‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น

 

 

“ฉินอวี่ พี่ซื้อขนมมาฝาก”

ประโยคนี้มาจากหญิงสาวซึ่งเป็นลูกของท่านประธาน แน่นอนว่าหลังจากเธอเอ่ยประโยคนี้จบ คนทั้งออฟฟิศก็พากันหันมองมาทางชายหนุ่มผมทองเป็นตาเดียว โดยเฉพาะฉีเฟิงที่มองจนตาแทบถลนออกมา

ท่าทางไม่อยากจะเชื่อของฉีเฟิงทำให้ฉินอวี่ฉุกคิดขึ้นมา

ร่างเดิมเพิ่งเข้ามาทำงานได้เดือนเดียว เป็นไปได้ว่าจางลี่น่าจะเพิ่งแสดงอาการว่าชอบเด็กใหม่ช่วงนี้สินะ

ฉินอวี่ยิ้มบางก่อนส่ายศีรษะ “ผมยังไม่หิวเลยครับ”

“...” หญิงสาวที่โดนปฏิเสธคิ้วกระตุกเล็กน้อย ท่าทางดูเก้อกระดากอย่างคนทำตัวไม่ถูก

หลี่จิ้งที่มองอยู่นานเอนตัวเข้ามากระซิบเสียงเบาเพื่อช่วยกู้หน้าให้เจ้านายอย่างอดไม่ไหว “ได้ไงกัน นี่ของจากคุณหนูจางลี่เลยนะ ถ้านายไม่กินเดี๋ยวพี่กินเอง รับไว้ก่อนเถอะ”

ขณะที่ฉีเฟิงยังไม่ทันตั้งสติ ฉินอวี่ก็โพล่งออกไป “จริง ๆ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ อันที่จริงก็แอบหิวนิดหน่อย”

ราวกับกลัวไม่สมจริง มือเรียวสวยเลื่อนลงไปลูบท้องตัวเองด้วยท่าทางเหนียมอาย สายตาจ้องถุงขนมไม่วางตา ทำท่าเหมือนอยากได้แต่ก็แอบเกรงใจ

จางลี่คลายคิ้วที่ขมวดลง สายตาที่มองชายหนุ่มผมทองเต็มไปด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเดินนำขนมมาให้เขาที่โต๊ะ “หิวก็กินซะ ระวังปวดท้องล่ะ”

แน่นอนว่าถ้าซื้อขนมมาฝากเด็กใหม่คนเดียวทั้งที่มีพนักงานอยู่กันเต็มออฟฟิศแบบนี้ก็ดูจะไม่ดี เธอจึงหันไปแจกจ่ายขนมให้พนักงานคนอื่นต่อ แต่ขนาดไซซ์ของถุงขนม มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าลำเอียง

“คุณหนูจางลี่เอ็นดูนายจริง ๆ นะ” หลี่จิ้ง พี่สาวโต๊ะข้าง ๆ หันมากระซิบ ในปากเต็มไปด้วยขนมราคาแพงของเจ้านายสาว “แต่แบบนี้ก็ดี มีขนมให้กินบ่อย ๆ โคตรฟิน”

“งั้นเหรอครับ” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยท่าทางใสซื่อเหมือนคนไม่รู้เรื่อง

คุณหนูจางลี่ของพี่ไม่ใช่แค่เอ็นดู แต่ชอบร่างเดิมคนนี้เลยต่างหากล่ะ!

ระหว่างที่คุยกับคุณกับพี่สาวด้านข้าง ฉินอวี่ก็แอบเหลือบสายตามองไปที่ผู้เป็นหัวหน้า เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้ามึนตึงอย่างแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ มุมปากได้รูปสวยจึงกระตุกยิ้มออกมาอย่างนึกขำ

วันนี้ทั้งวัน ฉินอวี่ทำงานตามความทรงจำของร่างเดิมไปพร้อมกับคิดแผนการไปด้วย ในสายตาคนอื่นที่มองมาจะเห็นว่าเขาจริงจังกับงานสุด ๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขาเครียดจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

เท่าที่เห็น จางลี่น่าจะชอบร่างเดิมจริง ๆ และฉีเฟิงก็ค่อนข้างปักใจกับจางลี่มากเช่นกัน

อันที่จริง หากสองคนนั้นคบกันก็คงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมไม่น้อย คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลา ทำงานเก่ง ดูแลคนเป็น ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงสาวร่างเพรียวระหง ใบหน้าสวยหยดเหมือนดารา เป็นถึงลูกสาวของท่านประธานบริษัท

แต่เรื่องราวในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจไปเสียหมด คุณหนูจางลี่ผู้เพียบพร้อมดันมาหลงรักเด็กหนุ่มพนักงานใหม่เข้าเสียได้

หากอยากแก้แค้น ฉินอวี่สามารถแกล้งรับรักหญิงสาวเพื่อทำให้ฉีเฟิงอกแตกได้ เป็นการแก้แค้นแบบง่าย ๆ ที่น่าจะได้ผลเร็วที่สุด แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ

ข้อแรก ฉินอวี่ไม่ได้ชอบเธอ และเธอเป็นคนดี ไม่ควรต้องมาถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำภารกิจนี้

ข้อสอง ไม่ใช่เพียงแค่ร่างเดิมที่ชอบผู้ชาย แต่เขาเองก็ชอบผู้ชายเช่นกัน ถึงจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เขารู้ตัวเองมาตั้งนานแล้วว่าไม่สามารถชอบผู้หญิงได้จริง ๆ

และถึงฉินอวี่จะไม่สามารถรับรักจางลี่ได้ แต่ความหวังดีของเธอที่มอบให้เป็นครั้งคราวนี้เขาก็ยินดีจะรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ

เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน งานที่ต้องทำเลยมีไม่เยอะ เมื่องานเสร็จไว พนักงานจึงได้รับอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาได้

“เฮ้อ พรุ่งนี้ก็หยุดแล้ว คืนนี้จะไปดูไลฟ์ของท่านเลวี่ให้หนำใจไปเลย ไม่เช้าไม่นอน”

เสียงบ่นพึมพำจากรุ่นพี่โต๊ะด้านข้างทำให้ฉินอวี่หันไปมองอย่างสงสัย เขาเอ่ยถามยิ้ม ๆ “ไลฟ์อะไรเหรอครับ”

หลี่จิ้งสะดุ้งสุดตัว เมื่อกี้เธอเผลอพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมาเสียได้!

“อ๋อ ไม่มีอะไรจ๊ะ ก็ไลฟ์สดทั่วไปนี่แหละ อย่าไปบอกใครล่ะว่าพี่บ้าผู้ชาย” ประโยคหลัง หญิงสาวทำท่าเอนตัวเข้ามากระซิบท่าทางดูลึกลับจนฉินอวี่แกล้งขำออกมาตามน้ำ ดวงตาทอประกายลึกล้ำ

ท่าทางแบบนี้ดูก็รู้ว่าหลี่จิ้งไม่อยากบอก ตามมารยาทแล้วเขาก็ไม่ควรไปเค้นถาม แต่ที่ทำให้ติดใจคืออาการตกใจที่เกินจริงนั่นต่างหาก

พูดถึงการไลฟ์ ในชาติก่อนที่โลกเดิมของเขาก็มีอยู่ให้เกลื่อน แถมประเภทของไลฟ์ยังมีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งการขายของ เอนเตอร์เทน เล่นเกม ทำอาหาร ไม่ว่าอะไรก็มีหมด

ทว่าหลี่จิ้งกลับทำให้ฉินอวี่สงสัยขึ้นมาเสียแล้ว หลังจากนี้คงต้องไปหาข้อมูลเอาไว้บ้างแล้วล่ะ ตอนนี้ชีวิตของเขาถูกผูกติดไว้กับภารกิจเฮงซวยนั่น ข้อมูลต่าง ๆ ต่อให้เล็กน้อยเท่าขี้มด เขาก็ยังอยากรู้เอาไว้เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ในอนาคต

ทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเป็นธรรมชาติ พลางเดินออกมาจากออฟฟิศพร้อมกัน จากนั้นก็แยกกันไปคนละทาง

ฉินอวี่ที่ตอนนี้อยู่ในสถานะจนกรอบย่อมต้องขึ้นรถเมล์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ชาติก่อนเขาบ่นในใจทุกครั้งที่ต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้คนที่มากมายอย่างกับหนอน นายชนฉัน ฉันเหยียบนาย หายใจรดคอกันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก

มาชาตินี้ดันหนักกว่าเดิมเสียอีก เพราะเขาต้องประหยัดเงินแล้วเลือกมาขึ้นรถเมล์แทน ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนอย่าว่าแต่ที่นั่งเลย แม้แต่ที่ยืนก็แทบไม่มี

ทว่าวันนี้ราวกับเขาพกโชคดีมาด้วย เมื่อขึ้นมาบนรถก็เห็นว่าที่นั่งท้ายสุดยังว่างอยู่ ดวงตาสีน้ำเงินหยีลงอย่างดีใจแล้วรีบเดินไปนั่งลงทันที

ฉินอวี่ควักเงินจ่ายค่ารถเสร็จก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง เมินทุกสายตาที่ลอบมองมายังตนเอง

ทำไงได้ ก็ร่างนี้หน้าตาดีมากเลยนี่นา

ร่างนี้หน้าตาเหมือนฉินอวี่ในชาติก่อนอย่างกับแกะ ต่างกันตรงที่สีผิวและสีผมเท่านั้น เขาในชาติก่อนให้อารมณ์หล่อเข้ม ส่วนร่างนี้กลับดูนุ่มนวลมากกว่า สีผิวสว่างจ้าเหมือนพกหลอดไฟส่วนตัว ใบหน้าขาวใสหล่อเหลาที่บางมุมก็ดูน่ารักราวกับไอดอลหนุ่มน้อยที่หลุดมาจากทีวี

อันที่จริง หากร่างเดิมเลือกไปทางสายไอดอลก็คงดังน่าดู เสียก็แต่อีกฝ่ายดันเป็นคนขี้อายพอตัว

ส่วนเขาน่ะเหรอ เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ตอนนี้ขอแค่เอาตัวรอดจากธงหายนะที่มีชื่อว่าฉีเฟิงได้เขาก็พอใจแล้ว

ระหว่างที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดคนเดียว จู่ ๆ ฉินอวี่ก็ได้ยินเสียงของเด็กนักเรียนหญิงสองคนที่นั่งด้านหน้ากระซิบกระซาบกันขึ้นมา

“แก! ท่านเลวี่ไลฟ์ล่ะ”

“เห้ย จริงเหรอ ไหนบอกว่าจะไลฟ์ช่วงค่ำไง ทำไมมาไวจัง” นักเรียนหญิงที่นั่งริมกระจกรีบหันไปก้มมองโทรศัพท์เพื่อนอย่างรวดเร็ว

“ดีนะที่ฉันเข้าเว็บไปดูอย่างอื่นพอดี ไม่งั้นพลาดแน่”

ท่าทางของทั้งคู่ดูดีใจมาก อันที่จริงฉินอวี่จะไม่สนใจก็ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจกลับเป็นชื่อนั้นมากกว่า

ท่านเลวี่...

วันนี้ได้ยินชื่อนี้มาสองครั้งแล้ว ทั้งระยะเวลายังใกล้กันมากด้วย ชายหนุ่มแอบจดจำชื่อนี้เอาไว้ในใจเงียบ ๆ

ขึ้นชื่อว่าเป็นรถเมล์ แม้ที่พักของร่างเดิมจะอยู่ไม่ห่างจากบริษัทมากนักแต่ก็ยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง

“เฮ้อ” ชายหนุ่มผมทองถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน การนั่งรถเมล์นาน ๆ นี่เมื่อยใช้ได้เลย

ที่พักของร่างเดิมตั้งอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในใจกลางมหานครอันรุ่งเรือง เป็นอาคารขนาดเล็กที่มีเพียงสามชั้นเท่านั้น สภาพภายนอกดูเก่า ผนังปูนสีลอกออกมาเป็นแผ่น บางจุดมีรอยดำคล้ำจากกาลเวลา ว่าข้างนอกดูแย่แล้ว ข้างในก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย กระทั่งลิฟต์ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ

ฉินอวี่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ชาติก่อนถึงเขาจะเป็นพนักงานกินเงินเดือนตำแหน่งล่างสุด แต่เรื่องอย่างที่พักเขากลับพิถีพิถันค่อนข้างมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เอาไว้อาศัยเพียงอย่างเดียวทว่ามันยังต้องเป็นสถานที่ที่จะทำให้เขาอุ่นใจเวลาที่กลับมาด้วย

ส่วนที่นี่...

แค่มองดูก็รู้ว่าโคตรน่ากลัว ที่เขาบอกกันว่าราคาบ้านคัดคนอันนี้ไม่เกินจริงแต่อย่างใด เนื่องจากหอพักแห่งนี้เก่ามาก ค่าเช่าย่อมต้องถูกเป็นธรรมดา มันเลยทำให้ภายในอาคารหลังนี้มีแต่ลูกจ้างแรงงานรายได้น้อยพักอาศัย หลังเลิกงานวัน ๆ ถ้าไม่ตั้งวงเล่นไพ่ก็เอาแต่กินเหล้ากันไม่หยุด

จากความทรงจำของร่างเดิม ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือพอคนพวกนี้เมาแล้วเรื้อน สุดท้ายจะจบลงตรงที่ทะเลาะต่อยตีกันเป็นประจำ

ฉินอวี่เดินเข้าตึกไปด้วยท่าทางเป็นปกติทั้งที่ในใจหนักอึ้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนมา

“อ้าว เสี่ยวอวี่ เลิกงานไวจัง มากินกับพวกลุงไหม”

ชายหนุ่มหันไปตามเสียง คนที่พูดเป็นคุณลุงห้องข้าง ๆ นั่นเอง เขายิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “ไม่เอาดีกว่าครับ”

หลังปฏิเสธไปอีกฝ่ายก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อเพราะรู้ว่าเขาไม่เคยกินอยู่แล้ว

โชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือร่างเดิมอาศัยที่อาคารหลังนี้มาตั้งแต่สมัยออกจากสถานสงเคราะห์ ตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กน้อยตัวคนเดียว กำเงินติดตัวที่ได้จากสถานสงเคราะห์มาเช่าห้องที่นี่อยู่ ทั้งเรียนทั้งทำงานหนักไปด้วยจนคนแถวนี้รักเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมนี้แน่ ๆ

“ใครวะ น่ารักดีนี่หว่า”

อย่างเช่นผู้ชายวัยกลางคนผิวเข้มที่กำลังมองมาที่ฉินอวี่ด้วยสายตามีเลศนัยอย่างไม่ปิดบัง

คุณลุงที่ทักฉินอวี่หันไปตบหัวเพื่อนเสียงดังลั่น “อย่าได้คิดเชียวมึง นั่นหลานกู!”

“ตบเสียแรงเลยไอแก่!”

ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงทะเลาะตบตีกันของลุงข้างห้องกับเพื่อนชีกอที่ดังขึ้นมาไม่หยุด

ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วสิ่งที่เขาควรทำก็คือการเผ่นให้ไว! ฉินอวี่สบโอกาสตอนที่ทั้งสองไม่ได้สนใจตัวเองรีบพุ่งเข้าตึกไปทันที

ตึกนี้มีสามชั้น ซึ่งแน่นอนว่าห้องของร่างเดิมย่อมอยู่บนสุดเนื่องจากราคาค่าเช่าที่ถูกกว่าชั้นอื่น ชาติก่อนแค่เดินขึ้นบันไดสองชั้นเขายังบ่นแล้วบ่นอีก ชาตินี้ดันอัพเกรดขึ้นเป็นสามชั้นเสียได้

เวรกรรมจริง ๆ

ไม่นานเขาก็เดินมาถึงห้องพักของตัวเอง มือเรียวสวยยื่นกุญแจไปไขประตูห้องที่ดูเปราะบางคล้ายกับว่าเพียงแค่ทุบทีเดียวก็พังแล้ว

ฉินอวี่ส่ายศีรษะอย่างปลงตก อะไรที่เคยไม่ชอบเมื่อชาติก่อน มาชาตินี้ดันได้สัมผัสทุกอย่างเลยจริง ๆ