‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
นอกจากเรื่องที่ต้องทำภารกิจบ้า ๆ ฉินอวี่ก็ไม่ได้มีเรื่องเศร้าอะไรถึงขนาดที่ต้องร้องไห้ แน่นอนว่าพอเขาร้องไห้ไม่ออกจึงใช้วิธีเอาหัวหอมมาหั่นเสียเลย
“ฮึก แสบฉิบ”
มีดถูกวางลงก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาขยี้ตาจนแดงช้ำ น้ำตาที่ควรจะเป็นสีใสบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นเม็ดไข่มุกร่วงกราวลงมาเต็มเขียง
รอจนกระทั่งความปวดแสบปวดร้อนหายไป ฉินอวี่สูดน้ำมูกดังซู้ดพลางกะพริบตาจ้องมองเม็ดไข่มุกที่ออกมาจากร่างกายตนเองตาปริบ ๆ
นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบไข่มุกเม็ดกลมขึ้นมาส่องกับแสงไฟในห้อง มันมีสีขาวนวลราวกับหยกสะท้อนประกายระยิบระยับงดงามจับตา ผิวสัมผัสเรียบลื่นไร้ร่องรอยขรุขระ และเนื่องจากมันเพิ่งออกมาจากร่างกายจึงยังคงมีความอุ่นอยู่เล็กน้อย
“สวยโคตร”
ฉินอวี่ชมเปาะ รู้สึกว่าร่างเดิมนี่ช่างโง่เสียจริงมีของดีอยู่กับตัวแบบนี้ แค่บีบน้ำตาสักสองสามทีก็มีเงินใช้สบาย ๆ โดยไม่ต้องทำงานแล้ว!
มือเรียวยกก้อนหินที่เก็บมาตอนลงไปซื้อเครื่องประดับใกล้ ๆ ที่พักขึ้นมา ก่อนจะลงมือทุบไข่มุกอย่างไม่ลังเล!
ตุบ! ตุบ!
ไข่มุกอันเลอค่าถูกการกระทำป่าเถื่อนจากเจ้าของจนกลายสภาพเป็นผุยผงในพริบตา แต่ถึงจะเป็นผงไปแล้ว มันก็ยังคงไม่สูญเสียความงดงามในตัวเองไป ผงไข่มุกสีขาวส่องประกายงดงามคล้ายกากเพชร เศษผงบางส่วนปลิวสะท้อนกับแสงไฟราวกับม่านหมอกลวงตา
มันสวยเสียจนฉินอวี่รู้สึกเสียดาย แต่เพื่อเงินแล้วเขาจึงได้แต่ทำใจแข็งฝืนข่มอาการปวดหัวปวดตา หยิบผงไข่มุกบางส่วนใส่ลงไปในเครื่องประดับราคาถูกที่ลงทุนไปซื้อมาเพื่อการนี้อย่างระมัดระวัง
เครื่องประดับที่ฉินอวี่เลือกมาเป็นสร้อยที่มีจี้ทรงกลมฉลุลวดลายงดงาม ตัวเรือนเป็นแบบประกบกันสองด้านสามารถเปิดออกได้ ด้านในมีฟองน้ำขนาดเล็กใส่เอาไว้ด้วยหนึ่งชิ้น อันที่จริงของชิ้นนี้เป็นเครื่องประดับสำหรับใส่น้ำมันหอมระเหย ทว่าด้วยสมองอันชาญฉลาดเขาจึงนำมันมาดัดแปลงเปลี่ยนจากน้ำมันหอมระเหยเป็นการยัดผงไข่มุกเข้าไปซ่อนไว้ในฟองน้ำแทน
ฉินอวี่ทำสร้อยเสร็จไปราว ๆ สิบกว่าชิ้น รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าด้านนอกก็มืดเสียแล้ว ซึ่งหมายความว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไลฟ์อีกแล้ว
“เหนื่อยฉิบ”
ฉินอวี่เปิดไลฟ์ตรงเวลา
“สวัสดีครับทุกคน”
[พนักงานทาส : กรี๊ด มาแล้ว ๆ คิดถึงจังเลยค่า]
[คนผ่านทาง : พี่ชายยย วันนี้หนูอยากดูดวง!]
[หลงรักชาเขียว : เงือกน้อยของฉันมาแล้ว]
[อย่าให้รวยบ้างแล้วกัน : มารอดูคนจุดพลุ]
(เอล : พลุ x1)
หน้าจอไลฟ์ช่องอาอวี่เต็มไปด้วยพลุหลากสีกินเวลายาวนานนับสิบวิเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด เงือกมือใหม่ที่นั่งอยู่หลังจอถึงกับอมยิ้มมองภาพนี้ด้วยหัวใจฟูฟ่อง
“ขอบคุณครับคุณเอล”
[คนกลางวัน : ของแท้เลยอะคนนี้ มาจุดทุกวันจริงด้วย!]
[vivvac : ฉันกลับสงสัยว่าคุณคนนี้ทำงานอะไรมากกว่า...]
[คนขี้เผือก : ไม่แน่อาจจะเป็นประธานบริษัทขี้เบื่อเลยมาละลายเงินเล่น?]
[catcat : หรือจะเป็นเศรษฐีบ่อน้ำมัน?]
เจ้าของโดเนทพลุหลากสีโดนคนดูในช่องไลฟ์คาดเดาอย่างออกรสออกชาติ ทว่าคนที่กำลังโดนนินทากลับเงียบกริบเหมือนไม่มีตัวตนเหมือนเคย แต่ทุกคนเป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่ในไลฟ์อาอวี่ไม่ไปไหน
ฉินอวี่ไม่ได้รีบขายของตั้งแต่เปิดไลฟ์ เขาดูดวงให้คนดูก่อน โชคดีที่วันนี้ไม่มีคอมเมนต์ป่วนเข้ามาแบบเมื่อวาน บรรยากาศในไลฟ์จึงค่อนข้างสงบเรียบร้อย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เขาพอใจเป็นอย่างมาก
กระทั่งใกล้ได้เวลาปิดไลฟ์เขาถึงได้นำสร้อยคอที่ผ่านการดัดแปลงแล้วขึ้นมาวางบนโต๊ะ ไม่รู้เป็นเพราะว่าสร้อยนี้มีส่วนประกอบของมุกเงือกหรือเปล่าทั้งที่มันเป็นแค่สร้อยคอราคาถูก แต่บัดนี้ตัวจี้กลับเปล่งประกายระยิบระยับสวยงามจนคนดูพากันมองของชิ้นนี้ไม่วางตา
[ทาสรักอาอวี่ : นี่คือ?]
[ชอบกินเนื้อ : เหมือนสร้อยของเล่นราคายี่สิบเหรียญเลย]
“นี่คือสร้อยโชคดี ถึงภายนอกจะไม่ได้แพงอะไรแต่มันจะทำให้ผู้ที่สวมใส่มีแต่ความโชคดีสมหวังดั่งใจคิดแน่นอน” ฉินอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลซึ่งสะกดใจคนฟังได้เป็นอย่างดี
[สาวกปีศาจ : กรี๊ด! เอา ฉันเอา]
[กินเผือก : ฉันเหมา ฉันจะเอา]
[มินมิน : เมนต์บนอย่าเห็นแก่ตัวนะ แบ่ง ๆ คนอื่นบ้าง!]
[ชีชี : เท่าไหร่คะ ฉันต้องการของสิ่งนี้!]
เหล่าคนดูต่างตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว พวกเขาไม่รู้หรอกว่าสร้อยนี่มันจะได้ผลจริงสมกับคำเคลมไหม แต่นี่เป็นของที่ขายโดยเงือกซึ่งถูกตั้งฉายาลับ ๆ จากแฟนคลับว่าเทพแห่งการอวยพรเชียวนะ แล้วแบบนี้จะไม่ซื้อได้ยังไง!
เป็นเพราะฉินอวี่คิดราคาดูดวงถูกมาก ทุกคนจึงคิดว่าของที่เขานำมาขายก็ต้องมีราคาถูกเช่นกัน
ฉินอวี่ยิ้มกว้างอยู่ในมุมที่ไม่มีใครเห็น “ราคาชิ้นละหนึ่งหมื่นเหรียญครับ”
[...]
[…]
[กินเผือก : เอ่อ แคก ๆ ฉะ ฉันว่าฉันไม่ไหว ขอให้ขายดี ๆ นะคะ]
[สาวกปีศาจ : นี่ของที่เงือกขายเลยนะ ใครอยากซื้อก็รีบเร่เข้ามาเร็ว!]
หลังได้ยินราคา ผู้คนที่ออกตัวแย่งซื้อเมื่อกี้ก็พากันกลับคำแทบไม่ทัน
พวกเขาอยากพิมพ์ว่า แพงมาก! แพงฉิบหาย! ทว่าก็ได้แต่ยั้งมือเอาไว้
ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของฉินอวี่เท่าไร เขาจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก หลังจากรออยู่หลายนาที
“ถ้าไม่มีใครสนใจงั้นผมเก็บแล้วนะครับ”
[เอล : 1]
คอมเมนต์นี้ทำเอาช่องแชตเกิดอาการปั่นป่วนอีกครั้ง มันไม่ใช่ว่าทุกคนตกใจที่สร้อยกาก ๆ ขายออก แต่พวกเขาตกใจที่คุณเอลท่านนั้นคอมเมนต์ครั้งแรกต่างหาก!
ขนาดอาอวี่ชวนคุยหลายรอบอีกฝ่ายก็เอาแต่นิ่งเงียบอย่างเดียว ทว่าเพื่อซื้อสร้อยเขาถึงกับยอมคอมเมนต์แล้ว!
“ขอบคุณนะครับคุณเอล หลังจบไลฟ์เดี๋ยวผมทักหานะครับ”
ไม่มีการตอบกลับเหมือนเคย แต่ฉินอวี่ที่เริ่มชินกับนิสัยอีกฝ่ายแล้วกลับเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องพูดซ้ำ
ในขณะที่เขาคิดว่าวันนี้คงขายได้แค่ชิ้นเดียวและกำลังเตรียมที่จะปิดไลฟ์ จู่ ๆ กับมีข้อความเด้งขึ้นมาอีกครั้ง
[บลัด : ฉันขอด้วยหนึ่งชิ้นสิ]
“!!”
เชี่ย
ไอ้หมอนี่มันตามมาถึงในไลฟ์ทำไมเนี่ย!
โอเค ตอนที่ทักไปหาอีกฝ่ายเขาไม่ได้ปิดบังตัวตนก็จริง แต่ใครจะไปคิดว่าหมอนี่ดันตามมาถึงในนี้กันล่ะ
ฉินอวี่ตั้งสติก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ “ขอบคุณนะครับ”
จากนั้นเขาก็รีบบอกลาคนดูและปิดไลฟ์ลงอย่างรวดเร็ว
จุดมุ่งหมายคือช่องสนทนาส่วนตัว แต่คนแรกที่ฉินอวี่ทักไปไม่ใช่คุณเอลทว่าเป็นบลัด
“ทำอะไรของคุณ”
[บลัด : ฉันทำอะไร]
“คุณมาซื้อของผมทำไม”
[บลัด : แล้วทำไมซื้อไม่ได้ล่ะ นายเลือกลูกค้าเหรอ]
ประโยคนี้ช่างยียวนจนฉินอวี่คิ้วกระตุก ถ้าไม่ติดว่าโอนเงินไปมัดจำค่าจ้างให้หมอนี่แล้ว เขาล่ะอยากจะด่าออกมาหยาบ ๆ เสียจริง
“ช่างเถอะ”
ฉินอวี่ขี้เกียจถามต่อ ถึงจะยังไม่เคยเจอหน้าอีกฝ่ายแต่เขาก็พอเดานิสัยของบลัดได้แล้วว่าเป็นคนยังไง
ถ้าให้พูดง่าย ๆ ล่ะก็ ไอ้หมอนี่แค่พอใจที่จะทำแบบนี้ก็เท่านั้น
[บลัด : ค่าของไม่จ่ายนะ ถือเป็นค่าจ้างล่วงหน้า]
“ไอ้!” เวร
ฉินอวี่ตะโกนออกมาก่อนจะรีบหุบปากฉับเนื่องจากเพิ่งนึกได้ว่าผนังห้องของตึกนี้บางมาก และตอนนี้ก็ดึกแล้ว ลมหายใจถูกสูดเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์
ดูเหมือนว่าเขาจะโดนไอ้หมอนี่เอาเปรียบทั้งขึ้นทั้งล่องเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลวมตัวไปแล้ว
กฎการซื้อขายของทางเว็บระบุเอาไว้ชัดเจนว่าไม่คุ้มครองกรณีโดนโก่งราคา แต่จะคุ้มครองในตอนที่โดนโกงเท่านั้น และบลัดก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะโกงด้วย
ฉินอวี่พ่นลมออกจมูก พิมพ์ตอบกลับ “ครับ แล้วแต่คุณเถอะ!”
หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจคนบ้านั่นซะ ปลายนิ้วเลื่อนไปกดแชตหาคุณเอลต่อ
“สวัสดีครับคุณเอล”
[เอล : สวัสดี]
นี่เป็นการพูดคุยกับผู้สนับสนุนรายใหญ่ครั้งแรก ฉินอวี่ตื่นเต้นจนหัวใจรัวกระหน่ำเหมือนตอนเจอไอดอลก็ไม่ปาน ใบหน้างดงามอมยิ้ม
“ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอดเลยนะครับ อันที่จริงคุณเอลไม่ต้องโอนก็ได้นะเดี๋ยวผมส่งให้ฟรี”
ถึงจะอยากหาเงิน แต่พอเอาเข้าจริงโรคขี้เกรงใจของฉินอวี่ดันกำเริบขึ้นมาอีกครั้งจนได้ กับคนที่สนับสนุนกันมาตลอดแบบนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ทำใจคิดเงินไม่ลงจริง ๆ
[เอล : ของซื้อของขาย ส่งเลขบัญชีมาเถอะเดี๋ยวฉันโอนให้]
ในเมื่ออีกฝ่ายยืนยันแบบนั้น ฉินอวี่ก็ไม่อยากขัดให้เสียบรรยากาศ หลังจากได้รับเงินและที่อยู่จัดส่งมาเขาก็ไม่วายขอบคุณไปอีกหลายครั้ง
[เอล : ไม่เป็นไร แค่เธอมาไลฟ์ทุกวันก็พอแล้ว]
ฉินอวี่เอ่ยแซว “แล้วจะโดเนททุกวันมั้ยครับ”
[เอล : อือ]
“ผมล้อเล่น...”
[เอล : แต่ฉันพูดจริง]
“...”
โอเค ถ้าคุณอยากเปย์ขนาดนั้นผมก็จะน้อมรับไว้ด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าจะขอคืนน่ะ ไม่มีให้หรอกนะ!
[เอล : นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอรีบไปนอนเถอะ]
“ฝันดีนะครับคุณเอล”
[เอล : เธอก็ด้วย]
ฉินอวี่ยิ้มบาง ตอนแรกเขาคิดว่าคุณเอลคนนี้จะต้องเป็นคนเย็นชาเข้าถึงยากมากแน่ ๆ แต่พอได้มาคุยแล้วกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีที่อ่อนโยนมากเลยทีเดียว
หลังจากจบภารกิจของวันนี้ ฉินอวี่เดินไปล้มตัวลงนอนด้วยความรวดเร็ว อันที่จริงเขารู้สึกปวดหัวปวดตามาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วแต่ก็ต้องข่มเอาไว้เพราะไม่มีเวลาไปหาซื้อยา
ใช่แล้ว เขาเพิ่งรู้ก็วันนี้แหละว่าในห้องนี้ไม่มีแม้แต่ยาแก้ปวดสักแผง!
ครั้นจะรอไลฟ์เสร็จแล้วลงไปซื้อมันก็ดึกเกินไป ระหว่างเสี่ยงดวงลงไปหาร้านขายยาเขาขอเลือกอดทนยันเช้าดีกว่า
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนฉินอวี่เผลอหลับไปตอนไหน เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยอาการงุนงง อาการปวดหัวหายไปแล้วหลายส่วน นี่เป็นเรื่องดีเพราะวันนี้เขาจะลางานอีกไม่ได้แล้ว
หลังจากทรมาทรกรรมอยู่บนรถเมล์ร่วมชั่วโมง ในที่สุดฉินอวี่ก็มาถึงออฟฟิศเสียที
ตอนนี้เช้าตรู่ ในออฟฟิศยังไม่มีใครมาสักคน ทว่าเมื่อเดินมาที่โต๊ะทำงานกลับเห็นหลี่จิ้งฟุบหน้าอยู่เสียอย่างนั้น
“พี่หลี่จิ้งมาไวจังนะครับ”
ฉินอวี่เอ่ยทักไปตามความเคยชิน ทันใดนั้นรุ่นพี่สาวก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยดวงตาบอบช้ำ “ฉินอวี่ พี่จะทำไงดี”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ใบหน้าของหลี่จิ้งแดงก่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย หยาดน้ำเอ่อคลอพานจะไหลลงมารอมร่อ
“พี่ทำงานไม่เสร็จน่ะสิ จู่ ๆ เมื่อคืนหัวหน้าก็แชตมากลางดึก พี่ที่กำลังดูไลฟ์ของท่านเลวี่ดันเผลอไปกดเปิดอ่านเข้าพอดี พออ่านแล้วจะไม่ตอบก็ไม่ได้ สุดท้ายหัวหน้าดันโยนงานให้พี่ทำแถมบอกว่าต้องเสร็จก่อนสิบโมงวันนี้อีกด้วย” หลี่จิ้งพูดยาวเหยียด ยกมือขึ้นมาขยุ้มผมตัวเองจนยุ่งไปหมด
“หา” ฉินอวี่อุทาน
ไอ้ฉีเฟิงมันบ้าไปแล้วเหรอ ถ้าต้องการแกล้งเขาอันนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอนี่ถึงต้องทำแบบนี้กับหลี่จิ้ง
มือเรียวล้วงโทรศัพท์เครื่องเก่าขึ้นมาเปิดแชต จากนั้นก็ต้องถึงบางอ้อเมื่อเห็นว่าแชตของตัวเองก็มีข้อความจากหัวหน้าเช่นกัน เพียงแต่นิสัยของฉินอวี่คือจะชอบปิดเสียงตั้งแต่หัวค่ำเพื่อกันการรบกวน
ดูท่าคุณหัวหน้าท่านนี้คงวางแผนมาแล้วว่าต้องการโยนงานให้ฉินอวี่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ตอบกลับ ในเมื่อติดต่อหาเขาไม่ได้ งั้นก็ได้แต่ต้องหาเหยื่อคนใหม่แทน
“นี่มันไม่ใช่งานของพี่ด้วยซ้ำ ทำไม่บอกไปครับว่าทำไม่ได้”
“หัวหน้าเขาบอกว่าถ้าโปรเจกต์นี้ผ่าน คนที่มีส่วนร่วมจะได้เลื่อนขั้นนี่นา” หลี่จิ้งเสียงอ่อย
อันที่จริงเธอไม่ได้ต้องการแสวงหาลาภยศตำแหน่งสูง ๆ อะไรหรอก เพียงแต่การเลื่อนขั้นมันจะทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น และเมื่อเงินเดือนเพิ่มก็หมายความว่าเธอจะมีเงินไปเปย์สุดที่รักเพิ่มยังไงล่ะ!
ครั้นรู้ตัวว่าคิดผิดก็สายไปเสียแล้ว การทำงานไม่ใช่การเล่นขายของที่เดี๋ยวบอกว่าจะทำ อีกสักพักบอกว่าไม่อยากทำแล้วได้ หากรับปากไปแล้วนั่นหมายความว่าต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น