‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
เงือก ชื่อนี้หากใครได้ยินเข้าคงนึกไปถึงสิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์ครึ่งบนเป็นคน ครึ่งล่างเป็นปลา มีรูปลักษณ์งดงามพร้อมกับเสียงอันไพเราะ
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่ในท้องทะเล สามารถพบเห็นได้ตามการ์ตูนหรือนิยายทั่วไป บ้างก็ว่าพวกเขาจิตใจดี บ้างก็ว่าพวกเขาโหดร้ายอำมหิตชอบหลอกล่อผู้คนแล้วนำไปกินเป็นอาหาร
ทว่าต่อให้จะมีนิทานหรือตำนานมากมายอย่างไร พวกมันก็เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในจินตนาการเท่านั้น สำหรับฉินอวี่ แม้แต่หนังสักเรื่องของสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งปลาเขาก็ไม่เคยดูเลยด้วยซ้ำ
ขอโทษนะ ผู้ชายอกสามศอกสูงร้อยแปดสิบเซ็นแบบเขาจะให้มานั่งดูการ์ตูนเงือกได้ยังไง
แต่ใครจะไปคิด ว่าตัวตนที่มีอยู่เพียงแค่ในนิทานมันกลับมีจริงในโลกใบนี้เสียได้
ใช่ โลกใบนี้นี่แหละ!
โลกใบนี้เรียกได้ว่าแทบไม่ต่างอะไรกับโลกก่อนที่เขาเคยอาศัย ต่างกันเพียงแค่ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ไม่สามารถใช้หลักวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้
ถึงแม้จะมีอยู่เยอะ แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับหลบเร้นซ่อนกายปะปนไปกับมนุษย์ ใช้ชีวิตไม่ต่างจากคนธรรมดา
ชาติก่อนฉินอวี่เป็นเพียงพนักงานออฟฟิศธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ ผลการเรียนแค่พอคาบเส้น ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร กว่าจะเรียนจบออกมาได้เลือดตาแทบกระเด็น พอถึงเวลาต้องทำงานก็ไม่สามารถหางานดี ๆ ทำได้ สุดท้ายจึงต้องพึ่งคนรู้จักของพ่อในการฝากเข้าทำงาน
เขาใช้ชีวิตราวกับเครื่องจักรมนุษย์วันแล้ววันเล่าคืนแล้วคืนเล่าอย่างเหนื่อยหน่าย จนกระทั่งในวันเกิดอายุครบสามสิบปีเต็ม ฉินอวี่ก็เสียชีวิตลงอย่างเดียวดายในห้องพักท่ามกลางขวดน้ำเมาที่เขาซื้อมากินเพื่ออำลาชีวิตวัยเลขสองของตัวเอง
แต่ดูท่าจะกินเยอะเกินไปหน่อย ก็เลยตายอนาถแบบนี้
ฉินอวี่ที่ปกติแทบไม่แตะแอลกอฮอล์วันนั้นไม่รู้ครึ้มอกครึ้มใจอะไรถึงซัดเข้าไปมากเสียจนเมาเป็นหมาเดินแทบไม่ตรงทาง พอกินเยอะก็เกิดปวดฉี่ขึ้นมา สุดท้ายเขาก็ไปลื่นล้มหัวฟาดชักโครกตาย เป็นเหตุให้วิญญาณหลุดลอยมาอยู่ในโลกใบใหม่นี้อย่างงุนงง
ปกติพอตายแล้วก็ควรจะต้องไปเกิดใหม่เป็นทารกสิ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้มาสิงในร่างหนุ่มน้อยนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้เดือนเดียวก็ไม่รู้
ชาติก่อนก็ต้องทำงาน มาเกิดใหม่แทนที่จะได้ใช้ชีวิตวัยเด็กวิ่งเล่นกับเพื่อนบ้างกลับยังต้องมาทำงานอีกงั้นเหรอ!
มิหนำซ้ำตอนที่เพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาในร่างนี้ ขณะที่ยังจับต้นชนปลายไม่ได้ ความทรงจำของร่างเดิมก็พลันไหลพรั่งพรูเข้ามาราวกับน้ำป่า
เขาขมวดคิ้วด้วยอาการปวดหัว ใบหน้าซีดเผือด ยกมือขึ้นมากุมศีรษะตัวเองแน่น
ร่างเดิมนี้มีชื่อว่าฉินอวี่เช่นเดียวกันกับเขา เป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาในสถานรับเลี้ยงเด็ก จนกระทั่งอายุสิบแปดพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ก็ต้องออกมาใช้ชีวิตข้างนอกเพื่อลดภาระของทางสถานสงเคราะห์ เด็กหนุ่มดิ้นรนจนสุดชีวิต ทั้งเรียนทั้งทำงาน วันหนึ่งได้นอนเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และเพราะเหตุนี้เลยทำให้ผลการเรียนของเขาคาบเส้น จบมาได้อยากยากลำบาก และหางานยาก
ฉินอวี่พึมพำ “เหมือนกันเลยแฮะ”
เจ้าของร่างเดิมนี้เหมือนตัวเขาในชาติก่อนที่เรียนไม่ได้เรื่องและหางานไม่ได้ ทว่าต่างกันตรงที่ชาติก่อนเขาติดเล่นมากเกินไปจนไม่สนใจการเรียน ส่วนร่างนี้ก็ทำงานมากเกินไปจนไม่มีเวลามาโฟกัสการเรียน
พอเรียนจบมาร่างเดิมก็เริ่มตระเวนสมัครงานทุกที่เท่าที่จะสมัครได้ ระหว่างนั้นก็อาศัยเงินจากงานพาร์ทไทม์อันน้อยนิดใช้ชีวิตไปอย่างทุลักทุเล
สุดท้ายหลังจากผ่านไปครึ่งปีก็ได้เข้าทำงานออฟฟิศในบริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่ง ทุกอย่างดูราบรื่นราวกับภาพนิยาย เด็กกำพร้าคนหนึ่งดิ้นรนจนเรียนจบมหาลัย ได้งานที่ไม่นับว่าแย่ทำ ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่กลับมีเรื่องราวหนึ่งที่ค่อนข้างน่าตกใจสำหรับฉินอวี่นั่นก็คือ ร่างเดิมนี้ จริง ๆ แล้วไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเงือก!
“...” ไม่รู้ว่าเขาควรจะอึ้งอะไรก่อนดี
โลกใบนี้เป็นยุคสมัยใหม่ที่เทคโนโลยีเฟื่องฟูถึงขีดสุด แม้แต่อมนุษย์ก็ยังต้องทำงานหาเงิน ซึ่งเบื้องหลังของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจริง ๆ แล้วคือสถานที่รวบรวมเหล่าเด็กอมนุษย์หลากหลายเผ่าพันธุ์ที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ภายในนั้นจะมีการสอนเพื่อให้เด็ก ๆ สามารถใช้ชีวิตในสังคมมนุษย์ได้อย่างแนบเนียนด้วยการเก็บงำพลังและปิดบังตัวตน
เพราะถึงแม้มนุษย์ในโลกนี้จะรับรู้การมีอยู่ของตัวตนอีกประเภทแต่พวกเขาบางส่วนกลับไม่อาจยอมรับได้ เนื่องจากพลังที่มากกว่าอาจจะทำให้อำนาจของพวกเขาหลุดออกจากมือไป
ในบางประเทศถึงขึ้นสั่งห้ามสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่ด้วยซ้ำ หากจับได้ทางเดียวที่รอพวกเขาอยู่ก็คือความตาย และบางประเทศแม้ไม่มีกฎหมายห้ามชัดเจนแต่ผู้คนในสังคมก็ยากที่จะยอมรับอยู่ดี
ร่างเดิมนี้อาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่มีกฎหมายข้อห้ามเรื่องอมนุษย์ ทว่าด้วยการสอนสั่งของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็ทำให้เขาเก็บงำตัวตนของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิดมาตลอด
แล้วทำไมเขาถึงตาย?
นั่นก็เพราะเจ้าเด็กนี่ดันไปหลงรักคนที่ไม่ควรเข้าน่ะสิ!
ร่างเดิมเข้ามาทำงานในบริษัทได้เพียงหนึ่งเดือนยังคงอยู่ในช่วงทดลองงานแต่เขากลับหลงรักหัวหน้าของตัวเองเข้า ด้วยความที่อีกฝ่ายอายุมากกว่า หน้าตาดี แถมยังทำงานเก่ง ไม่เพียงแค่ร่างเดิมที่ชอบแต่หญิงสาวหลายคนในบริษัทก็ชอบหัวหน้าหนุ่มคนนี้
ฉีเฟิงผู้เป็นหัวหน้าสายงานดูแลเอาใจใส่ลูกน้องในสังกัดทุกคนอย่างทั่วถึง เขารู้ว่ามีคนชอบตัวเองเยอะ และยิ่งดีใจที่เห็นคนหลงใหลตัวเองอย่างถึงที่สุด
ร่างเดิมแอบชอบหัวหน้างาน ไม่ว่าอีกฝ่ายสั่งอะไรก็ทำให้หมดทุกอย่าง แม้กระทั่งนั่งทำโอทีแบบไม่ได้รับค่าแรงชายหนุ่มก็ไม่บ่นสักคำ
เรียกได้ว่าความรักบังตาจนโง่งม โดนหลอกใช้ก็ยังไม่รู้ตัว แต่กลับคิดไปว่าเพราะหัวหน้าอยากให้ตัวเองได้เรียนรู้เยอะ ๆ
“โง่ฉิบ” การที่ต้องมาเห็นคนหน้าตาเหมือนกันชื่อเดียวกันทำตัวแบบนี้เขาล่ะปวดใจจริง ๆ
กระทั่งบริษัทต้องการส่งคนไปติดต่อเจรจาธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ ร่างเดิมก็ถูกฉีเฟิงเลือกให้ไปเป็นผู้ช่วย แม้จะรู้ว่าที่ต้องไปเป็นประเทศอะไรทว่าเขากลับดีใจจนเนื้อเต้น รีบเก็บข้าวของอย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย
การเดินทางไปประเทศลีเจียผ่านไปอย่างราบรื่น การเจรจาร่วมธุรกิจก็สำเร็จงดงาม คืนวันสุดท้ายก่อนบินกลับประเทศเฉิน ฉีเฟิงก็พาร่างเดิมไปเลี้ยงฉลอง ถึงจะไม่เคยกินเหล้ามาก่อนแต่คนที่คะยั้นคะยอเป็นคนที่แอบชอบ เงือกหนุ่มผู้โง่งมจึงกินเข้าไปไม่ยั้ง เรียกได้ว่าเมาจนสติหลุดลอย ใครให้ทำอะไรก็ทำหมดทุกอย่าง
ร่างเดิมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคืนนั้นตัวเองกินไปมากขนาดไหน หรือว่าทำอะไรลงไปบ้าง เพราะเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในวันถัดไปเขาก็อยู่ในคุกของประเทศลีเจียแล้ว
สำหรับประเทศลีเจียอมนุษย์เปรียบเสมือนอาชญากรร้ายแรง แม้ไม่มีกฎหมายประหารชีวิตแต่ก็ต้องถูกจำคุกเอาไว้ตลอดชีวิต
ร่างเดิมไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรตัวเองถึงถูกจับ นับจากวันที่เข้าคุกเขาไม่เคยเห็นคนของบริษัทมาเยี่ยมเลยสักคน
โอเค มันเข้าใจได้ว่าคงเพราะที่นี่เป็นคุกต่างประเทศการมาเยี่ยมเลยอาจจะลำบากไปหน่อย ทว่าแม้แต่ฉีเฟิงก็ไม่เคยโผล่หน้ามาเลยสักครั้ง ทั้งที่พวกเขาควรจะกลับไปประเทศเฉินด้วยกันแท้ ๆ
ร่างเดิมใช้ชีวิตอยู่ในคุกโดยที่ไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง รู้เพียงแค่ว่าตัวเองถูกจับเพราะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาและจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต เขาฝืนอดทนอดกลั้นต่อไปได้อีกหนึ่งปี สุดท้ายก็ตรอมใจจนเสียชีวิตลงในวัยยี่สิบสาม
ถ้าฉันไม่มาที่ประเทศนี้...
หัวหน้า...
ก่อนที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะปลิดปลิว เงือกหนุ่มครุ่นคิดย้อนไปถึงคนที่ตัวเองชอบและรู้สึกเสียใจที่ตามอีกฝ่ายมา
หลังจากความทรงจำเล่นจนถึงตอนจบ ฉินอวี่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ไหว
“เฮ้อ”
ชื่อเหมือนกัน ตายเพราะน้ำเมาเหมือนกัน ถึงจะต่างกันตรงวิธีการตาย แต่บอกตรง ๆ ว่าโคตรอนาถ
ฉินอวี่ยกมือขึ้นมากดหัวคิ้วตัวเองเพื่อคลายอาการปวด ในสมองย้อนคิดถึงความทรงจำก่อนหน้า ถึงจะบอกว่าเป็นความทรงจำ แต่สิ่งที่เขาเห็นมันกลับคล้ายการฉายภาพสามมิติ เขาทำเพียงแค่ยืนมองฉากต่าง ๆ ไหลผ่านไปเท่านั้น
และนั่นทำให้ฉินอวี่เห็นถึงสาเหตุที่ทำให้ร่างเดิมต้องตาย
ต้นเรื่องก็คือไอ้หมอนั่น
ฉีเฟิง
จากที่ฉินอวี่ดู ไอ้หมอนี่มันหลงตัวเองขั้นสุด ต้องการให้ทุกคนรักชอบเทิดทูนตัวเอง ในตอนแรกนั้นฉีเฟิงก็ทำดีกับร่างเดิมเหมือนที่ทำกับคนอื่นอย่างเสมอภาค ทั้งยังแอบรู้สึกเอ็นดูร่างเดิมเนื่องจากยังเด็กและหลอกใช้ง่าย
ทว่าเรื่องราวดันพลิกผัน เมื่อจางลี่ผู้เป็นลูกสาวท่านประธานที่ฉีเฟิงหมายตาอยู่หลายปีกลับทำท่าเหมือนว่าจะชอบเด็กใหม่เข้า ไม่ว่าเธอไปเที่ยวที่ไหนมาก็มักจะมีของฝากมาให้ร่างเดิมเสมอ ทั้งยังคอยกำชับฉีเฟิงว่าอย่าให้เขาทำงานหนักเกินไป พักกลางวันก็ชอบชวนร่างเดิมไปเลี้ยงข้าว และด้วยความใสซื่อของเด็กหนุ่มที่เพิ่งออกมาเจอโลกได้ไม่กี่ปี เขาจึงตกปากรับคำอยู่บ่อยครั้งด้วยคิดว่าคนที่บริษัทนี้ใจดี
มันเลยเกิดเป็นความสัมพันธ์แบบยุ่งเหยิงขึ้นมาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ ในขณะที่ร่างเดิมหลงรักหัวหน้างานเข้าเต็มเปาจนแยกอะไรไม่ออก ทว่าหัวหน้างานกลับโกรธแค้นที่ลูกสาวท่านประธานชอบเด็กใหม่
ตอนแรกฉีเฟิงวางแผนเอาไว้ว่าจะให้ร่างเดิมทำงานพลาดตอนไปเจรจาธุรกิจแล้วใช้เหตุผลนี้ในการทำให้อีกฝ่ายไม่ผ่านการทดลองงาน
แต่การเจรจากลับราบรื่นจนเขาไม่มีโอกาสลงมือ สุดท้ายจึงต้องจำใจพาเด็กใหม่มามอมเหล้าก่อนกลับ กะว่าจะให้อีกฝ่ายเผลอทำอะไรทุเรศ ๆ ออกมา จากนั้นตนจะอัดคลิปให้ดูเป็นเรื่องตลกแล้วแกล้งส่งผิดเข้าแชตกลุ่มบริษัทซะ
ดูสิว่าถ้าได้เห็นภาพทุเรศ ๆ แบบนี้แล้ว คุณหนูจางลี่จะยังชอบมันอยู่ไหม
ใครจะไปคิดว่าหลังจากเด็กใหม่เมามายจนสติหลุด เขากลับได้รับรู้เรื่องราวที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น ไอ้เด็กใหม่นี่มันไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเงือก!!
ในทีแรกนั้นฉีเฟิงเพียงแค่แกล้งเอ่ยเย้าแหย่ให้ร่างเดิมทำท่าทางหรือเต้นในท่าประหลาด แม้ร่างเดิมจะเป็นคนขี้อายทว่าเมื่อสติโดนมอมเมาจนล่องลอยเขากลับกล้าทำทุกสิ่งที่อีกฝ่ายสั่งอย่างว่าง่าย
ผู้เป็นหัวหน้าฉีกยิ้มร้ายกาจออกมา สมองฉุกคิดเรื่องบางอย่างได้
‘ฉินอวี่ นายมีเรื่องน่าอายหรือเรื่องอะไรที่ปิดบังเอาไว้หรือเปล่า’ ฉีเฟิงถามออกไปตรง ๆ อย่างไม่คิดอ้อมค้อม มือยังคงถือโทรศัพท์ที่อัดคลิปค้างเอาไว้
ชายหนุ่มไม่ได้คาดหวังในคำตอบเสียเท่าไหร่ ถึงยังไงตอนนี้เขาก็มีคลิปที่อีกฝ่ายเต้นในท่าพิลึกๆ แล้ว ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับทำให้เขาเนื้อเต้นขึ้นมา
“ควา...ม ลับ เหรอ ครับ อึ๊ก มีสิ” ร่างเดิมดวงตาเลื่อนลอย ใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่แผดเผาจนร้อนไปทั้งร่าง สมองส่วนคิดวิเคราะห์ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เขาพูดออกมา “หัวหน้า อึ๊ก อยากรู้เหรอ”
“แล้วรู้ได้ไหมล่ะ” ฉีเฟิงฉีกยิ้มกว้าง พูดออกมาเสียงหวาน “นายชอบฉันไม่ใช่เหรอ ฉันอยากรู้ความลับของนาย”
“ตะ แต่ อึ๊ก มัน ลับมากเลยนะครับ” ร่างเดิมรู้สึกหูอื้อตาลาย สมองหมุนติ้วราวกับลูกข่าง ช่วงเวลาแบบนี้ดันย้อนนึกไปถึงละครที่เคยดูขึ้นมา
ประโยคที่ว่า คนรักกันต้องไม่ปิดบังกัน
และเขาอยากเป็นคนรักของฉีเฟิง เขาจะไม่ปิดบังอีกฝ่าย “ผม ไม่ปิดบัง อึก ผมเป็น...เงือก”
ท้ายประโยคเบามากจนแทบไม่ได้ยิน แต่ฉีเฟิงกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองน่าจะได้ยินเรื่องดี ๆ เข้าเสียแล้ว ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยย้ำ “เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ”
ครั้งนี้ไม่มีเสียงตอบกลับ เมื่อมองอีกทีก็เห็นว่าเด็กใหม่สลบไปแล้วเรียบร้อย ฉีเฟิงรีบร้อนกดบันทึกคลิป จากนั้นก็กดเล่นย้อนไปถึงช่วงที่ร่างเดิมพูดคำสุดท้าย
แม้เสียงจะเบามากแต่โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดที่ราคาแพงหูฉี่กลับทำหน้าที่ดูดเสียงได้ดียิ่ง ต่อให้เสียงที่อัดจะเบาสุด ๆ ทว่าพอกดเร่งขึ้นจนสุดก็จะได้ยินประโยคสุดท้ายนั่นอย่างชัดเจน
‘นายทำให้ฉันเซอร์ไพรส์มาก’ ฉีเฟิงเหยียดยิ้ม
แน่นอนว่าผู้เป็นหัวหน้าไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องโกหก คนเมาโกหกไม่ได้ ขนาดเขาให้เต้นท่าประหลาดเด็กใหม่ที่ขี้อายยังยอมเต้นเลย
เรื่องนี้มันต้องเป็นความจริงแน่นอน!