‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก

 

 

คืนนี้ฉินอวี่ฝันอีกครั้ง

ในฝันเป็นฉากที่ร่างเดิมถูกผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเรียกเข้าไปคุย อีกฝ่ายเป็นคุณลุงรูปร่างอ้วนท้วม แม้ใบหน้าจะดูดุดัน แต่จากแววตากลับเห็นได้ชัดว่าเป็นคนจิตใจดี

ทว่าเวลานี้ผู้อำนวยการกำลังทำสีหน้ายุ่งยากใจ

‘สำหรับเธอที่เป็นเงือกแล้ว การออกไปอยู่ข้างนอกมันค่อนข้างอันตราย แต่ช่วยไม่ได้จริง ๆ สถานรับเลี้ยงของเรามีเด็กเข้ามาใหม่แทบทุกอาทิตย์ ค่าใช้จ่ายมีแต่เพิ่มขึ้นไม่มีลดลงเลย ตามกฎ เด็กที่อายุสิบแปดปีขึ้นไปจะต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกด้วยตัวเอง’

‘ครับ ผมเข้าใจ’ นอกจากเด็กหนุ่มจะไม่ขอร้องอ้อนวอนแล้ว เขากลับพยักหน้าอย่างเต็มใจ 'เป็นผมเสียอีกที่ต้องขอบคุณที่นี่ ที่เลี้ยงผมมาจนโต’

ผู้อำนวยการมองเด็กหนุ่มด้วยแววตาเอ็นดู ใบหน้ายังคงมีร่องรอยของความกังวลที่ปิดไม่มิด 'เธอเป็นเด็กดีฉินอวี่ หลังจากออกไปแล้วหากมีเรื่องให้ช่วยก็ติดต่อมาได้เลยนะ ถ้าช่วยได้ทางนี้ยินดีช่วยเธอเต็มที่’

‘ถ้างั้นวันนี้ผมขออย่างหนึ่งได้ไหมครับ ผมจะขอฝากของสิ่งนี้...’

เงือกน้อยที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะยื่นหนังสือปกแข็งเล่มหนึ่งให้ผู้อำนวยการ มืออวบอ้วนรับมันมาถือไว้อย่างไม่อิดออด

‘นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของเธอตอนถูกรับมาที่ศูนย์แห่งนี้’ ผู้อำนวยการพูดต่อ ‘ฉันจะดูแลให้อย่างดี วันไหนอยากได้คืนก็มาเอาคืนได้ทุกเมื่อนะ’

**

เสียงนาฬิกาปลุกยังไม่ทันดังฉินอวี่ก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว ใบหน้างดงามยับย่น เส้นผมกระเซิง ดวงตาลืมเปิดได้เพียงครึ่งเดียว ทั้งที่อยากนอนต่อแต่เขากลับหลับไม่ลง

ไม่รู้เพราะอะไรเขาดันฝันถึงสมุดเล่มนั้นอีกแล้ว ครั้นจะบอกว่าคิดไปเอง ฝันครั้งแรกก็พอพูดได้อยู่ แต่ฝันสองคืนติดแบบนี้จะให้ไม่คิดอะไรเลยก็คงไม่ได้

ทะลุมิติก็ทะลุมาแล้ว ไอ้การที่ฝันถี่ ๆ แบบนี้ มันจะต้องเป็นการบอกใบ้อะไรบางอย่างแน่นอน

บางอย่างที่แม้แต่ร่างเดิมก็คงลืมมันไป

เมื่อวานฉินอวี่เพิ่งคิดไปเองว่าจะทำตัวเป็นพนักงานใหม่ผู้ขยันขันแข็ง แต่วันนี้ดันกลืนน้ำลายตัวเองเสียแล้ว

หัวหน้างานของเขาคือฉีเฟิง แน่นอนว่าก็ต้องทักไปแจ้งลาป่วยกับหมอนั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้

[หัวหน้าครับ วันนี้ผมปวดท้องมาก ขอลาป่วยหนึ่งวันนะครับ] 05:05

หลังพิมพ์เสร็จก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว

ใช่แล้ว วันนี้เขาจะลองไปที่สถานสงเคราะห์แห่งนั้น หากความฝันนั่นเป็นเรื่องจริง ฉินอวี่ก็จะขอสมุดนิทานเล่มนั้นคืน!

 

แม้สถานสงเคราะห์จะอยู่ในเมืองหลวงเช่นกัน แต่กลับอยู่กันคนละเขต ทำให้ฉินอวี่ต้องนั่งรถนานถึงสี่ชั่วโมงเต็มกว่าจะมาถึงที่นี่

“รอแป๊บนึงนะครับ” ฉินอวี่พูดกับคนขับแท็กซี่ก่อนจะลงจากรถไป

ดวงสีน้ำเงินมองสำรวจสถานที่ตรงหน้าอย่างทั้งแปลกตาและรู้สึกคุ้นเคยมาจากในส่วนลึกของจิตใจ

ทว่าเขาไม่แปลกใจ ถึงยังไงร่างนี้ก็เคยอาศัยที่นี่มาสิบกว่าปี เพิ่งจะได้ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกไม่กี่ปี ไม่แปลกที่อาการคิดถึงจะยังคั่งค้างอยู่

สถานสงเคราะห์มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แม้จะอยู่ในเมืองหลวงแต่กลับอยู่ไปทางชายขอบ โซนรอบข้างบริเวณนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ราวกับชนบทแห่งหนึ่ง ซึ่งมันเหมาะแก่การซ่อนตัวและชุบเลี้ยงเผ่าอมนุษย์สุด ๆ

รถราสัญจรไปมาบางตา นาน ๆ ทีจะผ่านมาสักคัน นี่เป็นเหตุผลที่ฉินอวี่ให้คนขับรถจอดรอเขาแม้ว่าอาจจะต้องจ่ายค่าเสียเวลาเพิ่ม

"เสี่ยวอวี่ไม่ใช่เหรอนั่น" คุณลุงยามเอ่ยทักขึ้นมา แววตาที่มองเด็กหนุ่มผมทองเต็มไปด้วยความดีใจราวกับคนแก่ที่ลูกหลานกลับมาเยี่ยม "มาเยี่ยมผู้อำนวยการเหรอ"

"คุณลุงสบายดีไหมครับ" ฉินอวี่ยิ้มทักทายด้วยความสุภาพ "ผมมาหาผู้อำนวยการน่ะครับ มาไม่นานเดี๋ยวก็กลับแล้ว"

"งั้นเหรอ" คุณลุงยามทำหน้าเสียดาย "ผู้อำนวยการอยู่ในห้องทำงานนั่นแหละ เธอเข้าไปได้เลย"

"ขอบคุณครับ"

ขาเรียวยาวก้าวเข้าไปด้านในสถานสงเคราะห์อย่างคุ้นเคย บรรยากาศภายในนี้ค่อนข้างเงียบ คาดว่าเด็กทุกคนคงกำลังอยู่ในห้องเรียน

ฉินอวี่มีเป้าหมายชัดเจน เขาอาศัยความทรงจำเดินไปยังทิศของห้องผู้อำนวยการโดยไม่มีความลังเล เมื่อมาถึงก็ยกมือขึ้นเคาะไม่กี่ครั้ง

เสียงจากด้านในตอบกลับมาแทบจะทันที “เข้ามา”

มือบางผลักประตูเข้าไปช้า ๆ เจอเข้ากับผู้อำนวยการที่เคยเห็นในความทรงจำ แม้ว่าอีกฝ่ายจะแก่ลงไปมาก แต่ความอ่อนโยนในดวงตากลับยังคงเหมือนเดิม

“ผู้อำนวยการ” น้ำเสียงนุ่มนวลถูกส่งออกไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ อีกฝ่ายกลับเอ่ยขึ้นมาราวกับรู้อยู่แล้ว

“มาเอาหนังสือคืนใช่ไหม”

"..." ฉินอวี่ชะงักไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่าฝันนั้นจะเป็นความจริง อีกทั้งผู้อำนวยการยังเข้าประเด็นได้แบบตรงเผงอีกต่างหาก ชายหนุ่มผมทองพยักหน้า "ครับ ผมมาเอาของที่ฝากไว้"

ผู้อำนวยการมองหน้าเด็กหนุ่มที่เคยดูแลแล้วพลันหัวเราะออกมา “แปลกใจอะไรกัน เธอออกไปตั้งหลายปีนอกจากส่งข้อความมาปีละครั้งก็ไม่เคยโผล่หน้ามาเลย การที่เธอมาถึงที่นี่ได้ก็มีแค่เรื่องเดียว ฉันพูดถูกไหม”

“ก็ถูกนั่นแหละครับ”

หลังตอบกลับไป ผู้อำนวยการกลับเอาแต่มองฉินอวี่ไม่วางตา ก่อนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มโล่งใจ

“...” ฉินอวี่มองอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่เข้าใจ

คุณลุงท่านนี้มองเขาแล้วทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงกัน

“ผ่านไปไม่กี่ปีเธอโตขนาดนี้แล้วนะ” ผู้อำนวยการหัวเราะ “ดูเธอตอนนี้สิ กล้ามายืนเลิกคิ้วใส่ฉันแล้ว เมื่อก่อนเธอขี้อายจะตาย มีอะไรก็ไม่ค่อยพูด ชอบเก็บไว้ในใจคนเดียว สบตากับคนอื่นได้เกินสามวิก็ถือว่าเก่งแล้ว”

ฉินอวี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าไม่ปรับตัวก็คงอยู่ไม่รอดในสังคมข้างนอกนั่นหรอกครับ”

“นั่นสินะ ดีจริง ๆ ดีจริง ๆ”

สิ่งที่เขาไม่ได้บอกผู้อำนวยการ นั่นก็คือจริง ๆ แล้วเด็กหนุ่มที่อีกฝ่ายเคยดูแลไม่ได้โตขึ้นเลย อีกทั้งยังถูกคนอื่นทำให้ตายไปอีกต่างหาก

หนังสือเล่มนี้เป็นของที่ติดมาในกระเป๋าสัมภาระของเด็กน้อยเผ่าเงือก มันคือสมุดนิทานของชาวเงือก ผู้อำนวยการเคยถือวิสาสะอ่านตอนที่เจอเด็กคนนี้ ทว่านอกจากชายแก่จะไม่โลภมากแล้วเขากลับรู้สึกสงสารเสียมากกว่า

หลังจากรับของที่ฝากเอาไว้กลับคืนมา ฉินอวี่อยู่พูดคุยกับผู้อำนวยการอีกสองสามประโยคก่อนขอตัวกลับโดยบอกว่าตอนนี้แท็กซี่กำลังรออยู่

"ไปเถอะ ว่าง ๆ ก็แวะมาเยี่ยมหรือส่งจดหมายมาบ้างนะ เพราะถึงยังไงเธอก็เปรียบเสมือนลูกชายพวกเรา"

"รักษาสุขภาพด้วยนะครับ" ฉินอวี่เอ่ยลา

 

เมื่อกลับมาถึงห้อง ฉินอวี่รีบเปิดเนื้อหาข้างในอ่านอย่างอดใจรอไม่ไหว ยิ่งอ่านหัวคิ้วได้รูปก็ต้องขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่

“อะไรเนี่ย”

มันคือนิทานเล่มหนึ่งที่สื่อถึงคุณค่าของเผ่าเงือก ทว่าไม่ใช่คุณค่าทางด้านจิตใจเหมือนนิทานเด็กของมนุษย์ แต่เป็นคุณค่าทางด้านร่างกายของพวกเขาทั้งหมด

กล่าวคือ ร่างกายของเงือกถือเป็นสิ่งล้ำค่าหาใดเปรียบ ผู้ที่ได้ครอบครองจะราวกับขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าก็ไม่ปาน

เนื้อเงือกเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะ ผู้ใดได้กินก็จะมีอายุยืนยาวเกือบพันปีเรียกได้ว่าแทบจะเป็นอมตะ เป็นเหตุให้เงือกต้องหลบซ่อนตัวตนให้มิดชิดที่สุด

น้ำตาเงือกหรือไข่มุกเงือก มีสีขาวนวลราวกับน้ำนม มันจะออกมาเมื่อเงือกหลั่งน้ำตา ถือเป็นอัญมณีที่มีค่ามาก เชื่อกันว่าไข่มุกจะคอยปกป้องคุ้มครองเจ้าของ อีกทั้งยังสามารถทำให้ความปรารถนาเป็นจริง รักษาอาการป่วยและนำโชคดีมาให้อีกด้วย

และอีกสาเหตุที่ทำให้ไข่มุกเงือกหายาก เนื่องจากเผ่าเงือกไม่ค่อยร้องไห้ เพราะหากต้องร้องไห้จริง ๆ หลังจากนั้นพวกเขาจะเกิดอาการไม่สบายตามมาอีกด้วย

“แบบนี้ก็ไม่ต้องทำงานแล้วสิ แค่เอาตัวเองไปขายก็รวยเละแล้ว” แม้ปากจะพูดเล่น ทว่าใบหน้างดงามกลับซีดเผือดจนแทบไร้สีเลือด

โชคดีจริง ๆ ที่ในเน็ตไม่มีข้อมูลพวกนี้อยู่ด้วย บางทีมันอาจจะโดนองค์กรอะไรสักอย่างปกปิดเอาไว้

เรื่องไข่มุกก็แล้วไปเถอะ แต่เรื่องเนื้อเงือกนี่ฉินอวี่รับไม่ได้จริง ๆ หากในเน็ตมีข้อมูลเรื่องนี้เข้าไปด้วย ไม่ต้องรอให้ฉีเฟิงมาฆ่าเขาหรือระบบมาจัดการหรอก ฉินอวี่คงโดนคนสืบหาตัวตนแล้วตามมาถลกหนังกินตั้งแต่ไลฟ์วันแรกแน่นอน

มือคู่สวยปิดสมุดนิทานดังฉับก่อนโยนส่ง ๆ ไปไว้บนเตียงอย่างหมดความสนใจ เขาหันมาเปิดโน้ตบุ๊คแล้วเข้าไปในเว็บใต้ดินเพื่อหากระทู้ ‘รับจ้างตามใจ’ นั่นอีกครั้ง

ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตัวอินดี้สมชื่อที่ตั้งสุด ๆ ในขณะที่คนอื่นแค่โพสต์ของตัวเองตกลงไปหน้าสองหน้าสามก็จะลบแล้วลงใหม่เพื่อให้มันขึ้นหน้าแรก แต่เจ้าของโพสต์รับจ้างตามใจคนนี้กลับไม่ทำแบบนั้น อีกฝ่ายเลือกที่จะลงโพสต์ครั้งเดียวแล้วปล่อยมันจมลงไป

เหมือนแค่ว่างก็เลยโพสต์แก้เซ็งยังไงยังงั้น

ครั้งนี้กว่าเขาจะหาเจอก็ปาเข้าไปหน้าที่แปดสิบกว่ากันเลยทีเดียว

“หวังว่าเขาจะยังรับงานนะ”

เสียงหวานพึมพำคนเดียว ปลายนิ้วเลื่อนไปกดส่งข้อความหาอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

“สวัสดีครับ ผมสนใจอยากจ้างคุณทำงานสักหน่อย”

โชคดีที่อีกฝั่งดูเหมือนว่าจะกำลังออนไลน์อยู่พอดีจึงตอบกลับมาด้วยความรวดเร็ว

[บลัด : งานอะไร]

นั่นสิ งานอะไร...

ฉินอวี่นิ่งค้างจ้องคำถามของอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ ใช่แล้ว เขาลืมคิดไปเสียสนิท!

[บลัด :? ยังอยู่ไหม]

เจ้าของแอคเค้าท์ที่ใช้ชื่อว่าบลัดทักฉินอวี่มาอีกครั้ง เพียงแต่เขายังคิดไม่ออกจริง ๆ

“อยู่ครับ”

[บลัด : ท่าทางนายยังไม่ได้คิดเลยสินะว่าจะจ้างให้ไปทำอะไร]

ราวกับอีกฝ่ายมีพลังมองทะลุ เพียงแค่เขาเงียบไปไม่นานก็สามารถคาดเดาได้ทุกอย่าง อีกทั้งยังตรงเผงอีกด้วย!

ไม่รอให้ฉินอวี่ได้ตอบอะไร บลัดก็ส่งข้อความมายาวเหยียด

[บลัด : เอาเถอะ ปกติฉันไม่รับงานมั่วซั่ว แต่ช่วงนี้กำลังเซ็ง ๆ อยู่พอดี เอาเป็นว่าฉันรับงานนายแล้วกัน ค่ามัดจำการทำงาน 20,000 เหรียญ ยอดที่เหลือต้องดูก่อนว่างานที่จะให้ทำระดับความยากอยู่ที่เลเวลไหน ไปคิดรายละเอียดงานมาด้วยล่ะ เจอกันวันอาทิตย์ตอนเที่ยงที่ร้านซันเซ็ทศูนย์การค้าหมายเลขสี่]

"..."

ฉินอวี่งงเป็นไก่ตาแตก

เขาเชื่อแล้วว่าอีกฝ่ายอินดี้ ขนาดไม่รู้รายละเอียดงานก็ยังรับ แถมมัดมือชกอีกด้วย!

นี่สรุปใครจะจ้างงานใครกันนะ?

ฉินอวี่ลองเชิง “แล้วถ้าผมให้ไปฆ่าคนล่ะ”

[บลัด : นั่นขึ้นอยู่กับว่านายเงินถึงไหม]

คำตอบนี้เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าอีกฝ่ายทำได้ทุกอย่าง

“เอาก็เอาวะ” มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงต้องลองดูไปก่อน

ฉินอวี่โอนเงินค่ามัดจำสองหมื่นเหรียญให้บลัดด้วยหัวใจเจ็บแปลบ ถึงจะยังมีเงินที่ไม่ได้ถอนอีกครึ่งแสน แต่ดูจากราคามัดจำแล้วเขาคิดว่าค่าจ้างส่วนที่เหลือต้องชวนกระอักเลือดแน่นอน

[บลัด : ได้รับยอดเรียบร้อย ขอบคุณที่อุดหนุน วันอาทิตย์นี้เจอกันตอนเที่ยง]

“...”

ฉินอวี่มองข้อความพูดเองเออเองของบลัดโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาให้กำลังใจตัวเอง หวังว่าจะตัดสินใจถูกที่เลือกคนคนนี้มาทำงานให้

แต่ก่อนอื่น ภายในสามวันนี้คงต้องเร่งมือหาเงินอีกแล้วสินะ ลำพังแค่การไลฟ์ดูดวงกับโดเนทจากคนดู เขากังวลว่ายอดที่ได้มันอาจจะไม่พอให้จ้างบลัดเนี่ยสิ

คิดไปคิดมาสุดท้ายเงือกมือใหม่แบบฉินอวี่ก็นึกออกแค่ตำนานที่เพิ่งอ่านไปเท่านั้น

ไข่มุกเงือก...

เรื่องคนซื้อฉินอวี่มั่นใจว่าต้องมีคนซื้อแน่นอน ไม่รู้เพราะอะไร แต่เขามั่นใจว่าหนึ่งในคนที่ซื้อจะต้องมีคุณเอลคนนั้นด้วยแน่นอน แต่จะให้ขายไข่มุกเป็นเม็ด ๆ เขาก็กลัวว่ามันอาจจะไปล่อเป้าพวกคนประหลาดเข้า

หลังจากครุ่นคิดจนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หลายชั่วโมง ฉินอวี่ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าเขาจะทดลองทำเครื่องประดับที่มีส่วนประกอบของไข่มุกดู และสิ่งสำคัญเลยก็คือห้ามให้คนอื่นรู้ว่ามันมีไข่มุกอยู่ด้วย!