก็ได้นี่นา

 

“เธอกำลังทำอะไรของเธออยู่น่ะ?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ เมื่อได้ยินเสียงของต้นธารมาจากระยะใกล้ ดังเข้ามาในโสตประสาท แผนนาตาชาของพลอยมุกก็มีเสียงดังแตกร้าวพังทลายลงทันที 

 

แต่ไม่ได้แย่แค่นั้น เพราะเธอกำลังปีนป่ายอย่างไม่ถนัด และเสียงของต้นธารก็ทำให้พลอยมุกสะดุ้งตกใจ ฉับพลันร่างเล็กเอนออกเพราะมือเธอหลุดจากบันได “ว้ายยยยย!!” เธออุทานออกมาด้วยความตกใจ หญิงสาวใจกระตุกวูบอย่างรุนแรงกะทันหัน แล้วบันไดไม้ก็เริ่มเซจากการพิงที่ชั้นหนังสืออย่างน่ากลัว ทำให้เธอเสียหลักและกำลังจะล้มลงมา

 

ต้นธารที่มองอยู่ตกใจตามไปด้วย หน้าตาที่ไร้ความรู้สึกเมื่อครู่บัดนี้นัยน์ตาสีนิลเบิกกว้างตื่นตะลึงไม่ต่างอะไรจากพลอยมุก ร่างสูงรีบพุ่งเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว “อันตราย! ระวัง!!” เขาตะโกนออกไป ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้ามารับตัวของพลอยมุกไว้ได้อย่างแม่นยำ แขนแข็งแรงของเขาสอดเข้ามาใต้ร่างของเธอในจังหวะที่พอดี ต้นธารใช้เท้าถีบบันไดไม้ไปอีกทางอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้มันหล่นมาทับเขาและเธอ พลอยมุกตกลงมาบนอกของต้นธาร ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันโดยที่ต้นธารยืนมั่นคงประคองเธอไว้ในอ้อมแขน

 

สัมผัสของผิวกายที่แนบสนิททำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างกายอีกฝ่าย พลอยมุกอยู่ในอ้อมกอดของต้นธาร หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ดังโครมคราม เธอหอบหายใจเบา ๆ ใบหน้าที่ใกล้กันทำให้เธอรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของต้นธารที่พัดผ่านผิวแก้มเนียนสวยของเธอที่ซีดเล็กน้อยเพราะความตกใจ ในขณะที่ต้นธารมองเธอด้วยสีหน้าตื่นตัว แต่ไม่แสดงความร้อนรนใด ๆ ออกมา สายตาลึกล้ำของเขาจับจ้องที่เธออย่างแน่วแน่ ราวกับพยายามจะบอกกับเธอให้เธอได้รู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรไป

“เป็นอะไรหรือเปล่า?.. เจ็บตรงไหนไหม?” สุ้มเสียงทุ้มต่ำข้างหูเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน สีหน้าของต้นธารเต็มไปด้วยความเป็นห่วง และยังไม่มีท่าทีว่าเขาจะปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน

พลอยมุกพยายามจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่กลับพบว่าลิ้นพันกันจนเธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ เธอพยายามตั้งสติและได้แต่พยักหน้าตอบเขาอย่างเขินอาย

 

“ฉะ ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ..” เพราะรู้สึกปั่นป่วนเธอจึงเอ่ยออกมาเสียงเบาขณะหลบสายตาออกจากต้นธาร ใบหน้าสวยแดงก่ำ เธอรีบแกะตัวออกจากต้นธารผละตัวออกจากเขา รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งสูงในใบหน้า เธอหันหน้าหลบ ไม่มองเขา รีบจัดเสื้อผ้าของเธอให้เข้าที่ ไม่ได้ แบบนี้ไม่ดีเลย 

ใกล้ชิดกับเขามากเกินไป หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ “ขะ..ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน” เธอหันไปรีบพูดปัด ๆ กับเขา ก่อนจะหลับตาปี๋ หันหลังให้ และทำท่าทีไม่สนใจ และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างเล็กตั้งท่าจะเดินหนีออกไป ทว่าเพียงก้าวเดียว แต่โดนทักท้วงเสียก่อน

 

“เธอยังไม่ตอบฉันเลยว่ามาทำอะไรที่นี่?..” ต้นธารเอ่ยขึ้นอย่างแกล้ง ๆ ขัดเธอไว้ด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน

 

พลอยมุกชะงัก หันกลับมามองที่เขาอย่างกระอักกระอ่วน รู้สึกเหมือนโดนจับได้ แต่พยายามทำใจดีสู้เสื้อ หวังใจไว้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอพยายามจะทำอะไรอยู่ “ฉัน.. แค่หา… หา.. หนังสือน่ะค่ะ ใช่! พอดี..เอ่อ ต้องหาข้อมูลทำรายงานส่งอาจารย์พอดีน่ะค่ะ!” เธอพูดอย่างลุกลี้ลุกลน มองไปรอบ ๆ โดยสายตาคู่งามไม่แวะมามองหน้าเขาเลย 

 

โกหกไม่เนียน แล้วยังอยากโกหกอีก

 

ต้นธารเลิกคิ้ว ทำท่าพยักหน้าเชื่ออย่างประชดประชัน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “งั้นเหรอ? อ๋อเหรอ? รายงาน..เหรอ?” เขาลากเสียงยาวเล็กน้อย แฝงไว้ด้วยการยั่วล้อคนตัวเล็ก ก่อนทำท่าคล้อยตามอย่างแกล้ง ๆ “งั้นก็หาต่อสิ หรือให้ฉันช่วยหาให้ไหม? หนังสือศิลปะก็อยู่ที่ชั้นสองเอง แต่เมื่อกี้เธอปีนบันไดไปหาสูงกว่านั้นนี่เนอะ”

 

พลอยมุกหน้าแดงกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าต้นธารแกล้งเออออตาม แต่เขาดันปิดท้ายว่าเขารู้ทันและจับทางเธอได้หมด ไม่ว่าเธอจะพยายามโกหกอะไร พลอยมุกพยายามหลบดวงตาเหยี่ยวคมและแกล้งหยิบหนังสือศิลปะใกล้มือมากอดไว้แบบไม่มีจุดหมายกับตัวแน่น แต่ก็อ้ำอึ้ง ไปไม่เป็น

 

“จะไปทำรายงานตรงไหนล่ะ? ฉันอยากรอดูเธอทำรายงาน เผื่อจะมีอะไรให้ฉันช่วย ก็เรียกฉันได้นะ” ต้นธารพูดไปกลั้นยิ้มไป น้ำเสียงยังคงหยอกล้อเธอไม่หยุด เพราะเห็นสีหน้าของยัยแฮมสเตอร์ที่ทั้งเขินและลุกลี้ลุกลนแบบนั้นมันยิ่งทำให้เขาอยากแกล้ง พลอยมุกที่เห็นต้นธารเป็นแบบนี้ยิ่งรู้สึกเขินและเหมือนถูกเขาแกล้งยิ่งขึ้นไปอีก จนสุดท้ายเธอตัดสินใจหันหลังสะบัดเดินออกไปจากห้องสมุดอย่างรวดเร็ว และพึมพำอะไรบางอย่างเบา ๆ ด้วยความเขิน

 

“เอ้า! จะไปไหนล่ะ? ไม่ทำรายงานแล้วเหรอ? ฉันช่วยทำได้จริง ๆ นะ!” ต้นธารตะโกนแซวไล่หลัง ขำกับท่าทีสะบัดตัวหนีเขาไปของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะขำออกมากับท่าทางที่ดูเขินอายของเธอ ต้นธารยิ้มอกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว “น่ารักดีแฮะ…” เขาพึมพำกับตัวเอง พลางหันไปมองบันไดที่นอนแน่นิ่งกับพื้น สลับกับมองชั้นหนังสือสูงที่เธอพยายามปีนขึ้นไป

 

เธอปีนขึ้นไปทำอะไรบนนั้นนะ ยังไงคงไม่เกี่ยวกับรายงานแน่ ๆ 

ห้องสมุดนี้ต้องมีอะไรที่เขาไม่ควรรู้ พลอยมุกถึงมีท่าทีแบบนั้น ในใจลึก ๆ ของต้นธารยังคงสงสัย

 

 

 

TBC

 

/

 

Talk Talk 

แหม ไม่ไว้ใจแบบใด จับผิดเขาอยู่แบบใด เอ็งจับผิดน้องพลอยอยู่นะ เผื่อจะลืม 

 น้องชมนิดชมหน่อย บ้ายอ ได้ใจ ชอบที่เขาชม โดนตกแล้วอะดิ สมน้ำหน้ารอเลยละกัน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ