‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
ฉินอวี่พรูลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทั้งที่วันนี้แทบไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับรู้สึกเหนื่อยจนแทบจะหมดแรง
หัวค่ำเขาก็ยังคงเปิดไลฟ์ดูดวงตามปกติ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร หน้าจอพลันปรากฏพลุหลากสีขึ้นมาเป็นการต้อนรับเสียก่อน
(เอล : พลุ x1)
ทั้งที่บอกว่างานยุ่งแท้ ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์มาโดเนทให้ทุกวัน...
ฉินอวี่อมยิ้ม รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ในชีวิตจริงเขาต้องวุ่นวายกับการจัดการคนจนหัวหมุน ทว่าการกระทำเล็กน้อยนี้ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาหายเหนื่อยได้มากทีเดียว
“ขอบคุณนะครับ คุณเอล”
[มัมหมีอาอวี่ : มาแล้ว พลุเปิดไลฟ์!]
[ชอบกินเนื้อ : วันไหนไม่มีพลุหลากสี วันนั้นพายุต้องถล่มประเทศเฉินแน่นอน!]
[แมวอ้วน : อาอวี่ ๆ ฉันได้รับสร้อยแล้วนะคะ มาเร็วเว่อร์ จะบอกว่าใช้งานดีมากเลย จู่ ๆ สามีที่นอกใจก็กลับมาขอโทษเฉยเลย]
[นมกล่อง : ผมก็ได้รับแล้วนะ หลังจากได้รับสร้อย งานที่สมัครไปเป็นเดือนก็ส่งเมลกลับมาบอกว่ารับเข้าทำงานแล้ว!]
[ทาสอาอวี่ : ฮือ~ วันนี้แมวที่หายตัวไปหลายวันก็กลับบ้านมาแล้วค่ะ หนึ่งหมื่นที่เสียไปคุ้มค่ามากจริง ๆ]
“ดีใจกับทุกคนที่สมหวังนะครับ”
เขาเพิ่งส่งสร้อยให้ลูกค้าเมื่อเช้าก่อนไปเจอบลัด ไม่คิดว่าจะเห็นผลไวขนาดนี้จริง ๆ ค่อยคุ้มค่ากับที่นั่งหลังขดหลังแข็งบีบน้ำตาจนปวดหัวขึ้นมาหน่อย
และยิ่งมีคอมเมนต์รีวิวมากเท่าไร ก็ยิ่งพาให้คนดูที่เหลืออยากได้ของชิ้นนี้กันใจแทบขาด
ฉินอวี่เอ่ยเตือน “แต่ผมไม่อยากให้ทุกคนคาดหวังกับผลลัพธ์ที่ยากเกินไปนะครับ อย่างพวกถูกรางวัล หรือลาภลอยอะไรพวกนั้น ของชิ้นนี้สามารถช่วยในเรื่องที่พวกคุณควรจะได้เท่านั้น”
[คนพเนจร : ฉันเพิ่งผ่านมา เห็นรีวิวแล้วอยากซื้อเลย คุณเจ้าของไลฟ์พอจะมีขายอีกไหม]
“มีครับ แต่รับจำนวนจำกัดนะครับ หนึ่งคนซื้อได้หนึ่งอัน เปิดขายอีกครั้งช่วงวันศุกร์”
พูดแล้วก็เสียดาย เงินมากองอยู่ตรงหน้าใครจะไม่อยากได้ แต่อาการปวดหัวหลังร้องไห้มันก็เกินทนจริง ๆ นั่นแหละ
[คนพเนจร : โหย แล้วคนดูเยอะแบบนี้ ฉันจะจองทันมั้ยเนี่ย]
[เน็ตกากมาก : นั่นสิอาอวี่ ฉันไม่น่าจะจองทัน มีคนรอซื้อเยอะขนาดนี้ทำไมคุณไม่ขายเยอะ ๆล่ะ แบบนี้รวยเละเลยนะ]
“มันทำค่อนข้างยากน่ะครับ” ฉินอวี่แบ่งรับแบ่งสู้ “ตอนกลางวันผมก็ต้องทำงานด้วย มีเวลาทำสร้อยแค่ช่วงวันหยุดเท่านั้น”
อีกอย่าง หลังจากมาครุ่นคิดถึงคำพูดของเลวี่เมื่อตอนบ่าย เขาจึงคิดว่าจะขายสร้อยโชคดีแค่พอให้หาเงินได้อีกก้อนแล้วก็จะเลิกขายไปเสีย
เขาประมาทเกินไป โลกนี้เงือกเป็นสิ่งมีชีวิตหายาก หากบังเอิญไปพบเจอเข้ากับคนไม่ดี พวกนั้นอาจจะรู้ได้ว่าของสิ่งนี้ทำมาจากไข่มุกเงือก ต่อให้เว็บจะปกปิดข้อมูลส่วนตัวของสมาชิกเป็นความลับ แต่โลกนี้มีคนมากหน้าหลายตาหลากหลายอาชีพ ไม่มีทางที่คนพวกนั้นจะหาเขาไม่เจอ
และเพื่อความปลอดภัยในชีวิตหลังจากนี้ เขาอาจจะต้องหาขาทองคำสักข้างมากอดแล้วล่ะ
เพราะถ้ามีขาทองคำคอยคุ้มหัว ไม่ว่าอยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
ดูอย่างเงือกสาวไอดอลอันดับหนึ่งตอนนี้สิ ได้ยินว่าเธอเป็นคนรักของท่านประธานค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่มีทั้งเงินและอำนาจ ต่อให้มีคนจ้องเธอตาเป็นมันแต่กลับไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจของประธานท่านนั้นสักคน
[รักอาอวี่ : อาอวี่ไม่ต้องฝืนตัวเองนะคะ]
พอหลายคนได้ยินว่าเงือกน้อยของพวกเขายังทำงานอื่นด้วย ทุกคนจึงหยุดเซ้าซี้ไปอย่างว่าง่าย
ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็มีแต่ต้องใช้ความแรงเน็ตเข้าสู้แล้วล่ะ!
กระทั่งไลฟ์จบตอนเที่ยงคืน ฉินอวี่คลิกเปิดกล่องข้อความ แชตของบลัดและเลวี่ยังคงเงียบกริบ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายน่าจะยังทำงานไม่สำเร็จ
จะว่าไปแล้วเลวี่นี่ก็เก่งจริง ๆ ที่อุตส่าห์สมัครแอคเค้าท์อมนุษย์มาเป็นแอคหลุมได้เนี่ย เพราะหากฉินอวี่อยากมีแอคหลุมเขาก็ทำได้เพียงสมัครใหม่อีกครั้งในฐานะมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
ในส่วนของบัญชีอมนุษย์จะต้องมีการยืนยันตัวตนหนึ่งคนต่อหนึ่งบัญชี ไม่มีทางที่เขาจะเปิดอีกบัญชีได้แน่นอน
ก่อนปิดคอมฯ ฉินอวี่ไม่ลืมที่จะแวะไปบอกราตรีสวัสดิ์กับคุณเอลเหมือนอย่างทุกที ซึ่งอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาเป็นประโยคคล้ายกัน
[เอล : ฝันดีเหมือน พักผ่อนเยอะ ๆ นะ]
เงือกมือใหม่มองข้อความนี้แล้วก็ยิ้มงดงามออกมาอย่างไม่รู้ตัว
**
หลังจากฉินอวี่จากไป เลวี่ที่ไม่มีเพื่อนเล่น (?) จึงนอนหลับเอาแรงเสียเลย
ถ้าถามว่าทำไมต้องทำอะไรยุ่งยากอย่างการรอตอนดึกด้วย นั่นก็เพราะช่วงกลางคืนเป็นช่วงเวลาที่มนุษย์คลายความระแวดระวังที่สุดยังไงล่ะ
แถมมันยังเป็นช่วงเวลาที่พนักงานและลูกค้าไม่ค่อยออกมาเดินเพ่นพ่านกันแล้วด้วย
อันที่จริงแวมไพร์อันดับหนึ่งอย่างเลวี่มาพักที่นี่ค่อนข้างบ่อย อีกทั้งยังรู้จักกับเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ เรื่องจัดการกล้องวงจรปิดเป็นเรื่องง่าย แต่การหลบสายตาผู้คนนั้นทำได้ยาก
กลางคืนนี่แหละจึงเหมาะสมที่สุด!
เลวี่คลายมนต์พรางตาออก เส้นผมสีเทาสั้นระดับคอค่อย ๆ สยายลงมาราวกับแพรไหมจนถึงบั้นเอว ผิวขาวเหลืองแบบมนุษย์เริ่มซีดลงจนแทบไร้สีเลือด เขี้ยวงอกยาวโผล่พ้นริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลอมแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานบ่งบอกลักษณะของเผ่าพันธุ์อันตรายได้เป็นอย่างดี
ทว่าต่อให้ดวงตาจะเป็นสีแดงหรือริมฝีปากมีเขี้ยวแหลม มันก็ไม่ได้ทำให้อมนุษย์ผู้นี้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด กลับยิ่งส่งเสริมให้เขาดูงดงามถึงขีดสุด
หากจะให้พูดก็คือ เงือกอย่างฉินอวี่นั้นงดงามเสมือนดอกลิลลี่ ที่มีทั้งความนุ่มนวล น่ารักสดใส ส่วนเลวี่กลับเป็นดอกกุหลาบที่แม้จะสวยงามแต่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ถ้าไม่ระวังก็อาจจะโดนแทงนิ้วเอาได้
แวมไพร์ใช้มนต์ลวงตาอีกครั้งเพื่อทำให้ใบหน้าของตัวเองดูอ่อนละมุนขึ้น จากนั้นจึงเดินไปเคาะประตูห้องข้าง ๆ
ไม่นานคนด้านในก็เปิดประตูออกมาด้วยความหัวเสีย “ใครวะ!”
ฉีเฟิงอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ย เส้นผมและสีหน้ายุ่งเหยิงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวถูกปลุกขึ้นมาจากการนอนหลับ
ยิ่งเห็นรอยจูบตามลำคอของอีกฝ่าย เลวี่ก็อยากจะขำเสียจริง
แวมไพร์ดัดเสียง พูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด “ขอโทษนะครับ พอดีผมมีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย”
เสียงนี้เพราะมาก ทำเอาฉีเฟิงที่กำลังสะลึมสะลือถึงกับตาสว่างขึ้นมา พอสังเกตใบหน้าของคนตรงหน้าดี ๆ เขาก็พลันหน้าแดงเถือก
สวยโคตร!
ฉีเฟิงมองเสน่ห์อันเหลือล้นของแวมไพร์จนตาลอย ลืมสังเกตไปเลยว่าคนคนนี้ใส่ชุดผู้ชายอีกทั้งหน้าอกยังแบนราบยิ่งกว่าไม้กระดานเสียอีก
“จะให้ผมช่วยอะไรงั้นเหรอ” ฉีเฟิงเสียงอ่อนลง
“คือ...” เลวี่แสร้งทำเป็นหันซ้ายหันขวาท่าทางหวาดกลัว “ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม”
พอเห็นท่าทางนี้ ฉีเฟิงก็มโนไปไกลว่าคนงามคนนี้จะต้องโดนคนไม่ดีพามาทำเรื่องเลว ๆ แน่ ชายหนุ่มรีบเปิดประตูห้องออกกว้างโดยที่ลืมไปเสียสนิทว่าบนเตียงตัวเองยังมีรุ่นน้องที่บริษัทนอนอยู่
ดวงตาสีแดงราวกับทับทิมมองสำรวจไปรอบห้องที่โคตรเละเทะก่อนเบ้ปากอย่างนึกรังเกียจ
บนเตียงมีหญิงสาวคนหนึ่งซุกตัวนอนนิ่ง ตามลำคอและแผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยรัก คาดว่าช่วงล่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มก็คงสภาพไม่ต่างกันนัก
ท่าทางก่อนหน้านี้คงจะร้อนแรงกันน่าดู
เลวี่ไม่อยากเสียเวลาอยู่ในห้องที่มีแต่กลิ่นคาวไปมากกว่านี้ เขาเอ่ยเรียก “นาย...”
“ครับ ๆ” ฉีเฟิงหันมายิ้มกว้าง จากนั้นก็ชะงักไป ดวงตาสีเขียวเปลี่ยนไปเลื่อนลอยไร้จุดโฟกัส
เลวี่มองอีกฝ่ายขึ้นลงก่อนเบ้ปากอีกหน “แค่คิดว่าต้องทำให้ไอ้หมอนี่เป็นเผ่าเดียวกันก็จะอ้วกแล้ว”
แต่เขารับเงินเงือกน้อยนั่นมาแล้ว ไม่ทำก็เสียชื่อกันพอดี
แวมไพร์ใช้อำนาจของมนต์สะกด สั่งให้มนุษย์เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการล้างแขนถูสบู่หลายรอบจนเขาคิดว่ามันน่าจะสะอาดพอถึงได้หยุด
ถึงเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ต้องกินเลือดเป็นอาหาร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกินไม่เลือกหน้า ยิ่งกับผู้ชายตัวเหม็นเต็มไปด้วยกลิ่นราคะแบบนี้ เลวี่จัดให้อยู่ในหมวดของอาหารไม่ลงด้วยซ้ำ
ผ้าเช็ดตัวถูกนำมาซับผิวของมนุษย์จนแห้งสนิท เลวี่ทำใจอยู่นานจากนั้นก็อ้าปากแล้วกัดลงไปบนแขนของฉีเฟิงอย่างแรง
เขี้ยวคมฝังลงไปบนผิวเนื้อจนเลือดไหลทะลักออกมาเป็นสาย แม้จะไม่มีสติ ทว่าร่างกายของฉีเฟิงกลับกระตุกสั่นด้วยความเจ็บตามสัญชาตญาณ
ขั้นตอนการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ ไม่จำเป็นที่แวมไพร์ต้นแบบจะต้องกินเลือดของอีกฝ่าย แต่ที่ต้องกัดก็เพียงเพื่อให้น้ำลายที่เปรียบเสมือนพิษของแวมไพร์ไหลผ่านจากบาดแผลเข้าไปในร่างของมนุษย์
หากแวมไพร์กัดมนุษย์เพื่อดูดเลือดตามปกติ แรกเริ่มผู้ที่ถูกกัดจะมีอาการเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้นจะรู้สึกชา และนานเข้าก็จะเริ่มเกิดอาการร้อนรุ่มตามลำดับ ทว่าขั้นตอนการเปลี่ยนเผ่าพันธุ์ไม่จำเป็นต้องทำจนถึงขั้นสุดท้าย พวกเขาเพียงแค่ต้องกัดและมอบเลือดของตัวเองให้อีกฝ่าย
เลวี่ถอนเขี้ยวออกก่อนจะบ้วนเลือดในปากทิ้งอย่างรวดเร็ว “ถุย” จากนั้นก็จัดการกรีดมือตัวเองจนเลือดออกแล้วยัดเข้าปากมนุษย์ตรงหน้า กระทั่งมั่นใจว่าเลือดไหลลงคอฉีเฟิงไปแล้ว เขาจึงถอนมือออกมาแล้วรีบพุ่งตัวไปบ้วนปากล้างมืออย่างนึกรังเกียจ
“รู้งี้คิดเงินเยอะกว่านี้ก็ดี”
งานนี้ท่านเลวี่รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบสุด ๆ!
การเปลี่ยนมนุษย์คนหนึ่งเป็นแวมไพร์นั้นทำไม่ยาก เพียงแต่ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครทำกัน เพราะต่อให้กลายเป็นแวมไพร์แล้วแต่ก็เป็นได้เพียงของปลอมเท่านั้น อีกทั้งยังเสี่ยงที่มนุษย์คนนั้นจะสูญเสียสติสัมปชัญญะในด้านการยั้งคิดแบบมนุษย์ไปด้วย
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องของเลวี่ เขาเพียงแค่ทำงานที่ได้รับการว่าจ้างมาให้สำเร็จลุล่วงก็เท่านั้น
เลวี่ยืนมองมนุษย์สองคนบนเตียงด้วยสายตาเรียบเฉย ฝ่ายหญิงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยตื่นขึ้นมาแม้แต่แวบเดียว ส่วนฉีเฟิงกลับนอนบิดตัวไปมาด้วยท่าทางทรมาน ผิวหนังตามใบหน้าและลำตัวขึ้นเป็นรอยเส้นเลือดปูดนูนเต้นตุบตับตามจังหวะการสูบฉีดของหัวใจ คล้ายกับว่าภายใต้ผิวหนังมีหนอนตัวยักษ์ชอนไชอยู่ทั่วร่าง ดูแล้วน่าหวาดผวาสุดขีด
ตอนนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว เลวี่หยิบโทรศัพท์ออกมากดพิมพ์ข้อความหาเงือกผมทอง
“งานเรียบร้อย”
จากนั้นเขาก็เดินล้วงกระเป๋าออกจากห้องแห่งนี้ด้วยท่าทางนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แวมไพร์ผมเทาเดินฮัมเพลงออกไปจากโรงแรมด้วยความอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อเหลางดงามประดับไปด้วยรอยยิ้มจนทำให้คนที่พบเห็นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออมนุษย์ ต่างก็พากันเหลียวหลังมองตามคอแทบหัก
“จะว่าไปแล้ววันนี้ยังไม่ได้ไลฟ์เลยนี่นา ป่านนี้แฟนคลับจะนอนกันหรือยังน้า”
แต่ถึงจะนอนแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาดูเขาไลฟ์อยู่ดี
เพราะเขาคือท่านเลวี่ยังไงล่ะ