‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย

 

‘นายทำให้ฉันเซอร์ไพรส์มาก’

หลังจากนั้นฉีเฟิงก็แจ้งทางการ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องมาตรวจสอบอย่างว่องไว

ผู้ต้องสงสัยถูกระบุว่าเป็นเงือก การจะยืนยันอัตลักษณ์ได้จำเป็นต้องใช้น้ำทะเล เมืองที่แจ้งเหตุมานั้นอยู่ไกลจากทะเลค่อนข้างมาก ทว่าประเทศนี้ให้ความสำคัญกับการปราบอมนุษย์ ใช้เวลาไม่นานทีมปราบปรามที่ประจำการอยู่ใกล้ที่สุดก็มาพร้อมกับน้ำทะเลบรรจุหนึ่งขวด

หลังจากได้รับการชี้ตัว ไม่รอช้าเจ้าหน้าที่ก็นำน้ำทะเลไปราดใส่ศีรษะคนเมาอย่างไม่เกรงใจ เมื่อน้ำทะเลสัมผัสกับผิว การเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏออกมาช้า ๆ

ผิวหนังมนุษย์คล้ายกับมีเกล็ดบางเฉียบเคลือบทับอีกชั้น เกล็ดใสแวววาวราวกับแก้วสะท้อนแสงไฟภายในห้องอาหารเกิดเป็นภาพงดงาม มันบางเสียจนคล้ายกับว่าไม่มีอยู่จริง ใบหูกลมมนเปลี่ยนเป็นครีบปลาขนาดเล็กกระดิกไปมาเมื่อสัมผัสกับน้ำทะเล

ไม่จำเป็นต้องราดทั้งตัว ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงนี้กันหมด ดวงตาหลายคู่ของเจ้าหน้าที่เบิกกว้าง เพราะตั้งแต่พวกเขาทำงานนี้มา จับอมนุษย์ที่ลักลอบเข้าประเทศมานับไม่ถ้วนทว่ายังไม่เคยพบกับสิ่งมีชีวิตที่งดงามขนาดนี้

ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ประเทศที่เปิดเสรีมีมากมาย สุดท้ายดันต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ 

ไม่ใช่เพียงแค่เจ้าหน้าที่เท่านั้น ฉีเฟิงเองก็ตกใจมากเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเงือกตัวเป็น ๆ ถึงจะเห็นใจ แต่ใครใช้ให้ให้คุณจางลี่ชอบนายกันล่ะ ถ้าจะโทษ ก็โทษตัวเองที่เข้ามาทำงานที่นี่เถอะ!

ตลอดเหตุการณ์นี้ เงือกหนุ่มที่น่าสงสารไม่แม้แต่จะรู้สึกตัวขึ้นมาเลยสักนิด เขาถูกทางการจับตัวกลับไป ส่วนฉีเฟิงที่ถูกตรวจสอบจนแน่ชัดแล้วว่าไม่ใช่อมนุษย์ก็กลับประเทศเฉินไปเพียงคนเดียวด้วยรอยยิ้มสมใจ

ในที่สุดก็กำจัดตัวเกะกะไปได้สักที!

“บทตัวร้ายโคตร” ฉินอวี่ส่ายหน้าไปมา มือเรียวสวยยกขึ้นเสยเส้นผมอย่างใช้ความคิด

ตอนนี้เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว จากที่ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งเข้าทำงานในบริษัทได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นเด็กใหม่แกะกล่องและยังไม่ถึงเวลาที่ต้องไปดูงานในเร็ว ๆ นี้

หากอยากรอดจากความตาย วิธีที่ง่ายที่สุดคือการลาออกจากงานที่ทำอยู่ แค่นี้ก็ไม่ต้องไปดูงานที่ประเทศบ้านั่นแล้ว

ทว่าจากความทรงจำ ร่างนี้มีสถานะทางการเงินเข้าขั้นยาจก เงินเดือนแรกที่ได้มา พอหักค่าเช่าห้องรวมทั้งค่าใช้จ่ายจำเป็นแล้วก็แทบไม่เหลือเลยด้วยซ้ำ ครั้นจะให้ลาออกไปตอนนี้คาดว่าเขาคงได้อดตายก่อนแน่นอน

คงต้องทนทำงานเดิมไปก่อนแล้วรีบหางานใหม่...

[ภารกิจระบบ : หลบหนีจากชะตากรรมต้องตายในคุกที่ประเทศลีเจีย และลงโทษคนเลวให้ได้รับผลกรรมโดยที่ยังคงทำงานอยู่ในบริษัทเดิม]

ขณะกำลังใช้ความคิด กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัว ฉินอวี่สะดุ้งเล็กน้อย ในตอนที่เขาคิดว่าตนเองหูฝาด เสียงเดิมก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง

[หากภารกิจล้มเหลวจะได้รับโทษเป็นความตาย กำหนดเวลา 40 วัน]

“แม่มึx” ฉินอวี่สบถออกมาอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน

อะไรคือภารกิจล้มเหลวเท่ากับตาย ถ้าเขายังทำงานอยู่ที่เดิมนี่สิถึงจะตายจริง ๆ

ฉินอวี่ไม่ใช่คนโง่ ชาติก่อนก็ทั้งเล่นเกมและอ่านนิยายมาพอสมควร เขาเลยไม่ได้ตกใจกับเสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาในหัวสักเท่าไร

ทะลุมิติก็ทะลุมาแล้ว จะมีระบบโผล่มาอีกก็ไม่น่าแปลกใจเลย

มิน่า พอตายไปแทนที่จะได้ไปเกิดใหม่ เขากลับต้องมาเข้าร่างเงือกน่าสงสารนี่แทน

ถ้าบทสรุปมีแต่คำว่าตาย ไม่สู้หากู้เงินสักก้อนแล้วใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงระหว่างสี่สิบวันนี้ไม่ดีกว่าเหรอ อย่างมากก็แค่รอไปเกิดใหม่ เขาไม่ใช่พวกชอบดิ้นรนต่อสู้กับชาวบ้านไปเรื่อยด้วยสิ

ชายหนุ่มพยักหน้าให้กับความคิดอันชาญฉลาดของตัวเอง ทว่าหลังจากนั้นกลับมีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

“ถ้าทำแล้วจะได้อะไร”

ฉินอวี่เอ่ยถามกับอากาศตรงหน้า ถ้าอิงตามนิยายที่เคยอ่าน ทำภารกิจเสร็จก็ต้องมีรางวัลสิ ไม่งั้นจะจูงใจให้คนมาทำได้ยังไง

[ระบบ : หากทำภารกิจหลักสำเร็จ คุณสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งข้อ]

“เป็นกษัตริย์?” ฉินอวี่ถามเสียงสูงเพื่อลองเชิง

[ระบบ : ย่อมได้]

“เป็นมหาเศรษฐีติดท็อปของโลก?”

[ระบบ : ไม่มีปัญหา]

“โอเค”

เอาไงก็เอากันวะ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย แต่ถ้าเลือกทำ อย่างน้อยก็ยังพอมีหวังล่ะนะ

นาฬิกาตรงหัวเตียงบอกเวลาหกโมงเช้า โชคดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์ นั่นหมายความว่ามันเป็นวันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์นี้และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุด

ก็ยังดีที่ไม่ได้ตื่นขึ้นมาเป็นเช้าวันจันทร์แสนนรกแตก

ฉินอวี่ตัดสินใจลุกเดินเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวไปทำงานในวันนี้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เขาทำทันทีที่เข้ามาก็คือการสำรวจร่างกายที่ตนเองมาอยู่นี้เสียก่อน

“โอ้ว”

น้ำเสียงที่อุทานออกมาบ่งบอกถึงความตกตะลึงอย่างอดไม่อยู่

ร่างนี้ไม่ใช่แค่มีชื่อคล้ายกันกับเขาเท่านั้น ทว่าแม้แต่ใบหน้าก็ยังเหมือนกันอยู่หลายส่วน เพียงแต่ใบหน้าของร่างนี้ค่อนข้างเด็กกว่ามาก ก็นะ ชาติที่แล้วเขากำลังจะเป็นชายกลางคนอายุเข้าเลขสามแล้วนี่นา

และที่ต่างกันอย่างชัดเจนเลยก็คือ สีผิวและสีผม ชาติก่อนฉินอวี่มีดวงตาและเส้นผมสีดำสนิท เป็นชายวัยใกล้กลางคน วัน ๆ เอาแต่ทำงานพอว่างก็เล่นเกมดูหนังโต้รุ่งจนหน้าโทรม ไม่ค่อยได้ดูแลตัวเอง ผิวพรรณค่อนข้างหมองคล้ำหยาบกระด้าง

ส่วนร่างนี้ที่ทำงานหนักไม่แพ้กันกลับมีผิวพรรณผุดผ่องนุ่มนวลน่าสัมผัส เส้นผมเป็นสีทองอ่อนคล้ายข้าวสาลี ดวงตาสีน้ำเงินเปล่งประกายราวกับรวมเอามหาสมุทรเข้ามาไว้ในนี้ทั้งหมด

โครงหน้านุ่มนวลอ่อนเยาว์กว่าชาติก่อน จมูกโด่งสันชัด ริมฝีปากบางสวยได้รูป พวงแก้มมีเลือดฝาดอมชมพูดูสุขภาพดี

“สิทธิพิเศษของคนเป็นเงือกเหรอ” ฉินอวี่ยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองอย่าเผลอไผล ทั้งที่ทำงานหนักเหมือนกัน แต่ร่างนี้กลับดูดีกว่ามาก

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจางลี่ถึงชอบเด็กนี่ ส่วนฉีเฟิง จะบอกว่าหมอนั่นมันตาถั่วก็พูดได้ไม่เต็มปาก

ระหว่างคนหน้าตาดีแต่จน กับคนหน้าตาดีแต่รวย เป็นใครก็ต้องเลือกอย่างหลังกันทั้งนั้นแหละ

ชาติก่อน เงือกเป็นสิ่งไกลตัวมากจนราวกับความฝัน มาตอนนี้เขาได้เป็นสิ่งนั้นเองแล้ว ย่อมอดไม่ได้ที่จะอยากเห็นเองกับตาสักครั้ง แต่ลักษณะของเผ่าพันธุ์นี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อโดนน้ำทะเลเท่านั้น น้ำประปาตามบ้านหมดสิทธิ์อย่างถาวร

“หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะทำภารกิจสำเร็จไหม ก่อนถึงกำหนดเส้นตายคงต้องหาเวลาไปทะเลสักครั้งสินะ”

ชายหนุ่มผมทองพึมพำกับตนเอง จากนั้นก็ฉุกคิดถึงปัญหาใหญ่ขึ้นมาได้นั่นก็คือ

เขาไม่มีเงิน!

แถมตอนนี้ยังเปลี่ยนไปเป็นงานที่ได้เงินเยอะกว่าเดิมก็ไม่ได้อีก ไม่ใช่แค่เรื่องภารกิจหลักที่ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีความสามารถพอต่างหาก!

อย่าลืมว่าชาติก่อนฉินอวี่เป็นแค่คนกากที่ต้องอาศัยคนรู้จักของพ่อในการเข้าทำงาน ส่วนเจ้าของร่างนี้ แค่เข็นตัวเองให้จบมหาลัยมาได้ก็เก่งแล้ว

สรุปแบบง่าย ๆ ก็คือ พวกเขาโง่ทั้งคู่!

หรือต้องทำงานเสริม?

ชาติก่อนต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ มาชาตินี้ทำงานเดียวกลับไม่พอกินซะงั้น แค่คิดก็ท้อแล้ว

แต่เรื่องนั้นช่างมันไปก่อน ถ้าตอนนี้เขายังเอาแต่ยืนก่นด่าชะตาชีวิตไม่เลิกคงได้ไปทำงานสายแน่นอน

เงือกมือใหม่รีบจัดการพาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวตามความเคยชินของร่างกาย ไม่ถึงสิบนาทีก็พร้อมออกไปสู้ชีวิตในโลกใหม่

โชคดีที่ประเทศนี้ไม่มีปัญหารถติดให้น่ารำคาญใจ ไม่นานเขาก็มาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานเป็นชั่วโมง ยังคงรักษาประสิทธิภาพของพนักงานใหม่ผู้ขยันขันแข็งได้อย่างดีเยี่ยม

ที่ความจริงแล้วโคตรอยากนอนอยู่บ้านเลย...

ฉินอวี่ตรงเข้าบริษัทพร้อมทักเอ่ยทักทายแม่บ้านไปด้วย กระทำทุกอย่างตามความทรงจำเดิมของร่างนี้ เรียกได้ว่าไม่มีหลุดคาแรคเตอร์แม้แต่กระผีกเดียว

ระบบไม่ได้มีข้อห้ามการ OOC นั่นแปลว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำนิสัยตามร่างเดิมก็ได้ แต่ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อดูสถานการณ์ก่อน ยังไงการเห็นจากความทรงจำก็ไม่เหมือนการมาสัมผัสด้วยตัวเองล่ะนะ

ต้องดูก่อนว่าควรรับมือกับฉีเฟิงยังไง ไหนจะประโยค ‘และโต้กลับ’ นั่นอีก ตอนนี้เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะโต้กลับไอ้บ้านั่นยังไง

หลังจากนั่งประจำโต๊ะของตัวเองได้พักใหญ่ พนักงานคนอื่นก็ทยอยกันเข้ามาเรื่อย ๆ เสียงเอ่ยทักทายดังไปทั่วออฟฟิศจนดูครึกครื้นขึ้นมา

“ฉินอวี่ ทำไมวันนี้มาไวจัง ปกติพี่ต้องถึงก่อนสิ” หลี่จิ้ง พี่สาวโต๊ะข้าง ๆ เอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเอ็นดู

“วันนี้ตื่นไวน่ะครับ จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ เลยออกมาทำงานซะเลย” ฉินอวี่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มน่ารัก

ดวงตาสีน้ำเงินลอบมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้สังเกต อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวที่อายุอานามดูแล้วน่าจะแก่กว่าเขาไม่กี่ปี สีหน้าท่าทางดูใจดีเป็นมิตร

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง กินขนมปังไหม” หลี่จิ้งยื่นขนมปังให้ชายหนุ่มอย่างใจกว้าง

ฉินอวี่ยกมือปฏิเสธ “ปกติผมไม่ค่อยกินข้าวเช้าน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่หิวเลย”

เขาโกหก อันที่จริงก็แอบหิวนั่นแหละ ทว่าเขากำลังรอตัวละครหลักสองคนนั้นอยู่ต่างหาก

เลยเวลาเข้างานมาแล้วหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดจางลี่ลูกสาวท่านประธานกับฉีเฟิงหัวหน้างานก็เข้าบริษัทมาในเวลาไล่เลี่ยกัน

“ขอโทษที่มาสายด้วยนะทุกคน พอดีคุณยายข้างบ้านป่วยกะทันหันเลยต้องพาแกไปโรงพยาบาลก่อนน่ะ นี่รีบสุดชีวิตเลยนะเนี่ย” ฉีเฟิงยิ้มแหยให้พนักงานในแผนกด้วยท่าทางสำนึกผิด

“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่านะ!” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงชื่นชม “ปกติหัวหน้าก็มาทำงานไวตลอด สายนิดหน่อยคุณหนูจางลี่ไม่ว่าหรอกใช่ไหมคะ”

ประโยคหลังโยนไปที่ลูกสาวเจ้าของบริษัท อีกฝ่ายมีเหตุผลขนาดนี้แล้ว หากเธอยังดุด่าคนที่เพิ่งไปทำความดีมาก็คงดูไม่ดีเท่าไร “ไม่เป็นไรค่ะ”

ฉินอวี่นั่งมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉย ในหัวมีแต่คำว่าโกหก โกหก เต็มไปหมด

ฉีเฟิง ไอ้หมอนี่แค่เห็นก็รู้แล้วว่าปลิ้นปล้อน ปากบอกว่าช่วยพาคุณยายไปหาหมอ ตรงจุดนี้ไม่มีใครไปตรวจสอบได้เพราะเป็นการพูดปากเปล่า แต่ท่าทางตอนเดินเข้าบริษัทไม่สามารถปิดบังพนักงานเดนตายผู้ขยันขันแข็งแบบเขาได้แน่นอน

ชาติก่อน มีครั้งหนึ่งขณะที่กำลังรอรถไปทำงาน วันนั้นมีเด็กนักเรียนถูกรถเฉี่ยวชนจนเลือดอาบ คนรอบข้างไม่มีใครสนใจเพราะต่างคนต่างก็รีบไปทำงานของตัวเอง สุดท้ายฉินอวี่จึงต้องเข้าไปช่วยอย่างอดไม่ได้

หลังจากช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสร็จ ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่นั่งเป็นเพื่อนเด็กนักเรียนเพื่อรอรถกู้ภัยมารับ

กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแน่นอนว่าเลยเวลาเข้างานไปแล้ว ถึงจะมีการโทรไปแจ้งเรื่องราวกับหัวหน้าเอาไว้ก่อน ทว่าเขาที่ไม่เคยไปทำงานสายก็ยังคงกระวนกระวายใจอยู่ดี สภาพตอนไปถึงออฟฟิศเรียกได้ว่าเหงื่อโซมกายจนเสื้อเปียกไปทั้งตัวเลยทีเดียว

ส่วนฉีเฟิง แม้แต่เหงื่อสักหยดก็ไม่มี ท่าทางดูไม่ได้ร้อนรนที่เข้างานสายเลยแม้แต่น้อย

ในตอนที่ฉินอวี่กำลังวิเคราะห์สภาพของหัวหน้า พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ฉินอวี่ พี่ซื้อขนมมาฝาก”