‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก

 

 

“ผมตกลง” 

หลังจบประโยคนี้ ฉินอวี่ก็เห็นบลัดยิ้มกว้างกว่าเดิมแสดงออกถึงความพึงพอใจอย่างปิดไม่มิด

ค่าจ้างทั้งหมดสองแสน หักมัดจำสองหมื่นและค่าสร้อยอีกหนึ่งหมื่นเหลือที่ต้องจ่ายเพิ่มคือแสนเจ็ด เงือกหนุ่มกัดฟันยกโทรศัพท์ขึ้นมาโอนค่าจ้างให้บลัดด้วยหัวใจรวดร้าว

ท่องไว้ เพื่องาน เพื่องาน อย่างน้อยก็ยังเหลือตั้งสามหมื่น “...”

บลัดเอนหลังพิงพนักโซฟา ขาไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาภายใต้หมวกจ้องมองเงือกที่มีสถานะเป็นนายจ้างนิ่ง ๆ “รายละเอียดเป้าหมายและระยะเวลาการทำงานล่ะ”

“ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี” เพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนเท่านั้น ฉินอวี่เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ก่อนจะชะงักไป ดวงตาจ้องเขม็งผ่านกระจกใสออกไปด้านนอกร้าน “ส่วนเป้าหมาย...”

ดูเหมือนว่าจะมาได้จังหวะจริง ๆ

บลัดเห็นท่าทางนั้นจึงหันมองตามสายตาไปด้วยอีกคน จากมุมนี้จะเห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาทรงเสน่ห์แฝงความเจ้าชู้ กำลังเดินกะหนุงกะหนิงมากับสาวน้อยหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่มีหน้าอกล้นทะลักคนหนึ่ง

“หมอนั่นเหรอ?” คิ้วเข้มภายใต้หมวกเลิกขึ้นอย่างสนใจ

“อือ” ฉินอวี่ใจลอย แววตาที่มองฉีเฟิงแสดงออกว่ารังเกียจคนแบบนี้อย่างสุดหัวใจ

เวลาปกติชอบแสดงท่าทางสุภาพบุรุษเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกดี อีกทั้งในออฟฟิศใครไม่รู้บ้างว่าฉีเฟิงชอบจางลี่ ไม่สิ มีอยู่คนหนึ่งที่ไม่รู้ นั่นก็คือร่างเดิมที่แสนซื่อบื้อคนนั้นไง

เอาเป็นว่า คนแทบทั้งบริษัทรู้ว่าฉีเฟิงชอบคุณหนูจางลี่ลูกสาวท่านประธาน แล้วภาพที่เขาเห็นตอนนี้มันคืออะไรกัน

หญิงสาวคนนั้นถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าจะเป็นเด็กใหม่แผนกบัญชีที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้สามเดือน จากท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมถึงขั้นกอดแขนโอบไหล่ ใช้เท้ามองก็รู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันแบบไหน

“ไอ้เลวเอ๊ย” ฉินอวี่สบถ หันหน้ามาพูดกับบลัดด้วยน้ำเสียงโมโห “คุณเริ่มงานได้วันไหน”

บลัดหัวเราะหึ “วันนี้เลยเป็นไง”

ฉินอวี่คลายสีหน้าโมโหลง “เยี่ยมไปเลยครับ”

ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น อาหารที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟพอดี ฉินอวี่ที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยลงมือด้วยความรวดเร็วปานพายุคลั่ง

กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องล่ะนะ!

ในขณะที่กินข้าว ฉินอวี่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนตรงข้ามเอาแต่จับจ้องมือของเขาไม่วางตา

ฝ่ามือนี้บลัดเคยเห็นแล้วผ่านทางไลฟ์ แต่การมองผ่านกล้องกับการได้เห็นของจริงนั้นช่างต่างกันมาจริง ๆ

ในไลฟ์มือของเงือกอยู่ในสภาพมีเกล็ดทั่วบริเวณ ส่วนในตอนนี้มือของอีกฝ่ายไร้ซึ่งเกล็ดแต่ก็ยังคงสวยงามมากอยู่ดี ผิวขาวละเอียดเนียนนุ่มเหมือนก้อนหยก นิ้วทั้งสิบเรียวยาวเห็นข้อต่อชัดเจน ที่มือซ้ายมีขี้แมลงวันเม็ดเล็ก ๆ แต้มอยู่หนึ่งจุดทว่ามันกลับไม่ได้ทำให้มือข้างนี้ดูด่างพร้อยแม้แต่นิดเดียว

ฉินอวี่เช็ดปาก “อิ่มแล้วครับ เราไปกันเลยมั้ย”

“อืม” บลัดพยักหน้าก่อนเดินนำออกไป

กว่าฉินอวี่จะกินเสร็จก็ผ่านมาแล้วครึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าพวกฉีเฟิงเดินหายไปนานแล้ว แต่เขามั่นใจว่าบลัดต้องมีวิธีตามตัวพวกนั้นแน่

และเขาก็เดาถูก บลัดกำลังหลับตาก้มหน้าลงเงียบ ๆ พลางใช้ประสาทสัมผัสที่ค่อนข้างไวของตัวเองในการค้นหาเป้าหมายภารกิจ ไม่นานก็เจอคนทั้งคู่

ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงลืมขึ้น “โรงแรมไนท์แมร์”

“...” ฉินอวี่ชะงัก

โรงแรมนี้อีกแล้ว

ที่เมืองนี้มันมีอยู่โรงแรมเดียวหรือไงเนี่ย!

อาการชะงักของเงือกข้างกายทำให้บลัดหันไปมองอย่างสงสัย “มีอะไร”

ฉินอวี่ส่ายหน้า “เปล่า”

ใครจะไปบอกกันล่ะว่าเขาก็โดนแวมไพร์อันดับหนึ่งนัดเจอที่นี่น่ะ

 

เป้าหมายอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล ใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมที่ว่าจนได้

ฉินอวี่ยืนตะลึงตาค้างกับขนาดของโรงแรมอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา โรงแรมแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าที่เขาเคยเห็นมาทั้งชีวิต สไตล์การตกแต่งภายนอกก็ว่าหรูหราแล้ว ทว่าเมื่อเข้ามาด้านใน เงือกมือใหม่ก็แทบจะถูกเครื่องประดับภายในนี้สะท้อนจนตาบอดกันเลยทีเดียว

ฉินอวี่ทำหน้านิ่ง ดวงตากวาดไปทั่วอย่างสำรวจ เขาพึมพำเสียงเบา “ต้องแพงมากแน่เลย”

บลัดที่เดินอยู่ด้านข้างนั้นหูดีมาก ชายหนุ่มพยักหน้า “แพงสิ อย่างน้อยคืนหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่น”

“นะ หนึ่งหมื่น!” ฉินอวี่ตาเหลือก

โอเค เขารู้ว่าหัวหน้ายังไงก็เงินเดือนเยอะกว่าพนักงานใหม่อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเยอะถึงขนาดทำตัวอู้ฟู่แบบนี้ได้สบาย ๆ

ซึ่งบลัดก็คิดแบบเดียวกัน “ดูท่าไอ้หมอนี่จะเงินเหลือเฟือดีนะ”

เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คือโรงแรมหรู การรักษาความปลอดภัยจึงเข้มงวดมาก หากไม่มีคีย์การ์ดจะไม่สามารถขึ้นลิฟต์ของโรงแรมได้ และต่อให้มีคีย์การ์ดก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปแวะได้ทุกชั้น

ในเมื่อจ่ายเงินค่าจ้างไปแล้ว ฉินอวี่เลยปล่อยทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของบลัดไปเสีย ส่วนตัวเองก็ทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี

ไม่รู้ว่าบลัดพูดอะไรกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ไปบ้าง สายตาที่พวกเธอมองมายังฉินอวี่ถึงได้ดูแปลกประหลาดแบบนั้น จะยิ้มก็ไม่ใช่ ออกไปทางประหลาดใจเสียมากกว่า

ไม่นานบลัดก็เดินมาพร้อมกับโบกคีย์การ์ดไปมา “ไปเถอะ หมอนั่นอยู่ชั้นสามนี่เอง”

โรงแรมแห่งนี้ยิ่งชั้นสูงมากเท่าไรราคาก็ยิ่งแพงมากขึ้นเท่านั้น ชั้นสามนี้ราคาต่อคืนอยู่ที่หนึ่งหมื่นสี่พันเหรียญ แค่ได้ยินราคาก็ทำเอาฉินอวี่อยากพ่นเลือดใส่หน้าคนจริง ๆ

ไอ้พวกคนรวยเอ๊ย!

แน่นอนว่าต่อให้รู้ว่าพวกฉีเฟิงพักห้องไหนหรือว่าชั้นอะไร แต่พวกเขาไม่ได้เข้าไปจัดการอีกฝ่ายตรง ๆ ทว่ากลับเปิดห้องที่ติดกันแทน

ฉินอวี่มองบลัดด้วยสายตาระแวง ขาแข็งยืนอยู่นอกห้องไม่ยอมตามเข้าไปด้านใน

บลัดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ “ยืนบื้ออะไร”

ทว่ายังทันที่ฉินอวี่จะได้อ้าปาก ประตูห้องด้านข้างพลันเปิดออกมากะทันหัน ชายหนุ่มผมทองเบิกตากว้างอย่างทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นแขนก็ถูกมือแกร่งกระชากให้เข้ามาด้านในพร้อมกัน

“ฉิบ” ฉินอวี่ลูบจมูกที่กระแทกไหล่อีกฝ่ายพลางสบถออกมา

วันนี้มันวันอะไรกัน จมูกเขาโดนทำร้ายไปสองรอบแล้วนะ นี่ถ้าเสริมดั้งมาซิลิโคนคงได้ออกมาสูดอากาศไปแล้ว

“โง่หรือไง”

เสียงนี้ดังอยู่เหนือศีรษะของฉินอวี่พอดี ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น จากมุมนี้จึงทำให้เขาเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกชัดเจน

“...” ทำไมรู้สึกคุ้น ๆ วะ 

“มองพอแล้วก็ถอยออกไปด้วย” บลัดพูดเสียงขรึม “นายทำให้ฉันหิว

“นาย คุณ” ปลายนิ้วเรียวสวยชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างกับคนเห็นผี

เชี่ย! นี่มันอันดับหนึ่งท่านนั้นไม่ใช่หรือไงกัน 

บลัดถอดหมวกออกพลางยิ้มทรงเสน่ห์ “สวัสดีอีกครั้ง อาอวี่”

ทว่าฉินอวี่ที่อึ้งอยู่นั้นกลับพูดไม่ออกไปนานแล้ว บลัดพอใจกับท่าทางนี้ของอีกฝ่ายจึงหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้า “ตกใจเว่อร์เกินไปล่ะ”

เสียงหัวเราะสั่นประสาททำเอาชายหนุ่มผมทองสติกลับเข้าร่าง ริมฝีปากปากเบ้ลงอย่างขัดใจ “ทำไมต้องหลอกผมด้วย”

“หลอกอะไร นายไม่ถาม ฉันก็แค่ไม่ได้บอก”

ก็จริงอีก...

ฉินอวี่ฟึดฟัด ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะดวงสมพงษ์กับแวมไพร์อันดับหนึ่งขนาดนี้ เล่นเว็บใต้ดินวันแรกโน้ตบุ๊คก็ดันค้างจนไปโดเนทให้อีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ พอจะจ้างคนมาช่วยจัดการฉีเฟิงก็ดันจิ้มได้แวมไพร์อีก

นี่ท่านเลวี่เขาว่างมากจนต้องมารับจ๊อบเสริมเลยหรือไงกัน

ฉินอวี่หน้าง้ำ “แต่คุณรู้อยู่อยู่แล้วตั้งแต่แรก เห็นผมไม่รู้เรื่องมันคงตลกมากสินะ”

“ก็ตลกดี” เลวี่หัวเราะชอบใจ “จะเลิกจ้างตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ พอดีฉันไม่มีนโยบายคืนเงินด้วยสิ”

“...”

หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็เงียบไป พอดีกับที่เสียงจากห้องด้านข้างหายไปเช่นกัน ก่อนหน้านี้ที่ฉีเฟิงออกมาจากห้องเป็นเพราะสั่งรูมเซอร์วิสเอาไว้นั่นเอง

ฉินอวี่ที่ไม่มีอะไรทำจึงนั่งสำรวจอีกฝ่ายอย่างเปิดเผย “คุณไม่เหมือนในไลฟ์เลย”

“แล้วฉันเป็นยังไง” เลวี่เองก็นั่งไขว่ห้างมองเงือกหนุ่มน้อยอยู่เช่นกัน ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้าอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ก็คุณในไลฟ์ดูขรึม ๆ สูงส่ง เอื้อมไม่ถึง แต่ตอนนี้ดูขี้เล่นเข้าถึงง่ายมากกว่า” พูดไปก็ขมวดคิ้วไป เขาไม่รู้จะอธิบายนิสัยของคนตรงหน้ายังไงดี

“แล้วนายชอบแบบไหน”

ฉินอวี่ตอบทันควัน “ไม่ชอบสักแบบ”

“ใจร้ายมาก” เลวี่ไม่โกรธซ้ำยังหัวเราะเสียงดัง “นี่ฉันยังไม่ได้จัดการที่นายเบี้ยวนัดวันนี้เลยนะ ทำไมถึงปฏิเสธล่ะ”

ฉินอวี่พูดตามความจริงอย่างไม่ไว้หน้า “อ้อ ผมก็แค่ไม่อยากกลายเป็นอาหารให้ใครบางกินก็เท่านั้น อีกอย่างเรื่องโดเนทผมก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนั้นคอมฯ ดันค้างซะก่อน”

“แบบนี้ก็แสดงว่านายไม่ได้ชอบฉันน่ะสิ” เลวี่ส่ายหน้าทำน้ำเสียงผิดหวังที่ดูไม่จริงใจสุด ๆ

“แล้วทำไมผมต้องชอบคุณด้วยไม่ทราบ!”

“ก็ฉันหล่อ”

“...” ฉินอวี่กลอกตามองบน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แล้วคุณจะเริ่มงานตอนไหน”

แวมไพร์ผมเทาที่ตอนนี้ผมสั้นประบ่าทำสีหน้าครุ่นคิด “คืนนี้แล้วกัน”

“ทำไมต้องกลางคืน”

“ก็วันนี้ดันมีคนเทนัดฉันน่ะสิ ฉันก็เลยมีเวลาทั้งคืนเลยยังไงล่ะ” เลวี่ยักไหล่ “ไว้ค่อยแอบไปจัดการไอ้หมอนั่นตอนดึก ๆ ก็ได้”

“คุณว่างแต่ผมไม่ได้ว่างด้วยนะ”

ช่วงค่ำเขายังต้องไลฟ์ไหนจะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้าอีก ไม่มีเวลามาอยู่รอทั้งคืนหรอก

“นั่นสินะ นายต้องไลฟ์ช่วงหัวค่ำนี่นา” เลวี่ทำน้ำเสียงเสียดาย

“แล้วคุณไม่ไลฟ์หรือไง เห็นว่าช่วงนี้คุณไลฟ์โต้รุ่งไม่ใช่เหรอ”

เพราะตอนนี้พี่หลี่จิ้งแทบจะกลายสภาพเป็นวิญญาณอยู่แล้ว

“ปกติฉันไลฟ์ไม่ค่อยเป็นเวลาอยู่แล้ว เช้าบ้าง ดึกบ้าง แล้วแต่อารมณ์ ไม่ไลฟ์สักวันก็ไม่เสียหาย” เลวี่พูดจบก็หรี่ตายิ้ม ๆ “แอบมาดูไลฟ์ฉันก็ไม่เห็นทักทายกันบ้างเลยนะ”

“ไม่ได้ดูสักหน่อย”

ในเมื่อเลวี่บอกว่าจะจัดการตอนดึก ฉินอวี่จึงไม่อยากอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาอีกต่อไป “ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

“แล้วแต่นายเถอะ” เลวี่ไม่คิดจะรั้ง ดวงตาที่เคยเป็นสีน้ำตาลเริ่มแดงเข้มขึ้น “มีเรื่องหนึ่งที่ฉันควรเตือนนายสักหน่อย”

“...?”

“ฉันไม่รู้ว่านายโง่หรือบื้อกันแน่ แต่ควรรู้เอาไว้ด้วยว่าเงือกเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างหายาก ในประเทศนี้หากให้นับจริง ๆ แล้วก็มีไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ การที่นายเที่ยวไปเปิดให้คนนู้นคนนี้รู้ว่าตัวเองเป็นเงือกมันไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับตัวนายเลยนะ”

ฉินอวี่เบิกตากว้างพลางยืนฟังอีกฝ่ายเงียบ ๆ

“อย่างเช่นถ้าวันนี้คนที่นายจ้างไม่ใช่ฉัน แต่เป็นพวกนักล่าค่าหัวหรือพวกนายหน้าค้าอมนุษย์ รับรองได้เลยว่าหน้าตาแบบนายได้ถูกจับไปขายซ่องแน่นอน”

“ไม่สิ ซ่องอาจจะดูดีด้วยซ้ำ เพราะมันยังมีพวกโรคจิตที่ทะเยอทะยานอยากเป็นอมตะอยู่อีกเยอะเหมือนกันนะ”

“คุณหมายถึง...” ฉินอวี่ปากสั่น มองอีกฝ่ายตาโต

“หากได้กินเนื้อของเงือกจะทำให้เป็นอมตะ นายก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดีนะ”

เงือกมือใหม่ถอยกรูดไปจนแทบจะติดประตูห้อง นัยน์ตาสีน้ำเงินมองแวมไพร์อย่างหวาดระแวง

ไอ้หมอนี่มันรู้ได้ไง เรื่องนี้แม้แต่ในเน็ตยังไม่มีเลยนะ!

แวมไพร์ผมเทามองท่าทางนั้นแล้วก็หัวเราะลั่น “ทำท่าอะไรของนาย ถ้าจะจับนายฉันไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาพูดเรื่องแบบนี้หรอกนะ”

“ที่จะบอกก็คือ ตอนนี้นายตัวคนเดียวไม่มีใครหนุนหลัง นายควรระวังตัวให้มากกว่านี้ ถ้ายังอยากมีชีวิตสงบสุขก็อย่าเที่ยวเอาหน้าจริงไปบอกใครก็ใครว่าตัวเองเป็นเงือก”

“คุณรู้เรื่องเนื้อเงือกได้ไง” ฉินอวี่ถามอย่างระแวง

“ฉันเป็นแวมไพร์อยู่มาแล้วเป็นร้อยปีเชียวนะ” เลวี่แสยะยิ้มพลางพูดอย่างลำพอง “อีกอย่างทั้งความเป็นอมตะหรือเงินฉันก็มีหมดแล้วทุกอย่าง สำหรับฉันนายก็เป็นแค่ปลาน้อยน่ารักตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ เลิกทำท่าระแวงได้แล้ว”

ฉินอวี่หรี่ตา ทำปากมุบมิบ “ไม่ขาดเงินแต่ไลฟ์แทบทุกวันแถมยังคิดเงินค่าจ้างมหาโหดเนี่ยนะ”

แน่นอนว่าแวมไพร์หูดี ย่อมได้ยินทุกคำที่ฉินอวี่พูดอยู่แล้ว “ฉันก็แค่เบื่อเลยหาอะไรทำแก้เซ็ง อีกอย่างเลือดฉันก็มีค่ามากนะ ถึงจะเทียบไม่ได้กับไข่มุกหรือเนื้อของเงือกก็เถอะ”

แม้จะยังคงระแวงแวมไพร์ตรงหน้า ทว่าเมื่อคิดตามที่อีกฝ่ายพูดฉินอวี่ก็เห็นด้วยจริง ๆ เขาคิดตื้นเกินไปที่เอาตัวตนจริงมาติดต่อคนอื่นแบบนี้

“ขอบคุณที่เตือนครับ” พูดจบก็เตรียมที่จะออกจากห้อง ทว่าหมวกใบหนึ่งกลับลอยมากระแทกเข้ากลางหน้าผากเต็ม ๆ

“เอาไปใส่ซะ”

“ขอบคุณ” ฉินอวี่ไม่ปฏิเสธความหวังดี สวมหมวกเสร็จก็ออกจากห้องไปทันที