วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ - บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม โดย นฤชกร @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม,หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ชาย-หญิง,ครอบครัว,สะท้อนปัญหาสังคม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

หึงแรง,โรแมนซ์,ชีวิตประจำวัน,อบอุ่นหัวใจ,จบแฮปปี้,ดราม่า

รายละเอียด

วังวนของความเข้าใจผิดและปมแค้นในอดีต นำพาให้เขาและเธอต้องมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ในเกมความรู้สึกครั้งนี้ หัวใจที่แข็งกระด้างจะค่อย ๆ อ่อนลง หรือจะถูกปิดกั้นด้วยกำแพงแห่งอดีตตลอดไป?

ผู้แต่ง

นฤชกร

เรื่องย่อ

เมื่อหัวใจที่เต็มไปด้วยความแค้น ต้องเผชิญหน้ากับความรักที่ไม่คาดคิด

‘ต้นธาร’ ชายหนุ่มผู้ที่เฝ้าสะสมความเกลียดชังที่เขามีต่อพ่อมาตลอดชีวิต 

ต้องกลับมาที่เมืองไทยเพื่อจัดการเรื่องพินัยกรรมหลังการตายของ ‘ไพลิน’ ผู้เป็นพ่อ

ทำให้เขาได้พบกับ ‘พลอยมุก’ หญิงสาวปริศนาที่มักจะมายืนที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวและเธอนั้นมีน้ำตาร่วงลงมาในทุก ๆ ครั้ง ที่เขาพบเธอ

แต่แท้จริงแล้วเธอคือใครกันแน่? ทำไมเธอจึงร้องไห้กับการสูญเสียครั้งนี้ 

และทำไมเธอถึงสำคัญกับพ่อของเขามากขนาดนี้?

ในระหว่างที่ต้นธารเฝ้ามองและจ้องจะจับผิด

 พลอยมุกกลับเผยให้เขาได้เห็นความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดและมันส่งผลต่อความเชื่อของเขาที่เคยมีมาตลอด

ความจริงที่ทำให้หัวใจที่เย็นชาของเขาเริ่มสั่นไหวและความแค้นที่เคยหล่อเลี้ยงหัวใจ

ที่ผลักดันให้เขาต้องกลายเป็นคนแบบนี้ กลับค่อย ๆ จางหายไปในความอบอุ่นที่พลอยมุกมอบมาให้

ต้นธารจะยอมให้หัวใจที่คั่งแค้นถูกพิทักษ์ไว้ด้วยความรัก หรือจะปล่อยให้มันทำลายทั้งตัวเขาและคนที่เขาเพิ่งเริ่มต้นที่จะรัก?

 

********************

นางเอก

พลอยมุก ปราเมศ / พลอย (21)

นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ รักศิลปะพอ ๆ กับที่รักแมว มีพลังบวกที่ไม่ว่าใครต้องยอมแพ้ 

สดใสราวกับแสงแดดยามเช้าในวันที่อากาศดี เป็นคนที่พร้อมจะยิ้มและหัวเราะ แม้ในวันที่โลกกำลังแตกสลาย

 สาวน้อยที่อบอุ่น คนที่มีความสามารถที่จะทำให้คนอื่นอารมณ์ดี และอ่อนลงได้ราวกับมีเวทมนตร์

ถึงจะดูเหมือนมองโลกในแง่ดีเกินไป และคิดบวกกับทุกอย่างแต่คนอย่างพลอยมุกก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

 

“คิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างในโลกรึไงคะ? ทั้งที่คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำว่าขอโทษต้องสะกดยังไง”

 

พระเอก

ต้นธาร (เพทาย) รัตนากร / ต้นธาร,ต้น (28)

เชฟและนักธุรกิจสุดฮอต ที่หมายถึงเหมือนกับกำลังอยู่ในนรก มีเสน่ห์ ดึงดูดคนมาก แต่ก็เข้มงวดเบอร์หนึ่ง 

จริงจังกับชีวิต ชอบวางแผนทุกอย่างเป๊ะ เหมือนโลกจะล่มสลายถ้าเขาไม่ได้ควบคุมทุกอย่างไว้ในมือ 

เป็นเสือยิ้มยาก เงียบขรึม แต่พอด่าใครด่าเอาตาย กัดเจ็บจนเลือดสาด คนโดนกัดจะเจ็บเหมือนโดนหมาซอมบี้กัด 

ปากแซ่บธงแดงแปร๊ดดดดดดดด  ไว้ใจคนยากและกลัวความรักชนิดที่เห็นจากระยะ 800 เมตร ก็พร้อมจะปิดประตูใส่

 

“การที่เธอชอบฝันกลางวันก็มีข้อดีนะ เพราะเธอจะได้ไม่รู้ว่าตอนที่ตื่นขึ้นมา โลกแห่งความจริงมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เธอคิด”

 

********************

 

Trigger Warning :  Physical abuse-การทำร้ายร่างกาย, Mental Abuse-การทำร้ายจิตใจ, Attempted murder-การพยายามฆ่า

การเตือนด้านบนไม่ใช่สิ่งที่พระเอกทำกับนางเอกค่ะ และถ้ามีนอกจากนี้ จะเตือนไว้ในบทแต่ละบทค่ะ

 

นิยายเรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้แต่ง เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้น 

สถานที่ องค์กร ฉาก บุคคล ฉาก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ได้มีอยู่จริง

สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่และเหตุการณ์ในเรื่องเป็นเรื่องสมมติ

มิได้มีเจตนาพาดพิงถึงองค์กร วิชาชีพ หรือบุคคลใด ๆ 

 

ช่องทางติดต่อดำเกิง : Twitter(X)

 

สารบัญ

Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 1 การสูญเสียที่ไม่ได้รับการให้อภัย,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 2 เพลิงแค้นท่ามกลางลิลลี่แห่งรัก,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 3 สะพานแห่งการตัดสินใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 4 ใต้เงาความไม่ไว้ใจ,Accidentally in Love ให้รักพิทักษ์หัวใจ-บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม

เนื้อหา

บทที่ 5 ละลายพฤติกรรม

ภายในสวนหลังบ้าน ต้นธารยังคงอยู่ใกล้พลอยมุก แม้ไม่มีคำพูดใด ๆ ออกมา เพราะความเครียดหลังการเผชิญหน้ากับพชระยังคงอยู่ แต่เมื่อได้รับคำพูดปลอบโยน การพยายามทำความเข้าใจเขาโดยไม่บังคับกดดันของพลอยมุก และเมื่อเธอจับมือเขาเบา ๆ ก็ทำให้ความเย็นชาของต้นธารเริ่มสลายไปทีละน้อย เขาแลมองดวงหน้างามน่ารักที่คราวนี้มองสบตาเขาด้วยแววตาที่แสดงถึงความห่วงใย 

 

“มันจะผ่านไปนะคะ คุณจะไม่เป็นอะไร” เธอพูด สุ้มเสียงแผ่วเบาดุจกิ่งหลิวพลิ้วไหว พลางบีบมือเขาให้กำลังใจ ความอบอุ่นจากสัมผัสทำให้ต้นธารรู้สึกใจเย็นขึ้น สัมผัสที่ละลายความขึ้งเครียดให้มลายหายไป ราวกับว่าเธอช่วยพยุงความหนักอึ้งออกจากสมองของเขา 

ชั่วขณะนั้น ความซาบซึ้งใจ และครั่นคร้ามสายหนึ่งได้เข้ามาเกาะกุมหัวใจของต้นธาร ความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบายเป็นคำพูดราวสายฟ้าฟาดลงมากลางใจที่นิ่งสงบตลอดมาของเขา มือหนาใหญ่ยกขึ้นสัมผัสที่พวงแก้มเนียนแผ่วเบา แต่ยังไม่ปล่อยมืออีกข้างที่ยังจับมือพลอยมุกไว้

 

“ฉันขอโทษนะ ที่สงสัยเธอ และพูดกับเธอไม่ดี ทุกเรื่องที่ทำกับเธอ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววทะนุถนอมกล่าว ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แล้วก็ขอบคุณนะ ที่เธออยู่ข้าง ๆ ฉัน ในเวลาแบบนี้..ฉันขอบคุณจากใจจริง”

 

พลอยมุกไม่ได้ตอบอะไร เธอผงกศีรษะเล็กน้อย เพื่อบอกว่าเธอให้อภัยเขา และเข้าใจเขา ทั้งสองเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง มองจ้องตากันราวกับเวลาหยุดหมุนไป ลำแสงสีทองของแดดกระพริบระยับสะท้อนกายทั้งสอง สายลมแผ่วเบาโชยพัดมา ชวนให้หัวใจของคนทั้งคู่สั่นไหว

 

ทันใดนั้นเอง “อะแฮ่ม!!!” เสียงหนึ่งขัดขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ทั้งต้นธารและพลอยมุกหันไปมองอย่างตกใจ พบว่าเป็นชัช คนขับรถที่ยืนอยู่พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “คุณกรให้ผมมาตามคุณต้นครับ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะต้องไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่น” พูดจบก็ยิ้มกวน ๆ “แต่เอ… ดูท่าทางตรงนี้น่าจะมีเรื่องสำคัญสำหรับคุณต้นมากกว่านะครับ” คำพูดแซวนั้นทำให้พลอยมุกและต้นธารปล่อยมือจากกันอย่างรวดเร็ว

 

ต้นธารที่ปกติจะวางตัวเงียบขรึม และควบคุมสถานการณ์ได้ดี กลับไปไม่เป็นทันทีเมื่อเจอแซวตรง ๆ แบบนี้ “เอ่อ..ไปกันเถอะ” เขาพูดพลางพยายามจัดเสื้อผ้าของตนให้ดูเรียบร้อยขึ้น แม้มันจะเป็นสเวตเตอร์ที่ไม่ต้องจัดอะไรก็ตาม “เธอ..อยากไปด้วยกันไหม?” เสียงทุ้มถามพลอยมุกด้วยท่าทีที่พยายามจะเก็บอาการ

 

หญิงสาวที่กำลังเดินกลับไปนั่งที่ศาลาอย่างเนียน ๆ สะดุ้งเล็กน้อย รีบโบกมือและส่ายหัวปฏิเสธอย่างเขินอาย เธอพยายามไม่สบตาเขาและก้มหน้าลงซุกซ่อนใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงของตนพลางตะกุกตะกัก “ไม่ค่ะ..ฉันจะกินขนมปังของคุณที่สวนนี่แหละค่ะ คุณอุตส่าห์อบมาให้” เธอยิ้มบาง ๆ แต่ในใจกลับเต้นแรง รู้สึกราวใจดวงนี้กำลังเต้นผิดจังหวะ

 

ต้นธารแอบยิ้มมุมปาก “อืม โอเค ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ตามใจ” พูดจบร่างสูงก็หันหลังเดินตามชัชไป

 

“อ๋อ ขนมปังก็ฝีมือคุณต้นสินะครับ ถึงว่าทำไมคุณพลอยดูชอบจัง” ชัชพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ “ไม่ได้หมายถึงขนมปังนะครับ หมายถึงชอบคนทำ—” คำพูดถูกกลืนหายไปเพราะสัมผัสได้ถึงรังสีบางอย่างจากผู้เป็นเจ้านาย คนเล่นเกินเรื่องต้องสะดุ้งเมื่อถูกสายตาคมตวัดมามองค้อนอย่างเย็นชา มันช่างต่างจากแววตาที่ต้นธารมองพลอยมุกเมื่อครู่เสียเหลือเกิน

 

“ถ้าพูดเรื่องพลอยอีกล่ะก็ ฉันจะหักเงินเดือนนาย” ถึงจะชัชเสียงแข็ง แต่ร่างสูงก็หันไปมองพลอยมุกที่กำลังกินขนมปังฟอคคาเซีย แม้ว่ามันจะเย็นหมดแล้ว ดวงตาดำขลับยิ่งทวีความลึกซึ้งเพียงเสี้ยววินาทีนั้น เมื่อเห็นว่าเธอดูชอบ จริง ๆ และแอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าทางเขินอายของยัยแฮมสเตอร์น้อยที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะหันหน้ากลับไป ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ไม่อยากให้ชัชจับได้

 

ชัชที่สังเกตเห็นท่าทีของต้นธารที่เปลี่ยนไป ก็อดไม่ได้ที่จะระบายรอยยิ้มออกมา “อารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะครับคุณต้น”

 

ต้นธารเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาต้องสนใจเรื่องที่สำคัญกว่า “ชัช..แล้วเรื่องที่พี่กรเขาจะคุยนี่เรื่องอะไร ลองเล่าให้ฉันฟังคร่าว ๆ หน่อย” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉยและมั่นคง

ชัชเกาหัวเล็กน้อยแล้วตอบ “คุณกรบอกว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับเอกสารที่หายไปครับ ท่าทางเขาจะรู้เบาะแสบางอย่างแล้ว และเน้นว่า ให้ เล็ก โอ๋ ปราง ต้องไปที่ห้องนั่งเล่นให้ครบทุกคนครับ”

 

ต้นธารพยักหน้ารับ ในใจรู้สึกถึงความหนักอึ้ง ชื่อแม่บ้านสามคน ที่ต้นธารจำได้ว่าเป็นแม่บ้านที่เข้ามาทำงานในบ้านนี้เกือบ 4 ปีได้ แม้จะรู้สึกว่าทำไมอิทธิกรไม่บอกเขาให้เร็วกว่านี้ แต่ถ้าต้นธารพยายามเชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่เอกสารหายไป เขาไปดูกล้องวงจรปิดแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ นอกจากแม่บ้านคนหนึ่งที่เข้าไปทำความสะอาดเท่านั้น แต่เธอไม่ได้มีชื่อในสามคนนี้ แสดงว่าอิทธิกรรู้อะไรที่เขาไม่รู้

 

“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดมากครับ แต่จากที่เห็นท่าทีคุณกร และคุยกับพวกพี่รปภ. ดูเหมือนคุณกรจะสังเกตพฤติกรรมแม่บ้าน เขาเลยคิดว่ามีคนในบ้านร่วมมือกับคนนอกเพื่อขโมยเอกสารไปครับ” ชัชพยายามให้ข้อมูลคร่าว ๆ 

 

ต้นธารขมวดคิ้ว สีหน้าเริ่มเคร่งขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แสดงว่าพี่กรมีหลักฐานเอาผิดแล้วสินะ เขาถึงเรียกฉันไปคุย และเรียกแม่บ้านทุกคนไป”

 

“ตอนนี้คงมีมากพอให้ได้คุยแล้วล่ะครับ” สิ้นคำพูดของชัชทั้งสองก็มายืนอยู่ที่ประตูเข้าบ้านพอดี

 

ต้นธารหยุกเดินชั่วครู่ สายตาคมกวาดมองบริเวณโถงหน้าบ้าน ก่อนพยักหน้ารับสิ่งที่ชัชพูด “ถ้ามีคนในบ้านทรยศจริง ๆ พวกนั้นต้องได้รับผลที่ทำผิดอย่างสาสม” เสียงทุ้มของเขามีร่องรอยสะกดกลั้นอารมณ์ ทั้งเย็นชาและเด็ดขาด และตอนนี้ต้นธารพร้อมแล้วที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่รออยู่ในห้องนั่งเล่น

 

ทันทีที่ร่างสูงเพรียวเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทีเคร่งขรึม ดวงตาดุดันเหมือนจะฆ่าคนได้จับจ้องไปยังกลุ่มแม่บ้าน พ่อบ้าน รปภ. และคนขับรถ ที่พากันยืนอยู่ก่อนแล้วในห้องนั่งเล่น พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากที่ตึงเครียดอยู่แล้ว แต่เมื่อต้นธารก้าวเข้ามา ราวกับว่าอากาศในห้องถูกดูดออกไปจนเหลือเพียงความอึดอัดและความเงียบที่กดทับ

 

ห้องนั่งเล่นที่เคยเป็นสถานที่พักผ่อนกลับกลายเป็นลานประหารในสายตาของทุกคนที่อยู่ภายใน แสงไฟที่ส่องผ่านกระจกบานใหญ่ด้านข้างกลับดูเย็นชาและไม่มีชีวิตชีวา พาให้บรรยากาศหนักอึ้งยิ่งขึ้น อิทธิกรที่ยืนนิ่งเมื่อต้นธารมาหยุดใกล้ ๆ เขากระซิบข้างหูต้นธาร “คนที่เอาเอกสารไปอยู่ตรงนั้น ช่วยกันทั้งสามคน ลองสังเกตดูสิ” ดวงตาของอิทธิกรนิ่งจนดูน่ากลัว แม้คนอื่นจะไม่ได้ยินสิ่งที่ทนายหนุ่มพูด แต่ก็รู้สึกถึงแรงกดดันได้อย่างชัดเจน

 

ต้นธารพยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเขาค่อย ๆ เลื่อนไปจ้องมองที่แม่บ้านทั้งสามคนที่ยืนเด่นอยู่กลางวง—เล็ก, โอ๋ และปราง—ที่ต่างพากันยืนก้มหน้า หายใจไม่ทั่วท้อง แม้พยายามจะเก็บอาการ แต่พวกเธอเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว บรรยากาศรอบตัวพวกเธอคล้ายกับว่ากำลังจะถูกจับผิดในทุกลมหายใจที่พวกเธอทำ

 

“พี่กรมั่นใจใช่ไหม?” ต้นธารถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ ยังคงกระซิบกับอิทธิกร แต่สายตาเฉียบคมของเขาตรึงพวกแม่บ้านต้องสงสัย และทุกคนในห้องให้รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ต่อหน้าผู้พิพากษา อิทธิกรเองก็ไม่ละสายตาจากเป้าหมาย พวกเขายืนเคียงข้างกัน แม้คนหนึ่งจะเป็นชายหนุ่มที่ดูเย็นชาแต่ก็มีความอ่อนโยน กับอีกคนหนึ่งที่จริงจังแต่อบอุ่น ดูเหมือนจะไม่เข้ากันสักนิด แต่ทั้งสองคนในตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเขาเป็นเสาหลักที่ไม่อาจโค่นล้มลงได้

 

“เกิน 100% พี่มั่นใจว่าพวกเธอทำงานให้คุณเพชร” 

 

เมื่อได้ยินชื่อพชระ ต้นธารก็ส่งเสียง เหอะ ออกมาทันที ความขุ่นเคืองสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน กระแสโทสะที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ทุกคนในห้องล้วนหลั่งเหงื่อเย็นออกมาไม่ขาดสาย ร่างสูงก้าวไปข้างหน้า หยุดยืนตรงกลางห้องต่อหน้าแม่บ้านทั้งสามคนที่ยังคงก้มหน้าด้วยความกดดัน เสียงหัวใจของพวกเธอเต้นแรงจนแทบจะได้ยินท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมไปทั่ว

 

“จะพูดอะไรซักหน่อยไหม?” ต้นธารถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเย็น รังสีเย็นยะเยียบดุดันแผ่ซ่านขึ้นอย่างแรงกล้า ส่งผลให้หัวใจของพวกเธอกระตุกวูบ สายตาของเขาหนักแน่นจนพวกเธอแทบจะกลั้นลมหายใจ ทุกคนรู้ดีว่านี่คือช่วงเวลาที่จะตัดสินทุกอย่าง การชี้ชะตาของการเลือกทางที่ผิดพลาด ทรยศผู้เป็นนาย—พวกเขาทั้งหมดจะไม่สามารถหนีความจริงได้อีกต่อไป

 

ท่ามกลางบรรยากาศกดดันกดดันที่เหมือนบีบให้ห้องนั่งเล่นหดเล็กลงขึ้นทุกวินาที แม่บ้านทั้งสามมองหน้ากัน พยายามกลั้นน้ำตาและความกลัวที่แทบจะทนไม่ไหว ปรางที่ดูจะเป็นคนอ่อนแอที่สุดเริ่มพูดออกมาเป็นคนแรก น้ำเสียงสั่นเครือ “คุณต้นธารคะ…พวกเราขอโทษจริง ๆ พวกเราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนี้ แต่พวกเราได้เข้ามาทำงานที่นี่เพราะคุณพชระ และเพราะเขามีพระคุณ เราถึงต้องทำตามที่เขาสั่ง..” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น ตัวสั่นเทา “และถ้าเราไม่ทำตามเขา.. คุณพชระขู่ว่าถ้าไม่ทำตามเขาก็จะฆ่าเราค่ะ” น้ำเสียงของเธอขาดเป็นช่วง ๆ มือของเธอเริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้

 

เล็กรีบเสริม “พวกเรากลัวมากค่ะ คุณพชระรู้จักกับผู้มีอิทธิพล และพวกนักเลง..พวกเราไม่มีทางเลือกค่ะ เราไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ถ้าไม่หักหลังคุณ เขาก็มีหูมีตาทุกที่ พวกเราหนีไปไหนไม่ได้ค่ะ” เธอพูดเสียงแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

 

โอ๋ที่ดูเข้มแข็งกว่าทั้งสองคน แต่ตอนนี้เริ่มพูดทั้งน้ำตา “เรารู้ว่าพวกเราทำผิด แต่ขอร้องเถอะค่ะ..” เธอเสียงสั่นพร้อมทั้งสะอึกสะอื้น “อย่าไล่พวกเราออกเลย พวกเราไม่มีที่ไปแล้วค่ะ.. พวกเรายินดีรับโทษทุกอย่าง จะให้เราทำอะไรก็ได้ แต่ขอให้เราได้อยู่ที่นี่ต่อเถอะค่ะ”

 

ต้นธารฟังพวกเธอสารภาพด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แต่สายตาของเขายังคงเย็นชา ลึกลงไปในดวงตาคล้ายมีกองไฟกองหนึ่งลุกโชนขึ้นมา บอกตามตรง เขาไม่เห็นใจ หรือคิดจะเข้าอกเข้าใจสักนิด เขาไม่ไว้ใจ และคิดว่าทั้งหมดเป็นแค่ข้ออ้างที่พวกเธอยกขึ้นมาขอลดโทษ เขาไม่อยากปล่อยให้คำขอโทษหรือการขอร้องของพวกเธอทำให้เขาหวั่นไหว ความเชื่อใจของเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว 

 

เขาหันไปหาอิทธิกร ส่งสายตาเพื่อถามความคิดเห็นจากพี่ชายที่เขาไว้ใจ อิทธิกรพยักหน้าเบา ๆ พร้อมทำสีหน้าบ่งบอกว่า ‘ตามใจนายเลย’ ราวกับการตัดสินใจอยู่ในมือของต้นธารเต็มที่ แต่ในจังหวะนั้นเอง คิ้วดกตรงขมวดขึ้นเมื่อสายตาคมราวกับเหยี่ยวไปปะทะกับพลอยมุกที่ยืนอยู่เยื้องอิทธิกรไป โดยไม่รู้ตัว มือของเธอยังคงถือจานขนมปังเปล่าอยู่หลังจากที่เธอกินเสร็จ เธอไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตาคลอในดวงตาคู่สวย แววตาของเธอวูบไหวสั่นระริก ขณะที่มองไปยังแม่บ้านทั้งสามที่ยืนตัวสั่นอยู่ เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจที่ชัดเจน ราวกับพลอยมุกเข้าใจและรับรู้ถึงความทุกข์ใจของพวกเขา

 

ต้นธารเห็นภาพของหญิงสาวแล้วเงียบลง พลอยมุก—แม้เธอจะถูกเขาใจร้ายใส่หลายครั้งหลายครา แม้จะถูกเขาเข้าใจผิดและต่อว่าเธออย่างรุนแรง แต่เธอยังยืนอยู่ตรงนี้ ข้างเขา เห็นใจเขา เข้าใจเขาอย่างที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มันจากใครมาก่อน เขานึกย้อนไป แม้เป็นวันนี้ที่เขาทำตัวไม่สุภาพ และจงใจชวนเธอทะเลาะ แต่เมื่อเขาเอาขนมปังให้เธอ เธอก็กินมันจนหมด แม้มันจะเย็นไปแล้วและไม่อร่อยเท่าตอนอบเสร็จใหม่ มันเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ต้นธารมองข้ามไป แต่ตอนนี้กลับฉายชัดในใจเขา

 

ขนมปังที่คิดว่ามันจะอุ่น หอมกรุ่น แต่กลับเย็นชืด ต่างจากที่คาดหวังและตั้งใจ ไม่น่าอภิรมย์ที่ได้กิน

 

ความจริงที่เขาเคยใจร้ายและโหดร้ายกับพลอยมุก แต่เธอยังให้อภัยและให้โอกาสเขาได้อยู่เสมอ ทำให้ต้นธารเริ่มคิดได้ว่า แม้จะมีคนที่ทรยศ แต่คนเหล่านั้นก็ควรค่าแก่การให้โอกาสอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่พลอยมุกให้อภัยเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

“ฉันจะไม่ไล่พวกเธอออกจากบ้านตอนนี้ทันที” ต้นธารมองแม่บ้านทั้งสามอย่างสงบเยือกเย็น 

 

“เรายอมรับโทษทุกอย่างเลยค่ะคุณต้นธาร คุณจะให้เราทำงานหนักขึ้นก็ได้ ขอแค่พวกเราได้อยู่ที่นี่” โอ๋เป็นคนพูดขึ้นมา

 

ต้นธารสูดหายใจเข้าลึก ๆ ราวกับพยายามปล่อยให้ความร้อนรนของเขาให้สลายไป “ได้ พวกเธอต้องทำงานชดเชยสิ่งที่พวกเธอทำไว้ ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก พวกเธอต้องทำให้เห็น และยอมรับความผิดจากใจจริง ไม่ใช่แค่ขอโทษลอย ๆ” เขาพยายามปรับน้ำเสียงให้สงบลงกว่าเดิม “และถ้าเกิดเหตุแบบนี้อีก และถ้าฉันเห็นว่าพวกเธอทำอะไรลับหลังฉันแม้แต่นิดเดียว จะไม่มีโอกาสที่สองให้อีก พวกเธอจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป” 

 

แม่บ้านทั้งสามต่างพยักหน้ารับพร้อมน้ำตา “ขอบคุณค่ะ คุณต้นธาร..ขอบคุณจริง ๆ” 

 

พลอยมุกที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมองต้นธารด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปในหัวใจ เธอไม่เคยคาดคิดว่าต้นธาร—คนที่เธอมองว่ามักจะมองโลกในแง่ร้ายและเข้มงวดกับทุกสิ่ง— จะยอมให้โอกาสกับคนที่หักหลังเขา แม้ว่าเขาจะมีเหตุผลที่ทำให้ต้องสงสัยและโกรธกับคนที่ทรยศเขาเพื่อช่วยพชระ และจากการที่เขาเผชิญหน้ากับพชระ เธอรู้ดีว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันยากกับเขาแค่ไหน พลอยมุกเกือบจะคิดไปแล้วว่าต้นธารจะไสส่งเหล่าแม่บ้านทั้งที่รู้ว่าพชระจะไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่นอน และรู้ว่าเป็นการส่งพวกเขาไปตาย แต่การตัดสินใจของเขาครั้งนี้ทำให้พลอยมุกได้เห็นด้านที่อ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในตัวต้นธาร

 

เธอหันไปมองพวกแม่บ้านที่ร้องไห้เบา ๆ มองเหล่าพ่อบ้าน แม่บ้าน รปภ. และบรรดาคนขับรถที่ทยอยเดินออกไปเพราะเรื่องนี้มันจบแล้ว พลอยมุกถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แล้วหันกลับมามองต้นธารอีกครั้ง แววตาเธอเปลี่ยนไป จากความกังวลที่เคยมีต่อการตัดสินใจของเขา กลายเป็นความรู้สึกอบอุ่นและนับถือในตัวคน ๆ นี้ เธอคิดถึงสิ่งที่ต้นธารทำได้ คิดถึงเรื่องดีที่มีแววว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เห็นประกายความหวังเจิดจ้าว่าเธอจะสามารถทลายกำแพงอดีตที่แสนเจ็บปวดของต้นธารออกไปได้ แม้เขาจะเอาแต่ใจและมักใช้วิธีที่ตรงไปตรงมา รุนแรง แต่ภายในตัวเขายังมีความเมตตาและเห็นอกเห็นใจในตัวผู้คนที่พลอยมุกเพิ่งได้เห็นจากเขาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

 

พลอยมุกกัดริมฝีปากเบา ๆ และนิ่งไปสักพัก ร่างผอมบางเดินไปใกล้ต้นธาร ก่อนจะหันไปมองอิทธิกรอย่างขอเสียมารยาทเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอเข้ามาใกล้ สายตาคมวาวประสานเข้ากับสายตาเป็นประกายเจิดจ้า พลอยมุกยิ้มเล็ก ๆ ให้กับต้นธาร เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้แสดงถึงความชื่นชมโดยตรง แต่สะท้อนถึงความรู้สึกเคารพในการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ของเขา ขณะที่น้ำเสียงอ่อนโยนหรือจะกล่าวได้เอ่ยออกไป

 

“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดเบา ๆ พอที่จะให้ต้นธารได้ยิน ราวกับเป็นคำพูดที่ไม่ได้เพียงแค่ขอบคุณในสิ่งที่เขาทำเพื่อแม่บ้าน แต่ยังหมายถึงความขอบคุณที่เขาพยายามเปิดใจ และยอมให้โอกาสคนอื่น แม้จะยากแค่ไหนก็ตาม 

 

ต้นธารมองพลอยมุก เขาพยักหน้าเบา ๆ เขารับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนในท่าทางของเธอ ทั้งที่เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แต่การอยู่เคียงข้างเขาในสถานการณ์นี้ ทำให้เขารู้สึกถึงความสบายใจที่เธอส่งผ่านมาให้เขา ต้นธารดีใจที่ท่าทีของพลอยมุกยอมรับว่าเขาตัดสินใจไม่ผิด แล้วร่างสูงก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไป ท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มคลายความกดดันลง

 

อิทธิกรที่แอบยืนมองพลอยมุกกับต้นธารที่เพิ่งสบตากันหวานฉ่ำอยู่เมื่อครู่ แล้วเขาก็เห็นบางอย่างที่สะดุดตา — จานว่างเปล่าในมือพลอยมุกที่เคยมีขนมฟอคคาเซียที่ต้นธารอบเมื่อตอนเช้า มันทำให้เขานึกย้อนถึงตอนที่ต้นธารทำบึ้งตึงให้เขากินขนมปังแค่ชิ้นเดียว แต่ส่วนที่เหลือกลับถูกเอาไปให้พลอยมุกทั้งหมด

 

อิทธิกรทำหน้าบึ้งเล็ก ๆ พึมพำเสียงดังพอที่จะให้พลอยมุกได้ยิน “อืมมมม..ตอนแรกก็ตั้งใจอยากให้น้องทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างดีและสงบสุขนะ แต่ แบบนี้มันก็ดูเหมือนจะดีเกินไปแฮะ” เขาทำหน้าเหมือนจะงอนเล็ก ๆ แกล้ง ๆ แล้วเสริมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “เดี๋ยวพี่ชายคนนี้ก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าไปแล้วจริง ๆ น่ะสิ ขนมปังอบใหม่ก็เอาไปให้น้องพลอยกินหมด” 

 

แม่บ้านทั้งสามที่เพิ่งพากันตั้งสติได้ ก็พากันเดินออกจากห้องไป ขณะที่บรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย พลอยมุกหันมาเห็นอิทธิกรทำหน้าเจื่อน เพราะเธอเอาแต่มองเหล่าแม่บ้านอยู่ เธอจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกันเอง พร้อมทำตาใสแจ๋ว “อ้าว พี่กรยังไม่ได้กินขนมปังอีกเหรอคะ? เดี๋ยวหนูทำให้กินได้นะ” 

 

ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘เดี๋ยวหนูทำให้กินได้นะ’ อิทธิกรชะงัก เขามองตาพลอยมุกเหมือนเห็นภาพอนาคตสุดสยองขึ้นมาในหัว — ควันขโมงในครัว เตาอบที่ลุกเป็นไฟ ขนมปังที่เกรียมจนแข็งเหมือนก้อนหิน แล้วเขาก็รีบโบกมือพร้อมกับเสียงหัวเราะแห้ง ยิ้มเจื่อน ๆ แบบเก็บอาการ “ไม่ ๆ ๆ ๆ ไม่ต้องเลยน้องพลอย..พี่เกรงใจน่ะ พี่ไปซื้อกินเอาง่ายกว่านะ ไม่อยากรบกวนหรอก”

 

พลอยมุกทำหน้างงเล็กน้อย แต่ยังยิ้มอยู่ “เอ้า! ทำไมล่ะคะ? พี่กรไม่อยากกินเหรอ? หนูอุตส่าห์จะทำให้สุดฝีมือเลยนะ” เธอเอียงคอทำหน้าซื่อน้อยใจนิด ๆ

 

อิทธิกรรีบยกมือปัดแทบไม่ทัน กลัวชะตาจะขาดก่อนวัยอันควร แค่อายุ 34 แล้วยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนกับคนอื่นเขามันก็น่าเศร้าพอแล้ว จากที่คิดว่าจะหยอกน้องเล่น แต่พลอยมุกกลับเข้าใจไปอีกอย่างที่เขาไม่ได้ต้องการเลย “ไม่เป็นร๊ายยย พี่จะกลับบ้านแล้วล่ะ วันนี้เหนื่อยแล้ว น้องพลอยก็คงเหนื่อย เอามือสวย ๆ ของน้องไว้วาดรูปเถอะ! อย่าเปลืองเวลามาทำขนมให้พี่กินเลยนะ” เขาพูดเสียงสูงปรี๊ดจนเสียงหลง

 

พลอยมุกขมวดคิ้วเล็กน้อย หน้าตาใสซื่อน่ารักน่าเอ็นดูที่ไม่เข้าใจมันก็น่ายอมให้ทำอยู่หรอก “พี่กรไม่อยากกินจริง ๆ เหรอคะ?” แต่คำถามที่ตามมานี่แผ่จิตสังหารอยู่เต็มไปหมด แบบที่พลอยมุกไม่รู้ตัวสักนิด

อิทธิกรหัวเราเบา ๆ แล้วรีบถอยหนี “ไม่เป็นไรจ้า น้องพลอยเก็บพลังไว้ทำอย่างอื่นดีกว่าทำ..ขนมปัง..เอ่อ.. ไม่ต้องลำบากหรอกนะ” เขารีบขยับตัวพุ่งไปทางประตู “พี่ไปแล้วนะ ไว้เจอกันนะครับ!!”

 

พลอยมุกได้แต่มองอิทธิกรที่ถอยไปพร้อมกับท่าทางรีบร้อนอย่างงง ๆ เพราะสงสัยว่าทำไมเขารีบขนาดนั้น เธอยังไม่ได้สวัสดีเพื่อลาเขาเลย แต่สุดท้ายก็เดินเอาจานขนมปังเปล่าเข้าไปล้างในครัว ก่อนจะคิดวางแผนที่สร้างสรรค์ในหัว ในที่สุดเธอก็เห็นโอกาสที่จะทำได้ ช่องโหว่ที่ทำให้เธอสามารถเข้าไปสั่นสะเทือนสิ่งที่ต้นธารเชื่อในจิตใจ ให้เขาได้เห็นว่าโลกใบนี้มันงดงามแค่ไหนท่ามกลางเรื่องเลวร้ายมากมาย

 

 

วันต่อมา

 

พลอยมุกมองต้นธารที่ยืนนั่งจิบกาแฟเงียบงันอย่างโดดเดี่ยวใต้ร่มไม้ใหญ่ ในสวนหน้าบ้าน เขามองออกไปรอบตัว ท่าทางของเขาแข็งกระด้างและสงบนิ่ง แม้จะเป็นยามเช้าที่อากาศสดใส แสงแดดทอประกายอบอุ่น และมีกลิ่นหอมฟุ้งของหมู่มวลดอกไม้มากมายที่ถูกปลูกไว้ทั่วบริเวณหน้าบ้านลอยมากับลม แต่เขายังคงดูไม่มีความสุข เหมือนกำลังยืนอยู่คนละฝั่งกับความอบอุ่นรอบตัว ราวกับมีกำแพงขนาดใหญ่กั้นระหว่างเขาและโลกภายนอก แม้เขาจะเป็นคนเก่งและฉลาด แต่เธอรู้ดีกว่าใครว่าใต้ความเย็นชานั้นซ่อนความเจ็บปวดและความกลัวจากอดีตที่เขายังคงต้องแบกรับมันไว้ตลอดเวลา

การที่เขาเลือกเก็บกดความรู้สึกเหล่านั้นและพยายามเข้มแข็งตลอดเวลาอาจดูเหมือนเป็นวิธีที่ดีที่สุดของต้นธารที่เขารับมือกับชีวิต และช่วยให้เขาผ่านปัญหามากมายไปได้ แต่เธอรู้ว่ามันไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง และไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ต้นธารมีตัวเลือกมากกว่านั้น

 

ในฐานะที่เธอเป็นนักศึกษาที่เรียนครูและต้องเรียนรู้เรื่องการละลายพฤติกรรมของเด็กและคนอื่น ๆ เธอเห็นชัดว่าต้นธารต้องการความช่วยเหลือเพื่อกล้าที่จะเปิดใจและเธอก็ต้องการช่วยเขาผ่านกำแพงที่เขาสร้างขึ้น การที่ต้นธารไม่สามารถเปิดใจและปล่อยวางอดีตของเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับพลอยมุก เพราะมันส่งผลให้เขาไม่สามารถไว้ใจเธอได้เต็มร้อย และที่สำคัญที่สุด ต้นธารยังคงมีความเข้าใจผิดเรื่องพ่อของเขาอยู่ ดังนั้นพลอยมุกจึงตัดสินใจที่จะช่วยเขาด้วยวิธีที่เธอถนัดที่สุด – การใช้ความอบอุ่นและความสดใส สร้างกิจกรรมร่วมกันในการค่อย ๆ ละลายพฤติกรรมของต้นธาร ให้พ่อเสือยิ้มยากเริ่มเปิดใจให้คนรอบตัวก่อน ซึ่งก็คือผู้คนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เพราะที่นี่ต้นธารไม่มีใครเลย ไม่มีสักคนให้เขาได้พึ่งพิง

 

ฉันจะทำให้คุณยิ้มออกมาด้วยใจที่แท้จริงให้ได้ ให้คุณมีความสุขกับเวลาที่อยู่ที่นี่

จะทำให้คุณสนุกและได้การปลดปล่อยตัวเองจากความเครียดที่มีเอง

 

พลอยมุกหายไปครู่หนึ่ง ก่อนกลับมาพร้อมกีต้าร์ตัวโปรดของเธอ ร่างเล็กเดินตรงไปหาต้นธารที่ยังคงนั่งจิบกาแฟและทำหน้าบึ้งอยู่เหมือนเดิม ต้นธารเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่หางตาก็เหลือบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจกาแฟในแก้ว และภาพดอกไม้หลากสีสันรอบตัวด้วยท่าทีนิ่งอย่างเดิม พลอยมุกที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าเขาจะมีท่าทีแบบนี้ ก็อดยิ้มไม่ได้ เธอจึงเริ่มดีดกีต้าร์เบา ๆ พร้อมเปล่งเสียงร้องเพลงที่สดใสออกมา 

 

ดวงตาสีดำสนิทมองที่ยัยแฮมสเตอร์อีกครั้ง แสดงท่าทีงุนงง แต่ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอทำ และยังพยายามจะดื่มกาแฟต่อไป แม้มุมปากจะถูกยกขึ้นเล็กน้อยกับการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ในแต่ละวันของเธอ ช่างเป็นเด็กสาวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พลังล้นเหลือ เมื่อวานก็เล่นกีฬา วันนี้ก็เลือกเล่นดนตรีและร้องเพลงเธอน่าจะเป็นคนที่มีมิติมากที่สุดในชีวิตเขาแล้ว

 

พลอยมุกยังคงดีดกีต้าร์และร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในบางจังหวะ กีต้าร์ก็บรรเลงไปโดยขาดเสียงใส ๆ ของเธอที่ต้องร้องเพลง เธอหยุดร้องอย่างตั้งใจ ราวกับเว้นช่องว่างให้ต้นธารร้องต่อ แต่เขากลับนิ่งเงียบ ไม่สนใจที่จะร้อง พลอยมุกจึงหันมองต้นธารพร้อมยิ้มล้อ หยอกเย้าเขา “ไม่คิดจะช่วยร้องบ้างเหรอคะ? อุตส่าห์ช่วยบิ้วและเว้นให้ขนาดนี้”

 

ต้นธารถอนหายใจเบา ๆ “ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ อย่างเธอแล้วนะ จะให้มาร้องเพลงแบบนี้ได้ยังไง?” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เสียงเขาเริ่มอ่อนลง

 

“พูดเหมือนคนแก่ไปได้ ก็เพิ่งกำลังจะ 28 เอง.. คนเราจะตายตอน 30 มั้ง” เสียงใสบ่นงุบงิบพึมพำเสียงเบา ทำให้ตาคมตวัดไปมองพร้อมจะดุเธอ แต่พลอยมุกไม่ได้มองมาที่เขาเลย ต้นธารจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเมื่อครู่ 

พลอยมุกยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงบรรเลงเพลงต่อไป จนแม่บ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดมองด้วยรอยยิ้ม หลายคนเข้ามาร่วมร้องเพลงด้วย บรรยากาศที่เคยเงียบกลับกลายเป็นคึกคัก สนุกสนาน สดใส และขำขัน เมื่อทุกคนเริ่มเข้ามาร้องเพลงกับพลอยมุก ต้นธารก็เริ่มสนุกกับคนอื่น แต่ยังคงไม่ได้ร้องเพลงออกมา

 

และ สม แม่บ้านคนเก่าแก่อีกคนในบ้านก็เอ่ยขึ้นมา “คุณต้น ร้องบ้างสิคะ! ตอนเด็ก ๆ คุณร้องเพลงเพราะมากเลยนะ เพราะถูกสอนให้ทั้งร้องเพลงและเล่นดนตรีตั้งแต่เด็กเลยนี่นะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นจะร้องเลย” เมื่อสมพูดจบทุกคนก็แสดงท่าที่เห็นด้วย เพราะตั้งแต่เขากลับมาจากแคนาดา ไม่มีใครได้ยินเขาร้องเพลงอีกเลย เห็นแค่เขาทำงานกับทำอาหาร ไม่มีใครเห็นต้นธารได้พักผ่อนจากความเครียดเท่าที่ควรเลย

 

เสียงเชียร์เริ่มดังขึ้นจากเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านที่อยู่รอบข้าง ทุกคนต่างขอให้ต้นธารร้องเพลงบ้าง ทำให้ความทรงจำของเขาเมื่อวัยเด็กที่มีกับพ่อพลันย้อนคืนมาในหัว—การประกวดร้องเพลงในวัยเด็กที่เขาชนะหลายครั้งหลายหน เป็นเพราะไพลินที่สอนเขาเป็นครูสอนดนตรี ทำให้เขาได้ทักษะนี้มาจากผู้เป็นพ่อ และอันที่จริงมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดถึงแล้วเจ็บปวด เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้นธารรัก ไม่แพ้การทำอาหารเลย

 

ต้นธารยิ้มเขิน ๆ เป็นครั้งแรกที่พลอยมุกเห็นว่าชายหนุ่มที่มักจะกล้าหาญและมั่นใจอย่างเขาเกิดอาการประหม่าเล็กน้อย “จะฟังกันจริงเหรอครับ?” เขาส่งคำถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ แต่ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์อย่างจริงจัง “ถ้าอยากฟัง..ก็ได้ครับ” ต้นธารกล่าว

 

“เย้!” พลอยมุกแสดงความดีใจออกมา ที่ในที่สุดเขาก็ยอมก้าวเข้ามาในแผนการละลายพฤติกรรมของเธอ ยิ่งรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีในตอนเด็ก และเขายังเลือกทำอยู่ ทำให้เธอดีใจมาก พลอยมุกเริ่มดีดกีต้าร์อีกครั้งด้วยความสดใส ก่อนที่ต้นธารจะเริ่มร้องเพลงด้วยเสียงทุ้มละมุน หนักแน่น แต่อบอุ่นออกมา 

 

ทุกคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอคอยต่างพร้อมใจกันเงียบทันที เสียงอันไพเราะของต้นธารดังก้องไปทั่วสวนอย่างนุ่มนวล มีพลังและเทคนิคที่อัดแน่นคมชัด ราวกับนักร้องมืออาชีพ จนทำให้ทุกคนตะลึงไปกับเสียงร้องของเขา รู้สึกทึ่งกับความที่ต้นธารเติบโตขึ้นมากเพียงนี้ ไปอยู่ต่างประเทศ และกลับมาพร้อมหน้าที่และความชอบแบบใหม่ แต่เขายังคงเก็บความสามารถที่ไพลินสอนเขามาตั้งแต่เด็กไว้และยังคงทำมันออกมาได้ดี แม้เขาจะเสียงทุ้ม ไม่ใสเหมือนตอนเป็นเด็กเล็กซึ่งแสดงให้เห็นชัดว่าเขายังคงทำมันมาตลอดและฝึกปรือจนฝีมือการร้องเพลงของเขายอดเยี่ยมมากขนาดนี้

 

เมื่อเพลงจบลง เสียงปรบมือดังก้องไปทั่ว พลอยมุกของต้นธารด้วยแววตาที่เอ่อล้น เต็มไปด้วยความชื่นชม “คุณต้นธารร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ เหมือนคุณไพลินเลย..” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน โดยไม่กลัวว่าต้นธารจะหงุดหงิดที่เธอเอ่ยชื่อพ่อของเขาออกมา เพราะเธอชมเขาจากใจจริง 

 

ต้นธารพยักหน้าเบา ๆ ขอบคุณเธอ และฉีกยิ้มกว้าง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจจริง และเป็นรอยยิ้มที่สดใสของเขาที่สุดในรอบวัน ช่างเป็นรอยยิ้มที่เฉิดฉันดุจตะวันที่ฉายแสงเจิดจ้า สีหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข ราวความหม่นหมองและเงียบงันของเขาก่อนหน้านี้ถูกเสกหายไปด้วยเวทมนตร์ ทำเอาพลอยมุกเผลอคิดไปว่า ถ้าเสือยิ้มยากอย่างเขายิ้มแล้วโลกจะพลันสดใสขึ้นมาขนาดนี้ เธออยากจะทำให้เขายิ้มบ่อย ๆ 

 

จากนั้นทุกคนก็เชียร์ให้ต้นธารร้องเพลงต่อ ทำให้เขาเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์จากมือพลอยมุก เพราะดูออกว่าเธอเริ่มเมื่อยล้า และเขาก็เริ่มเล่นดนตรี ร้องเพลง และชักชวนให้ทุกคนร้องเพลงด้วยกัน บรรยากาศก็พลันอบอุ่นยิ่งขึ้น ผ่อนคลาย ต้นธารเริ่มสนุกกับทุกคนอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มพูดแซวเหล่าพ่อบ้านและแม่บ้านอย่างขำขัน สร้างอารมณ์ร่วมกับคนรอบข้างได้อย่างดี ไม่เหลือภาพของคนเย็นชาที่มักจะทำตึง อารมณ์ร้อน และโลกส่วนตัวสูง หรือภาพของเจ้าชายน้ำแข็งที่นั่งมืดมนอยู่คนเดียวเมื่อตอนเช้าเลย

 

พลอยมุกเมื่อได้พักจากการเล่นกีต้าร์ เธอก็เท้าคางมองต้นธารด้วยความภาคภูมิใจ เขามีมุมอบอุ่นและอ่อนโยนมากกว่าที่เธอเคยเห็น และสามารถจินตนาการได้ การที่ได้เห็นเขายิ้ม หัวเราะ พูดคุย และเปิดใจให้กับคนอื่น ทำให้เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถก้าวข้ามความเจ็บปวดและความแค้นในอดีตได้ พลอยมุกดีใจที่เขาไม่ปฏิเสธวิธีของเธอ—การใช้เวลาร่วมกับคนรอบข้าง และในที่สุด ต้นธารก็เริ่มเปิดใจให้ผู้คน และพร้อมที่จะมีความสุขอีกครั้งแล้ว

 

คุณไพลิน .. เห็นไหมคะ? เขาเติบโตมาอย่างดีมากเลยนะคะ แม้ว่าคุณจะเป็นห่วง

หวังว่าคุณจะเห็นแล้วมีความสุขเหมือนอย่างที่ฉันมีนะคะ คุณต้นธาร เขาน่ารักอย่างที่คุณบอกเลยค่ะ

 

หลังจากกิจกรรมการละลายพฤติกรรมแบบฉบับพลอยมุกเสร็จสิ้น เสียงเพลงสุดท้ายจบลง บรรยากาศรอบสวนหน้าบ้านก็เงียบลง พ่อบ้านแม่บ้านต่างแยกย้ายกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง พลอยมุกกับต้นธารเองก็เดินกลับเข้าบ้านด้วยกัน ต้นธารอาสาขอเอากีต้าร์ไปเก็บ เพราะเธอเป็นคนเอาออกมาแล้ว แขนที่แข็งแรงของเขาโอบประคองเครื่องดนตรีไว้อย่างระมัดระวัง พร้อมทั้งเดินตรงไปที่ห้องของพลอยมุก

 

ห้องของเธอถูกตกแต่งใหม่ จากที่เคยเป็นห้องที่เรียบหรู กว้างจนรู้สึกอ้างว้าง เธอประดับห้องด้วยภาพวาดศิลปะ และแจกันดอกไม้ที่เธอโปรดปราน โต๊ะทำงานที่อุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะวางอย่างเป็นระเบียบ มีชั้นวางตุ๊กตาเล็ก ๆ และของสะสมของเธอที่มุมห้อง ผ้าม่านโปร่งแสงเบาบางปลิวไหวตามลมเบา ๆ เพราะเธอมักจะเปิดหน้าต่างออกรับลม ทำให้ห้องดูอบอุ่นและสบายขึ้น ทุกอย่างในห้องบอกเล่าเรื่องราวของความนุ่มนวลและอ่อนหวานอย่างที่เธอเป็น

 

ต้นธารวางกีต้าร์ลงบนขาตั้งกีต้าร์ที่มุมข้างเตียงของพลอยมุกเบา ๆ แต่ในจังหวะนั้นเอง สายกีต้าร์ที่เก่าและอ่อนแรงจากการโดนใช้งานมาหลายชั่วโมงพลันขาดเสียงดัง ปิ๊งงงง!                             สายกีต้าร์เส้นนั้นดีดพุ่งขึ้นมาบาดที่แก้มของต้นธารอย่างฉับพลัน แม้จะพยายามหลบมันแต่เขาก็หลบไม่ทัน 

 

“ตายแล้ว!!” พลอยมุกรีบเข้ามาดูทันที “คุณเจ็บมากมั้ยคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจและห่วงใย พลางจับมือเขาดึงให้เขานั่งลงบนเตียงเบา ๆ   พลอยมุดรีบไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว เธอไม่เสียเวลาคิดอะไรนอกจากความเป็นห่วงเขาที่เต็มไปทั้งหัวใจ กลับมานั่งลงข้างหน้าต้นธารบนเตียง ก่อนจะเริ่มทำแผลให้เขาอย่างชำนาญและเบามือ 

 

“ขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ สายมันค่อนข้างเก่า ฉันควรจะเปลี่ยนนานแล้ว แต่เพราะไม่คิดว่าจะเอามันมาเล่นมาก่อน ฉันสะเพร่า คุณก็เลยต้องเจ็บ..” หญิงสาวพูดเสียงแผ่ว รู้สึกผิด ดวงตาเจือประกายอ่อนโยนน่าหลงใหล 

 

เธอตั้งใจทำแผลให้เขาจนไม่ทันรู้ตัวว่าต้นธารจ้องมองเธอด้วยแววตาลึกซึ้ง ดวงตาดำขลับมองลึกลงไปในดวงตาเธอ พลอยมุกเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเพราะอยากดูให้แน่ใจว่าแผลของเขาไม่ได้ลึกมาก และจะไม่เป็นอันตราย ต้นธารรู้สึกถึงทุกความอ่อนโยนในสัมผัสของเธอ มือน้อย ๆ ของเธอจับที่ใบหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง ราวกับเขาเป็นสิ่งที่เปราะบาง และมีค่าที่สุดในโลกสำหรับเธอ เขาสัมผัสได้ถึงความอยากจะทะนุถนอมเขาของเธอ สายตาที่เธอที่สื่อถึงความห่วงใยทำให้เขาลืมเลือนทุกอย่าง ลืมไปว่าเขาเคยไม่ไว้ใจเธอ ลืมว่าที่เขาและเธอต้องอยู่ร่วมกันใต้ชายคานี้เพราะเงื่อนไขของพินัยกรรมบ้า ๆ ของไพลิน ความรู้สึกบางอย่างค่อย ๆ เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของต้นธาร เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกราวกลับมีคลื่นที่ถาโถมใส่เขาแบบไม่ทันตั้งตัว

 

ช่างแม่ง..

ที่นี่ตอนนี้ มีแค่เธอและฉัน และมีความรู้สึกที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป

 

หลังจากติดพลาสเตอร์ยาให้ต้นธารเสร็จ พลอยมุกเผลอแตะที่แก้มของต้นธารอย่างนุ่มนวล เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเจ็บ แต่ทันทีที่เธอสบเข้ากับสายตาคม ดวงตาคู่นั้นกลับดึงดูดเธอไว้ราวกับแม่เหล็ก ทั้งความอบอุ่น ลึกซึ้ง ทุกความหมายที่สื่อผ่านสายตาของเขา และความใกล้ชิดทำให้เธอเริ่มหายใจติดขัด

 

“ขอโทษค่ะ!” เธอรีบขยับมือออก แต่ต้นธารกลับจับมือเธอไว้อย่างแผ่วเบา สัมผัสอุ่นจากมือขนาดใหญ่ที่กอบกุมมือเล็กของเธอได้หมด ทำให้พลอยมุกรู้สึกถึงความรู้สึกที่กำลังเพิ่มพูนขึ้นมาในใจ หลงใหลในบรรยากาศเช่นนี้จนรู้สึกหัวใจกำลังสั่นสะท้าน

 

เมื่อต้นธารเอนตัวเข้ามาใกล้ เธอเผลอหายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าหล่อเหลาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดบนหน้าเธอ แต่พลอยมุกกลับรู้สึกเหมือนมันเป็นสายลมอ่อนที่พัดผ่านหัวใจ และรู้สึกอุ่นร้อนที่ริมฝีปากด้วยเรียวปากของเขาที่กดประทับลงมา ต้นธารจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างอ่อนโยน มันอุ่นละมุนราวกับละอองฝนที่พรมลงมาอย่างแผ่วเบา

 

พลอยมุกหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว เผลอตอบรับจุมพิตนั้นด้วยหัวใจที่หวั่นไหว รสสัมผัสของเขาทำให้เธอเหมือนล่องลอยไปในอากาศ ฝ่ามือใหญ่ของต้นธารทาบลงบนเอวบางก่อนจะใช้แรงจากแขนแกร่งอุ้มพลอยมุกขึ้นมานั่งบนตักเขา แขนของเขาโอบรอบตัวเธอแนบแน่น ทว่าเต็มไปด้วยความอ่อนโยน สองมือของร่างเล็กยกขึ้นไปกอดคอเขา ริมฝีปากชมพูเผยอออกเบา ๆ ทำให้ลิ้นอุ่นร้อนสามารถแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มด้วยเสน่หา

 

จุมพิตที่เคยเบาเริ่มลึกซึ้งและดูดดื่มขึ้น ความรู้สึกภายในใจของทั้งสองที่เก็บกดได้ระเบิดออกมาในวินาทีนี้ ท่ามกลางรสจูบอันนุ่มนวลและร้อนแรงของต้นธาร สติเธอค่อย ๆ หลุดลอยไปอย่างช้า ๆ และเขาเริ่มกลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป ต้นธารจึงหยุดกะทันหัน เขาหอบหายใจ เบา ๆ จ้องมองใบหน้าเธอที่เริ่มแดงระเรื่อ ดวงตาเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ปรารถนา แทบอยากจะกลืนกินเธอเข้าไปเสียตอนนี้

 

แต่ความรู้สึกอีกอย่างที่ท่วมท้นในใจบอกให้เขาหยุด เขาไม่อาจทำแบบนี้ต่อไปได้เพราะอยากจะเป็นสุภาพบุรุษที่ให้เกียรติเธอ นิ้วเรียวยกขึ้นแตะแก้มเนียนดุจแพรไหมที่ร้อนผ่าวอย่างเบามือ และกระซิบข้างหู “ฉันสิ..ที่ต้องเป็นคนขอโทษ” น้ำเสียงของเขาทั้งหวานและลึกซึ้ง แต่เธอกลับไม่รู้สึกเลยว่ามันคือการขอโทษเพราะรู้สึกว่ามันผิด ในเมื่อจมูกโด่งของต้นธารยังคลอเคลียกับแก้มนุ่มของเธออย่างอ้อยอิ่ง เขาพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ด้วยสุขล้น “ทำยังไงดี? แก้มก็หอม ปากก็หวานขนาดนี้ ต่อไปฉันจะห้ามใจได้ยังไง?

 

พลอยมุกได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงเรื่อ ดุจถูกย้อมด้วยสีชาด ในใจเกิดความรู้สึกหวานชื่นอย่างบอกไม่ถูก หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอยังรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนจากเขาในทุกวินาที ความอบอุ่นที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม หวานจนเธอแทบละลายอยู่ในอ้อมแขนของเขา