‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่ - ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง โดย Ferylin @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ

รายละเอียด

‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]

ผู้แต่ง

Ferylin

เรื่องย่อ

ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด

เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย 

เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ 

ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน 

[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]

“ฉิบ”

โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย

สารบัญ

ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-บทนำ เรื่องราวหลังการตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 1 ภารกิจเอาตัวรอด ทำก็ตาย ไม่ทำก็ตาย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 2 ไม่ชอบอะไรมักได้อย่างนั้น,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 3 เผลอไผล,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 4 หลงตัวเอง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 5 ท่านเลวี่คนดัง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 6 ข้อมูลใหม่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 7 รับจ้างตามใจ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 8 ลองทายสิ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 9 ได้โปรดมาโปรยเงินที่ช่องผมบ่อย ๆ นะครับ!,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 10 กลายเป็นคนดังแบบงง ๆ,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 11 ไข่มุกเงือก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 12 ร้องไห้,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 13 ทดลองผลงาน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 14 ท่ามกลางคนมากมาย ยังมีเขาที่คอยเป็นห่วง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 15 คนเราต้องใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 16 ใบหน้าภายใต้หมวก,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 17 อมนุษย์ผู้งดงาม,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 19 ทำอาหาร,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 20 ลีเจีย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่- ตอนที่ 21 WARNING,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 22 ยังมีชีวิต,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 23 เธอรู้จักฉัน อาอวี่,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 24 นายจะให้ฉันไปตายหรือไง,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 25 ทำไมไม่มองฉันเลย,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 26 นับจากนี้ไปขอให้เธอมีแต่ความสุข,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 27 แวมไพร์ตนนี้จะทำงานไวเกินไปแล้ว,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 28 แผนในใจของแต่ละคน,ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่-ตอนที่ 29 ของคู่กัน

เนื้อหา

ตอนที่ 18 เปลี่ยนแปลง

 

 

[เลวี่ : งานเรียบร้อย]

ข้อความที่เลวี่ส่งมารายงานผลทำให้ฉินอวี่พรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนี้แผนการเอาคืนฉีเฟิงถือว่าได้ดำเนินการขั้นแรกไปแล้ว ที่เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น

หวังว่าท้ายที่สุดมันจะสำเร็จตามที่ตั้งใจนะ

ฉินอวี่มาทำงานด้วยใบหน้าสดใส เขาอารมณ์ดีถึงขั้นแวะซื้อขนมไปฝากหลี่จิ้งอีกด้วย

“มีเรื่องดีหรือไง” หลี่จิ้งยิ้มหวานพลางยื่นมือมารับถุงขนมไป

เรื่องที่ฉินอวี่เป็นเงือกนั้นตอนแรกทำให้หลี่จิ้งตกใจจนเกือบช็อก แต่เธอไม่ใช่คนจิตใจคับแคบถึงขนาดที่จะเปิดโปงรุ่นน้องคนสนิทได้

นอกจากจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครแล้ว เธอยังแบ่งเวลาจากท่านเลวี่เพื่อมาโดเนทให้ฉินอวี่อีกด้วย

“ดีสิครับ ดีมาก” ท้ายประโยคยิ่งลากเสียงยาวแสดงออกถึงความอารมณ์ดีสุด ๆ

“มีความสุขก็ดีแล้ว ว่าแต่สร้อยพี่ล่ะ” รุ่นพี่สาวรีบทวงของสำคัญทันที

สร้อยที่ฉินอวี่ให้มานั้นมันดีมากชนิดที่เหมือนเธอเดินอยู่บนสวรรค์ก็ไม่ปาน เกิดมาเกือบสามสิบปีมีแค่ช่วงนี้ล่ะมั้งที่เรียกได้ว่าดวงดีสุด ๆ มันดีเสียจนหลี่จิ้งอยากซื้อไปเป็นของขวัญให้คนในครอบครัวด้วย

“ไม่ลืมหรอกครับ” กล่องขนาดเล็กถูกยื่นไปตรงหน้ารุ่นพี่

สร้อยของหลี่จิ้งฉินอวี่เพิ่มปริมาณผงไข่มุกเข้าไปมากกว่าของคนอื่นเกือบเท่าตัว เรียกได้ว่าลำเอียงแบบตะแคงข้างกันเลยทีเดียว

ทั้งคู่คุยเล่นกันจนถึงเวลาเข้างาน จากนั้นฉินอวี่ก็ได้รับข่าวว่าฉีเฟิงลาป่วย เขาอยากจะยิ้มกว้างออกมาเสียจริงแต่ก็ต้องแสร้งทำหน้ากังวลเพื่อแสดงความเป็นห่วงแทน

ท่าทางจะอาการหนักแฮะ 

“ฮึ” หลี่จิ้งพ่นลมออกจมูก ท่าทางหมั่นไส้คนเต็มเปี่ยม

เป็นเพราะการกระทำครั้งก่อนของฉีเฟิงทำให้รุ่นพี่สาวคนนี้มองหัวหน้าสุดหล่อเปลี่ยนไปจากเดิม

“เขาจะเป็นอะไรมากมั้ยนะ” ฉินอวี่แสร้งขมวดคิ้วพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“คนแบบนั้นเดี๋ยวก็หายเองแหละ”

หลี่จิ้งไม่ชอบใจมาก แต่ก่อนเธอค่อนข้างชอบฉีเฟิง เพียงแต่เป็นความชอบในแบบชื่นชมเท่านั้น หัวหน้าคนนั้นไม่ว่าอะไรก็ดีหมด ทั้งทำงานเก่ง พูดเพราะ แถมยังหล่อมากอีกด้วย เธอจึงค่อนข้างปลื้มเขาเหมือนมองไอดอลคนหนึ่ง

ทว่าพอมาโดนแบบนั้นเข้าไป ความชอบที่มีก็พลันสูญสลายหายไป และในเมื่อเธอไม่ชอบ หลี่จิ้งก็ไม่อยากให้รุ่นน้องที่น่ารักไปชอบอีกฝ่ายเช่นกัน

“นั่นสิครับ”

อันที่จริงฉินอวี่ก็แค่แสดงไปอย่างนั้น เพราะงั้นเลยไม่อยากสานต่อบทสนทนานี้ให้มันยืดยาวอีก

ตกเย็นถึงเวลาเลิกงาน ช่วงนี้เป็นเพราะบริษัทกำลังมีโปรเจกต์ใหม่ จางลี่จึงงานรัดตัวสุด ๆ ทำให้เธอไม่สามารถไปส่งฉินอวี่กลับบ้านได้

และเรื่องนี้ก็ทำเอาเขาแฮปปี้สุด ๆ

ทว่าเพียงแค่ขาก้าวพ้นประตูออกมา เขากลับถูกผู้ชายคนหนึ่งดักหน้าเอาไว้ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ชะงักไป

ฉินอวี่ขมวดคิ้วถามอย่างไม่ไว้หน้า “มาทำไมครับ”

ถึงอีกฝ่ายจะอยู่ในชุดดำ สวมหมวก ใส่แมสปกปิดตัวตนชนิดใครเห็นก็จำไม่ได้ ทว่านั่นใช้กับเขาไม่ได้

“อะไรกันเสร็จงานก็เฉดหัวทิ้งเลยเหรอ” น้ำเสียงทรงเสน่ห์เอ่ยกลั้วหัวเราะ

หลี่จิ้งหันขวับจ้องไปทางชายชุดดำตาเขม็ง เสียงนี้เธอคุ้นมากจริง ๆ “ฉินอวี่คนนี้คือ...”

“ผมไปก่อนนะครับ พอดีมีธุระต่อ” ฉินอวี่พูดรัวเร็วก่อนลากแขนแวมไพร์ให้เดินตาม

ไม่ทันที่หลี่จิ้งจะได้พูดอะไร สองหนุ่มก็เดินหายลับไปท่ามกลางฝูงชนแล้ว “อ้าว...”

ฉินอวี่แวะคุยกับแวมไพร์ผมเทาในร้านอาหารส่วนตัวไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก มือซ้ายยกน้ำขึ้นมาจิบ ขี้แมลงวันสีดำตรงโคนนิ้วตัดกับผิวขาวอย่างชัดเจน

“คุณมีธุระอะไรครับ”

“ใจร้ายจัง จะมาเจอก็ต้องมีธุระด้วยเหรอ” เลวี่ถอดหมวกกับแมสออก นั่งไขว่ห้างพลางเอนพิงเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ “ฉันก็แค่อยากมารายงานผล”

“คุณก็รายงานผลไปแล้วนี่?”

ก็เมื่อคืนคนคนนี้บอกว่าเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือไง อีกทั้งวันนี้ฉีเฟิงก็ลาป่วย นี่ไม่ใช่การบอกว่าสำเร็จอีกเหรอ

เมื่อเห็นว่าเงือกทำท่าเหมือนขี้เกียจคุย แวมไพร์อันดับหนึ่งจึงเลิกยียวน “จริง ๆ แล้วฉันมีธุระนิดหน่อย”

“ธุระอะไรครับ”

“ฉันอยากได้ไข่มุกเงือกสักสองสามเม็ด” เลวี่รีบพูด ก่อนจะชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “แน่นอนว่าไม่ได้ขอฟรี แต่ฉันจะขอซื้อในราคาหนึ่งแสนเหรียญ”

ฉินอวี่หรี่ตามองแวมไพร์ตรงหน้าอย่างจับผิด “คุณจะเอาไปทำอะไร”

“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอก”

“ก็แล้วเอาไปทำอะไรล่ะครับ ของชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายผม ผมว่าผมมีสิทธิ์รู้นะ”

เงินแสนมันช่างหอมหวาน แต่เขาก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวถึงขนาดที่จะกระโดดใส่ไม่ดูตาม้าตาเรือได้ เกิดไอ้หมอนี่เอาไปทำอะไรไม่ดีเขาที่เป็นเจ้าของไม่ซวยแย่เหรอ

“โอเค ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” เลวี่ยกมือยอมแพ้ “พอดีฉันกำลังศึกษาศาสตร์การปรุงยาโบราณอยู่ ซึ่งส่วนประกอบหลักมันต้องใช้น้ำตาเงือก แต่นายก็รู้ว่าเงือกหายากจะตาย ส่วนเงือกที่ออกสื่อบ่อย ๆ ก็มีพวกขาใหญ่หนุนหลัง จะไปขอก็ยาก มีแต่นายนี่แหละที่จะช่วยฉันได้”

“แล้วถ้าผมไม่ให้ล่ะ” ฉินอวี่กอดอก

“ฉันถึงขอซื้อนี่ไง แสนนึงเลยนะ นายแค่ร้องไห้นิดเดียวเอง” เลวี่ยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ ทว่ากลับได้รับสายตาเรียบเฉยมาแทน

“ทำไมถึงแสนเดียวล่ะครับ ทีคุณยังคิดเงินผมตั้งสองแสน”

“นั่นมันเหมือนกันที่ไหน งานนั้นมันเกี่ยวพันกับชีวิตคนเลยนะ แถมฉันยังต้องเปลืองตัวอีกด้วย ทั้งต้องไปกัดแขนสกปรก ๆ ของไอ้หมอนั่น ไหนจะต้องมอบเลือดอันแสนล้ำค่าของตัวเองให้มันอีก คนที่เสียเปรียบคือฉันนะ! ฉันควรจะเก็บเงินนายเพิ่มด้วยซ้ำ”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินอวี่ได้ยินวิธีการเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ ถึงจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเองแต่ก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี

“แต่คุณเป็นคนเรียกราคานั้นเอง”

“ก็ใช่” เลวี่พยักหน้า “ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ ช่วยขายให้ฉันหน่อยนะ”

เดิมทีฉินอวี่ก็ไม่ใช่คนใจแข็งอยู่แล้ว พอต้องมาเห็นคนทำหน้าตาเว้าวอนอีกทั้งคนคนนั้นยังหน้าตาดีชนิดฟ้าถล่มดินทลายแบบนี้ สุดท้ายเขาก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“แต่ไม่ใช่วันนี้นะครับ” เขาไม่ชอบร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น เพราะรู้สึกว่ามันน่าสมเพชเกินไป

“ได้ ๆ”

เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว เลวี่จึงเลิกเซ้าซี้ต่อ แวมไพร์นั่งเท้าคางมองเงือกกินอาหารเย็นพลางพึมพำ “ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าไอ้หมอนั่นมันทำอะไรให้ นายถึงได้จัดการมันด้วยวิธีนี้”

วิธีนี้เรียกได้ว่าโหดร้ายสำหรับมนุษย์คนหนึ่งจริง ๆ บางทีการตายอาจจะสบายกว่าด้วยซ้ำ

ฉินอวี่เงยหน้ามองแวมไพร์ก่อนจะหยุดคิดไปเล็กน้อย “ไม่ใช่ผมหรอก คนอื่นน่ะ แต่เขาไม่อยู่แล้ว”

จะเรียกว่าไม่อยู่แล้วก็คงได้มั้ง เพราะตอนนี้เป็นเขาที่มาอยู่ในร่างนี้แทน

ฉินอวี่ไม่รู้ว่าวิญญาณของร่างเดิมไปอยู่ที่ไหนเหมือนกัน บางทีอีกฝ่ายคงจะไปเกิดใหม่ หรือบางทีอีกฝ่ายอาจจะกำลังมองเขาแก้แค้นแทนอยู่ก็ได้

“แบบนี้นี่เอง” เลวี่ครางในลำคอ “ไอ้ฉีเฟิงอะไรนั่นดูท่าจะเลวน่าดู”

“ยิ่งกว่าคำว่าเลวอีก” ฉินอวี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

มีอย่างที่ไหน แค่เพราะคนที่หมายตาไปชอบคนอื่นถึงกับใจกล้าทำลายชีวิตอีกฝ่ายโดยไม่รู้สึกผิดสักนิด มิหนำซ้ำยังแอบนอนกับรุ่นน้องในบริษัททั้งที่ฉากหน้าแสดงออกว่าชอบจางลี่แท้ ๆ

คนแบบนี้มันสาระเลวแบบกู่ไม่กลับแล้ว!

 

จนแล้วจนรอดฉีเฟิงก็ไม่มาทำงานเลยถึงสามวัน กระทั่งช่วงวันพฤหัสฯ อีกฝ่ายถึงได้โผล่หน้ามาที่บริษัท

สภาพของหัวหน้าในวันนี้ทำเอาทุกคนอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน ฉินอวี่เหลือบมองฉีเฟิงเงียบ ๆ หูก็ฟังรุ่นพี่คนอื่นซุบซิบกันไปด้วย

ปกติผิวของฉีเฟิงจะขาวสะอาดบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี รูปร่างกำยำล่ำสันจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทว่าตอนนี้ผิวของเขากลับกลายเป็นขาวซีดไร้สีเลือด ร่างกายผ่ายผอมจนผิวขึ้นเป็นรูปกระดูก ใบหน้าแห้งตอบ ใต้ตาดำคล้ำ ดูอมโรคสุด ๆ

เพิ่งจะผ่านไปสามวันเองนะ 

ฉินอวี่คิดพลางหมุนควงปากกาในมือไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทันใดนั้นดวงตาสีเขียวหม่นแสงของฉีเฟิงก็หันมาสบเข้ากับดวงตาสีน้ำเงินของเขาเข้าอย่างจัง

มนุษย์ผู้ถูกเปลี่ยนเป็นแวมไพร์เดินงุ่นง่านเข้ามา ใบหน้าหาเรื่องสุดขีด “มองแบบนั้นทำไม”

ฉินอวี่หันซ้ายหันขวาทำสีหน้าตกใจ “ผมเปล่านะครับ”

ยิ่งฉีเฟิงเป็นแบบนี้ คนในออฟฟิศก็ยิ่งทำสีหน้าแปลกประหลาด หลายคนช่วยพูดแทนฉินอวี่ เห็น ๆ อยู่ว่ารุ่นน้องนั่งอยู่เฉย ๆ หัวหน้าดันเข้ามาหาเรื่องเสียอย่างงั้น

ฉีเฟิงที่โดนรุมประณามทางสายตายืนสะกดกลั้นอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะมีเสียงหวานใสของพนักงานในแผนกดังขึ้น

“หัวหน้าคะ วันนี้ฉันทำอาหารมาเผื่อด้วยนะคะ”

ฉีเฟิงพูดเสียงแข็ง “ไม่กิน”

ประโยคนี้ทำเอาหญิงสาวถึงกับตะลึงไปพักใหญ่ ปกติเธอทำอาหารมาให้หัวหน้าเป็นประจำ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิเสธเธอแบบนี้ พนักงานสาวรู้สึกอับอายจนต้องก้มหน้างุดไม่กล้าเงยขึ้นมาอีกเลย

หลังเลิกงาน ฉินอวี่ยังคงเดินออกจากออฟฟิศพร้อมหลี่จิ้งตามปกติ ทว่ายังไม่ทันถึงข้างนอก ไหล่ของเขาพลันถูกใครบางคนจับอย่างแรง

ชายหนุ่มผมทองร้องซี้ดขึ้นมาก่อนจะหันไปมองคนกระทำ “หัวหน้า”

“จะไปไหนกัน” ฉีเฟิงกดเสียงต่ำ แววตาแข็งกระด้างไม่เหมือนยามปกติจนหลี่จิ้งตัวสั่น

“พวกเรากำลังจะกลับบ้านครับ” ฉินอวี่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าครับ”

“วันนี้ฉันเห็นนายมองฉันทั้งวัน มีปัญหาอะไร” ฉีเฟิงยังคงตั้งหน้าหาเรื่องต่อ ท่าทางดูกระสับกระส่ายว้าวุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็น

ฉินอวี่ทำหน้าเสียใจ “ผมแค่เป็นห่วงหัวหน้าเท่านั้น คุณผอมมากเลย ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่าครับ”

ราวกับมีประโยคไปสะกิดใจ ฉีเฟิงผลักไหล่ฉินอวี่อย่างแรงก่อนจะตะคอกเสียงดัง “ไม่เกี่ยวกับนาย!”

กระทั่งหัวหน้าเดินไปไกลแล้ว หลี่จิ้งถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “เป็นอะไรของเขา วันนี้ดูหาเรื่องนายทั้งวันเลย”

“อาจจะแค่หิวข้าวครับ” ฉินอวี่พูดจบก็แอบยิ้มคนเดียว

ท่าทางของฉีเฟิงราวกับคนที่พร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา เมื่อก่อนอีกฝ่ายอาจจะแค่เหม็นหน้าเขาในระดับที่ยังทนไหว แต่พอกลายเป็นแวมไพร์ทั้งยังขาดอาหารหลายวันอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดจึงรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิมจนไม่สามารถอดทนได้แล้วล่ะมั้ง

มนุษย์เรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยอาหาร แวมไพร์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่ฉีเฟิงที่ถูกบังคับเปลี่ยนเป็นแวมไพร์กลับไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นอะไร คงจะคิดแค่ว่าช่วงนี้เกิดเบื่ออาหารขึ้นมาก็เท่านั้น

ดูท่า...พรุ่งนี้เขาคงต้องทำอาหารมากินที่ทำงานซะแล้วล่ะ