‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 12 ร้องไห้ โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 12 ร้องไห้

 

 

นอกจากเรื่องที่ต้องทำภารกิจบ้า ๆ ฉินอวี่ก็ไม่ได้มีเรื่องเศร้าอะไรถึงขนาดที่ต้องร้องไห้ แน่นอนว่าพอเขาร้องไห้ไม่ออกจึงใช้วิธีเอาหัวหอมมาหั่นเสียเลย

“ฮึก แสบฉิบ”

มีดถูกวางลงก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาจนแดงช้ำ น้ำตาที่ควรจะเป็นสีใสบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเม็ดไข่มุกร่วงกราวลงมาเต็มเขียง

รอจนกระทั่งความปวดแสบปวดร้อนหายไป ฉินอวี่สูดน้ำมูกดังซู้ดพลางกะพริบตาจ้องมองเม็ดไข่มุกที่ออกมาจากร่างกายตนเองตาปริบ ๆ

นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบไข่มุกเม็ดกลมขึ้นมาส่องกับแสงไฟในห้อง มันมีสีขาวนวลราวกับหยกสะท้อนประกายระยิบระยับงดงามจับตา ผิวสัมผัสเรียบลื่นไร้ร่องรอยขรุขระ และเนื่องจากมันเพิ่งออกมาจากร่างกายจึงยังคงมีความอุ่นอยู่เล็กน้อย

“สวยโคตร”

ฉินอวี่ชมเปาะ รู้สึกว่าร่างเดิมนี่ช่างโง่เสียจริงมีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ แค่บีบน้ำตาสักสองสามทีก็มีเงินใช้สบาย ๆ โดยไม่ต้องทำงานแล้ว!

มือเรียวยกก้อนหินที่เก็บมาตอนลงไปซื้อเครื่องประดับใกล้ ๆ ที่พักขึ้นมา ก่อนจะลงมือทุบไข่มุกอย่างไม่ลังเล!

ตุบ! ตุบ!

ไข่มุกอันเลอค่าถูกการกระทำป่าเถื่อนจากเจ้าของจนกลายสภาพเป็นผุยผงในพริบตา แต่ถึงจะเป็นผงไปแล้ว มันก็ยังคงไม่สูญเสียความงดงามในตัวเองไป ผงไข่มุกสีขาวส่องประกายงดงามคล้ายกากเพชร เศษผงบางส่วนปลิวสะท้อนกับแสงไฟราวกับม่านหมอกลวงตา

มันสวยเสียจนฉินอวี่รู้สึกเสียดาย แต่เพื่อเงินแล้วเขาจึงได้แต่ทำใจแข็งฝืนข่มอาการปวดหัวปวดตา หยิบผงไข่มุกบางส่วนใส่ลงไปในเครื่องประดับราคาถูกที่ลงทุนไปซื้อมาเพื่อการนี้อย่างระมัดระวัง

เครื่องประดับที่ฉินอวี่เลือกมาเป็นสร้อยที่มีจี้ทรงกลมฉลุลวดลายงดงาม ตัวเรือนเป็นแบบประกบกันสองด้านสามารถเปิดออกได้ ด้านในมีฟองน้ำขนาดเล็กใส่เอาไว้ด้วยหนึ่งชิ้น อันที่จริงของชิ้นนี้เป็นเครื่องประดับสำหรับใส่น้ำมันหอมระเหย ทว่าด้วยสมองอันชาญฉลาดเขาจึงนำมันมาดัดแปลงเปลี่ยนจากน้ำมันหอมระเหยเป็นการยัดผงไข่มุกเข้าไปซ่อนไว้ในฟองน้ำแทน

ฉินอวี่ทำสร้อยเสร็จไปราว ๆ สิบกว่าชิ้น รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าด้านนอกก็มืดเสียแล้ว ซึ่งหมายความว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไลฟ์อีกแล้ว

“เหนื่อยฉิบ”

 

ฉินอวี่เปิดไลฟ์ตรงเวลา

“สวัสดีครับทุกคน”

 

[พนักงานทาส : กรี๊ด มาแล้ว ๆ คิดถึงจังเลยค่า] 

[คนผ่านทาง : พี่ชายยย วันนี้หนูอยากดูดวง!] 

[หลงรักชาเขียว : เงือกน้อยของฉันมาแล้ว] 

[อย่าให้รวยบ้างแล้วกัน : มารอดูคนจุดพลุ] 

 

(เอล : พลุ x1) 

 

หน้าจอไลฟ์ช่องอาอวี่เต็มไปด้วยพลุหลากสีกินเวลายาวนานนับสิบวิเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด เงือกมือใหม่ที่นั่งอยู่หลังจอถึงกับอมยิ้มมองภาพนี้ด้วยหัวใจฟูฟ่อง

“ขอบคุณครับคุณเอล”

 

[คนกลางวัน : ของแท้เลยอะคนนี้ มาจุดทุกวันจริงด้วย!] 

[vivvac : ฉันกลับสงสัยว่าคุณคนนี้ทำงานอะไรมากกว่า...]

[คนขี้เผือก : ไม่แน่อาจจะเป็นประธานบริษัทขี้เบื่อเลยมาละลายเงินเล่น?] 

[catcat : หรือจะเป็นเศรษฐีบ่อน้ำมัน?]

 

เจ้าของโดเนทพลุหลากสีโดนคนดูในช่องไลฟ์คาดเดาอย่างออกรสออกชาติ ทว่าคนที่กำลังโดนนินทากลับเงียบกริบเหมือนไม่มีตัวตนเหมือนเคย แต่ทุกคนเป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในไลฟ์อาอวี่ไม่ไปไหน

ฉินอวี่ไม่ได้รีบขายของตั้งแต่เปิดไลฟ์ เขาดูดวงให้คนดูก่อน โชคดีที่วันนี้ไม่มีคอมเมนต์ป่วนเข้ามาแบบเมื่อวาน บรรยากาศในไลฟ์จึงค่อนข้างสงบเรียบร้อย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เขาพอใจเป็นอย่างมาก

กระทั่งใกล้ได้เวลาปิดไลฟ์เขาถึงได้นำสร้อยคอที่ผ่านการดัดแปลงแล้วขึ้นมาวางบนโต๊ะ ไม่รู้เป็นเพราะว่าสร้อยนี้มีส่วนประกอบของมุกเงือกหรือเปล่าทั้งที่มันเป็นแค่สร้อยคอราคาถูก แต่บัดนี้ตัวจี้กลับเปล่งประกายระยิบระยับสวยงามจนคนดูพากันมองของชิ้นนี้ไม่วางตา

 

[ทาสรักอาอวี่ : นี่คือ?]

[ชอบกินเนื้อ : เหมือนสร้อยของเล่นราคายี่สิบเหรียญเลย] 

 

“นี่คือสร้อยโชคดี ถึงภายนอกจะไม่ได้แพงอะไรแต่มันจะทำให้ผู้ที่สวมใส่มีแต่ความโชคดีสมหวังดั่งใจคิดแน่นอน” ฉินอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลซึ่งสะกดใจคนฟังได้เป็นอย่างดี

 

[สาวกปีศาจ : กรี๊ด! เอา ฉันเอา] 

[กินเผือก : ฉันเหมา ฉันจะเอา] 

[มินมิน : เมนต์บนอย่าเห็นแก่ตัวนะ แบ่ง ๆ คนอื่นบ้าง!] 

[ชีชี : เท่าไหร่คะ ฉันต้องการของสิ่งนี้!] 

 

เหล่าคนดูต่างตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว พวกเขาไม่รู้หรอกว่าสร้อยนี่มันจะได้ผลจริงสมกับคำเคลมไหม แต่นี่เป็นของที่ขายโดยเงือกซึ่งถูกตั้งฉายาลับ ๆ จากแฟนคลับว่าเทพแห่งการอวยพรเชียวนะ แล้วแบบนี้จะไม่ซื้อได้ยังไง!

เป็นเพราะฉินอวี่คิดราคาดูดวงถูกมาก ทุกคนจึงคิดว่าของที่เขานำมาขายก็ต้องมีราคาถูกเช่นกัน

ฉินอวี่ยิ้มกว้างอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น “ราคาชิ้นละหนึ่งหมื่นเหรียญครับ”

 

[...] 

[…] 

[กินเผือก : เอ่อ แคก ๆ ฉะ ฉันว่าฉันไม่ไหว ขอให้ขายดี ๆ นะคะ] 

[สาวกปีศาจ : นี่ของที่เงือกขายเลยนะ ใครอยากซื้อก็รีบเร่เข้ามาเร็ว!] 

 

หลังได้ยินราคา ผู้คนที่ออกตัวแย่งซื้อเมื่อกี้ก็พากันกลับคำแทบไม่ทัน

พวกเขาอยากพิมพ์ว่า แพงมาก! แพงฉิบหาย! ทว่าก็ได้แต่ยั้งมือเอาไว้

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉินอวี่เท่าไร เขาจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก หลังจากรออยู่หลายนาที

“ถ้าไม่มีใครสนใจงั้นผมเก็บแล้วนะครับ”

 

[เอล : 1] 

 

คอมเมนต์นี้ทำเอาช่องแชตเกิดอาการปั่นป่วนอีกครั้ง มันไม่ใช่ว่าทุกคนตกใจที่สร้อยกาก ๆ ขายออก แต่พวกเขาตกใจที่คุณเอลท่านนั้นคอมเมนต์ครั้งแรกต่างหาก!

ขนาดอาอวี่ชวนคุยหลายรอบอีกฝ่ายก็เอาแต่นิ่งเงียบอย่างเดียว ทว่าเพื่อซื้อสร้อยเขาถึงกับยอมคอมเมนต์แล้ว!

“ขอบคุณนะครับคุณเอล หลังจบไลฟ์เดี๋ยวผมทักหานะครับ”

ไม่มีการตอบกลับเหมือนเคย แต่ฉินอวี่ที่เริ่มชินกับนิสัยอีกฝ่ายแล้วกลับเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องพูดซ้ำ

ในขณะที่เขาคิดว่าวันนี้คงขายได้แค่ชิ้นเดียวและกำลังเตรียมที่จะปิดไลฟ์ จู่ ๆ กับมีข้อความเด้งขึ้นมาอีกครั้ง

 

[บลัด : ฉันขอด้วยหนึ่งชิ้นสิ] 

 

“!!”

เชี่ย

ไอ้หมอนี่มันตามมาถึงในไลฟ์ทำไมเนี่ย!

โอเค ตอนที่ทักไปหาอีกฝ่ายเขาไม่ได้ปิดบังตัวตนก็จริง แต่ใครจะไปคิดว่าหมอนี่ดันตามมาถึงในนี้กันล่ะ

ฉินอวี่ตั้งสติก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ขอบคุณนะครับ”

จากนั้นเขาก็รีบบอกลาคนดูและปิดไลฟ์ลงอย่างรวดเร็ว

จุดมุ่งหมายคือช่องสนทนาส่วนตัว แต่คนแรกที่ฉินอวี่ทักไปไม่ใช่คุณเอลทว่าเป็นบลัด

“ทำอะไรของคุณ”

[บลัด : ฉันทำอะไร]

“คุณมาซื้อของผมทำไม”

[บลัด : แล้วทำไมซื้อไม่ได้ล่ะ นายเลือกลูกค้าเหรอ]

ประโยคนี้ช่างยียวนจนฉินอวี่คิ้วกระตุก ถ้าไม่ติดว่าโอนเงินไปมัดจำค่าจ้างให้หมอนี่แล้ว เขาล่ะอยากจะด่าออกมาหยาบ ๆ เสียจริง

“ช่างเถอะ”

ฉินอวี่ขี้เกียจถามต่อ ถึงจะยังไม่เคยเจอหน้าอีกฝ่ายแต่เขาก็พอเดานิสัยของบลัดได้แล้วว่าเป็นคนยังไง

ถ้าให้พูดง่าย ๆ ล่ะก็ ไอ้หมอนี่แค่พอใจที่จะทำแบบนี้ก็เท่านั้น

[บลัด : ค่าของไม่จ่ายนะ ถือเป็นค่าจ้างล่วงหน้า]

“ไอ้!” เวร

ฉินอวี่ตะโกนออกมาก่อนจะรีบหุบปากฉับเนื่องจากเพิ่งนึกได้ว่าผนังห้องของตึกนี้บางมาก และตอนนี้ก็ดึกแล้ว ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์

ดูเหมือนว่าเขาจะโดนไอ้หมอนี่เอาเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลวมตัวไปแล้ว

กฎการซื้อขายของทางเว็บระบุเอาไว้ชัดเจนว่าไม่คุ้มครองกรณีโดนโก่งราคา แต่จะคุ้มครองในตอนที่โดนโกงเท่านั้น และบลัดก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกงด้วย

ฉินอวี่พ่นลมออกจมูก พิมพ์ตอบกลับ “ครับ แล้วแต่คุณเถอะ!”

หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจคนบ้านั่นซะ ปลายนิ้วเลื่อนไปกดแชตหาคุณเอลต่อ

“สวัสดีครับคุณเอล”

[เอล : สวัสดี]

นี่เป็นการพูดคุยกับผู้สนับสนุนรายใหญ่ครั้งแรก ฉินอวี่ตื่นเต้นจนหัวใจรัวกระหน่ำเหมือนตอนเจอไอดอลก็ไม่ปาน ใบหน้างดงามอมยิ้ม

“ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอดเลยนะครับ อันที่จริงคุณเอลไม่ต้องโอนก็ได้นะเดี๋ยวผมส่งให้ฟรี”

ถึงจะอยากหาเงิน แต่พอเอาเข้าจริงโรคขี้เกรงใจของฉินอวี่ดันกำเริบขึ้นมาอีกครั้งจนได้ กับคนที่สนับสนุนกันมาตลอดแบบนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ทำใจคิดเงินไม่ลงจริง ๆ

[เอล : ของซื้อของขาย ส่งเลขบัญชีมาเถอะเดี๋ยวฉันโอนให้]

ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันแบบนั้น ฉินอวี่ก็ไม่อยากขัดให้เสียบรรยากาศ หลังจากได้รับเงินและที่อยู่จัดส่งมาเขาก็ไม่วายขอบคุณไปอีกหลายครั้ง

[เอล : ไม่เป็นไร แค่เธอมาไลฟ์ทุกวันก็พอแล้ว]

ฉินอวี่เอ่ยแซว “แล้วจะโดเนททุกวันมั้ยครับ”

[เอล : อือ]

“ผมล้อเล่น...”

[เอล : แต่ฉันพูดจริง]

“...”

โอเค ถ้าคุณอยากเปย์ขนาดนั้นผมก็จะน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าจะขอคืนน่ะ ไม่มีให้หรอกนะ!

[เอล : นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอรีบไปนอนเถอะ]

“ฝันดีนะครับคุณเอล”

[เอล : เธอก็ด้วย]

ฉินอวี่ยิ้มบาง ตอนแรกเขาคิดว่าคุณเอลคนนี้จะต้องเป็นคนเย็นชาเข้าถึงยากมากแน่ ๆ แต่พอได้มาคุยแล้วกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีที่อ่อนโยนมากเลยทีเดียว

หลังจากจบภารกิจของวันนี้ ฉินอวี่เดินไปล้มตัวลงนอนด้วยความรวดเร็ว อันที่จริงเขารู้สึกปวดหัวปวดตามาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วแต่ก็ต้องข่มเอาไว้เพราะไม่มีเวลาไปหาซื้อยา

ใช่แล้ว เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าในห้องนี้ไม่มีแม้แต่ยาแก้ปวดสักแผง!

ครั้นจะรอไลฟ์เสร็จแล้วลงไปซื้อมันก็ดึกเกินไป ระหว่างเสี่ยงดวงลงไปหาร้านขายยาเขาขอเลือกอดทนยันเช้าดีกว่า

 

ไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉินอวี่เผลอหลับไปตอนไหน เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยอาการงุนงง อาการปวดหัวหายไปแล้วหลายส่วน นี่เป็นเรื่องดีเพราะวันนี้เขาจะลางานอีกไม่ได้แล้ว

หลังจากทรมาทรกรรมอยู่บนรถเมล์ร่วมชั่วโมง ในที่สุดฉินอวี่ก็มาถึงออฟฟิศเสียที

ตอนนี้เช้าตรู่ ในออฟฟิศยังไม่มีใครมาสักคน ทว่าเมื่อเดินมาที่โต๊ะทำงานกลับเห็นหลี่จิ้งฟุบหน้าอยู่เสียอย่างนั้น

“พี่หลี่จิ้งมาไวจังนะครับ”

ฉินอวี่เอ่ยทักไปตามความเคยชิน ทันใดนั้นรุ่นพี่สาวก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาบอบช้ำ “ฉินอวี่ พี่จะทำไงดี”

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

ใบหน้าของหลี่จิ้งแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย หยาดน้ำเอ่อคลอพานจะไหลลงมารอมร่อ

“พี่ทำงานไม่เสร็จน่ะสิ จู่ ๆ เมื่อคืนหัวหน้าก็แชตมากลางดึก พี่ที่กำลังดูไลฟ์ของท่านเลวี่ดันเผลอไปกดเปิดอ่านเข้าพอดี พออ่านแล้วจะไม่ตอบก็ไม่ได้ สุดท้ายหัวหน้าดันโยนงานให้พี่ทำแถมบอกว่าต้องเสร็จก่อนสิบโมงวันนี้อีกด้วย” หลี่จิ้งพูดยาวเหยียด ยกมือขึ้นมาขยุ้มผมตัวเองจนยุ่งไปหมด

“หา” ฉินอวี่อุทาน

ไอ้ฉีเฟิงมันบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าต้องการแกล้งเขาอันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอนี่ถึงต้องทำแบบนี้กับหลี่จิ้ง

มือเรียวล้วงโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมาเปิดแชต จากนั้นก็ต้องถึงบางอ้อเมื่อเห็นว่าแชตของตัวเองก็มีข้อความจากหัวหน้าเช่นกัน เพียงแต่นิสัยของฉินอวี่คือจะชอบปิดเสียงตั้งแต่หัวค่ำเพื่อกันการรบกวน

ดูท่าคุณหัวหน้าท่านนี้คงวางแผนมาแล้วว่าต้องการโยนงานให้ฉินอวี่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ตอบกลับ ในเมื่อติดต่อหาเขาไม่ได้ งั้นก็ได้แต่ต้องหาเหยื่อคนใหม่แทน

“นี่มันไม่ใช่งานของพี่ด้วยซ้ำ ทำไม่บอกไปครับว่าทำไม่ได้”

“หัวหน้าเขาบอกว่าถ้าโปรเจกต์นี้ผ่าน คนที่มีส่วนร่วมจะได้เลื่อนขั้นนี่นา” หลี่จิ้งเสียงอ่อย

อันที่จริงเธอไม่ได้ต้องการแสวงหาลาภยศตำแหน่งสูง ๆ อะไรหรอก เพียงแต่การเลื่อนขั้นมันจะทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น และเมื่อเงินเดือนเพิ่มก็หมายความว่าเธอจะมีเงินไปเปย์สุดที่รักเพิ่มยังไงล่ะ!

ครั้นรู้ตัวว่าคิดผิดก็สายไปเสียแล้ว การทำงานไม่ใช่การเล่นขายของที่เดี๋ยวบอกว่าจะทำ อีกสักพักบอกว่าไม่อยากทำแล้วได้ หากรับปากไปแล้วนั่นหมายความว่าต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น