‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
ฉินอวี่ฟังแล้วในหัวก็มีแต่คำว่า ตอxx ลอยเต็มไปหมด
จากความทรงจำของร่างเดิมดูเหมือนว่าจะมีเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ในตอนนั้นร่างเดิมอาสาเป็นคนทำงานนี้ แน่นอนว่าด้วยความขยันของเด็กหนุ่มเขาย่อมทำเสร็จทันเวลาอย่างฉิวเฉียด แม้จะต้องแลกกับการไม่ได้นอนทั้งคืนก็ตาม
และสุดท้าย นอกจากร่างเดิมจะไม่ได้เลื่อนขั้นเขายังถูกหมายหัวไว้ไม่ให้ผ่านโปรอีกด้วย
ในส่วนของหลี่จิ้ง ฉินอวี่กล้าเอาหางเงือกเป็นประกันเลยว่าต่อให้เธอทำงานเสร็จทันก็ไม่มีทางได้เลื่อนขั้นแน่นอน
“ทำไงดี ไม่ทันแล้ว” หลี่จิ้งโวยวาย
ฉินอวี่ก้มหน้าครุ่นคิด พลางทอดมองรุ่นพี่ด้วยสายตาล้ำลึก มือเรียวยกขึ้นไปวางบนไหล่ของเธอ
“เอานี่ไปสิครับ” กล่าวจบก็ยื่นสร้อยคอไปให้อีกฝ่าย
วันนี้นอกจากพัสดุที่ต้องเอาไปส่งให้ลูกค้าสองรายก็ยังมีสร้อยคอที่เขาหยิบติดมือมาด้วย ฉินอวี่จึงถือโอกาสนี้มอบให้หลี่จิ้งเพื่อให้เธอเป็นหนูทดลองเสียเลย
“นี่มันอะไร?”
ต้องโทษที่วัน ๆ เธอเอาแต่ติดตามดูไลฟ์ของท่านเลวี่คนเดียวเท่านั้น เลยไม่รู้ว่าตอนนี้มีดาวรุ่งคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว เพราะหากเธอเคยดูไลฟ์ของอาอวี่จะต้องรู้แน่ว่าของชิ้นนี้คืออะไร
“สร้อยคอโชคดีครับ” ฉินอวี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นสายตาไม่เชื่อถือ “พอดีผมไปได้มา ถึงไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้มากแค่ไหนแต่พี่ลองดูก็ไม่เสียหายนะ”
“ขอบคุณจ้ะ”
รุ่นน้องอุตส่าห์มีน้ำใจครั้นจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ หลี่จิ้งยื่นมือไปรับก่อนนำมาห้อยคอลวก ๆ จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อด้วยท่าทางซังกะตาย
ฉินอวี่เห็นดังนั้นก็ไม่เซ้าซี้ต่อ เขาแค่ต้องรอดูผลลัพธ์หลังจากนี้
สิบโมงตรงถึงเวลาส่งงาน หลี่จิ้งยกโน้ตบุ๊คขึ้นมากอด หันมองรุ่นน้องผมทองอย่างขอกำลังใจ
ฉินอวี่ยกมือชูกำปั้น “สู้ ๆ ครับ”
เวลาคล้อยผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งชั่วโมงถัดมา เพียงแค่เห็นสีหน้าของหลี่จิ้งตอนเดินออกมาจากห้องประชุมฉินอวี่ก็รู้แล้วว่าสร้อยน่าจะได้ผลดีอย่างที่คิด
กลับกันคนที่หน้าบูดจนยู่ยี่ดันเป็นหัวหน้าหนุ่มหล่อเสียได้ เงือกมือใหม่ที่ต้องซวยเพราะอีกฝ่ายจึงเหยียดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
อยากรู้จริง ๆ ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
ฉินอวี่แสร้งถาม “เป็นยังไงบ้างครับ”
“ดีมากเลยล่ะ!” ท่าทางของหลี่จิ้งดี๊ด๊าไม่หลงเหลือความหม่นหมองสักกระผีก “ฉินอวี่ไปเอาสร้อยนี้มาจากไหนน่ะ! ตอนแรกพี่คิดว่าตัวเองจะโดนด่าแล้ว แต่ทำไมไม่รู้ดันนึกถึงสร้อยของนายขึ้นมา จู่ ๆ คุณจางลี่กับท่านประธานก็เปลี่ยนท่าทีบอกว่าพี่ทำได้ดีมากแล้ว ครั้งหน้าค่อยแก้ตัวใหม่”
ฉินอวี่เท้าคางฟังเธอเล่าด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมองไปทางด้านหลังที่ฉีเฟิงนั่งอยู่ ยิ่งเห็นหมอนั่นทำท่าอยากอาละวาดแต่ต้องข่มอารมณ์เอาไว้ เขาก็อยากหัวเราะออกมาเสียจริง
หลี่จิ้งก้มหน้าลงมากระซิบต่ออย่างอดใจไม่ไหว “แล้วก็นะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่พี่เห็นหัวหน้าโดนเจ้านายดุน่ะ เล่นเอาเขาหน้าเสียไปเลย”
“เหรอครับ” ฉินอวี่เลิกคิ้วสูงอย่างไม่แปลกใจ
ในเมื่อลูกน้องทำงานไม่เสร็จ คนเป็นหัวหน้าย่อมต้องโดนตำหนิที่ไม่สามารถคุมงานให้บรรลุเป้าหมายได้อยู่แล้ว
เขาไม่รู้ว่าฉีเฟิงลืมเรื่องนี้หรือว่าโง่จริง ๆ กันแน่
คิดอยากจะทำร้ายคนอื่น แต่กลับเป็นการทุ่มหินใส่เท้าตัวเองเสียอย่างนั้น
หลี่จิ้งทำหน้าตื่นเต้น “ตกลงแล้วนายไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหนน่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรพอจะบอกที่ซื้อได้ไหม พี่อยากได้อีกสักหลาย ๆ เส้น”
ฉินอวี่ช่างน้ำหนักในใจอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็บอกออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง “ไลฟ์อาอวี่ครับ”
“ใครน่ะ ไม่เห็นรู้จัก”
“พี่รู้จักใครนอกจากท่านเลวี่ด้วยหรือไง”
“ก็จริง” หลี่จิ้งยิ้มแหย
“ถ้าพี่อยากซื้อก็ไปดูไลฟ์ลำดับสามนะครับ”
พูดถึงลำดับ นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ เขาเพิ่งมาไลฟ์ได้ยังไม่ถึงอาทิตย์ดี แต่กลับเลื่อนอันดับขึ้นมาไวขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเหยียบหัวข้ามหน้าข้ามตาใครไปแล้วบ้างเหมือนกัน แต่ต่อให้มีคนไม่พอใจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจอยู่ดี
เขาสนใจเพียงแค่เงินเท่านั้น!
ฉินอวี่อาศัยช่วงพักกลางวันออกไปส่งของให้คุณเอลกับบลัด ในตอนแรกเขาคิดจะใช้ขนส่งปกติ แต่พอมาคิดอีกที ลูกค้าอุตส่าห์เสียเงินหลักหมื่นสั่งของกิ๊กก๊อกแบบนี้แล้วเขายังจะใจร้ายส่งของช้าอีกได้ยังไง
สุดท้ายฉินอวี่จึงยอมควักเงินเพิ่มเพื่อส่งแมสเซ็นเจอร์ไปเลย ถึงจะแพงหน่อยแต่มั่นใจว่าพวกเขาต้องได้รับวันนี้แน่นอน!
หลังจากนั้นสองชั่วโมง
“เจ้านายครับ มีของมาส่ง”
เสียงพูดมาพร้อมกับกล่องพัสดุขนาดเท่าฝ่ามือที่ยื่นมาตรงหน้า
ร่างสูงเงยหน้าจากกองเอกสารด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนรับมันมาแกะอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าเมื่อเห็นของด้านในแววตาที่เย็นเยียบพลันอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
เลขาหนุ่มเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ใครส่งมาเหรอครับ”
ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้ม “ปลาน้อยตัวหนึ่ง”
“?”
เลขาคนสนิทมีคำพูดจุกอยู่เต็มอก แต่เมื่อเห็นสีหน้าไม่อยากอธิบายของเจ้านายจึงได้แต่เก็บคำลงไปอย่างสงบเสงี่ยม
ดวงตาสีดำมองผ่านแว่นตาเลนส์หนา เห็นมือแข็งแกร่งหยิบสร้อยที่ดูไม่มีราคาค่างวดอะไรขึ้นมาลูบไล้อย่างถนุถนอม
ทั้ง ๆ ที่เป็นแค่สร้อยราคาถูก แต่เจ้านายกลับทำเสียราวกับเป็นของล้ำค่าเสียได้ เลขาอย่างเขาไม่เข้าใจความคิดของคนรวยจริง ๆ
ทว่าในขณะที่เลขาหนุ่มกำลังจะถอนสายตาออกไปทางอื่น เขากลับเห็นว่าตรงจี้ทรงกลมลายฉลุราวกับมีประกายสีขาวแวววาวเหมือนเพชรส่องประกายรอบตัวจี้
มือผอมแห้งยกขึ้นมาถอดแว่นเช็ดก่อนสวมกลับเข้าไปอีกครั้ง แต่ก็ยังคงเห็นประกายแวววาวเหมือนเดิม
หรือว่าของชิ้นนี้จะล้ำค่าจริง ๆ?
อีกด้าน
สร้อยที่ผลิตจากวัสดุราคาถูกแต่กลับมีมูลค่าถึงหนึ่งหมื่นเหรียญถูกมือหนาแกว่งไปมาอยู่ในระดับสายตา ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงเพ่งมองของชิ้นนี้ก่อนจะหัวเราะออกมา
“เงือกน้อยนั่นช่างคิดจริง ๆ” เสียงทุ้มพึมพำ ปลายนิ้วชี้เกี่ยวสายสร้อยหมุนควงมันไปมา ใบหน้าประดับไปด้วยรอยิ้มทรงเสน่ห์
“สร้อยโชคดีงั้นเหรอ”
ตกเย็น ฉินอวี่กลับห้องมาไลฟ์ตามปกติ มือที่ถูกเปลี่ยนสภาพจนมีเกล็ดงดงามงอกออกมาถูกวางลงในตำแหน่งเดิมเหมือนทุกวัน
“สวัสดีครับทุกคน”
[พนักงานทาส : มาแล้วววว คิดถึงจัง]
[มัมหมีอาอวี่ : เงือกของพวกเรามาแล้ว]
[เจียเจีย : อาอวี่ พี่สาวอยากดูดวงจังเลย]
(เอล : พลุ x1)
ทว่าก่อนที่เจ้าของช่องไลฟ์จะได้เริ่มงานแรกของวันนี้ หน้าจอไลฟ์พลันเปล่งประกายไปด้วยพลุหลากสีซึ่งกินเวลายาวนานถึงสิบวิอีกครั้ง
[กินเผือก : ถ้าไม่จุดพลุก็ไม่ใช่คุณเอลแล้ว]
[สาวกปีศาจ : ไม่ทราบว่าที่บ้านทำงานอะไร สนใจรับพนักงานขี้เกียจแบบหนูมั้ยคะ]
[สาวน้อยร้อยสามี : มีแค่ฉันเหรอที่อยากเป็นเมียคุณเอล]
[รอจูบของเธอ : +1 เมนต์บน]
[มัมหมีอาอวี่ : ฝันเหรอ ดูก็รู้ว่าคุณเอลสนใจเงือกของพวกเรามากกว่า!]
คอมเมนต์นี้ทำเอารอยยิ้มของฉินอวี่กระตุกไปเล็กน้อย มือที่กำลังสับไพ่พลันชะงักไปด้วยครู่หนึ่ง
“อย่าทำให้คุณเอลอึดอัดสิครับ”
ฉินอวี่พูดไปอย่างนั้นเพื่อเบี่ยงประเด็น แต่ใครจะไปคาดว่าคุณเอลที่ร้อยวันพันปีไม่เคยพิมพ์คุยกลางไลฟ์ วันนี้ไม่รู้นึกคึกอะไรถึงได้คอมเมนต์มาเสียได้
[เอล : ไม่ได้อึดอัด]
“!”
ทันใดนั้นคนดูต่างพากันกรีดร้อง ช่องแชตไหลเร็วราวกับน้ำหลาก
[กินเผือก : ขยี้ตาแป๊บ คุณเอลท่านนั้นเมนต์จริงเหรอ]
[มัมหมีอาอวี่ : ฉันแคปไว้แล้ว เหลือเชื่อมาก เศรษฐีที่ทำตัวลึกลับมาตลอดวันนี้มาเมนต์เพราะกลัวเงือกน้อยของพวกเราเข้าใจผิด!]
[เงือกน้อยของแม่ : ฉันว่าคนที่อึดอัดไม่ใช่คุณเอลหรอก แต่เป็นอาอวี่ของเรามากกว่า]
“...”
ฉินอวี่รู้สึกพูดไม่ออกกับทิศทางของแชตที่ไหลมั่วไปหมด
พวกคุณ... คงลืมไปแล้วว่าผมมาไลฟ์ดูดวงนะ แล้วนี่มันอะไรกัน!
อีกอย่าง อย่ามาพูดเรื่องพวกนี้ใส่คนที่โสดมาตลอดชีวิตได้ไหม มันใจไม่ดี!
“แฮ่ม ทุกคนเลิกพูดเรื่องนั้นเถอะ เรามาดูดวงกันดีกว่า”
ทว่าแม้เขาจะพยายามดึงทิศทางของไลฟ์กลับมายังไง ก็ยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าที่ทุกคนจะสงบลงได้
[พนักงานทาส : อาอวี่พูดเยอะ ๆ หน่อยสิ เสียงนายเพราะมาก ฉันอยากฟัง]
“ถ้าอย่างนั้นเรามาดูดวงกันเถอะครับ”
[มัมหมีอาอวี่ : ได้ ๆ ๆ อาอวี่ว่ายังไงก็เอายังงั้น]
เหล่าคนดูพากันถามคำถามที่อยากรู้ไม่หยุด เนื่องจากพวกเขาได้เห็นแล้วว่าเงือกหนุ่มตนนี้ดูดวงค่อนข้างแม่น อีกทั้งคำอวยพรของอีกฝ่ายก็มักจะเป็นจริงเสมอ คำถามส่วนใหญ่จึงค่อนข้างจริงจัง ไม่ไร้สาระแบบวันแรก ๆ อีกแล้ว
เมื่อใกล้ได้เวลาปิดไลฟ์ ฉินอวี่นำสร้อยที่เขาอุตส่าห์ทำออกมาขายอีกครั้ง “ไม่มีใครสนใจจริง ๆ เหรอครับ”
ในขณะที่คิดว่าวันนี้ก็น่าจะแห้วเหมือนเดิม จู่ ๆ พลันมีคอมเมนต์หนึ่งเด้งขึ้นมา
[เสี่ยวจิ้ง : สร้อยนี่มันดีจริง ๆ นะทุกคน! วันนี้ฉันได้มันช่วยชีวิตจนรอดพ้นจากการถูกเจ้านายด่าด้วยแหละ ทั้งที่ควรจะโดนหักเงินเดือนแต่กลับได้คำชมมาแบบงง ๆ มันสุดยอดมากจนฉันอยากได้อีกอันเลย!]
เจ้าของคอมเมนต์นี้ใช้ชื่อว่าเสี่ยวจิ้ง หากใครชอบดูไลฟ์ของอันดับหนึ่งย่อมต้องรู้จักเธอกันทั้งนั้น เพราะเธอคือหนึ่งในสิบตัวท็อปสายเปย์ของไลฟ์นั้น เมื่อใดที่ท่านเลวี่ไลฟ์เหล่าคนดูก็มักจะเห็นเสี่ยวจิ้งคนนี้โดเนทอยู่เป็นประจำ
ทว่าแม้จะมีคอมเมนต์ของเสี่ยวจิ้งมายืนยัน แต่กลับทำให้คนดูชะงักไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น คนดูที่ใจกล้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา
[กินเผือก : อาอวี่เพิ่งขายเมื่อคืนเองนะ คุณได้ของไวขนาดนั้นเชียว? เมื่อคืนมีคนซื้อไปแค่สองชิ้น มันไม่มีชื่อคุณนะ]
ราวกับเป็นการปลุกระดม หลายคอมเมนต์จึงพากันพูดว่าเธอต้องเป็นหน้าม้าแน่นอน รู้ว่าชอบอาอวี่ แต่ทำแบบนี้มันเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคชัด ๆ
[เสี่ยวจิ้ง : ...ฉันทักไปหลังจบไลฟ์]
เพียงแค่เห็นชื่อแอคเค้าท์นี้ ฉินอวี่ก็รู้แล้วว่าเป็นใคร แต่เขาไม่คิดว่ารุ่นพี่จะยอมโกหกเพื่อช่วยกันด้วย ริมฝีปากได้รูปยิ้มกว้างออกมา
แผนสำเร็จ!
[catcat : คุณเอลกับคุณบลัดที่สั่งไปเมื่อคืนได้สร้อยหรือยัง ช่วยมาไขข้อข้องใจหน่อยค่ะ!]
เงือกมือใหม่ที่กำลังโดนคนดูกังขานั่งอ่านคอมเมนต์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางถอนหายใจออกมา เขาแค่จะขายของหาเงินทำไมมันยากนักนะ
ในขณะที่คิดว่าวันนี้คงโดนตราหน้าว่าเป็นพวกต้มตุ๋นแน่นอน พลันมีคอมเมนต์ของลูกค้าตัวจริงเด้งขึ้นมา
[บลัด : ฉันได้ของแล้วนะ]
[เอล : อืม]
“ขอบคุณนะครับ” ฉินอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เมื่อมีการยืนยันจากลูกค้าตัวจริงอย่างนี้ เหล่าคนดูที่ชื่นชอบการมูเป็นชีวิตจิตใจก็เริ่มเกิดอาการลังเลขึ้นมา
พวกเขา ใจหนึ่งอยากลองสั่งของมาดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจก็แย้งว่านั่นมันหนึ่งหมื่นเหรียญเลยนะ ราคาเกือบครึ่งหนึ่งของเงินเดือนเลย!
[ชอบกินเนื้อ : ในเมื่อคุณเอลพูดแบบนั้น งั้นฉันจะลองสั่งมาดูแล้วกัน]
[สาวน้อยลงพุง : +1 สั่งค่ะ ถ้าไม่ได้ผลฉันขอเงินคืนได้ไหม]
ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มกว้าง “ได้สิครับ ถ้าไม่ได้ผลผมยินดีคืนเงินแน่นอน”
ประโยคนี้ทำให้บรรดาผู้ชมที่พอมีเงินพากันสั่งคนละชิ้นสองชิ้น ด้วยความที่ช่องอาอวี่อยู่ในอันดับสามของเว็บ คนดูจึงค่อนข้างมากอยู่แล้ว ไป ๆ มา ๆ เพียงแค่หนึ่งนาทีออเดอร์สร้อยก็เกินกว่าที่เขาตั้งเป้าเอาไว้มากทีเดียว
ขืนยังเปิดรับต่อมีหวังได้ร้องไห้จนตัวแห้งแน่!
“ขอปิดรับก่อนนะครับ เดี๋ยวผมทำไม่ทัน ถ้าชุดแรกส่งหมดแล้วผมจะมาเปิดรับใหม่อีกครั้ง ขอบคุณทุกคนที่สนใจมากนะครับ”
เหล่าคนดูที่มัวแต่ยึกยักจนสั่งไม่ทันพากันโอดครวญระงม
[เสี่ยวจิ้ง : อาอวี่ ที่พี่สั่งเพิ่มไปก่อนหน้านี้อย่าลืมนะจ๊ะ]
“ได้ครับ” ฉินอวี่รับคำเสียงใส น้ำเสียงไร้วี่แววของความกังวล
หลี่จิ้งเน้นย้ำชื่อเขาขนาดนี้ ขืนไม่ทำให้เธออีกเส้นมีหวังโดนโกรธแน่นอน
ตอนนี้เท่ากับว่าในชีวิตจริงคนที่รู้ว่าฉินอวี่เป็นเงือกก็มีหลี่จิ้งเพิ่มเข้ามาอีกคน แต่ถามว่ากังวลไหม เขาสามารถตอบได้เต็มปากเลยว่า ไม่
การที่หลี่จิ้งชอบเลวี่มากขนาดอยากเลื่อนขั้นเพื่อเอาเงินเดือนมาเปย์อมนุษย์คนหนึ่ง นั่นหมายความว่าความชอบของเธอไม่มีขีดจำกัด เขามั่นใจว่าเธอจะต้องปิดเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี