‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ชาย-ชาย,รัก,ยุคปัจจุบัน,ข้ามเวลา,แฟนตาซี,แฟนตาซี,โรแมนติก,นิยายวาย,yaoi,ทะลุมิติ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภารกิจเอาตัวรอดของเงือกมือใหม่‘ฉินอวี่’ ทะลุมิติมาพร้อมกับภารกิจสุดปวดหัว เดิมทีเขาคิดจะทิ้งภารกิจแล้วรอไปเกิดใหม่ แต่ระบบเฮงซวยดันบอกว่าหากภารกิจล้มเหลววิญญาณจะแตกดับ [ฉินอวี่ : แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้าง!!]
ฉินอวี่ ทะลุมิติมาเข้าร่างของหนุ่มน้อยที่มีหน้าและชื่อคล้ายตัวเอง ต่างกันตรงที่ร่างนี้เป็นเงือกและตายไปเพราะรักคนผิด
เขาเลยต้องมารับช่วงต่อพร้อมกับได้ภารกิจจัดการคนเฮงซวยที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าของร่างต้องตาย
เขาไม่ใช่คนชอบสู้รบกับใครเสียด้วยสิ
ในขณะที่คิดว่าจะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวแล้วรอไปเกิดใหม่ ระบบเฮงซวยดันดักคอเสียก่อน
[ระบบ : หากตายครั้งนี้จะเท่ากับวิญาณแตกสลาย ไม่มีทางได้ไปผุดไปเกิดอีกตลอดกาล]
“ฉิบ”
โอเค ไอ้ระบบนี่ตัดทางรอดเขาจนหมดแล้วเรียบร้อย
ฟินน์ไม่อยากจะเชื่อสายตา
ชายหนุ่มผู้ต้องสงสัยยังคงนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ส่วนคนในชุดสูทเรียบหรูผู้มีศักดิ์เป็นเจ้านายกลับถือผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดตามใบหน้าให้คนบาดเจ็บอยู่
ใช่ เช็ดตัวให้คนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก!
เขามาเป็นเลขาให้เจ้านายท่านนี้หลายปีแล้ว วัน ๆ ตัวติดกับอีกฝ่ายเหมือนขี้ปลาทอง แต่กลับไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มผมทองคนนี้มาก่อนเลย
คนที่มีใบหน้าโดดเด่นขนาดนี้ ต่อให้เห็นเพียงครั้งเดียว เขาไม่มีทางที่จะลืมแน่นอน
“ท่านเอลเลียส...ทำอะไรอยู่ครับ” ฟินน์เอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
เจ้าของชื่อไม่หยุดมือ หลังเช็ดหน้าเสร็จก็เลื่อนลงมาเช็ดแขนต่อ ผู้เป็นเจ้านายตอบคำถามเสียงเรียบ “นายไม่เห็น?”
เห็นสิครับ เห็นชัดเจนเต็มสองตาเลยด้วย!
แต่ที่เลขาอยากถามก็คือ ทำไมคุณต้องมาทำเอง คฤหาสน์นี้ไม่ได้ขาดแคลนคนใช้ ทำไมไม่ให้คุณจาคอปที่เป็นพ่อบ้านทำล่ะ
ฟินน์สับสน หันไปสบตากับคุณจาคอปพ่อบ้านเก่าแก่ของท่านเอลเลียส ก่อนจะได้รับการส่ายหน้ากลับมาเช่นกัน
ฟินน์อ้ำอึ้ง “ท่านเอลเลียส ท่านนี้คือ...”
“อาอวี่” ผู้เป็นเจ้านายตอบทันทีโดยไม่ได้คิดอะไร
ชื่อนี้ช่างคุ้นหูจนเลขาหนุ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง ทันใดนั้นเขาก็นึกออก “เจ้าของสร้อยเส้นนั้นเหรอครับ”
“อืม” มือหนาขยับผ้าห่มคลุมร่างให้คนไม่ได้สติจนเรียบร้อย จากนั้นก็หันมามองหน้าลูกน้องทั้งสองด้วยสายตาเรียบนิ่ง “และเป็นเงือก”
“!!”
“นี่..!!”
พ่อบ้านและเลขาต่างตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก ผ่านไปพักใหญ่ฟินน์จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางตึงเครียด “แบบนี้ไม่เหมาะสมนะครับ”
เอลเลียสลุกไปปิดไฟในห้องพักแขก พลางส่งสายตาให้ลูกน้องตามออกมา “ทำไมถึงไม่เหมาะสม”
ฟินน์รีบเดินตามหลัง “ท่านก็รู้ว่าประเทศนี้ไม่ยอมรับอมนุษย์ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ที่นี่ แม้แต่ประเทศเฉินที่ไม่มีข้อห้ามแต่พวกเขาก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางนะครับ”
เอลเลียสถอนหายใจ “แล้วทำไมฉันต้องขอให้ใครมายอมรับ”
จาคอปที่เดินกุมมือตามหลังมาเงียบ ๆ เอ่ยแทรกขึ้นมา “นายท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน กระผมพอจะมองออกว่าท่านรู้สึกยังไงกับเงือกตนนั้น แต่คนแก่อยากขอเตือนท่านสักครั้ง เรื่องนี้มันเสี่ยงเกินไป ทั้งกับตำแหน่งของท่านและชีวิตของเขา”
“เรื่องตำแหน่งนั่นฉันไม่เคยสนใจพวกนายก็รู้ ส่วนชีวิตของเขา” เอลเลียสหยุดพูดไปกลางคัน ก่อนจะหมุนตัวกลับมามองคนทั้งสอง “ฉันบอกเรื่องนี้กับพวกนายหมายความว่าอะไรรู้ไหม”
ทั้งคู่รับรู้ได้โดยที่ผู้เป็นเจ้านายไม่ต้องเอ่ยต่อ นั่นก็คือ
เอลเลียสเชื่อใจพวกเขา
“กระผมไม่มีวันทรยศนายท่าน” จาคอปก้มหัวอย่างนอบน้อม
“นี่มัน...” ฟินน์อยากค้าน ทว่ากลับถูกสายตาของผู้เป็นเจ้านายแช่แข็งเอาไว้ เลขาหนุ่มพ่นลม “ก็ได้ครับ ผมมันก็แค่ลูกน้องคนหนึ่งนี่ แล้วแต่ท่านเลย”
ถ้ารุ่งก็รุ่งด้วยกัน ถ้าร่วงก็ร่วงด้วยกัน!
“อืม” บรรยากาศรอบตัวเอลเลียสอ่อนลง “พวกนายดูแลฉันยังไงก็ดูแลเขาแบบนั้น ไม่สิ ต้องให้ดีกว่า แล้วก็จัดเวรยามให้แน่นหนาขึ้นอีกหน่อยนะ”
เวรยามที่ว่าก็คือหน่วยปฏิบัติการที่ขึ้นตรงต่อเอลเลียสเพียงผู้เดียว ฟินน์เอ่ยถาม “เรื่องนี้ต้องบอกพวกเขาไหมครับ”
ถึงยังไงคนที่นายท่านพามาก็เป็นเงือก ไม่มีทางที่จะปิดบังสายตาจากเจ้าหน้าที่หน่วยนี้ที่ผ่านการฝึกฝนด้านการจับสังเกตอมนุษย์ไปได้
เอลเลียสเงียบไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด “งั้นให้แค่โจกับเบรคมาคุ้มกันก็พอ สองคนนี้ฝีมือดีสุด”
โจกับเบรก คือหัวหน้าและรองหัวหน้าหน่วยที่ถวายคำสัตว์ต่อเอลเลียส เป็นคนที่ชายหนุ่มไว้ใจรองลงมาจากจาคอปและฟินน์ ความหมายก็คือเรื่องที่นายท่านพาเงือกเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ จะมีเพียงแค่ลูกน้องสี่คนเท่านั้นที่รู้
เอลเลียสกล่าวต่อ “ตอนนี้ให้คนรู้น้อยที่สุดยิ่งดี รอฉันจัดการเรื่องยุ่งเหยิงของครอบครัวเสร็จค่อยว่ากัน”
เลขาหนุ่มและพ่อบ้านชราต่างพากันขานรับเป็นเสียงเดียว
ฉินอวี่ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ทันใดนั้นก็ถูกอาการปวดหัวเล่นงานจนต้องหลับตาลงไปอีกครั้ง เขายกมือขึ้นมาเพื่อบีบนวดหัวที่ปวด แล้วก็ต้องพบว่ามือข้างซ้ายของตัวเองมีผ้าพันเอาไว้จนเป็นก้อน ครั้นพอเปลี่ยนไปขยับอีกข้างมันกลับรู้สึกร้าวไปทั้งซีกจนหน้าเบ้
อะไรวะเนี่ย!
ฉินอวี่เปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นบรรยากาศหรูหราภายในห้องแห่งนี้
แน่นอนว่าสมองเขาไม่ได้กระทบกระเทือนย่อมมองออกว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล อีกทั้งไม่น่าจะใช่โรงแรมแรมด้วย
“ที่ไหนเนี่ย” พอพูดออกมาถึงได้รู้ว่าเสียงตัวเองแหบมาก
ฉินอวี่พยายามฝืนร่างกายที่เจ็บเหมือนถูกรถบรรทุกชนเพื่อพยุงตัวขึ้นมานั่ง อาการปวดร้าวแล่นปราดตั้งแต่ศีรษะไปยังบั้นเอว เขาย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนจะเรียบเรียงเหตุการณ์ด้วยความใจเย็น
เขาถูกแก้วบาดที่มือซ้ายจนเลือดชุ่ม เอวที่ปวดแปลบอยู่ตอนนี้น่าจะมาจากตอนที่พยายามหนีแล้วถูกฉีเฟิงจับเหวี่ยงไปชนกับโต๊ะ ส่วนหัวที่ปวดตุบ ๆ นี่ก็คงมาจากอาการเมาค้าง
ถ้าต้องตื่นมาทรมานแบบนี้ เขาน่าจะหลับต่อไปอีกสักสองสามวันก็ดี!
ในขณะที่ฉินอวี่กำลังนั่งสับสนกับตัวเองอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ผู้ที่เดินเข้ามาอยู่ในชุดของพ่อบ้านสีดำสนิทตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน เส้นผมสีดอกเลาเกือบทั้งศีรษะถูกหวีเก็บจนเรียบ ท่าทางนอบน้อมราวกับหลุดออกมาจากอนิเมะพ่อบ้านเลยทีเดียว
ฉินอวี่นิ่งค้าง ส่วนผู้มาใหม่เมื่อเห็นว่าคนบนเตียงฟื้นแล้วจึงเผยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณชายอวี่ รู้สึกไม่ดีตรงไหนมั้ยครับ”
เขาตอบกลับเสียงแหบ “ก็เจ็บไปทั้งตัวครับ”
“เจ็บตรงอื่นด้วยเหรอครับ เดี๋ยวผมตามหมอให้กรุณารอสักครู่นะครับ” จาคอปขมวดคิ้ว ไม่รอให้คนเจ็บอ้าปากก็เดินหายออกไปพักหนึ่งแล้วกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
ฉินอวี่รีบถาม “ที่นี่ที่ไหนครับ แล้วผมมาอยู่นี่ได้ไง”
“เมื่อคืนนายท่านพาคุณมาครับ” เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของเงือกหนุ่มบนเตียง พ่อบ้านชราจึงเอ่ยเสริม “หมายถึงท่านเอลเลียสน่ะครับ”
เอลเลียส
ใครฟระ?
ชื่อนี้เหมือนจะคุ้นแต่ก็ไม่คุ้นยังไงไม่รู้
ทว่าพ่อบ้านกลับงุนงงยิ่งกว่าเมื่อเห็นสีหน้าว่างเปล่าเหมือนได้ยินชื่อคนไม่รู้จักของเงือกตรงหน้าเข้า
นี่นายท่านไปฉุดคนที่ไม่รู้จักมางั้นเหรอ!
พ่อบ้านเก็บงำความสงสัย รอจนกระทั่งหมอมาตรวจอาการเพิ่มถึงได้พบว่าคุณชายเงือกท่านนี้ไม่ได้เพียงแค่บาดเจ็บที่มือ แต่เอวก็มีรอยฟกช้ำจนผิวขาวกลายเป็นเขียวอมม่วง ดูน่าสงสารสุด ๆ
จาคอปรีบต่อสายหานายท่านเพื่อแจ้งเรื่องนี้แก่อีกฝ่าย
[เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบกลับ]
“เอ่อ..นายท่านกระผมมีเรื่องอยากจะถาม”
[ว่าไง]
“นายท่านไปฉุดคนมาเหรอครับ ทำไมคุณชายอวี่ทำท่าเหมือนไม่รู้จักคุณ”
[…] เอลเลียสเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ อาอวี่รู้จักเพียงแค่คุณเอล ไม่รู้จักเอลเลียส ส่วนจาคอปก็รู้จักแค่เอลเลียสไม่รู้จักคุณเอล [นายบอกเขาไปว่าฉันคือคุณเอล เขารู้จักฉัน]
ถึงจะไม่เคยเห็นหน้ากันก็เถอะ
“รับทราบครับ” จาคอปกลืนคำบ่นกลับลงคอไป ยังดีที่นายท่านที่ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กไม่ได้ไปทำเรื่องอย่างฉุดใครเขามาขัง
พ่อบ้านชรากลับเข้ามาในห้องพักแขกอีกครั้ง
“คุณชายอวี่ นายท่าน ผมหมายถึงคุณเอล เขาเป็นคนพาคุณมาที่นี่ หากเสร็จธุระช่วงเย็นแล้วจะรีบกลับมาคุยด้วยครับ”
เมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคยฉินอวี่จึงใจชื้นขึ้นมา ในใจหายกังวลไปหลายส่วน อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าคุณเอลไม่คิดจะทำร้ายตัวเอง
“ขอบคุณครับ แต่คุณเรียกผมฉินอวี่ก็ได้ ไม่ต้องมีคุณชายหรอก” เสียงหวานปนแหบกล่าวออกไปอย่างเกรงใจ
เป็นคนธรรมดามาสองชาติ อยู่ ๆ มาถูกเรียกว่าคุณชายอย่างนั้นคุณชายอย่างนี้ เขาไม่ชินเลยจริง ๆ
“ไม่ได้หรอกครับ”
“...”
พ่อบ้านคนนี้ทั้งเถรตรงทั้งหัวแข็งสุด ๆ!
หลังกินอาหาร กินยา ทำแผลเรียบร้อย ฉินอวี่ก็ถูกบังคับให้นอนลงบนเตียง เมื่อพ่อบ้านออกไป ในห้องพักจึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ดวงตาสีลาพิสคล้ายห้วงลึกของมหาสมุทรจ้องเพดานเงียบ ๆ
ทำไมเรายังไม่หายไปล่ะ
ก่อนสลบเขาจำได้ว่าตรงหน้าขึ้นแจ้งเตือนแดงเถือกแสดงถึงความร้ายแรงสุด ๆ แล้วทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่กันนะ
หรือว่าฉีเฟิงถูกจับได้แล้ว...
ยังไม่ทันที่ฉินอวี่จะได้ดีใจกับข้อสันนิษฐานนี้ เสียงระบบอันคุ้นหูพลันดังขึ้น
[แจ้งเตือนภารกิจ : ผู้ทำภารกิจฉินอวี่ทำภารกิจเอาคืนคนเลวไม่สำเร็จ ภารกิจล้มเหลวต้องถูกลงโทษทำลายดวงวิญญาณ แต่เนื่องจากผู้ทำภารกิจสามารถเอาชีวิตรอดจากการถูกจับขังคุกและมีชีวิตรอดมาได้ บทลงโทษจึงถูกระงับไว้และได้รับการขยายเวลาภารกิจต่ออีกสามสิบวัน]
[ภารกิจใหม่ จับฉีเฟิงให้ได้ภายในสามสิบวัน หากล้มเหลวจะถูกทรมานด้วยไฟจากนรกและทำลายดวงวิญญาณ]
“...”
ทำไมบทลงโทษมันเพิ่มขึ้นวะ แค่วิญญาณดับสูญยังไม่สาแก่ใจจนต้องทรมานเขาก่อนตายด้วยเหรอเนี่ย
ถ้าอย่างงั้นก็ช่วยทำลายดวงวิญญาณฉันไปตอนนี้เลยเถอะ!
ทว่าระบบแจ้งภารกิจไม่ใช่สิ่งมีชีวิต หลังแจ้งข่าวแก่ผู้ทำภารกิจจบมันก็เงียบหายไปทันที ทิ้งฉินอวี่ให้นอนฟึดฟัดหน้าดำหน้าแดงอยู่คนเดียว
สรุปก็คือฉีเฟิงยังไม่ถูกจับ และเขาก็ต้องหาทางเอาไอ้หมอนั่นเข้าคุกให้ได้สินะ
นี่มันยากยิ่งกว่าตอนทำให้ฉีเฟิงกลายเป็นแวมไพร์ล้านเท่าเลยล่ะ อย่าลืมว่าตอนนี้เขายังอยู่ที่ลีเจีย แค่แวมไพร์หลบซ่อนอยู่ในประเทศตนเดียวคนที่นี่ก็คงนั่งกันไม่ติดแล้ว หากเพิ่มเงือกเข้าไปด้วยอีกตน มีหวังได้กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
“บัดซบ ฉีเฟิงไอ้คนเฮงซวย ระบบเฮงซวย”
ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายเท่านั้น ฉินอวี่ที่พึ่งตื่นและถูกบังคับให้นอนพักจึงนอนไม่หลับ เขาข่มความปวดตรงช่วงเอวเอี้ยวตัวไปหยิบรีโมทบนหัวเตียงมากดเปิดทีวี
โทรทัศน์ขนาด 75 นิ้วที่แขวนอยู่บนผนังสว่างวาบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หน้าจอใหญ่อลังการจนฉินอวี่ร้องว้าวไม่หยุด
ราวกับรู้ว่าเขาอยากดูอะไร ช่องที่เปิดขึ้นมาจึงเป็นข่าวเกี่ยวกับฉีเฟิงพอดี
แม้ฉินอวี่จะเคยคิดว่าโลกใบนี้เหมือนกับโลกเดิมของตัวเองยกเว้นที่มีเผ่าพันธุ์อมนุษย์ ทว่าอีกอย่างหนึ่งที่เขาเพิ่งได้รู้ตอนมาที่นี่ก็คือ
โลกใบนี้ใช้ภาษาเดียวกันทั้งโลก!
ต่อให้อยู่กันคนละประเทศก็สามารถสื่อสารกันได้อย่างไม่มีติดขัด
นักข่าวกำลังรายงานถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สีหน้าท่าทางเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด
[เมื่อคืนมีรายงานมาว่ามีอมนุษย์เผ่าแวมไพร์แฝงตัวเข้ามาใช้บริการที่ร้านอาหารสุดหรู โดยมันได้ทำลายข้าวของและทำร้ายมนุษย์คนหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บและหนีไปได้ค่ะ]
นักข่าวเดินนำหน้าพลางหันมาพูดกับกล้อง
[ตอนนี้เรากำลังอยู่ในที่เกิดเหตุ รอบบริเวณร้านและเมืองนี้ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาเพื่อสกัดจับแวมไพร์ตนนั้น ขอให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังนะคะ เรามาฟังสัมภาษณ์จากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์กันดีกว่าค่ะ]
ไมค์ถูกยื่นไปจ่อที่หญิงสาวรายหนึ่งซึ่งถูกเบลอหน้าเอาไว้
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่หายตกใจ [เมื่อวานจู่ ๆ ในห้องอาหารส่วนตัวก็มีเสียงดังโครมครามขึ้นมา ฉันที่เฝ้าอยู่ไม่ไกลเลยเปิดประตูเพื่อจะเข้าไปถาม แต่ภาพที่เห็นคือลูกค้าผู้ชายท่านหนึ่งถูกแวมไพร์กระชากศีรษะจนตัวลอย เลือดไหลเต็มแขน]
ยิ่งพูดเสียงเธอก็ยิ่งตะกุกตะกักมากยิ่งขึ้น [ละ แล้ว คนของหน่วยปราบปรามอมนุษย์ก็เข้ามา พอเสียงปืนดังขึ้นแวมไพร์ก็รีบกระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง]
นักข่าวถามต่อ [คุณพอจะรู้มั้ยคะว่าลูกค้าที่โดนทำร้ายเป็นใคร]