‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
“ฮึก”
วันหยุดสุดสัปดาห์วนมาอีกครั้ง เงือกผมทองผู้มีใบหน้างดงามกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบ ๆ คนเดียวภายในห้อง ดวงตาที่เคยสดใสเปล่งประกายบัดนี้กลับหม่นหมองลงจนดูเศร้าสร้อย หางตาแดงก่ำ จมูกแดงระเรื่อ ช่างเป็นภาพที่ทั้งงดงามและน่าสงสารจับใจ หากใครได้มาเห็นต่อให้เป็นคนที่ใจแข็งเหมือนหินผาก็จะต้องรู้สึกสะเทือนใจกับภาพนี้แน่นอน
แต่ในความเป็นจริงนั้น...
“โอ๊ย แสบตาฉิบ!”
ฉินอวี่บ่นเสียงดัง มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาขยี้ตาจนมันแดงช้ำไปมากกว่าเดิม
ใช่แล้ว เพราะเมื่อคืนรับออเดอร์มาเยอะเกินไป วันนี้เขาก็เลยต้องมาชดใช้กรรมด้วยการบีบน้ำตาอยู่แบบนี้ยังไงล่ะ!
ในขณะที่กำลังตีอกชกหัวตัวเองอยู่คนเดียวภายในห้อง จู่ ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“ใครมาแต่เช้ากัน?”
ฉินอวี่ขมวดคิ้ว มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้สั่งของแน่ ๆ
ถ้าจะบอกว่าเป็นคุณลุงข้างห้อง นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ เพราะถึงแม้ลุงเหอจะเอ็นดูร่างเดิมแต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาเคาะห้องหรือชวนคุยเกินความจำเป็นเลยสักครั้ง
และเพราะเป็นห้องพักราคาถูกมันก็เลยไม่มีตาแมวที่เอาไว้ส่องคนข้างนอก ฉินอวี่เปิดแง้มประตูเล็กน้อยเพื่อมองออกไปด้วยท่าทางระแวดระวัง
พนักงานเดลิเวอรี่?
“มาส่งอาหารครับ” พนักงานส่งอาหารพูดเสียงดังจนฝุ่นบนผนังแทบจะร่วงลงมา
“ไม่ได้สั่งนะครับ” แม้ปากตอบกลับ ทว่าตัวยังคงอยู่หลังบานประตู มือเรียวกำลูกบิดแน่น โผล่ออกไปเพียงแค่ดวงตาข้างเดียวเท่านั้น
“คุณลูกค้าใช่ ‘อาอวี่’ ไหมครับ”
“?” ฉินอวี่ชะงัก ยิ่งระแวงมากกว่าเดิมเสียอีก
คนที่รู้ชื่อนี้มีแต่ผู้ชมในเว็บใต้ดินเท่านั้น รู้ชื่อก็แล้วไปเถอะ แต่ถึงขั้นรู้ที่อยู่ด้วยนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ไหนว่าเว็บรักษาความปลอดภัยเอาไว้เป็นอย่างดีไม่ใช่หรือไง
เมื่อเห็นว่าลูกค้ายังคงไม่ยอมออกมารับของ พนักงานหนุ่มจึงเอ่ยชื่อคนสั่งขึ้นมา “คนที่สั่งให้มาส่งคือคุณเอลครับ”
“คุณเอล?”
แน่นอนว่าบุคคลที่ใช้ชื่อนี้ฉินอวี่ย่อมรู้จัก แต่คุณเอลไปเอาที่อยู่เขามาจากไหนกัน
หัวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ทว่าไม่นานก็นึกออก เหมือนว่าตอนส่งสร้อยไปให้อีกฝ่ายเขาจะเขียนที่อยู่ผู้ส่งไปด้วย
แบบนี้บลัดก็รู้ที่อยู่เขาไปด้วยสิเนี่ย!
ปัญหานี้ทำให้ฉินอวี่ฉุกคิดขึ้นมา หากว่าในจำนวนลูกค้าใหม่เมื่อคืนมีคนที่ไม่หวังดีอยู่ด้วย แบบนั้นเขาอาจจะแย่แน่ ๆ ดูท่าหลังจากนี้คงต้องระวังเรื่องการใส่ที่อยู่ผู้ส่งแล้วล่ะ
เมื่อเห็นลูกค้าเงียบไปพนักงานเดลิเวอรี่ที่ยืนจนขาแข็งจึงส่งเสียงอีกครั้ง “ช่วยรับอาหารด้วยครับ”
ถึงงานนี้จะได้ทิปมาเยอะ แต่ผมยังมีงานต้องไปทำต่อนะ ถ้าจะไม่รับก็ช่วยรีบ ๆ พูดมาสิครับ!
“คะ ครับ” ฉินอวี่สะดุ้งเล็กน้อย มือดึงประตูเปิดกว้างก่อนจะเดินออกไปด้านนอกทันที
“...!!”
ทว่าหนนี้คนที่ชะงักค้างกลับเป็นพนักงานหนุ่มผู้น่าสงสารแทน มือที่ถือถุงอาหารเอาไว้กำแน่น ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
คนคนนี้สวยมาก!
ไม่สิ อีกฝ่ายเป็นผู้ชายก็ต้องใช้คำว่าหล่อ แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก มันเป็นความกลมกลืนระหว่างสองเพศจนอธิบายไม่ถูกเลยจริง ๆ!
อีกทั้งหางตาแดงช้ำน่าสงสารเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มานี่มันอะไรกัน ไอ้บ้าที่ไหนมันกล้ารังแกเขาเนี่ย!
หรือจะเป็นคุณเอล ต้องใช่แน่ ๆ เพราะทำให้คนคนนี้เสียใจก็เลยส่งอาหารมาปลอบงั้นสินะ!
ยิ่งคิดพนักงานเดลิเวอรี่ก็ยิ่งฟึดฟัด ในใจรู้สึกโกรธคนที่กล้าทำลายสิ่งสวยงามอย่างไม่เห็นค่าแบบนี้
“??” ฉินอวี่เอียงคอมองพนักงานส่งอาหารอย่างไม่เข้าใจ
หมอนี่เป็นอะไรไปอีกเนี่ย อยู่ ๆ ก็ยืนตาค้างเหมือนเจอผี สักพักก็ทำหน้าเหมือนโกรธใครมา ส่งอาหารจนหลอนหรือไงกัน
มือขาวยกขึ้นโบกไปตรงหน้าพนักงานก่อนเรียกเสียงดัง “คุณครับ”
“อะ ครับ” พนักงานหนุ่มพลันได้สติ “นี่อาหารครับ ทานให้อร่อยนะครับ”
พนักงานเดลิเวอรี่ยัดของใส่มือลูกค้าเสร็จก็วิ่งฉิวลงจากตึกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าเขินอายหรือโกรธกันแน่
ชายหนุ่มควักโทรศัพท์สภาพหน้าจอแตกละเอียดออกมา ก่อนจะกดโทรหาเจ้าของออเดอร์นี้อย่างรวดเร็ว เขารู้ว่าการทำแบบนี้มันผิดกฎของบริษัท แต่เขาทนไม่ไหวจริง ๆ
หนุ่มน้อยผู้งดงามคนนั้นต้องได้รับความยุติธรรม!
และทันทีที่ปลายสายกดรับ ชายหนุ่มก็ตะโกนออกไปเสียงดังลั่น “คุณเอล คุณนี่มันเลวจริง ๆ เลยนะ กล้าทำเขาร้องไห้ได้ยังไง!”
“หา?”
***
“ใครโทรมา” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเลขาคนสนิทเอาแต่ยืนมองโทรศัพท์อยู่นานสองนาน
“เหมือนจะเป็นคนส่งอาหารนะครับ” ฟินน์ตอบพลางขมวดคิ้วมองเบอร์ที่โทรเข้าเครื่องเจ้านายด้วยความสงสัย
ปกติเจ้านายของเขาเวลาทำงานจะค่อนข้างจริงจังมาก ไม่ยอมให้อะไรมารบกวนเด็ดขาด เพราะฉะนั้นหน้าที่ในการรับสายต่าง ๆ จึงเป็นของเลขาอย่างเขาแทน
ทว่าดูเหมือนพักนี้เจ้านายน่าจะกำลังสนใจอะไรบางอย่างอยู่ วันก่อนก็สั่งสร้อยแปลก ๆ มา วันนี้ยังสั่งเดลิเวอรี่ไปส่งให้คนอื่นอีกด้วย
“เขาว่าไง” เอลเลียสวางปากกาลง ใช้ดวงตาสีม่วงเข้มจ้องเลขาตัวเองด้วยท่าทางนิ่ง ๆ
“เอ่อ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ เขาพูดแล้วก็วางไปเลยน่ะครับ” เป็นเพราะเมื่อกี้อีกฝ่ายพูดรัวเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว ฟินน์จึงจับใจความได้ไม่มากนัก “เหมือนจะบอกว่าใครร้องไห้นี่แหละ แถมยังด่าคุณว่า เอ่อ เลว”
“หืม?”
คนที่เพิ่งโดนพนักงานส่งอาหารด่าไม่มีทีท่าว่าจะโกรธ คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เอลเลียสไม่ได้สนใจว่าใครจะมาด่าตนเอง แต่ประโยคที่บอกว่าร้องไห้นั่นต่างหากที่ทำให้เขาไม่สบายใจ
เงือกน้อยเป็นอะไรไปนะ
***
ทางด้านเงือกที่ไม่รู้ว่ามีคนเป็นห่วงก็กำลังยืนมองพนักงานส่งอาหารวิ่งหายวับไปภายในห้าวิด้วยความงุนงง
“เป็นอะไรของเขา” ฉินอวี่เกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ พลางหมุนตัวเข้าห้อง
กล่องอาหารสุดหรูจากร้านดังถูกหยิบออกมาวางลงบนโต๊ะเพียงหนึ่งเดียวภายในห้องพัก ราวกับคนสั่งกลัวว่าเขาจะไม่อิ่ม จำนวนอาหารที่ส่งมาให้จึงมีเกือบสิบอย่าง เรียกได้ว่าแทบจะเหมาหมดทุกเมนูในร้านเลยมั้ง
“รวยจริง ๆ” ฉินอวี่อมยิ้ม ระดับความรู้สึกดีที่มีต่อคนคนนี้เพิ่มสูงขึ้นไปอีกขั้นอย่างไม่รู้ตัว
เนื่องจากเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอาการปวดหัวจึงเริ่มตีขึ้นอีกครั้ง ฉินอวี่ฝืนกินอาหารหมดไปหนึ่งกล่องแล้วนำที่เหลือไปแช่ตู้เย็นเอาไว้ ก่อนจะรีบกลับไปทำงานที่ค้างอยู่เพื่อให้เสร็จภายในวันนี้
แม้การทำสร้อยโชคดีขั้นตอนมันจะไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ด้วยความที่มันต้องใช้น้ำตาของเขารวมทั้งต้องออกแรงบดไข่มุกให้เป็นผง ทำให้กว่าจะเสร็จก็แทบหมดแรงกันเลยทีเดียว
ครั้งนี้ฉินอวี่รับออเดอร์มาราว ๆ 20 ชิ้น ได้เงินค่าสินค้ามาถึงสองแสน และเมื่อลองคำนวณหักกับค่าส่งที่คิดตามระยะทางแล้ว เงินค่าสินค้าล็อตนี้ก็จะเหลืออยู่ประมาณแสนต้น ๆ รวมกับเงินจากค่าโดเนทและค่าสินค้าเมื่อวานที่คุณเอลจ่าย ทำให้ตอนนี้เขามีเงินสองแสนกว่ากันเลยทีเดียว
“เก่งจังคนอะไร” ฉินอวี่ยิ้มพลางมองยอดตัวเลขด้วยหัวใจเปี่ยมสุข
ถ้าชาติที่แล้วหาเงินได้แบบนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปนั่งทำงานเป็นกรรมกรออฟฟิศจนตายหรอก
เพราะฉะนั้นหลังจบภารกิจนี้ เขาจะไม่ทำงานหนักอีกแล้ว!
หัวค่ำเป็นเวลาที่ฉินอวี่จะต้องไลฟ์ ทว่าด้วยความที่วันนี้เขาร้องไห้อยู่นานมากกว่าจะได้ไข่มุกครบจำนวน อาการปวดหัวจึงทวีความรุนแรงมากกว่าวันก่อนหลายเท่า
แม้เขาจะกินยาดักไปตั้งไปแต่เช้าแล้วแต่ดูเหมือนว่ามันแทบจะไม่ได้ผลเลย
ฉินอวี่เข้าไปหน้าบัญชีของตัวเอง เว็บใต้ดินนี้ทำระบบเหมือนโซเชียลทั่วไปที่สามารถอัพสถานะหรือพิมพ์ข้อความหน้าไทม์ไลน์ของตัวเองได้
อาอวี่ : วันนี้ขออนุญาตงดไลฟ์หนึ่งวัน เจอกันพรุ่งนี้นะครับ
หลังจากโพสต์ข้อความเสร็จ ดวงตาพลันเหลือบไปเห็นตรงกล่องข้อความที่แสดงว่ามีคนทักเข้ามา เมื่อคลิกเข้าไป คนที่ส่งมาคือคุณเอลนั่นเอง
[เอล : ฉันสั่งอาหารไปให้ ไม่รู้ว่าเธอกินอะไรได้บ้างเลยสั่งไปหมดทุกเมนู อันไหนไม่ชอบก็ทิ้งได้เลยนะ] 11:23
[เอล : อาอวี่ หรือว่าเธอจะไม่สบาย?] 11:40
ฉินอวี่ยิ้มบาง หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ท่ามกลางโลกใหม่ที่เขาไม่รู้จักใครเลยสักคน อย่างน้อยก็ยังมีคุณเอลคนนี้ที่เป็นเหมือนเพื่อนคอยห่วงใย นี่ทำให้เขารู้สึกดีมากจริง ๆ
เวลาที่ข้อความส่งมาคือช่วงหลังจากพนักงานมาส่งอาหาร แล้วทำไมคุณเอลถึงรู้ว่าเขาไม่สบายล่ะ?
หรือพนักงานส่งอาหารคนนั้นจะเห็นดวงตาแดงช้ำของเขาเลยเข้าใจผิด แล้วโทรไปแจ้งอีกฝ่าย?
ฉินอวี่เพ่งดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนก่อนพิมพ์ตอบกลับไป “ปวดหัวนิดหน่อยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็หาย ขอบคุณอีกครั้งสำหรับอาหาร ผมจะกินให้หมดเลย”
“...”
“คุณดีกับผมขนาดนี้ ผมไม่รู้จะตอบแทนยังไงเลย”
ฉินอวี่พิมพ์ไปอย่างที่ใจคิด แต่ไม่คิดว่าอีกฝั่งจะตอบกลับมาทันทีที่ข้อความถูกส่งไป ราวกับรอข้อความจากเขาอยู่นานแล้วยังไงยังงั้น
[เอล : ฉันไม่อยากได้อะไรจากเธอหรอก แต่ถ้าอยากตอบแทนจริง ๆ ช่วงปีใหม่เรามาเจอกันไหม]
ปีใหม่...
ฉินอวี่ครุ่นคิด ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนสิบเอ็ด ระยะเวลาภารกิจคือสี่สิบวัน หมายความว่าวันสุดท้ายของภารกิจเอาตัวรอดคือช่วงสิ้นเดือนธันวา หากเขาทำสำเร็จย่อมต้องไปเจอคุณเอลได้แน่นอน
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จล่ะ?
“ทำไมต้องปีใหม่ครับ”
[เอล : ช่วงนี้ฉันงานยุ่งมาก กำลังจัดการหลาย ๆ อย่าง ช่วงหลังปีใหม่คงพอมีเวลาว่างบ้าง]
ฉินอวี่รู้สึกขำอีกฝ่ายเล็กน้อย นี่ขนาดงานยุ่งก็ยังอุตส่าห์มานั่งดูไลฟ์ยันเที่ยงคืนทุกวันเลยนะ
“ครับ ปีใหม่ก็ได้”
ฉินอวี่ไม่ได้บอกปัดคุณเอลไป เพราะใจจริงเขาก็อยากเจอนายทุนใหญ่คนนี้เหมือนกัน และเพื่อการนั้นแล้ว เขาจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้!
หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยคฉินอวี่ก็ขอตัวไปนอนพัก ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับแล้ว จู่ ๆ ดวงตาพลันลืมพรึบเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
เวรล่ะ! พรุ่งนี้วันอาทิตย์เรามีนัดกับบลัดนี่หว่า แล้วก็อีกนัดที่ลืมไปซะสนิท
ท่านเลวี่คนนั้นก็นัดวันพรุ่งนี้!!