วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ - บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ โดย นฤชกร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม,หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า

รายละเอียด

วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

ผู้แต่ง

นฤชกร

เรื่องย่อ

เมื่อหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น ต้องเผชิญหน้ากับความรักที่ไม่คาดคิด

‘ต้นธาร’ ชายหนุ่มผู้ที่เฝ้าสะสมความเกลียดชังที่เขามีต่อพ่อมาตลอดชีวิต 

ต้องกลับมาที่เมืองไทยเพื่อจัดการเรื่องพินัยกรรมหลังการตายของ ‘ไพลิน’ ผู้เป็นพ่อ

ทำให้เขาได้พบกับ ‘พลอยมุก’ หญิงสาวปริศนาที่มักจะมายืนที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวและเธอนั้นมีน้ำตาร่วงลงมาในทุก ๆ ครั้ง ที่เขาพบเธอ

แต่แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่? ทำไมเธอจึงร้องไห้กับการสูญเสียครั้งนี้ 

และทำไมเธอถึงสำคัญกับพ่อของเขามากขนาดนี้?

ในระหว่างที่ต้นธารเฝ้ามองและจ้องจะจับผิด

 พลอยมุกกลับเผยให้เขาได้เห็นความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดและมันส่งผลต่อความเชื่อของเขาที่เคยมีมาตลอด

ความจริงที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาเริ่มสั่นไหวและความแค้นที่เคยหล่อเลี้ยงหัวใจ

ที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนี้ กลับค่อย ๆ จางหายไปในความอบอุ่นที่พลอยมุกมอบมาให้

ต้นธารจะยอมให้หัวใจที่คั่งแค้นถูกพิทักษ์ไว้ด้วยความรัก หรือจะปล่อยให้มันทำลายทั้งตัวเขาและคนที่เขาเพิ่งเริ่มต้นที่จะรัก?

 

********************

นางเอก

พลอยมุก ปราเมศ / พลอย (21)

นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ รักศิลปะพอ ๆ กับที่รักแมว มีพลังบวกที่ไม่ว่าใครต้องยอมแพ้ 

สดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในวันที่อากาศดี เป็นคนที่พร้อมจะยิ้มและหัวเราะ แม้ในวันที่โลกกำลังแตกสลาย

 สาวน้อยที่อบอุ่น คนที่มีความสามารถที่จะทำให้คนอื่นอารมณ์ดี และอ่อนลงได้ราวกับมีเวทมนตร์

ถึงจะดูเหมือนมองโลกในแง่ดีเกินไป และคิดบวกกับทุกอย่างแต่คนอย่างพลอยมุกก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

 

“คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างในโลกรึไงคะ? ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าขอโทษต้องสะกดยังไง”

 

พระเอก

ต้นธาร (เพทาย) รัตนากร / ต้นธาร,ต้น (28)

เชฟและนักธุรกิจสุดฮอต ที่หมายถึงเหมือนกับกำลังอยู่ในนรก มีเสน่ห์ ดึงดูดคนมาก แต่ก็เข้มงวดเบอร์หนึ่ง 

จริงจังกับชีวิต ชอบวางแผนทุกอย่างเป๊ะ เหมือนโลกจะล่มสลายถ้าเขาไม่ได้ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ 

เป็นเสือยิ้มยาก เงียบขรึม แต่พอด่าใครด่าเอาตาย กัดเจ็บจนเลือดสาด คนโดนกัดจะเจ็บเหมือนโดนหมาซอมบี้กัด 

ปากแซ่บธงแดงแปร๊ดดดดดดดด  ไว้ใจคนยากและกลัวความรักชนิดที่เห็นจากระยะ 800 เมตร ก็พร้อมจะปิดประตูใส่

 

“การที่เธอชอบฝันกลางวันก็มีข้อดีนะ เพราะเธอจะได้ไม่รู้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา โลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด”

 

********************

 

Trigger Warning :  Physical abuse-การทำร้ายร่างกาย, Mental Abuse-การทำร้ายจิตใจ, Attempted murder-การพยายามฆ่า

การเตือนด้านบนไม่ใช่สิ่งที่พระเอกทำกับนางเอกค่ะ และถ้ามีนอกจากนี้ จะเตือนไว้ในบทแต่ละบทค่ะ

 

นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่ง เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น 

สถานที่ องค์กร ฉาก บุคคล ฉาก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้มีอยู่จริง

สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเรื่องสมมติ

มิได้มีเจตนาพาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด ๆ 

 

ช่องทางติดต่อดำเกิง : Twitter(X)

 

สารบัญ

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 2 เพลิงแค้นท่ามกลางลิลลี่แห่งรัก,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม

เนื้อหา

บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ

ในห้องนอนของต้นธารที่เคยเป็นห้องนอนไว้รองรับแขกของบ้านหลังนี้ ซึ่งเขาชอบห้องนี้มากกว่าห้องของวราลีที่เขาเคยอยู่ก่อนที่จะยกให้พลอยมุกไปนอนแทนเขา เพราะห้องนี้เป็นห้องที่ขนาดพอดี มุมของห้องมีชั้นหนังสือเล็ก ๆ พอให้เขาได้วางตำราทำอาหาร ตรงอีกมุมห้องอีกฝั่งมีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องดูโปร่ง สว่าง รับความอบอุ่นแบบที่เขาชอบได้อย่างพอดี ที่สำคัญคือ มันเป็นส่วนตัว เงียบสงบ ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เบา ๆ ต้นธารนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำ สีหน้านิ่งของเขายังคงนิ่งสงบตามปกติขณะกำลังตรวจเช็คเอกสารมากมายบนโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้โอ๊คสีน้ำตาลเข้ม คิ้วหนาขมวดเมื่อเห็นว่ามีบางอย่างตรงหน้าแปลกไปจากเดิม สายตาคมกวาดทั่วเอกสารและแฟ้มหลายเล่มที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ

 

“เอกสารหายไป…” น้ำเสียงทุ้มต่ำพึมพำกับตัวเอง มือหนากว้างหยิบเอกสารกองใหญ่บนโต๊ะขึ้นมา จัดวาง แยกส่วน พลิกไปมาเพื่อตรวจสอบว่าตัวเขาไม่ได้มองผิด ต้นธารรีบลุกขึ้นยืนขึ้นทันที สายตากวาดมองรอบห้องอย่างเร่งรีบ พยายามค้นหาเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพ่อเขา แต่ก็ไม่มีวี่แววของมัน เมื่อแน่ใจแล้วว่ามันหายไปจริง คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดมุ่น กลิ่นอายความตึงเครียดพลันแผ่ออกมารอบกายของต้นธาร

 

ภาพเหตุการณ์ในห้องสมุดเมื่อไม่กี่วันก่อนลอยย้อนกลับมาในหัว วันนั้น พลอยมุกมีท่าทีแปลกไป แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะพยายามคิดว่าเธอต้องทำรายงานส่งอาจารย์ ตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้คุยกับเธอจริงจังหรือถามอะไร แต่มันแปลกจริง ๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นประกอบกับอาการของเธอ แล้วมาตอนนี้เอกสารสำคัญที่อยู่ในห้องเขาก็หายไป ทั้งยังเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับมรดกของไพลินอีกด้วย

 

เขาไม่รอช้า รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.หาพงศ์อินทร์ นักสืบมือดีที่เขาไว้ใจที่สุด

 

“คุณพงศ์อินทร์ สวัสดีครับ..ผมต้องการให้คุณสืบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพลอยมุก เธอบอกกับผมว่าเคยมาทำงานที่นี่ตอนอายุ 10 ขวบ แต่ผมไม่มั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นข้ออ้างหรือเรื่องจริงแค่ไหน” ต้นธารพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาจับจ้องไปที่โต๊ะทำงาน มองบรรดาเอกสาร

 

พงศ์อินทร์รับคำสั่งอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่ต้นธารจะวางสาย เขาถอนหายใจออกมา ใจปะทุความไม่พอใจอย่างอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เขานึกตำหนิตัวเองที่เผลอโอนอ่อนกับใบหน้าสวยหวาน และการกระทำที่สดใสของพลอยมุกมากเกินไป เขาลืมไปว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่เพื่อเชื่อใจใคร หรือทำตัวสบาย ๆ ทั้งที่มันคือที่ที่เขาเกลียด และมีความทรงจำแย่ ๆ เต็มไปหมด และเขารู้ดีว่าการที่เขามองโลกในแง่ร้ายและระมัดระวังขนาดนี้ มันจะปกป้องเขาจากทุกอย่างได้

 

หลายวันต่อมา

 

พลอยมุกเริ่มมีพฤติกรรมแปลก ๆ ขึ้นมาอีก และทำให้ต้นธารที่คอยสังเกต ความสงสัยที่เขามีต่อเธอภายในใจเริ่มก่อตัวชัดมากขึ้นทุกที ทำให้เขาเริ่มปฏิบัติกับพลอยมุกเปลี่ยนไป เขากลับมานิ่ง ไม่พูดไม่จา แสดงท่าทีเย็นชาอย่างเดิม อีกทั้งเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่มาร่วมทานอาหารกับพลอยมุกเลย จากที่ปกติเขาและเธอจะได้ทานอาหารด้วยกันบ้าง

 

แม้ท่าทางของเชาจะปฏิบัติกับเธอกลับไปกลับมา เดี๋ยวร้ายแล้วมาดี ดีได้ไม่นานก็มาร้าย พลอยมุกที่พยายามทำความเข้าใจในตัวเขาอยู่ก็ไม่ได้มองว่ามันแปลก เพราะรู้ว่าต้นธารคงผ่านอะไรมามากมาย ผ่านความสูญเสีย เกลียดชังไพลินแต่ต้องมาแบกรับหน้าที่ที่ไม่ได้ต้องการ งานที่ต้นธารทำก็ดูยุ่ง เธอจึงไม่คิดมากกับการกระทำเหล่านั้น เพราะเธอเองก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ การตั้งใจเรียนให้จบ และไม่ทำตัวเป็นภาระต้นธาร เธออยากจะตอบแทนบุญคุณของไพลินที่ดีกับเธอเสมอแม้เขาจะตายไปแล้ว โดยการอยู่ร่วมกับต้นธารอย่างดี  สงบสุข และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ต้นธาร ถ้าพลอยมุกทำแบบนั้นได้ ก็อาจเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ต้นธารคิดบวกและมองไพลินในแง่ดีมากขึ้น ถึงท้ายที่สุดเมื่อครบ 3 ปี ต้นธารจะยังยืนยันที่จะไปจากประเทศไทยก็ตาม

 

เช้าวันหยุดที่แสนสดใสในบ้านรัตนากร กลับสวนทางกับความขุ่นมัวของคนในบ้าน ต้นธารเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางเย็นชา ร่างสูงเพรียวก้าวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ รักษาท่าทางได้มั่นคง ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ชวนให้คนเห็นอยากจะทำให้มันเปลี่ยนไปได้บ้าง พลอยมุกที่นั่งเล่นโทรศัพท์ที่โซฟาห้องนั่งเล่นเมื่อเห็นเขาก็ทักทายขึ้นมา

 

“อรุณสวัสดิ์นะคะ คุณต้นธาร.. หลายวันที่ผ่านมาคุณทำงานหนักและยุ่งมาก วันนี้วันหยุดแล้ว พักผ่อนบ้างนะคะ ขอให้คุณมีวันที่ดีค่ะ!” เสียงหวานใสถูกส่งออกมา ริมฝีปากสวยได้รูปประดับรอยยิ้มอ่อนหวานตามมา เธอหวังว่าคำอวยพรที่จริงใจและคำพูดดี ๆ ของเธอ จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นบ้าง และอยากให้ความเหนื่อยล้าของต้นธารกับการทำงานหายไป

 

แต่ชายหนุ่มกลับเงียบ ดวงตาสีดำสนิทเหลือบมองเธอเพียงชั่วครู่ ทว่าแววตาของเขามันวาววับราวกับจะพ่นไฟออกมาได้ในช่วงวินาทีนั้น  ก่อนที่ร่างสูงจะหันหลังให้เธอ เดินตรงไปยังห้องครัวโดยไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมาสักคำ ท่าทีนี้ทำให้ยัยแฮมสเตอร์น้อยหุบยิ้ม ใบหน้างามที่เฉิดฉันถูกปกคลุมด้วยแววความหม่นหมองทันที

 

แบบนี้มันจงใจเมินกันชัด ๆ ก่อนหน้านี้ดูไม่ออก เพราะไม่มีโอกาสได้พูดคุยจริงจัง

ทำไมยังเป็นแบบนี้อีกนะ? เราทำอะไรผิดรึเปล่า คุณต้นธารถึงดูเหมือนกำลังโกรธเรา?

 

พลอยมุกคิดพลางทบทวนในใจ ว่ามีอะไรผิดพลาดตรงไหน ที่เธอไม่รู้ ตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุที่ห้องสมุด ถ้านับตั้งแต่วันนั้น ต้นธารก็ไม่ได้พูดคุยกับเธออีกเลย และถึงจะไม่มีโอกาสได้พบเจอกันมากนัก แต่ใน ทุก ๆ ครั้ง วันที่ผ่านมา มีแต่เธอที่พยายามจะทักทายเขา ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มให้ สวัสดี หรือชวนคุย ต้นธารก็มักจะนิ่งเฉย ปฏิบัติต่อเธอราวกับว่าเธอเป็นธาตุอากาศที่ไร้ตัวตน และวันนี้มันชัดเจนที่สุด

 

ร่างเล็กถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ก็พยายามคิดบวก ไม่อยากให้ความไม่แน่นอนและเย็นชาของต้นธารมาทำลายวันหยุดของเธอ ทั้ง ๆ ที่ต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่ ถ้ามีอะไรแล้วไม่มาพูดคุยกัน เธอก็จนปัญญา เพราะเธอไม่ได้มีหน้าที่เอาใจเขานี่นา พลอยมุกจึงตัดสินใจว่าเธอจะไม่ปล่อยให้ต้นธารมาทำลายวันที่ดี และอารมณ์ดี ๆ ของเธอ

 

เมื่อเป็นวันหยุดที่ไม่มีงานต้องทำ ไม่ต้องไปสอนพิเศษ พลอยมุกเลยเลือกที่จะไปตีแบดมินตันที่ลานหญ้าในสวนหลังบ้านกับพวกแม่บ้านที่มีอายุไล่เลี่ยกับเธอ แก้ว, มาย และขวัญ ซึ่งเธอคุ้นเคยและเล่นกับสาว ๆ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ที่เธอได้เข้ามาที่บ้านหลังนี้ รวมแล้ว 11 ปี พลอยมุกหัวเราะและสนุกไปกับการเล่นแบดมินตันอย่างเต็มที่ เสียงหัวเราะของพวกเธอทุกคนดังก้องไปทั่วสวนหลังบ้าน ทำให้บรรยากาศดูสดใส 

 

ในขณะเดียวกัน อิทธิกรที่แวะมาเพื่อเช็คความเป็นอยู่ของต้นธารกับพลอยมุก รวมทั้งมาคุยธุระกับต้นธาร ได้เดินตามเสียงหัวเราะมา ก็เจอกับสี่สาว ที่กำลังเล่นกันอยู่ เพราะท่าทีสบาย ๆ กับร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามา ทำให้ แก้ว มาย และขวัญ หันไปมองอิทธิกรเป็นตาเดียว รวมทั้งแอบกรี๊ดในใจ เพราะนาน ๆ ที จะได้เจออิทธิกรในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ใครในบ้านหลังนี้ก็ชื่นชอบเพราะเขาเป็นคนที่ใจดี และอารมณ์ดี ไม่เหมือนคนบางคน ที่ทุกคนก็รู้ว่าใคร

 

“คุณกร มาช่วยตีแบดหน่อยสิคะ สู้แรงและพลังของคุณพลอยไม่ได้เลยค่ะ หมดแรงแล้วยังไม่ชนะเธอสักที” แก้วพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด ทำให้คนฟังที่เหลือถึงกับหัวเราะออกมา

 

“ฮ่า ๆ ได้สิครับ ผมเองก็ไม่ได้เล่นกับน้องพลอยนานแล้ว ดูซิว่าจะสู้ได้ไหม?” ทนายหนุ่มตอบตกลง แม้จะไม่ได้ตั้งใจมาเล่นกีฬา แต่ไม่ได้อยากขัดใจใคร ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้ใช้เวลากับน้องสาวผู้แสนสดใสอย่างพลอยมุกนานแล้ว เขาจึงเดินไปรับไม้แบดมินตันมาจากแก้ว และร่วมเล่นด้วยอีกคน โดยมายและขวัญเองก็ขอพักเหมือนแก้ว ปล่อยให้อิทธิกรเล่นกับพลอยมุกสองคน

 

ต้นธารที่อยู่ในครัวเปิดหน้าต่างออกไปมองเพราะอยากรู้ว่าเสียงอะไรที่ดังมาจากข้างนอก เมื่อหน้าต่างบานใหญ่เปิดออก เขาเห็นพลอยมุกเล่นแบดมินตันอยู่กับอิทธิกร และมีเหล่าแม่บ้านที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาว่าพวกเธอมักจะมาพูดคุยกับพลอยมุก เขายืนดูสักพัก แต่พยายามบอกตัวเองไม่ให้สนใจภาพตรงหน้า ก่อนจะก้มลงนวดแป้งขนมปังต่อ 

 

บรรยากาศในสวนหลังบ้านเต็มไปด้วยความสนุกสนาน คำพูดหยอกล้อ และเสียงหัวเราะ พลอยมุกที่พลังล้นเหลือยิ่งกระตือรือร้นเพราะได้ประชันฝีมือกับพี่ชายคนสนิทที่แรงเยอะกว่าแก้วเป็นไหน ๆ เธอจึงไม่ต้องออมมืออีกต่อไป และตั้งแต่ที่อิทธิกรตามมาพูดปลอบใจเธอในวันแรกที่เธอเจอและทะเลาะกับต้นธารรุนแรง เธอก็ไม่ได้คุยกับอิทธิกรอีกเลย เพราะนอกจากหน้าที่ทนายประจำตัวของไพลิน เขาก็มีสำนักกฎหมายที่ต้องดูแล และมีงานเข้ามามากมาย ทำให้ยุ่งอยู่เสมอ

 

“พี่กร หวังว่าพี่จะพร้อมรับลูกเสิร์ฟแห่งความคิดถึงนี้นะคะ! โทษฐานที่ไม่มาเล่นกับพลอยเลย!” แฮมสเตอร์น้อยว่า ตั้งท่าพร้อมเสิร์ฟลูกขนไก่ในมืออย่างองอาจและขี้เล่น ส่งสายตายิ้ม ๆ ให้กับคนตรงหน้า

 

อิทธิกรหัวเราะเบา ๆ กับคำหยอกล้อของพลอยมุก ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงชวนเขิน “ลูกเสิร์ฟแห่งความคิดถึงเหรอครับ?... พี่พร้อมรับเต็มที่เลย แต่จะตบลูกแห่งความรักกลับไปนะครับ กลัวจังเลยว่าน้องพลอยจะรับไม่ทันเอา”

 

สิ้นคำพูดของอิทธิกร ทั้งพลอยมุกและเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่คิดอะไร แต่แก้ว มาย ขวัญ ที่ได้ยินชัดเต็มสองหู ต่างหันมาสบตากันด้วยท่าทางรู้ทัน แอบหัวเราะคิกคักกันเล็กน้อย ขณะที่ต้นธารเองที่มองอยู่และได้ยินก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เข้ามารบกวนหัวใจ ฝ่ามือร้อนระอุที่กำลังนวดแป้งอย่างเบามือเริ่มกำแป้งขนมปังแน่น จนท่อนแขนแกร่งเห็นเส้นเลือดเด่นชัดขึ้นมา แม้พยายามบอกตัวเองไม่ให้สนใจ แต่ท่าทางสนิทสนมของพลอยมุกกับอิทธิกร มันกวนใจเขาไม่น้อย แบบที่เขาไม่อาจปฏิเสธได้ลง

 

“บ้าไปแล้วมั้งเรา..” ต้นธารพึมพำกับตัวเอง พยายามสะบัดความคิดยุ่งเหยิงในหัวออก แต่ไม่วายสายตาเจ้าปัญหาก็เผลอมองไปที่พลอยมุกอีก ใบหน้าเล็กงดงามเกลี้ยงเกลานั้นประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานปานประหนึ่งบุปผาที่ขยายกลีบบานเพื่ออิทธิกร แม้จะสดใสอยู่แล้วแต่เธอกลับดูอารมณ์ดีขึ้นมาก มากกว่าตอนที่อยู่กับเขาเสียอีก จนพาให้ต้นธารรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน

 

ไม่ใช่เพราะกำลังสงสัยเธออยู่ แต่อิทธิกรไปทำตัวดีกับเธอ ไม่เกี่ยวกับเรื่องเอกสารที่หายไปสักนิด

 

สาวทั้งสามคนพากันขยับตัวเข้าใกล้กันก่อนจะกระซิบกระซาบ “นั่นเขาสองคน..คุยกันเชิงจีบหรือเปล่า?” มายพูดเบา ๆ ข้างหูแก้วและขวัญ ทั้งสามต่างพากันเหลือบมองพลอยมุกและอิทธิกรที่กำลังเล่นแบดกันอย่างสนุกสนาน

 

“แต่เขาอายุห่างกันตั้ง 12 ปีเลยนะมึง ที่ผ่านมาที่กูเห็น คุณกรกับคุณพลอยแทบจะเรียกได้ว่าถูกคุณไพลินเลี้ยงมาด้วยกัน โตมาด้วยกัน คุณกรเอ็นดูคุณพลอยเฉย ๆ แหละ” แก้วว่า

 

ขวัญส่ายหน้า ยิ้มแซว “ก็ไม่แน่หรอก โตมาด้วยกันก็ลูกคนละพ่อละแม่อยู่ดี..ดูคุณกรสิ คำพูดชวนใจเต้นขนาดนั้น ที่สำคัญพี่แก้วพูดเองนี่นา ว่าวันที่คุณต้นธารทะเลาะกับคุนพลอย คุณกรก็ตามคุณพลอยไปทันที คุณพลอยสำคัญกับเขามากขนาดที่ทำแบบนั้นต่อหน้าคุณต้นธารเลยนะ”

มายหัวเราะเล็กน้อยและพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย แถมพูดแบบนั้น ใครได้ยินก็ต้องคิดแบบเรานี่แหละ” 

 

พลอยมุกกับอิทธิกรก็ยังคงเล่นแบดมินตันกันอย่างสนุกสนาน ออกลีลาท่าทางนักกีฬาฟาดฟันลูกขนไก่กันอย่างเต็มที่ ไม่มีใครออมมือให้ใคร โดยไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดติดเล่นของสองพี่น้องที่มักแสดงความรักต่อกันตรง ๆ ตามปกติของทั้งสองคน จะทำให้ทุกคนที่ได้ยินและมองเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งคู่ จะพากันคิดไปไกล และมีอีกคนที่รู้สึกถึงความหงุดหงิดที่ไม่รู้สาเหตุผสมกับความรำคาญที่พุ่งขึ้นมาในใจ ต้นธารมองสักพัก ก็เลือกหันหลังกลับไปสนใจขนมปังที่ตัวเองพยายามทำให้เสร็จในครัว ท่ามกลางความสับสนในหัวที่ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งในใจตลอดเวลา

 

ในห้องครัวตอนนี้ กลิ่นแป้งและเนยอบอวลไปทั่ว เมื่อต้นธารกลับมาโฟกัสการนวดแป้งเพื่อทำขนมปังฟอคคาเซีย (Focaccia) – ขนมปังที่ต้องใช้ความตั้งใจและใช้เวลาทำอย่างพอเหมาะ ซึ่งเหมาะกับการเบี่ยงเบนความสนใจของต้นธารจากความคิดสับสนที่ค้างอยู่ในใจ ตั้งแต่เรื่องพฤติกรรมน่าสงสัยของพลอยมุก จนถึงการเห็นพลอยมุกและอิทธิกรเล่นแบดมินตันด้วยกัน

 

ฝ่ามือใหญ่กว้างคลึงแป้งอย่างตั้งใจ แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ไม่ว่าจะพยายามทำอย่างอื่นเพื่อหนีจากความรู้สึกนี้ยังไง แต่อารมณ์ที่อัดแน่นในใจก็ยังไม่คลาย ต้นธารถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะวางแป้งลงในถาดเตรียมอบ ดวงตาคมยังจับจ้องแป้งตรงหน้า แต่ความคิดกลับพุ่งไปยังเรื่องที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมา

 

เหตุการณ์ที่ห้องสมุด ท่าทางของพลอยมุกที่ระมัดระวัง ไม่สบายใจ พยายามโกหกเขาเรื่องรายงาน เรื่องเอกสารที่หายไป ทั้งยังเป็นเอกสารสำคัญเกี่ยวกับทรัพย์สินของไพลิน การที่พลอยมุกชอบทำตัว ลับ ๆ ล่อ ๆ แอบไปคุยโทรศัพท์กับใครบางคน โดยดูเหมือนให้อยากให้เป็นความลับจากเขา การที่พลอยมุกดูพูดคุยกับคนใหม่ ๆ ที่มหาวิทยาลัย รวมถึงภาพใบหน้าของพลอยมุกที่ยิ้มกว้างขณะเล่นแบดมินตันกับอิทธิกรในสวน

 

ใช่ – แม้จะไม่พูดคุย และทำท่าทีเย็นชาราวกับเจ้าชายน้ำแข็งใส่เธอ แต่เขาจับตาดูพลอยมุกทุกฝีก้าว แม้จะให้พงศ์อินทร์ไปสืบเรื่องของเธอเพิ่มก็ตาม แต่ต้นธารไม่ไว้ใจพลอยมุก เขาตามดูเธอและสังเกตเธอเท่าที่ทำได้ รวมถึงแอบตามไปดูเธอที่มหาวิทยาลัย ถึงแม้พลอยมุกจะเคยขอไม่ให้เขาไปก็ตาม

ความสับสนยังคงวกวนในหัว ทันใดนั้นอิทธิกรก็เดินเข้ามาในครัวอย่างเงียบเชียบ “ขอน้ำเย็นกินหน่อยนะคร้าบบบบ ท่านต้น” เขาพูดลากเสียงสูงเพื่อหยอกล้อ เดินตรงมาที่ตู้เย็น พลางมองต้นธารที่กำลังทำขนมปังอยู่ “นี่กำลังทำขนมปังเหรอ? พี่ขอชิมหน่อยสิ ตอนอบเสร็จ”

 

ต้นธารแอบมองอิทธิกรด้วยสายตาเรียบเฉย “เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ลองชิมดูแล้วกันครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ 

 

“ทำไมทำเสียงแข็ง หน้าตึงอย่างนั้น นายมีอะไรไม่พอใจพี่ไหมเนี่ย?” อิทธิกรหน้าหงอ เสียงอ่อนลงจากที่ตอนแรกสดใสและอารมณ์ดี เพราะเขาอุตส่าห์ทำให้ต้นธารสามารถกลับมาคุยกับเขาได้อย่างเมื่อสมัยเด็กแล้ว และต้นธารดูเปิดใจให้เขา แม้จะได้คุยกันเรื่องของกฎหมายเกี่ยวกับการตายของไพลิน และเรื่องการร่วมงานอื่น ๆ ยังไม่ได้สนิทสนมเท่าเมื่อก่อน แต่เขาก็ไม่อยากให้ต้นธารปฏิบัติกับเขาเหมือนวันแรกอีก

 

“พี่ก็รู้ว่าผมรบกวนพี่มาวันนี้ เพราะเอกสารสำคัญหายไป ผมบอกพี่แล้วว่าเธอทำตัวน่าสงสัย แต่พี่ก็ยังทำตัวสนิทสนมกับเธออยู่ได้ไม่รู้มีอะไรให้ไปสนใจยัยนั่นนักหนา” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจอความหงุดหงิดพึมพำออกมาเบา ๆ แม้คำพูดของต้นธารจะไม่ได้มีความหมายอื่นใด นอกจากการเสียดสี ที่ต้องการให้อิทธิกรสนใจเรื่องเอกสารที่หายไปเท่านั้น แต่มีบางอย่างในใจบอกอิทธิกรว่าต้นธารไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นตามที่ควรเป็นอย่างปกติธรรมดา

 

อิทธิกรยิ้มมุมปากเล็กน้อย ใช้มือกอดแก เดินย่ำไปมาวนอยู่กับที่ แกล้งว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะพูดแซว “ดูเหมือนนายจะสนใจพลอยมุกมากกว่าหน้าที่ต้องดูแลเธอเฉย ๆ นะ.. เอกสารที่หายไป และท่าที่น่าสงสัยของเธอมันแปลกก็จริง แต่พี่รู้จักพลอยมุกมาเกินสิบปี และพี่ยืนยันกับนายตั้งเยอะว่าพลอยมุกเป็นคนที่ไว้ใจได้ เธอคือน้องสาว ที่พี่ไว้ใจ และเรื่องเอกสารพี่จะช่วยเอง ไม่ต้องไปจับผิดเธอหรอก..หรือว่ามีอะไรมากกว่านั้น?”

 

อิทธิกรพูดจบก็หยุดเดินไปมา หันมองต้นธารพร้อมด้วยรอยยิ้มซุกซน และเริ่มจับผิดน้องชายตรงหน้าแทน แม้ว่าต้นธารที่อบขนมปังเสร็จจะทำเป็นไม่สนใจและหยิบขนมปังออกมาจากเตาอบ ทนายหนุ่มจึงพูดต่อ “ถ้านายไม่พอใจเธอเพราะเธอน่าสงสัยและเพราะเรื่องเอกสาร ถ้ามันทำให้น้องต้นของพี่คิดมากขนาดนี้ ทำไมไม่ไปถามพลอยมุกตรง ๆ ล่ะ? จะได้เลิกสงสัยสักที”

 

“…” ต้นธารเงียบไป ทำเป็นตั้งใจหั่นขนมปังฟอคคาเซียให้เป็นชิ้นพอดีคำ สำหรับให้อิทธิกรชิม 

 

“แล้วก็…” อิทธิกรแกล้งเอียงตัวมาใกล้ต้นธาร พยายามเหล่มองแม้รู้ว่าน้องชายขี้แอ็คจะไม่มองกลับมา “ไม่ใช่ว่านายเริ่มไม่อยากกลับแคนาดาแล้วหรือ?... กลัวว่าจะไว้ใจพลอยไม่ได้ เพราะจะอยู่ที่นี่เพื่อเธอแล้วเหรอ?” ทำไมอิทธิกรจะรู้สึกไม่ได้ ว่าสิ่งที่ต้นธารกำลังเป็นอยู่คืออะไร เพราะถึงจะโตขึ้นและดูเปลี่ยนไป แต่พื้นฐานของต้นธารในสายตาอิทธิกรคือชายคนนี้อ่อนโยน และมีความรักต่อผู้คน ยิ่งถ้าเป็นคนสดใสจิตใจดีอย่างพลอยมุก มีหรือที่ต้นธารจะไม่ให้ความสำคัญกับเธอ

 

“อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า พี่กร” ต้นธารสวนกลับเสียงเรียบ พยายามควบคุมสีหน้าให้นิ่งเฉย เขาคิดมากเรื่องพลอยมุกมากจริง ๆ จนเขาเกือบลืมไปว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แต่เขาไม่อยากยอมรับมันต่อหน้าอิทธิกร แม้ในใจเขาจะรู้สึกว่าอิทธิกรพูดถูกก็ตาม

 

“ไม่รู้ล่ะ ไปพูดกับเธอเดี๋ยวนี้เลย อายุจะ 30 อยู่แล้ว มีอะไรในอกในใจ ก็พูดให้เคลียร์ คนจะอยู่ด้วยกันมันต้องคุยกันนะต้นธาร” อิทธิกรดุน้องเบา ๆ พลางหยิบขนมปังร้อน ๆ ที่เพิ่งตัดเสร็จเข้าปาก ก่อนจะหลับตาพริ้มกับรสชาติที่อร่อยของมัน และชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้กับเชฟสุดหล่อคนเก่ง

 

ต้นธารกรอกตามองบน ถอนหายใจออกมา “พูดจาอย่างกับคนแก่อวยพรบ่าว-สาววันแต่งงาน” ถ้อยคำกระแนะกระแหนอิทธิกรถูกส่งออกมา ก่อนต้นธารจะหยิบจานขนมปังฟอคคาเซียออกมาจากบ้าน โดยให้อิทธิกรได้กินมันไปแค่ชิ้นเดียว ก่อนจะตรงไปหาพลอยมุกที่กำลังนั่งพักที่ศาลาเล็ก ๆ หลังจากเล่นกีฬาที่สวน เมื่อเดินไปถึงตัว เขาก็ยื่นจานขนมปังให้เธอโดยไม่พูดอะไร พลอยมุกรับไปอย่างงุนงงเล็กน้อย 

 

อะไรของตานี่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จะบ้าตาย

 

“ขอบคุณนะคะ แต่ที่ไม่คุยกับฉันเพราะตั้งใจไปอบขนมปังมาให้เหรอคะ?” เธอถามอย่างแปลกใจ แต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้กับต้นธาร

 

ต้นธารยืนนิ่ง พยายามประมวลคำถามในหัว ยังคงมองเธอด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ “ฉันมีเรื่องจะถามเธอ” เขาถามด้วยท่าทีเคร่งเครียด ทำเอาแฮมสเตอร์น้อยเสียวสันหลังวาบ ราวกับกำลังถูกราชสีห์ใช้กรงเล็บบีบคั้นตัวเธออยู่ “ทำไมเธอถึงมีท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ ทั้งตอนในห้องสมุด และชอบแอบไปคุยโทรศัพท์คนเดียวอีก” ต้นธารพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งแซะ

 

พลอยมุกรู้ได้ทันทีว่าสรุปแล้วที่ผ่านมา ที่เธอโดนเขาทำตึงใส่เพราะเรื่องแค่นี้เองสินะ เหมาะสมกับตำแหน่งตาบ้าที่ตั้งกฎเกณฑ์ให้โลกต้องหมุนรอบตัวเขาจริง ๆ เธอยอมรับว่าเธอทำทุกอย่างอย่างที่เขาว่ามาจริง แต่นั่นมันเพราะเขามองเธอในแง่ร้าย และจ้องจะจับผิดเธออย่างเดียวต่างหาก 

 

“ถ้าฉันทำอะไรให้คุณไม่สบายใจ คุณก็ต้องบอกสิคะ ถึงจะไม่ใช่ทางกฎหมาย แต่ตอนนี้คุณเป็นเจ้าของบ้าน เป็นคนที่ต้องคอยดูแลฉัน ฉันเป็นผู้อาศัย คุณมีอะไรข้องใจ ก็ถามฉันตรง ๆ ไม่ใช่มาทำเป็นเย็นชาใส่ฉันแบบนี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำผิดตรงไหน พยายามทักทาย ก็ถูกคุณทำบึ้งตึงใส่” ในที่สุดเธอก็อดไม่ไหวเพราะรู้สึกว่าต้นธารเป็นคนไร้เหตุผล และเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ “ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคุณต้องทำตัวแบบนี้”

 

ต้นธารนิ่งฟัง แต่ยังไม่ตอบอะไร รู้ว่าพลอยมุกกำลังเริ่มอารมณ์ไม่ดี และเพราะเขารู้ว่าเธอพูดถูกทุกอย่าง ท่าทีของเขาทำให้พลอยมุกถอนหายใจ หัวใจของเธอเริ่มถูกบีบคั้น ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มวนกลับมาอีกแล้ว เธออุตส่าห์คิดว่าระยะเวลาช่วงที่ผ่านมา การที่เขาเริ่มอ่อนให้กับเธอ และยอมให้เธอมาอยู่ในบ้านหลังนี้ รวมทั้งสิ่งที่ดีที่เคยทำร่วมกัน แม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ มันเต็มไปด้วยความหมายสำหรับเธอ และก่อประกายความหวังว่าทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น แต่มันคงไม่ใช่สำหรับต้นธาร 

 

ยิ่งคำพูดแฝงความสงสัย และการกระทำที่จ้องจะจับผิดกันแบบนี้อีก

 

ใบหน้าของพลอยมุกที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เริ่มเปลี่ยนไป ความสดใสที่เคยมีหายไปแทบจะทันที เธอก้มมองจานขนมปังในมือ ดวงตาคู่งามสะท้อนความปวดใจออกมาชัดเจน และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจืออารมณ์โกรธและน้อยใจ

 

“เพราะแบบนี้ใช่ไหมคะ? ที่ทำให้คุณถึงกับต้องแอบตามมาดูฉันที่มหา’ลัย?” เธอเริ่มเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ในดวงตาสะท้อนภาพใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายกับมีความคิดอะไรบางอย่าง “เพื่อนฉันบอกกับฉันว่ามีคนแอบตามดูฉันอยู่..ฉันไม่คิดเลยว่าจะเป็นคุณ”

 

ต้นธารนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่แทบจะคุมอารมณ์ไม่อยู่ “ฉันไม่ได้ตามเธอ ฉันแค่เป็นห่—”

 

“แค่สงสัยว่าฉันกำลังทำอะไรไม่ดีอยู่ ฉันจ้องจะสร้างปัญหาลับหลังคุณใช่มั้ยคะ?” พลอยมุกขัดขึ้น พร้อมทั้งตัดพ้อด้วยอาการน้อยเนื้อต่ำใจ เธอพยายามควบคุมไม่ให้เสียงของเธอสั่น “เพราะคุณไม่เคยไว้ใจฉันเลย ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันคิดมาตลอดว่ามันอาจจะเปลี่ยนอะไรไปได้บ้าง.. แต่ดูเหมือนคุณจะยังมองฉันเป็นศัตรู เป็นแค่คนที่คุณไม่ควรจะไว้ใจ..”

 

คำพูดของเธอทิ่มแทงต้นธาร เขารู้ว่าเธอกำลังเจ็บปวด เพราะสีหน้าตรงหน้าเขามันไร้ซึ่งการโกหก ดวงตาดำจ้องมองใบหน้าเล็กที่โกรธขึ้งระคนความหมองเศร้า แม้เขาจะพยายามบอกตัวเองว่าเขาทำไปเพราะมีเหตุผล แต่ในตอนนี้ เขาเริ่มรู้สึกถึงความผิด เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองทำพลาดไป

 

“ฉันไม่ได้มองเธอเป็นศัตรู” พูดออกมาแบบนั้น แต่เสียงของเขากลับไม่ได้หนักแน่นเท่าที่ควร เพราะต้นธารเครียดและสับสนมานาน ทั้งเรื่องงาน เรื่องพินัยกรรม เรื่องเอกสารที่หายไป และความรู้สึกที่อาจจะเป็น ‘การหึงหวง’ที่เริ่มแทรกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว มันทำให้ต้นธารตั้งตัวไม่ทัน

 

พลอยมุกได้ฟังคำที่ดูไม่มั่นใจเช่นนั้น ก็มองเขาด้วยสายตาเศร้า “งั้นทำไมต้องจับตามองทุกฝีก้าวแบบนี้คะ? ฉันทำอะไรผิด? ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าฉันควรอยู่ที่นี่ต่อไปไหม เพราะไม่ว่าฉันจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร คุณก็ดูเหมือนจะไม่ไว้ใจ ไม่เปิดใจให้ฉันเลย”

 

ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้จะตอบยังไง เขารู้สึกแย่ที่ทำให้พลอยมุกเสียใจ ยิ่งมองใบหน้าพริ้มเพราะเต็มไปด้วยความปวดใจและอารมณ์ซับซ้อนอันน่าอึดอัด เขาต้องพูดอะไรออกไป แต่ยังถูกกดดันจากความสับสนในหัวใจ “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอรู้สึกแบบนั้น…”

 

ต้นธารถอนหายใจยาว ใบหน้าหล่อเหลาจ้องหน้าของพลอยมุกเขม็งราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามามันหนักจนเขาไม่รู้ว่าควรจะจัดการมันอย่างไร เขาเกลียดความซับซ้อนแบบนี้ที่สุด แต่ไม่อยากให้เธอต้องเข้าใจเขาผิดไป ความเครียดที่ก่อตัวหนักทำให้คำพูดของเขายิ่งแข็งกระด้างขึ้น “แต่ว่าเรื่องที่เธอทำในห้องสมุด..เรื่องที่เอกสารเกี่ยวกับมรดกของพ่อหายไป เรื่องที่เธอแอบไปคุยโทรศัพท์…เธอไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?”

 

พลอยมุกวางจานขนมปังลงบนที่นั่งไม้ในศาลา ไม่มีอารมณ์ที่จะกินมันอีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืน มองเขาด้วยสายตาแปลกใจ แสดงท่าทีองอาจอวดดีใส่ต้นธาร เพราะรอบนี้เธอจะเอาจริง เขาผิดแท้ ๆ แต่กลับยังมาถามคำถามคาดโทษเธอ “เรื่องที่ห้องสมุด และเรื่องที่คุยโทรศัพท์ ฉันกำลังทำบางอย่างให้คุณค่ะ สาบานด้วยใจจริง ว่ามันเป็นเรื่องที่ฉันทำ เพื่อคุณคนเดียว มันเป็นเรื่องดีแน่นอน..เพียงแต่ฉันยังบอกคุณตอนนี้ไม่ได้ ช่วยเชื่อฉันในเรื่องนี้ด้วย ถึงคุณจะไม่ไว้ใจฉันก็ตาม..”

 

“…”

 

“แล้วก็นะ คุณนี่เหลือเกินจริง ๆ เรื่องเอกสารที่หายไป ทำไมคุณถึงไม่บอกฉันแต่แรก? มันเป็นเรื่องสำคัญแต่คุณกลับไม่ถาม แล้วพาลมาไม่ไว้ใจฉันเนี่ยนะ ถามจริง? ถามดี ๆ ก็ได้ จะมาโทษฉันทำไม?” 

 

ต้นธารยังคงสีหน้าเย็นชา และกอดอก ไม่ตอบอะไรเธอ บอกตามตรงว่าพลอยมุกหมดความอดทนสุด ๆ ถ้าไม่ติดว่าไอ้บ้านี่เป็นลูกไพลิน เธออาจจะด่าเขาไปชุดใหญ่กว่านี้ เอาซะให้ลืมทางกลับบ้านไม่ได้เลย

 

“นี่คุณ! ฉันไม่โอเคนะ คุณเอาแต่ใจเกินไปแล้ว! คิดว่าทุกอย่างต้องเป็นแบบที่คุณคิดตลอดเลยหรือไง?”

 

ต้นธารไม่รอช้า เมื่อรู้สึกว่าโดนแว้ด เขาก็สวนกลับมาทันที “ก็เธอเล่นทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วไปติดต่อกับคนที่ดูไว้ใจไม่ได้ที่มหา’ลัยอีก เธอคิดว่าฉันจะไม่ระแวงเหรอ? คนอย่างเธอจะไปรู้อะไร ว่าฉันต้องแบกรับอะไรบ้าง?”

 

พลอยมุกตาลุกวาวขึ้นทันทีด้วยความโกรธ เธอถลึงตาใส่เขา หัวคิ้วงามย่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ “คุณคิดว่าคุณรู้ทุกอย่างในโลกรึไงคะ? ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าขอโทษคต้องสะกดยังไง” ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่นสนิท ใบหน้าแดงปลั่งยิ่งขึ้นด้วยความโมโห “คุณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปแล้วนะ! ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมคุณต้องคอยอ้างว่าคุณต้องแบกรับอะไรบ้าง อ้างให้ทุกอย่างเป็นไปตามสิ่งที่คุณปรารถนา”

 

ต้นธารคำรามเบา ๆ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้ามาใกล้พลอยมุก “ดีกว่ามองโลกในแง่ดีเกินไปอย่างเธอ หลงเชื่ออะไรทุกอย่างง่าย ๆ ไปเสียหมด” ใบหน้าองอาจของเขาคลี่ยิ้ม สีหน้าเย็นชาชวนให้ใจของเธอสั่นสะท้าน  “แต่การที่เธอชอบฝันกลางวันมันก็มีข้อดีนะ เพราะเธอจะได้ไม่รู้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา โลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด”

 

ขณะกองไฟจะถูกน้ำมันราดจนเผาทุกอย่างวอดวายหมด เพราะทั้งเขาและเธอต่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกันรุนแรงไปมากกว่านี้ อิทธิกรที่รีบร้อนวิ่งเข้ามาขัดจังหวะพอดี เขายกมือขึ้นปราม เป็นสัญญาณบอกให้ทั้งต้นธารและพลอยมุกหยุดทะเลาะกันก่อน ทำให้ทั้งสองหยุดเถียงกัน อิทธิกรหอบหายใจเพราะวิ่งมาจากห้องควบคุมกล้องวงจรปิดของบ้านหลังนี้ ที่ไกลจากตรงนี้พอสมควร

 

เพราะตั้งแต่ต้นธารเรียกเขามา เขาก็ให้รปภ.ช่วยดูในสิ่งที่ต้นธารไม่ได้สังเกตเห็น และใช้เวลาในการเรียบเรียงความเป็นไปได้ หาหลักฐาน เพื่อมายืนยันความบริสุทธิ์ให้พลอยมุก เพราะต้นธารสงสัยพลอยมุกแต่ไม่มีหลักฐานยืนยันนั่นเอง ว่าเธอเป็นคนเอาเอกสารไป อิทธิกรพยายามเรียบเรียงคำพูด แต่ยังคงเหนื่อยอยู่ ทำให้ทั้งต้นธารและพลอยมุกมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย กับความรีบร้อนของพี่ชายคนนี้

 

“ต้น พลอย พี่รู้แล้วว่าเอกสารที่หายไป มัน-” แต่ไม่ทันที่อิทธิกรจะอธิบายจบ เสียงเอะอะโวยวายของคนหลายคนก็ดังขึ้นจากทางเดินมาที่นี่ ทั้งสามคนหันไปมองที่มาของเสียงพร้อมกันเป็นตาเดียว ก็เห็นว่าเหล่าแม่บ้านและรปภ.กำลังพยายามห้ามไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามา

 

“ไม่ได้นะคะ ออกไปเถอะค่ะ คุณต้นธารต้องไม่พอใจแน่นอนค่ะ!!” เป็นเสียงของนางที่ตะโกนขึ้นมา

 

คน ๆ นั้น ก้าวมาในสวนอย่างไม่สนใจการห้ามปรามของใครคนไหน เมื่อต้นธารมองเห็นภาพตรงหน้าก็ขมวดคิ้วและกำหมัดแน่น ความโกรธที่เขาไม่อาจสะกดได้กำลังผสมปนเปอยู่ในดวงตาของเขา ชายอายุ 50 ต้น ๆ  ร่างสูงส่งสง่างามราว 188 เซนติเมตร มาพร้อมชุดสูทสีเข้มที่พอดีเข้ากับรูปร่าง เสียงรองเท้าหนังเคาะตามพื้นทางเดินไม้ ส่งผลให้ความอึดอัดกระจายตัวแผ่ไปทั่วทั้งสวนหลังบ้าน พชระ ปรากฏตัวขึ้นโดยไร้ซึ่งการขัดขวางอีกต่อไป เมื่อก้าวมาถึงตรงหน้าต้นธาร รอยยิ้มบนใบหน้าคมเข้มของพชระดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความร้ายกาจและเยาะเย้ย ราวกับเป็นคนที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างไว้ในกำมือโดยไม่มีใครอนุญาต 

 

สายตาคมค่อย ๆ กวาดมองรอบตัว ก่อนจะหยุดสายตาไปที่ร่างสูงเพรียวที่กำลังส่งกระแสโทสะออกมาราวกับเปลวไฟรอบตัว พชระสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตของต้นธารที่พุ่งเข้ามาสู่ตัวเขา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หลานชาย” เสียงทุ้มลึกของเขาฟังดูเจือไปด้วยความขัดแย้ง “แหม…โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วนี่ แถมเหมือนพี่ไพลินเป๊ะ ถอดแบบกันมาอย่างกับแกะ” 

ต้นธารกัดฟันแน่น เขารู้สึกว่าความสามารถในการควบคุมตนเองใกล้ถึงจุดวิกฤตแล้ว เขายืนตัวตรง พร้อมจะปะทะคนตรงหน้าทันที “มึงมาทำอะไรที่นี่?” น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังที่พยายามกดไว้ในอก

 

พชระหัวเราะเบา ๆ ขณะเดินขยับเข้ามาอย่างช้า ๆ ท่าทางมั่นใจและเต็มไปด้วยบารมีเยือกเย็นชวนอึดอัด “ก็แค่แวะมาทักทายหลานชายคนเดียวสุดที่รักของฉัน ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นและพูดไม่เพราะขนาดนี้กับอาเลยนี่นา” สายตาลึกคมจ้องมองต้นธารราวกำลังวิเคราะห์ความรู้สึกในใจหลานชาย แล้วสายตาเยือกเย็นของพชระก็เลื่อนไปที่พลอยมุกที่ยืนซ้อนระหว่างต้นธารและอิทธิกร เขาเอียงคอเล็กน้อย พลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “โอ๊ะโอ!.. แล้วนี่ใครกันนะ? สาวสวยคนนี้มาจากไหนล่ะ?” น้ำเสียงของพชระเต็มไปด้วยความหยอกล้อ ท้าทาย ท่าทางเขาราวกับนักล่าที่พบเหยื่อใหม่

 

ต้นธารเห็นแบบนั้นก็รีบใช้มือจับดึงพลอยมุกเข้ามาหลบที่หลังของตัวเองทันที ฝ่ามือใหญ่กว้างบีบมือนุ่มของพลอยมุกแน่นเหมือนกับคีมล็อค ต้นธารมองส่งสัญญาณให้อิทธิกร ว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไร และเขาจะจัดการสถานการณ์ตรงหน้าได้ 

 

“อย่ามายุ่งกับเธอ มึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ไอ้ระยำ!!” ต้นธารตะคอกเสียงแข็ง ทำตาขวาง นัยน์ตาสีนิลที่ดูคล้ายลุ่มลึกสุดหยุ่งประกายเหี้ยมเกรียมเพิ่มขึ้นมา ทำให้บรรยากาศรอบตัวทุกคนตกอยู่ในความอึดอัดทวีคูณมากขึ้น จนชวนให้หายใจไม่ออก ต้นธารโกรธเสียจนสามารถฆ่าคนตรงหน้าได้ตอนนี้ ความขุ่นมัวที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ ความเจ็บปวดจากอดีตยังคงทิ่มแทงใจเขาทุกครั้งที่เห็นหน้าผู้เป็นอาคนนี้

 

พชระหัวเราะเบา ๆ จ้องมองต้นธาร ส่งรอยยิ้มเย็นชาให้ “บ้านหลังนี้เป็นของแก...ที่แกไม่เคยอยากได้มาตั้งแต่แรกนี่นะ แต่ถ้าใครให้อะไรที่มีค่า เป็นใคร ใครก็คงต้องเอาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะบ้าน ชื่อเสียง เงินทอง อำนาจ” 

 

รัศมีความกดดันจากพชระทำให้ทุกอย่างเงียบงัน และในขณะนั้นเองอิทธิกรก็พยายามจะขัดบรรยากาศตรงหน้า “คุณเพชร ผมว่าคุณควรกลับได้แล้วนะครับ เชิญครับ ไม่งั้นผมต้องขออนุญาตโทร.แจ้งตำรวจ ถ้าคุณไม่ออกไปแม้พวกเราจะพยายามเจรจากับคุณดีแล้วก็ตาม” อิทธิกรพยายามคลี่ยิ้ม ดวงหน้าหล่อเหลาแฝงกลิ่นอายมาร เขาพยายามอดทน เพราะเขาไม่ยอมให้พชระมาแตะต้องน้องชายและน้องสาวที่แสนมีค่าของเขา

 

แต่พชระไม่สนใจใครหน้าไหนนอกจากต้นธาร “ถ้าจะหวงอะไรมากขนาดนี้ จะหวงผู้หญิง หรือหวงบ้านหลังนี้ก็ตามแต่…” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินหันหลังออกไป พร้อมกับไม่ลืมจะทิ้งท้ายคำพูดแสนเจ็บแสบไว้ “ก็พิสูจน์ตัวเองให้เหมาะสมกับที่ได้มันมาอย่างง่ายดายแล้วกันนะ หลานรัก”

 

“เดี๋ยวทุกคนมาคุยกับผมหน่อยนะครับ” อิทธิกรพูดกับเหล่าแม่บ้านและรปภ. ก่อนจะหันหน้ามามองต้นธารอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพยักหน้าให้ และเดินไปพร้อมคนอื่น 

ร่างสูงของพชระค่อย ๆ เลือนหายไป พร้อมกับอิทธิกรที่เดินกับบรรดาแม่บ้าน แต่บรรยากาศในสวนยังคงตึงเครียด และดูเหมือนว่าไฟความโกรธของต้นธารจะยังคงไม่มอดดับลงไปง่าย ๆ พลอยมุกยังคงยืนอยู่หลังต้นธาร แต่รับรู้ได้ถึงอาการสั่น ของมือที่จับเธอไว้แน่น ราวกับว่าเขาพยายามจะปกป้องเธอ จากสิ่งที่เขาเกลียดและกลัวที่สุด 

 

จริงอยู่ที่ความแข็งกร้าวและความโกรธที่ต้นธารแสดงออกไปเมื่อครู่มันรุนแรง และน่ากลัว พลอยมุกที่ได้แต่จ้องเสี้ยวด้านข้างของเขาก็ตื่นตะลึง แม้จะถูกย้ายมาจนมองเห็นแค่แผ่นหลังกว้างของเขา เธอก็ยังสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นของเขา แต่บัดนี้มันกลับกลายเป็นความอ่อนแอที่ต้นธารพยายามซ่อนไว้ แต่ไม่อาจปิดบังได้จากสัมผัสที่เธอรู้สึกผ่านมือของเขา

 

พลอยมุกค่อย ๆ ดึงมือของเธอออกจากต้นธาร ร่างเล็กขยับ เดินอ้อมมาข้างหน้า สายตาคู่สวยทอประกายมองใบหน้าของต้นธารที่ยังคงเคร่งเครียดและเงียบขรึม เธอเห็นเหงื่อเล็ก ๆ บนหน้าผาก และแววตาที่สะท้อนความขุ่นมัวระคนหวาดกลัว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน สัมผัสจากมือของเขาก่อนหน้านี้ที่กุมมือเธอมันทั้งสั่นและเต็มไปด้วยความกดดัน พลอยมุกค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองข้างเอื้อมไปจับมือของต้นธารไว้ทั้งสองข้างเช่นกัน มือน้อย เรียวบาง เหมือนของสัตว์ตัวเล็กบีบมือของต้นธารเบา ๆ ราวกับว่าจะส่งสัญญาณให้เขาได้รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้ และเขาไม่ได้อยู่ลำพัง เธอรู้ว่าไม่สามารถพูดอะไรในตอนนี้ได้ ทำได้เพียงส่งพลังใจผ่านสัมผัสที่อบอุ่น สัมผัสเบาสบายของเธอทำเพื่อให้เขารับรู้ถึงการสนับสนุนและความห่วงใยที่เธอมีให้

 

สายตาของต้นธารที่เหม่อมองไปตามพชระ กลับมาสบตากลับพลอยมุก ในแววตาของเขามีทั้งความเจ็บปวด และความรู้สึกผิดที่ไม่อาจปิดบังได้ เพราะก่อนหน้านี้เขาใจร้าย โทษเธอทุกอย่าง และไม่ฟังเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอกำลังปลอบโยนเขา ทั้งที่เขาไม่ได้เอ่ยคำขอโทษกับเธอด้วยซ้ำ

 

น่าสมเพช น่าสมเพชสิ้นดี ต้นธาร 

 

พลอยมุกรู้ดี เพียงแค่ได้สบสายตาดำเข้ม ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ที่เธอต้องทำคือแค่ส่งความเข้าใจให้เขา เพราะเธอรู้ว่ามันยากลำบาก และเจ็บปวดแค่ไหน และนี่คือสิ่งที่เหมือนกับคราวที่ไพลินเคยปลอบโยนเธอให้ผ่านมันมาก่อน ดังนั้นมันไม่ยากเลย ที่เธอจะทำมันกับต้นธาร คนที่มีค่าสำหรับไพลิน คน ๆ นี้ ที่เธอต้องปกป้อง

 

“ไม่เป็นไรนะคะ” พลอยมุกพูดเบา ๆ น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ทว่ามั่นคง “ฉันอยู่ตรงนี้” 

 

ต้นธารพยายามเบือนหน้าหลบเล็กน้อย เขายังคงละอายใจ และพยายามเก็บอารมณ์ เขาไม่อยากอ่อนแอในตอนนี้เลย เขาควรจะเป็นที่พึ่งพึงให้กับพลอยมุก ไม่ใช่มาพึ่งพาเธอแบบนี้ แม้จะเป็นอย่างตอนนี้ แต่ต้นธารก็รู้สึกขอบคุณที่มีพลอยมุกอยู่ข้าง ๆ ในช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถควบคุมความโกรธและความกลัวของตัวเองได้ บางทีถ้าไม่มีพลอยมุกอยู่ด้วย เขาคงฆ่าพชระไปแล้ว

 

“ไม่ต้องฝืนนะคะ ถ้ายังไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร..แต่ถ้าไม่ไหว ก็อย่าเก็บมันไว้คนเดียวนะคะ” พลอยมุกพูดต่อ ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบา ๆ ที่มือของต้นธาร คำพูดและสัมผัสของเธอนุ่มนวลราวกับสายลมที่พัดมาปลอบใจ เธอปล่อยให้เขารู้สึกถึงการปลอบโยนโดยไม่พยายามกดดันให้เขาพูดอะไรออกมา

 

ต้นธารถอนหายใจยาว รู้สึกถึงไออุ่นจากเธอ แม้มันไม่อาจทำให้สิ่งที่เกาะกุมหัวใจเขาหลุดไปได้ กำแพงอดีตที่แน่นหนา สูงใหญ่ และแข็งแรง ไม่อาจทลายลงได้ ทว่าความอบอุ่นของพลอยมุกก็ช่วยให้เขาสงบลงได้ มือที่สั่นค่อย ๆ หายไป แม้จะยังไม่สามารถพูดออกมาหรือปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดได้ในตอนนี้ แต่การที่เธออยู่ตรงนี้ พลอยมุกทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ต้องแบกรับมันเพียงลำพัง