‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
“ฉินอวี่ พี่ซื้อขนมมาฝาก”
ประโยคนี้มาจากหญิงสาวซึ่งเป็นลูกของท่านประธาน แน่นอนว่าหลังจากเธอเอ่ยประโยคนี้จบ คนทั้งออฟฟิศก็พากันหันมองมาทางชายหนุ่มผมทองเป็นตาเดียว โดยเฉพาะฉีเฟิงที่มองจนตาแทบถลนออกมา
ท่าทางไม่อยากจะเชื่อของฉีเฟิงทำให้ฉินอวี่ฉุกคิดขึ้นมา
ร่างเดิมเพิ่งเข้ามาทำงานได้เดือนเดียว เป็นไปได้ว่าจางลี่น่าจะเพิ่งแสดงอาการว่าชอบเด็กใหม่ช่วงนี้สินะ
ฉินอวี่ยิ้มบางก่อนส่ายศีรษะ “ผมยังไม่หิวเลยครับ”
“...” หญิงสาวที่โดนปฏิเสธคิ้วกระตุกเล็กน้อย ท่าทางดูเก้อกระดากอย่างคนทำตัวไม่ถูก
หลี่จิ้งที่มองอยู่นานเอนตัวเข้ามากระซิบเสียงเบาเพื่อช่วยกู้หน้าให้เจ้านายอย่างอดไม่ไหว “ได้ไงกัน นี่ของจากคุณหนูจางลี่เลยนะ ถ้านายไม่กินเดี๋ยวพี่กินเอง รับไว้ก่อนเถอะ”
ขณะที่ฉีเฟิงยังไม่ทันตั้งสติ ฉินอวี่ก็โพล่งออกไป “จริง ๆ วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ อันที่จริงก็แอบหิวนิดหน่อย”
ราวกับกลัวไม่สมจริง มือเรียวสวยเลื่อนลงไปลูบท้องตัวเองด้วยท่าทางเหนียมอาย สายตาจ้องถุงขนมไม่วางตา ทำท่าเหมือนอยากได้แต่ก็แอบเกรงใจ
จางลี่คลายคิ้วที่ขมวดลง สายตาที่มองชายหนุ่มผมทองเต็มไปด้วยความอ่อนใจ ก่อนจะเดินนำขนมมาให้เขาที่โต๊ะ “หิวก็กินซะ ระวังปวดท้องล่ะ”
แน่นอนว่าถ้าซื้อขนมมาฝากเด็กใหม่คนเดียวทั้งที่มีพนักงานอยู่กันเต็มออฟฟิศแบบนี้ก็ดูจะไม่ดี เธอจึงหันไปแจกจ่ายขนมให้พนักงานคนอื่นต่อ แต่ขนาดไซซ์ของถุงขนม มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าลำเอียง
“คุณหนูจางลี่เอ็นดูนายจริง ๆ นะ” หลี่จิ้ง พี่สาวโต๊ะข้าง ๆ หันมากระซิบ ในปากเต็มไปด้วยขนมราคาแพงของเจ้านายสาว “แต่แบบนี้ก็ดี มีขนมให้กินบ่อย ๆ โคตรฟิน”
“งั้นเหรอครับ” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยท่าทางใสซื่อเหมือนคนไม่รู้เรื่อง
คุณหนูจางลี่ของพี่ไม่ใช่แค่เอ็นดู แต่ชอบร่างเดิมคนนี้เลยต่างหากล่ะ!
ระหว่างที่คุยกับคุณกับพี่สาวด้านข้าง ฉินอวี่ก็แอบเหลือบสายตามองไปที่ผู้เป็นหัวหน้า เห็นอีกฝ่ายมีสีหน้ามึนตึงอย่างแทบจะเก็บอาการไม่อยู่ มุมปากได้รูปสวยจึงกระตุกยิ้มออกมาอย่างนึกขำ
วันนี้ทั้งวัน ฉินอวี่ทำงานตามความทรงจำของร่างเดิมไปพร้อมกับคิดแผนการไปด้วย ในสายตาคนอื่นที่มองมาจะเห็นว่าเขาจริงจังกับงานสุด ๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้วเขาเครียดจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
เท่าที่เห็น จางลี่น่าจะชอบร่างเดิมจริง ๆ และฉีเฟิงก็ค่อนข้างปักใจกับจางลี่มากเช่นกัน
อันที่จริง หากสองคนนั้นคบกันก็คงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมไม่น้อย คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลา ทำงานเก่ง ดูแลคนเป็น ส่วนอีกคนก็เป็นหญิงสาวร่างเพรียวระหง ใบหน้าสวยหยดเหมือนดารา เป็นถึงลูกสาวของท่านประธานบริษัท
แต่เรื่องราวในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจไปเสียหมด คุณหนูจางลี่ผู้เพียบพร้อมดันมาหลงรักเด็กหนุ่มพนักงานใหม่เข้าเสียได้
หากอยากแก้แค้น ฉินอวี่สามารถแกล้งรับรักหญิงสาวเพื่อทำให้ฉีเฟิงอกแตกได้ เป็นการแก้แค้นแบบง่าย ๆ ที่น่าจะได้ผลเร็วที่สุด แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ
ข้อแรก ฉินอวี่ไม่ได้ชอบเธอ และเธอเป็นคนดี ไม่ควรต้องมาถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำภารกิจนี้
ข้อสอง ไม่ใช่เพียงแค่ร่างเดิมที่ชอบผู้ชาย แต่เขาเองก็ชอบผู้ชายเช่นกัน ถึงจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน แต่เขารู้ตัวเองมาตั้งนานแล้วว่าไม่สามารถชอบผู้หญิงได้จริง ๆ
และถึงฉินอวี่จะไม่สามารถรับรักจางลี่ได้ แต่ความหวังดีของเธอที่มอบให้เป็นครั้งคราวนี้เขาก็ยินดีจะรับเอาไว้ด้วยความเต็มใจ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงาน งานที่ต้องทำเลยมีไม่เยอะ เมื่องานเสร็จไว พนักงานจึงได้รับอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาได้
“เฮ้อ พรุ่งนี้ก็หยุดแล้ว คืนนี้จะไปดูไลฟ์ของท่านเลวี่ให้หนำใจไปเลย ไม่เช้าไม่นอน”
เสียงบ่นพึมพำจากรุ่นพี่โต๊ะด้านข้างทำให้ฉินอวี่หันไปมองอย่างสงสัย เขาเอ่ยถามยิ้ม ๆ “ไลฟ์อะไรเหรอครับ”
หลี่จิ้งสะดุ้งสุดตัว เมื่อกี้เธอเผลอพูดสิ่งที่คิดเอาไว้ออกมาเสียได้!
“อ๋อ ไม่มีอะไรจ๊ะ ก็ไลฟ์สดทั่วไปนี่แหละ อย่าไปบอกใครล่ะว่าพี่บ้าผู้ชาย” ประโยคหลัง หญิงสาวทำท่าเอนตัวเข้ามากระซิบท่าทางดูลึกลับจนฉินอวี่แกล้งขำออกมาตามน้ำ ดวงตาทอประกายลึกล้ำ
ท่าทางแบบนี้ดูก็รู้ว่าหลี่จิ้งไม่อยากบอก ตามมารยาทแล้วเขาก็ไม่ควรไปเค้นถาม แต่ที่ทำให้ติดใจคืออาการตกใจที่เกินจริงนั่นต่างหาก
พูดถึงการไลฟ์ ในชาติก่อนที่โลกเดิมของเขาก็มีอยู่ให้เกลื่อน แถมประเภทของไลฟ์ยังมีมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งการขายของ เอนเตอร์เทน เล่นเกม ทำอาหาร ไม่ว่าอะไรก็มีหมด
ทว่าหลี่จิ้งกลับทำให้ฉินอวี่สงสัยขึ้นมาเสียแล้ว หลังจากนี้คงต้องไปหาข้อมูลเอาไว้บ้างแล้วล่ะ ตอนนี้ชีวิตของเขาถูกผูกติดไว้กับภารกิจเฮงซวยนั่น ข้อมูลต่าง ๆ ต่อให้เล็กน้อยเท่าขี้มด เขาก็ยังอยากรู้เอาไว้เผื่อว่ามันจะมีประโยชน์ในอนาคต
ทั้งคู่เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างเป็นธรรมชาติ พลางเดินออกมาจากออฟฟิศพร้อมกัน จากนั้นก็แยกกันไปคนละทาง
ฉินอวี่ที่ตอนนี้อยู่ในสถานะจนกรอบย่อมต้องขึ้นรถเมล์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ชาติก่อนเขาบ่นในใจทุกครั้งที่ต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานในช่วงเวลาเร่งด่วน ผู้คนที่มากมายอย่างกับหนอน นายชนฉัน ฉันเหยียบนาย หายใจรดคอกันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก
มาชาตินี้ดันหนักกว่าเดิมเสียอีก เพราะเขาต้องประหยัดเงินแล้วเลือกมาขึ้นรถเมล์แทน ยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนอย่าว่าแต่ที่นั่งเลย แม้แต่ที่ยืนก็แทบไม่มี
ทว่าวันนี้ราวกับเขาพกโชคดีมาด้วย เมื่อขึ้นมาบนรถก็เห็นว่าที่นั่งท้ายสุดยังว่างอยู่ ดวงตาสีน้ำเงินหยีลงอย่างดีใจแล้วรีบเดินไปนั่งลงทันที
ฉินอวี่ควักเงินจ่ายค่ารถเสร็จก็หันมองออกไปนอกหน้าต่าง เมินทุกสายตาที่ลอบมองมายังตนเอง
ทำไงได้ ก็ร่างนี้หน้าตาดีมากเลยนี่นา
ร่างนี้หน้าตาเหมือนฉินอวี่ในชาติก่อนอย่างกับแกะ ต่างกันตรงที่สีผิวและสีผมเท่านั้น เขาในชาติก่อนให้อารมณ์หล่อเข้ม ส่วนร่างนี้กลับดูนุ่มนวลมากกว่า สีผิวสว่างจ้าเหมือนพกหลอดไฟส่วนตัว ใบหน้าขาวใสหล่อเหลาที่บางมุมก็ดูน่ารักราวกับไอดอลหนุ่มน้อยที่หลุดมาจากทีวี
อันที่จริง หากร่างเดิมเลือกไปทางสายไอดอลก็คงดังน่าดู เสียก็แต่อีกฝ่ายดันเป็นคนขี้อายพอตัว
ส่วนเขาน่ะเหรอ เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ตอนนี้ขอแค่เอาตัวรอดจากธงหายนะที่มีชื่อว่าฉีเฟิงได้เขาก็พอใจแล้ว
ระหว่างที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดคนเดียว จู่ ๆ ฉินอวี่ก็ได้ยินเสียงของเด็กนักเรียนหญิงสองคนที่นั่งด้านหน้ากระซิบกระซาบกันขึ้นมา
“แก! ท่านเลวี่ไลฟ์ล่ะ”
“เห้ย จริงเหรอ ไหนบอกว่าจะไลฟ์ช่วงค่ำไง ทำไมมาไวจัง” นักเรียนหญิงที่นั่งริมกระจกรีบหันไปก้มมองโทรศัพท์เพื่อนอย่างรวดเร็ว
“ดีนะที่ฉันเข้าเว็บไปดูอย่างอื่นพอดี ไม่งั้นพลาดแน่”
ท่าทางของทั้งคู่ดูดีใจมาก อันที่จริงฉินอวี่จะไม่สนใจก็ได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจกลับเป็นชื่อนั้นมากกว่า
ท่านเลวี่...
วันนี้ได้ยินชื่อนี้มาสองครั้งแล้ว ทั้งระยะเวลายังใกล้กันมากด้วย ชายหนุ่มแอบจดจำชื่อนี้เอาไว้ในใจเงียบ ๆ
ขึ้นชื่อว่าเป็นรถเมล์ แม้ที่พักของร่างเดิมจะอยู่ไม่ห่างจากบริษัทมากนักแต่ก็ยังใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึง
“เฮ้อ” ชายหนุ่มผมทองถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน การนั่งรถเมล์นาน ๆ นี่เมื่อยใช้ได้เลย
ที่พักของร่างเดิมตั้งอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในใจกลางมหานครอันรุ่งเรือง เป็นอาคารขนาดเล็กที่มีเพียงสามชั้นเท่านั้น สภาพภายนอกดูเก่า ผนังปูนสีลอกออกมาเป็นแผ่น บางจุดมีรอยดำคล้ำจากกาลเวลา ว่าข้างนอกดูแย่แล้ว ข้างในก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย กระทั่งลิฟต์ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
ฉินอวี่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ชาติก่อนถึงเขาจะเป็นพนักงานกินเงินเดือนตำแหน่งล่างสุด แต่เรื่องอย่างที่พักเขากลับพิถีพิถันค่อนข้างมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เอาไว้อาศัยเพียงอย่างเดียวทว่ามันยังต้องเป็นสถานที่ที่จะทำให้เขาอุ่นใจเวลาที่กลับมาด้วย
ส่วนที่นี่...
แค่มองดูก็รู้ว่าโคตรน่ากลัว ที่เขาบอกกันว่าราคาบ้านคัดคนอันนี้ไม่เกินจริงแต่อย่างใด เนื่องจากหอพักแห่งนี้เก่ามาก ค่าเช่าย่อมต้องถูกเป็นธรรมดา มันเลยทำให้ภายในอาคารหลังนี้มีแต่ลูกจ้างแรงงานรายได้น้อยพักอาศัย หลังเลิกงานวัน ๆ ถ้าไม่ตั้งวงเล่นไพ่ก็เอาแต่กินเหล้ากันไม่หยุด
จากความทรงจำของร่างเดิม ภาพที่เห็นจนชินตาก็คือพอคนพวกนี้เมาแล้วเรื้อน สุดท้ายจะจบลงตรงที่ทะเลาะต่อยตีกันเป็นประจำ
ฉินอวี่เดินเข้าตึกไปด้วยท่าทางเป็นปกติทั้งที่ในใจหนักอึ้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนมา
“อ้าว เสี่ยวอวี่ เลิกงานไวจัง มากินกับพวกลุงไหม”
ชายหนุ่มหันไปตามเสียง คนที่พูดเป็นคุณลุงห้องข้าง ๆ นั่นเอง เขายิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “ไม่เอาดีกว่าครับ”
หลังปฏิเสธไปอีกฝ่ายก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อเพราะรู้ว่าเขาไม่เคยกินอยู่แล้ว
โชคดีเพียงอย่างเดียวก็คือร่างเดิมอาศัยที่อาคารหลังนี้มาตั้งแต่สมัยออกจากสถานสงเคราะห์ ตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กน้อยตัวคนเดียว กำเงินติดตัวที่ได้จากสถานสงเคราะห์มาเช่าห้องที่นี่อยู่ ทั้งเรียนทั้งทำงานหนักไปด้วยจนคนแถวนี้รักเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมนี้แน่ ๆ
“ใครวะ น่ารักดีนี่หว่า”
อย่างเช่นผู้ชายวัยกลางคนผิวเข้มที่กำลังมองมาที่ฉินอวี่ด้วยสายตามีเลศนัยอย่างไม่ปิดบัง
คุณลุงที่ทักฉินอวี่หันไปตบหัวเพื่อนเสียงดังลั่น “อย่าได้คิดเชียวมึง นั่นหลานกู!”
“ตบเสียแรงเลยไอแก่!”
ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงทะเลาะตบตีกันของลุงข้างห้องกับเพื่อนชีกอที่ดังขึ้นมาไม่หยุด
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วสิ่งที่เขาควรทำก็คือการเผ่นให้ไว! ฉินอวี่สบโอกาสตอนที่ทั้งสองไม่ได้สนใจตัวเองรีบพุ่งเข้าตึกไปทันที
ตึกนี้มีสามชั้น ซึ่งแน่นอนว่าห้องของร่างเดิมย่อมอยู่บนสุดเนื่องจากราคาค่าเช่าที่ถูกกว่าชั้นอื่น ชาติก่อนแค่เดินขึ้นบันไดสองชั้นเขายังบ่นแล้วบ่นอีก ชาตินี้ดันอัพเกรดขึ้นเป็นสามชั้นเสียได้
เวรกรรมจริง ๆ
ไม่นานเขาก็เดินมาถึงห้องพักของตัวเอง มือเรียวสวยยื่นกุญแจไปไขประตูห้องที่ดูเปราะบางคล้ายกับว่าเพียงแค่ทุบทีเดียวก็พังแล้ว
ฉินอวี่ส่ายศีรษะอย่างปลงตก อะไรที่เคยไม่ชอบเมื่อชาติก่อน มาชาตินี้ดันได้สัมผัสทุกอย่างเลยจริง ๆ